EP.05
น้ำตาลหวานมาก
คนสองคนที่กำลังอยู่ในวัยเรียน คนหนึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 ส่วนอีกคนเป็นนักเรียนชั้นประถมต้น ป.2/1 การได้พบกันมักจะเป็นระหว่างทางไปเรียน แต่ละวันไทม์ต้องแข่งกับเวลาและการจราจรบนท้องถนนเพื่อลุ้นว่าจะไปหาเด็กน่ารักของเขาได้ช้าเร็วแค่ไหน
โดยเฉพาะช่วงสัปดาห์ไหนที่เขาไม่ได้เจอกันหลายวันเนื่องจากการเรียนของไทม์บางวันอาจไม่ได้เรียนตอนเช้า หรือเขาอาจทำรายงานจนดึกทำให้ตื่นเช้าขนาดนั้นไม่ไหว และเมื่อต้องไปเจอน้องในอีกวันหนึ่ง เขาจะกังวลเป็นพิเศษว่าเด็กน้อยของเขาจะอดทนคิดถึงเขามาหลายวันจนร้องไห้หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาน้ำตาลร้องไห้เสมอ
ทว่าตอนนี้สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่กังวลกลับไม่เหมือนที่ผ่านมา เพราะน้ำตาลปิดเทอมแล้ว ส่วนไทม์กำลังง่วนกับการสอบ แน่นอนว่าทั้งสัปดาห์นี้ไทม์และน้ำตาลไม่ได้พบเจอกันเลย แต่...ได้โทรหากันทุกคืน การบอกฝันดีกันและกันก่อนนอนกลายเป็นกิจกรรมจำเป็นไปเสียแล้ว ถึงอย่างนั้นมันก็ชดเชยความคิดถึงแทนการกอดกันไม่ได้อยู่ดี
‘น้ำตาลคิดถึงพี่ไทม์จัง เมื่อไหร่จะได้เจอกันครับ ไม่อยากปิดเทอมแล้ว ไม่ชอบเลย อยากไปโรงเรียนจังครับ อยากเจอพี่ไทม์ตอนเช้า อยากให้พี่ไทม์มารับน้ำตาลที่โรงเรียนตอนเย็นด้วย’
‘พี่สงสารหนู แม่ไปทำงานก็ต้องอยู่บ้านคนเดียวเลยเหงาแบบนี้’
พอปิดเทอมน้ำตาลก็เหงา น้องไม่มีเพื่อนเล่น ไม่มีอะไรทำเลยในวันที่แม่ต้องไปทำงานน้ำตาลก็จะอยู่คนเดียว แต่ก่อนเคยสงสัยว่าพ่อน้องไปไหน ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าพ่อแม่น้องแยกทางกัน น้องอยู่กับแม่แค่สองคนและแม่เองก็ทำงาน ไม่มีเวลาดูแลสักเท่าไหร่ พอไทม์รู้ก็ยิ่งเอ็นดูน้องมากขึ้น
‘พี่ไทม์คิดถึงหนูไหม?’
‘…’
แน่นอนว่าไทม์ไม่ใช่คนพูดจาหวานหยดแสนน่ารักเหมือนเจ้าตัวเล็ก เขาค่อนข้างจะเป็นคนปากแข็งแต่ชอบแสดงออกทางการกระทำเสียมากกว่า ทั้งที่ในใจตอนนี้คิดถึงเด็กน่ารักของเขาไม่ต่างกันเลย
ไทม์กับน้องช่วยกันคิดแผนการบางอย่างที่จะทำให้ทั้งสองได้เจอกันในอีกสองวันข้างหน้า เขาวางแผนให้น้องพูดถึงตัวเองให้แม่ฟังบ่อย ๆ บ่นเยอะ ๆ ว่าอยากเจอพี่ไทม์ อยากเล่นกับพี่ไทม์ ถ้างอแงร้องไห้กับแม่ได้ยิ่งดี ให้บอกไปด้วยว่าอยู่บ้านคนเดียวเหงามาก แม่ไม่อยู่ ถ้าพี่ไทม์อยู่ด้วยก็คงดี ให้น้องแสดงละครฉากนี้ให้เต็มที่ ในส่วนที่เหลือไทม์จะเป็นคนจัดการเอง
แผนชั่วร้ายเหล่านี้บังเกิดเพราะคำว่า ’คิดถึง’ คำเดียวแท้ ๆ แม้จะไม่พูดคำนี้ให้น้องได้ยิน แต่ไทม์กลับทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เจอน้องอีกสักครั้งในช่วงปิดเทอม ถ้าแผนสำเร็จก็คงดี ไทม์คงมีกำลังใจอ่านหนังสือมากขึ้นแน่หากได้เจอคนที่อยากเจอ
หลังจากน้องงอแงกับแม่เสร็จคืนนั้นก็โทรมารายงานไทม์ว่าเขาได้ทำตามแผนเป๊ะแล้ว กำลังจะทำแผนต่อไปนั่นคือมางอแงใส่ไทม์ในขณะที่คุยโทรศัพท์กันแล้วให้แม่ได้ยิน พูดเหมือนที่พูดกับแม่ เด็กเจ็ดขวบก็จำไม่ค่อยได้หรอกว่าได้งอแงอะไรไปบ้างเมื่อเช้า แต่ในสายกลับมีคนกำกับการแสดงเอาไว้แล้วฉะนั้นจึงแนบเนียนพอที่จะดึงดูดความสนใจของแม่ได้อีกครั้ง
ตามมาด้วยฉากที่พระเอกขี่ม้าขาวมาสยบปัญหาที่เกิด ไทม์ขอคุยกับแม่ของน้อง เสนอทางออกของความงอแงนี้โดยการให้น้องมาอยู่ที่บ้านตนเองก่อนก็ได้ วันพรุ่งนี้เขาหยุด พ่อแม่เขาก็อยู่บ้าน รับรองความปลอดภัยแน่นอน ถ้าหากไม่สบายใจที่จะให้ไทม์ไปอยู่กับน้องที่นั่น เขาก็ยินดีจะไปรับน้องมาเล่นด้วยกันก่อน ตอนเย็นถ้าแม่เลิกงานค่อยแวะมารับน้องก็ได้ หรือจะให้เขามาส่งก็ย่อมได้
ให้เหตุผลไปว่าน้องบอกว่าเหงา น้องน่าสงสาร เขาเป็นเด็กร่าเริงคงชอบที่จะมีคนเล่นด้วยมากกว่าอยู่คนเดียว ซึ่งไทม์ช่วยดูแลน้องในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี ประกอบกับตัวแม่น้องเองก็ไม่มีญาติอยู่ในกรุงเทพฯเลย ขณะที่ไทม์เกลี้ยกล่อมให้แม่น้องใจอ่อนอยู่นั้นก็มีเด็กตัวน้อยนั่งบีบน้ำตาร้องไห้อยู่ข้าง ๆ บ่นปอดบ่นแปดว่าคิดถึงพี่ไทม์ไม่เลิก
และแล้วแผนก็สำเร็จ ไทม์ดีใจจนแทบตีลังกาที่พรุ่งนี้แม่น้องจะพาเจ้าตัวเล็กมาส่งที่บ้านไทม์ตามแผน!
แม้จะใช้เวลาเกลี้ยกล่อมนานนับชั่วโมงแต่ก็ถือว่าคุ้มค่า เขารีบบอกพ่อกับแม่ของเขาเรื่องที่น้ำตาลจะมาเล่นที่บ้านในวันพรุ่งนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไทม์ได้เล่าเรื่องน้องให้พ่อกับแม่ของเขาฟังบ้างแล้ว ว่าไปเจอเด็กคนหนึ่งที่น่ารักมากชื่อน้ำตาล รู้สึกถูกชะตามาก ที่บ้านไทม์พอรู้ที่มาที่ไปบ้างอยู่แล้วเลยไม่ติดอะไร น้องจะมาก็ให้มาจะช่วยดูแล
ไทม์ใช้เวลาจัดห้องนอนของตัวเองอย่างที่ไม่เคยทำให้สะอาดน่าอยู่เท่านี้มาก่อน บนเตียงเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเซ็ตใหม่ โต๊ะตั่งปัดฝุ่นให้เนี้ยบ หนังสือวางเรียงเป็นระเบียบ พื้นห้องกวาดถูถึงสองรอบ แม้แต่พรมเช็ดเท้าปลายเตียงเขาก็ดูดฝุ่นอย่างดี เตรียมตัวต้อนรับเด็กผู้น่ารักของพี่ไทม์จะมาเยือน
แต่เอ๊ะ ทำไมถึงต้องทำความสะอาดแต่ห้องนอน ราวกับว่าพรุ่งนี้จะได้ใช้มันอย่างนั้นแหละ...
วันต่อมา
เช้าตรู่วันนี้ก็มีแม่ลูกคู่หนึ่งมาที่บ้านในเวลาหกโมงครึ่ง เช้ามาก แต่ถึงอย่างนั้นไทม์กลับตื่นมาแต่งหล่อตั้งแต่ตีห้าแล้วโดยไม่ลืมฉีดน้ำหอมกลิ่นที่เจ้าตัวเล็กชอบ พ่อกับแม่ของไทม์ก็ตื่นมารับเด็กน้อยเข้าบ้าน กำชับให้แม่ของน้องสบายใจว่าไม่ต้องเป็นห่วง
“ตามสบายนะหนู ถ้าง่วงก็นอนก่อนเถอะ เดี๋ยวตื่นมาเจ้าไทม์ก็ทำอาหารให้หนูเองแหละ เหมือนที่ตื่นมาทำให้ทุกวัน เอาล่ะ ๆ ลงไปนอนต่อก่อน”
ที่บ้านของไทม์เปิดร้านทอง และร้านกับบ้านไม่ได้ห่างกันนัก ร้านก็เปิดสาย ๆ เลยไม่จำเป็นต้องตื่นเช้า หลังจากที่พ่อกับแม่ของไทม์เดินกลับเข้าห้องนอน ก็เหลือแต่คนตัวเล็กกับคนตัวโตสองคนยืนเคว้งคว้างอยู่กลางบ้าน
“เอ่อ ง่วงไหม นอนต่อไหม?”
“น้ำตาลง่วงครับ แม่ปลุกแต่เช้าเลย”
“งั้น...ไปนอนในห้องพี่กัน เตียงพี่นุ่มมากนะ”
น้ำตาลถูกไทม์จูงเดินไปยังห้องนอนที่เขาเพิ่งจัดบังหน้าไปเมื่อคืน กลิ่นน้ำหอมปรับอากาศที่ฉีดเพิ่มความสดชื่นทำให้น้องสูดเข้าเต็มปอดพลางบอกว่า ’ชอบห้องพี่ไทม์จัง’ คำพูดแค่ไม่กี่คำนี่แหละก็ทำให้ไทม์เหมือนได้รางวัลค่าเหนื่อยจากการเก็บห้องและการวิ่งไปเซเว่นเพื่อซื้อสเปรย์ปรับอากาศมาแล้ว
ไทม์ขึ้นไปนอนบนเตียง แบ่งหมอนกันนอนคนละครึ่งเพราะเขามีหมอนใบเดียว น้ำตาลก็คลานตามขึ้นไปนอนอย่างไม่เกี่ยงงอน ด้วยความง่วงมาก ทำให้หลังจากทิ้งตัวนอนเพียงไม่กี่นาทีเจ้าตัวเล็กก็หลับสนิท แต่คนที่หลับไม่ลงคือเจ้าของห้องต่างหาก ไทม์เอาแต่นอนมองใบหน้าแสนน่ารักไม่เลิก
เนิ่นนานที่ทั้งคู่พากันหลับใหลสู่ภวังค์ เด็กน้อยเป็นฝ่ายตื่นก่อน น้ำตาลมองหน้าไทม์แล้วก็ต้องยิ้มกว้างไปกับความหล่อเหลาของร่างสูงในยามหลับ น้องไม่เคยเห็นไทม์ในลุคนี้ ไม่เคยโดนพี่ไทม์โอบกอดตัวเองแน่นได้เท่านี้มาก่อนเลย ใช่แล้ว นี่คือการนอนกอดกันครั้งแรกของเรา จากที่น้ำตาลนอนบนหมอนในทีแรก ทว่าตอนตื่นกลับได้นอนหนุนแขนแกร่งของพี่ไทม์เสียอย่างนั้น
น้ำตาลเงยหน้าขึ้นมาหอมที่ซอกคอของไทม์อยู่หลายครั้ง หอมยังไงพี่ไทม์ก็ไม่ตื่น เด็กน้อยไม่ลดละความพยายาม น้องลุกขึ้นนั่ง เอนตัวลองหอมแก้มไทม์อีกหลายฟอด โดยหารู้ไม่ว่ามีพี่ชายเจ้าเล่ห์นอนอมยิ้มตั้งแต่น้องหอมที่คอได้สองครั้งแรกแล้ว ตื่นนานแล้วแต่แกล้งหลับต่อเพื่อหาเศษหาเลยกับเด็ก
“พี่ไทม์ ตื่นได้แล้วครับ น้ำตาลหิวข้าวแล้ว”
“อื้ม หนูอยากกินอะไรครับ”
“แม่ให้เงินน้ำตาลมา บอกให้น้ำตาลเลี้ยงข้าวพี่ไทม์ด้วย พี่ไทม์อยากกินอะไรครับเดี๋ยวน้ำตาลซื้อให้”
“ไม่อยากออกไปข้างนอกเลย ร้อน บ้านพี่ก็พอมีอะไรให้ทำกินอยู่นะถ้าเป็นเมนูง่าย ๆ พวกไข่เจียว มาม่า อยู่ที่นี่แหละไม่ต้องออกไปหรอก พี่ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้นแหละ”
“งั้นมาม่าใส่หมูสับเยอะ ๆ ได้ไหมครับ”
พอเห็นว่าน้องเคลิ้มตามที่จะไม่ออกไปข้างนอกใบหน้าหล่อก็เผลอยิ้มร้ายใส่ นานทีมีโอกาสได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้ พี่ไทม์คนใจดีคงไม่ปล่อยเด็กแสนน่ารักให้ห่างกายหรอก
“อย่าว่าแต่หมูสับเลย ลูกชิ้น ปูอัด ปลาหมึก กุ้ง พี่จะใส่ให้ทุกอย่าง แต่ต้องไปช่วยพี่ทำนะ โอเคไหมครับ”
ชอบให้เด็กมันวอแวอยู่ใกล้ ๆ ก็เลยหากิจกรรมให้ทำร่วมกันเฉย ๆ และแล้วการต้มมาม่าก็ผ่านไปด้วยมีโดยมีลูกมือคอยหยิบของให้ พร้อมกับชวนคุยเจื้อยแจ้วไปเรื่อย สร้างรอยยิ้มให้ไทม์ไม่มีหยุดหย่อน ยิ่งในบ้านทางสะดวก พ่อกับแม่ของไทม์ออกไปเฝ้าร้านกันหมดเขาเลยสามารถยืนให้เด็กน้อยออดอ้อนกอดแข้งกอดขาได้โดยไม่อายสายตาใคร
“ทำไมชามของพี่ไทม์ใส่น้ำตาลเยอะจังครับ ชามหนูใส่นิดเดียวเอง พี่ไทม์ใส่ให้หนูบ้าง ๆ ๆ”
เมื่อถึงขั้นตอนการปรุง ไทม์ปรุงให้น้องด้วยรสชาติกลาง ๆ ไม่หนักไปทางรสไหนเป็นพิเศษ แต่ส่วนตัวไทม์นั้นชอบรสหวาน เขาจึงใส่น้ำตาลมากหน่อย
“ก็พี่ชอบกินหวาน เลยใส่น้ำตาลเยอะ”
“แล้วตัวน้ำตาลหวานไหม พี่ไทม์ลองชิม”
เด็กก็ช่างเข้าใจหยอก น้ำตาลยื่นแขนอวบไปด้านหน้าหวังจะหยอกให้ไทม์ขำ ทว่าร่างสูงกลับจริงจังกับการชิมจริงๆ เขาใช้ริมฝีปากงับผิวนุ่มเบา ๆ ตามคำเชิญชวนของน้อง
“เอ่อ หวานครับ ไปนั่งกินกันเถอะเดี๋ยวจะไม่อร่อยนะ”
“พี่ไทม์ ๆ น้ำตาลอยากดูหนังอะครับ ดูไปด้วย กินมาม่าไปด้วย”
ไทม์ยกชามสองชามมาวางไว้ที่โต๊ะเล็กหน้าโซฟาในโซนห้องรับแขก ก่อนจะหยิบรีโมทกดเลื่อนดูหนังในเน็ตฟลิกซ์ทีละเรื่องให้น้องเลือก
“โอ๊ะ น้ำตาลอยากดูเรื่องนั้น ที่เป็นแวมไพร์”
เด็กน้อยเลือกหนังที่อยากดู สองมือก็ง่วนอยู่กับการคีบเส้นมาม่าแบบคนไม่ค่อยเก่งการจับตะเกียบ กระทั่งหนังที่เลือกฉายขึ้นบนทีวีจอใหญ่ แต่กลายเป็นว่าไทม์เคยเปิดดูไว้แล้วมันเลยเล่นต่อจากที่เคยดู
เป็นฉากที่ ‘เอ็ดเวิร์ด’ พระเอกของเรื่องกำลังมีสัมพันธ์บนเตียงอันเร่าร้อนกับ ‘เบลล่า’ เตียงนั้นสั่นสะท้านกระแทกผนังรุนแรงเป็นจังหวะ ไทม์ถึงกับสำลักมาม่ารีบคว้าแก้วมาดื่มน้ำพรวด ๆ เหลือบมองน้ำตาลที่ตั้งหน้าตั้งตาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดถึงมีความรุนแรงกันบนเตียงได้ขนาดนั้น แน่นอนว่าเด็กเจ็ดขวบไม่เข้าใจ แต่คนเข้าใจเหตุการณ์ดีอย่างไทม์ถึงกับหน้าแดง หยิบรีโมทมากดเลื่อนหนีฉากนี้ทันที
“เป็นเด็ก ไม่ต้องสงสัยเรื่องแบบนี้หรอก”
“แล้วเขาทำอะไรกันเหรอครับ? เมื่อเช้าน้ำตาลก็นอนกับพี่ไทม์ พี่ไทม์ไม่เห็นทำรุนแรงกับน้ำตาลเหมือนในหนังเลย นั่นพระเอกโกรธอะไรนางเอกหรือเปล่าครับ? ถ้าพี่ไทม์โกรธน้ำตาลจะทำแบบนั้นกับน้ำตาลไหม สงสารเตียงจังเลยครับ พังหมดแล้ว”
คำพูดไร้เดียงสาของเด็กพาให้ไทม์หน้าร้อนวูบวาบ รู้สึกเหมือนน้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ออก ทำไมรู้สึกว่ากำลังดูหนังโป๊กับเด็กเจ็ดขวบอยู่ก็ไม่รู้ ช่างขี้สงสัยเหลือเกิน แล้วเรื่องแบบนี้จะอธิบายให้เข้าใจได้อย่างไร มันก็ต้องทำให้เห็นเลยต่างหากถึงจะดี แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ที่น้องจะได้สัมผัสกับเรื่องที่สงสัย
“ตอนนี้พี่ไม่ทำแบบนั้นหรอก อยู่กับพี่บนเตียงพี่มีแต่จะกอดเราจนเราอึดอัดสิไม่ว่า”
“ไม่อึดอัดสักหน่อย”
“งั้นก็รีบกินแล้วเข้าห้องกัน ไปนอนดูการ์ตูนในห้องพี่ก็ได้”
“ทำไมต้องนอนดูล่ะครับ?”
“ก็พี่จะนอนกอดเราไง ยังเจ็ดขวบอยู่ก็ทำได้แค่นี้แหละวะ”
อดทนไว้...เขาบอกกับตัวเองแบบนี้เป็นรอบที่ล้าน คนรักเด็ก แพ้ความน่ารักของเด็ก หลงใหลในรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และผิวนุ่มนิ่ม แน่นอนว่าเขาต้องใช้ความอดทนมากกว่าคนอื่นเพราะเป็นคนอ่อนไหวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ที่แน่ ๆ ความอดทนที่ว่าก็ลดลงไปได้นิดหน่อย จากคนปากแข็งไม่ค่อยพูดหวาน วันนี้พลั้งปากบอกว่าอยากกอดไปแล้ว
และคิดว่าวันนี้ทั้งวัน ไทม์คงจะไม่ยอมให้น้องออกจากห้องนอน เขาคงจะกอดน้องให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่รู้จะมีโอกาสดี ๆ แบบนี้อีกสักกี่ครั้ง หากน้องโตขึ้นมายังจะอยากให้ไทม์กอดอยู่ไหมก็ไม่รู้…