ตอนที่ 7 อย่าร้องไห้

1676 Words
หนักทั้งหัวหนักทั้งตัว ทั้งคืนที่เรียกว่าทั้งคืนจริงๆ รามิลไม่ยอมปล่อยให้เธอพัก หลังจากเขาบอกเธอเรื่องป้องกันเสร็จ เธอได้มีเวลาพักหายใจได้ไม่ถึงสิบนาที ร่างหนาที่นอนซ้อนเธอยู่ด้านหลังก็เริ่มขยับ และจัดท่าจัดทางไปตามท่าที่เขาต้องการต่อ เธอขอให้เขาหยุดตั้งแต่รอบที่สาม แต่เขาไม่หยุดจนเธอเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ต่อให้รู้ก็ไม่สนใจแล้ว เพราะเขาเอาเธอเหมือนกับของขาดมานานอย่างไงอย่างงั้น “โอ๊ย! ปวดไปหมดทั้งตัว” ร่างเล็กบ่นขึ้นทันทีที่ขยับตัว “อ๊า!” ทันทีที่เท้าแตะพื้น ความปวดร้าวก็เข้ามาทักทายเธอทันที ความเจ็บปวดของช่วงล่าง บ่งบอกให้เธอรู้ว่าเมื่อคืนเขาคงใช้งานเธอหนักขนาดไหน ร่างบางค่อยๆยืนขึ้น พาร่างกายอันบอบช้ำของตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะชำระล้างตัวเองที่มันเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบสีขาวทั้งตัว “ทำเสร็จแล้วหนีกลับห้องไปเลยหรือไง ไม่คิดจะเช็ดให้บ้างเลยไอ้บ้า” บ่นให้กับเขา พลางมองตัวเองผ่านกระจกเงา รามิลยังคงฝากร่องรอยของเขาไว้กับเธอ จนแทบไม่เหลือพื้นที่ว่าง น้ำเพชรได้แต่หวังว่าคืนนี้เขาก็คงจะผลัดไปหาคนอื่นแทนเธอบ้าง อย่างน้อยก็ให้เธอได้พัก ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ก็ช่างเถอะ เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยวันหน้าถ้ามีอีกเธอคงต้องขอให้เขารู้จักป้องกันกับเธอบ้าง “จริงสิ ยาคุมล่ะ” น้ำเพชรวิ่งหน้าตั้งออกมาจากห้องน้ำ พลางมองหาแผงยาคุมที่เมื่อวานรามิลให้คนเอามาวางไว้ให้ พร้อมกับแนะนำวิธีการใช้การกินให้อย่างเรียบร้อย “หายไปไหนนะ ไม่ได้ๆห้ามหาย” น้ำเพชรรู้ว่าเมื่อคืนเขาปล่อยในใส่เธอทุกรอบ ถ้าไม่กินยาตอนนี้อาจจะไม่ทัน เธอชักเบื่อความขี้ลืมของตัวเองเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเมื่อวานเผลอเอายาไปวางไว้ที่ไหน เห็นทีแค่กินยาอาจจะไม่ได้แล้ว คงต้องขอแบบฉีดทีเดียวป้องกันระยะยาว หรือแบบฝังไปเลยดีกว่า ร่างเล็กอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย พลางเดินลงมายังชั้นล่างของตัวบ้าน ดวงตากลมโตมองหาใครสักคนที่สามารถขอความช่วยเหลือเรื่องนี้ได้ ทว่าเธอกลับไม่เห็นใครเลย แม้แต่คนที่คิดว่าจะเจออย่างเชลยอีกคนก็ไม่เจอ “หายไปไหนกันหมด บ้านเงียบอย่างกับบ้านร้าง” “หาอะไรอยู่” เสียงเข้มดังมาจากด้านหลังโดยไม่ทันได้ตั้งตัว หญิงสาวจึงสะดุ้งตกใจแล้วหันไปมองยังต้นตอของเสียง “ตกใจหมด มาเงียบๆ” “ผมก็เดินปกติ” “เฮ้อ!” เหมือนกันทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง หน้านี่จะเข้มไปไหน “ไม่มีใครอยู่เหรอ” “คุณหมายถึงใครล่ะ” เวกัสเอ่ยถามหน้านิ่ง เขารู้ว่าคนนี้คือเชลยของเจ้านาย แม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นคนของนายก็ตาม แต่ถ้าให้ใช้น้ำเสียงหวานๆก็ทำไม่เป็น “เจ้านายนายล่ะ อยู่ไหม” พูดกลับไปอย่างเหนื่อยใจ ยอมแพ้ในความตึงของหน้า ไม่รู้ว่าฉีดโบท็อกซ์จนยิ้มไม่เป็นแล้วหรือยังไง “นายออกไปข้างนอก คงกลับมาดึกๆ” “แล้วนายไม่ต้องไปคุ้มกะลาหัวเขาเหรอ” เป็นถึงลูกน้องคนสนิท แต่ปล่อยให้เจ้านายออกไปข้างนอกคนเดียวเนี่ยนะ ขอให้โดนยิงกลับมาเถอะ สาธุ! ร่างบางแอบคิดและแอบพนมมือขึ้นหัวอยู่ในใจ ก้มหน้าก้มตาซ่อนรอยยิ้มเอาไว้เพราะกลัวคนข้างหน้าจะเห็น “อย่าลามปามนาย คุณเป็นแค่เชลยที่ถูกขายมาจากครอบครัวที่ไม่ได้เห็นค่า” เวกัสแทบไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาเลย จะมีก็เพียงแต่ใบหน้านิ่งเรียบ ไร้รอยยิ้ม ไร้การเคลื่อนไหวของส่วนอื่น ยกเว้นริมฝีปากที่ขยับเวลาพูดเท่านั้น น้ำเพชรเหมือนโดนจี้ใจดำอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นลูกน้องเขาที่พูดเพื่อให้เธอรู้สถานะของตัวเอง คงจะย้ำเพื่อให้เธอจำว่าเธอไม่มีสิทธิ์ไปด่าเจ้านายของเขาละมั้ง “ปากเหมือนกันทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง สมแล้วที่อยู่ด้วยกันได้…ฉันแค่ต้องการยาคุมแผงใหม่ หรือช่วยให้หมอมาฉีดให้ฉันหน่อย ฉันกลัวลืมกินอีก” พูดจบก็สะบัดก้นเดินกลับเข้าห้องตัวเองไปทันที ไม่รู้ว่าเธอกลายเป็นคนอ่อนแอตั้งแต่เมื่อไหร่ แค่ได้ยินว่าตัวเองเป็นคนไร้ค่า ที่แม้แต่ครอบครัวยังไม่สนใจก็น้ำตาคลอแล้ว และที่รีบวิ่งขึ้นมานี่ก็เพราะว่า เธอไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาของเธอ “อย่าอ่อนแอสิน้ำเพชร เธอเข้มแข็งมาได้ตั้งยี่สิบแปดปีแล้วนะ ก็แค่คำพูดคนแค่นั้นเอง อย่าร้องสิ ฮึก!”คนตัวเล็กยกมือขึ้นมาปิดหน้า พลางร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีเสียง เมื่อไหร่กันนะ เมื่อไหร่ที่เธอจะหลุดพ้นออกจากขุมนรกและวงโคจรอุบาทว์ๆนี้ได้สักที ไม่นานนักก็มีคนเคาะประตูห้องเธอ พร้อมกับคนที่แต่งกายเหมือนหมอใส่ชุดกราวน์เดินเข้ามาใกล้ๆ สอบถามประวัติพร้อมกับถามว่าครั้งล่าสุดที่มีเพศสัมพันธ์นั้นคือเมื่อไหร่ “เมื่อคืนค่ะ” “ป้องกันไหมคะ” “ไม่ค่ะ” ถึงได้รีบให้มาฉีดนี่ไง มัวแต่ถามอยู่นั่นแหละ ป่านนี้ท้องแล้วมั้ง “หมอฉีดยาคุมแบบรายเดือนให้คุณเรียบร้อยแล้วนะคะ ต่อไปหมอจะเข้ามาฉีดให้คุณแบบนี้ทุกเดือน โดยการฉีดจะฉีดแค่เดือนละครั้งค่ะ” น้ำเพชรได้แต่พยักหน้ารับคำของหมอไป พอฉีดเสร็จเธอก็ทิ้งตัวลงนอน และดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงทันที ร่างเล็กที่นอนพักจนเผลอหลับไปจริงๆ ตื่นขึ้นมาในช่วงเย็นของวัน เธอเองก็คิดแปลกใจว่าช่วงนี้เธอคงพักผ่อนน้อยเกินไปจริงๆ เพราะเธอเอาแต่นอนข้าวปลาอะไรก็ไม่ค่อยหิว ไม่ได้กินข้าวจนตอนนี้ใบหน้าเธอดูตอบลงกว่าเดิมไปเยอะเลย ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น เรียกให้น้ำเพชรที่กำลังเบลอๆอยู่ให้หันไปมอง ประตูสีไม้แง้มออกมาจนเผยให้เห็นร่างบางที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี “คุณรามิลให้ขึ้นมาตามค่ะ อาหารตั้งเสร็จแล้ว” “อืม” ไหนบอกว่ากลับมาดึกๆไง เมื่อกี้เธอดูเวลายังไม่ค่ำเลยด้วยซ้ำ รามิลนั่งหน้านิ่งมองร่างบางที่เดินเข้ามาในห้องอาหารอย่างช้าๆ ก่อนจะเริ่มรำคาญจนต้องพูดออกมา “ทีหลังอย่าให้ไปตาม พลอยใสไม่ได้มีหน้าที่คอยตามเธอกินข้าว” “ก็ไม่ต้องตามสิ หิวเมื่อไหร่ฉันก็ลงมากินเอง” พูดพร้อมกับลากเก้าอี้นั่งลงข้างๆเขา ตรงกันข้ามกับพลอยใสที่เขยิบเก้าอี้เข้าไปหาเขาใกล้กว่าเดิม น้ำเพชรได้แต่ส่ายหน้าไม่เข้าใจในความสัมพันธ์ นี่คงไม่ต่างจากเมียสองผัวหนึ่ง แต่อย่านับเธอเลย เพราะเธอเองก็ไม่ได้อยากได้ตำแหน่งนั้นสักเท่าไหร่ ให้ยัยหน้านิ่งนี่เป็นคนเดียวก็พอ “ป้อนหน่อย” “ได้ค่ะ” “ไม่ได้หมายถึงเธอ…” พลอยใสชะงักมือที่กำลังยกช้อนไปถึงปากเขาลง เมื่อเห็นสีหน้าของคนที่นั่งหัวโต๊ะบอกว่าไม่ใช่เธอ “ฉันเหรอ?” “ไม่ใช่พลอยใส แล้วบนโต๊ะจะมีใครอีกนอกจากเธอ” “กินเองไม่เป็นไง เป็นง่อยเหรอ” จ้างให้ก็ไม่ป้อน ไม่ได้มีหน้าที่ดูแลคนป่วย “ฉันน่ะไม่เป็น แต่สงสัยเธออยากเป็น คืนนี้จะเอากี่ยกดีล่ะ หรือเอาจนเธอเดินไปไหนไม่ได้เลย” ทำได้นะ ถนัดเลยของแบบนี้ จะเอาให้นอนซมอยู่บนเตียง จนต้องร้องขอให้เขาอุ้มไปขี้ไปเยี่ยวเลยคอยดู เพราะกลัวคำขู่ของเขา เธอเลยต้องจำใจขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้ แล้วตักข้าวในจานเขาป้อนเข้าปากอย่างจำเป็น “ตักอันนั้นให้กินหน่อย” “จิ๊!” แอบจิ๊ไปใส่เขา แววตาจ้องมองแสดงความไม่พอใจ แต่ถามว่าทำตามเขาไหม ก็ต้องทำนั่นแหละ เป็นเชลยเขานี่เนอะ เชลยก็คงไม่ต่างจากทาสดีๆนี่แหละ หลังจากทานอาหารกันเสร็จ พลอยใสก็ถูกเรียกให้เข้าไปช่วยงานในห้องทำงาน พร้อมกับเรียกลูกน้องสองถึงสามคนเข้าไปประชุมด้วย เว้นก็แต่น้ำเพชรเท่านั้นที่ว่างอยู่คนเดียว เลยใช้โอกาสนี้เดินเล่นรอบๆบ้านแก้เบื่อแทน ร่างเล็กเดินไปตามทางของตัวบ้านเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ต้องมาหยุดลงที่สวนหลังบ้าน บ้านที่ค่อนข้างสวยเพราะการตกแต่งที่ถูกออกแบบมาให้คนอาศัยได้ผ่อนคลายมากที่สุด สวนดอกไม้ที่มีสระว่ายน้ำใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง ด้านข้างตกแต่งไปด้วยน้ำตกที่เปิดให้น้ำไหลตลอดทั้งวัน “ที่นี่ก็สวยดีเหมือนกันนะ แต่เจ้าของบ้านเลี่ยหู้ไปหน่อย” คนตัวเล็กกระตุกยิ้ม แค่นเสียงหัวเราะจากลำคอเพราะรู้สึกสงสารบ้าน หลังจากชมบ้านและแอบด่าเจ้าของบ้านเสร็จ ก็พาตัวเองกลับเข้ามาด้านใน ไม่ทันได้เดินไปถึงกลางบ้าน ก็ต้องพบเจอกับคนที่เพิ่งจะเอ่ยปากด่าไปเมื่อกี้ยืนทะมึนอยู่ตรงหน้า พลางทำหน้าเหมือนไม่พอใจส่งมาให้จนขนลุกขนชัน  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD