ณ เมืองกุสินารา อาณาจักรที่รุ่งเรือง เต็มไปด้วยความครึกครื้น มีสีสัน มีชีวิตชีวา หากจักเปรียบเทียบ คงเปรียบเสมือนเมืองแห่งความสุข ทุกแห่งหนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงร้องเพลง ทุกผู้คนมีความเอื้ออารีต่อกัน
ปราณภพ เด็กหนุ่มวัย ๑๘ ปี บุตรชายนายช่างทองมากฝีมือ เขาอาศัยอยู่ด้วยกันกับบิดาเพียงสองคนพ่อลูก ด้วยเหตุที่มารดาสิ้นชีวิตไปตั้งแต่เขายังเป็นเด็กอายุเพียง ๑๐ ขวบปี
ปราณภพได้รับการฝึกฝนศาสตร์การตีทองจนมีฝีมือดีละม้ายผู้เป็นบิดา ด้วยทำงานคลุกคลีกับงานช่างทำทองมาตั้งแต่ยังเล็ก จนสามารถเรียกได้ว่า กินนอนอยู่ในสถานที่ทำทองเลยทีเดียว
การฝึกเป็นช่างที่ทำทองได้งามตั้งแต่อายุยังน้อย ได้หล่อหลอมให้เขากลายเป็นผู้ใหญ่แตกต่างจากเด็กหนุ่มวัยเดียวกัน มีหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะช่างทอง และที่สุดแล้ว เป้าหมายสูงสุดในชีวิตของปราณภพจึงได้แก่ การเป็นช่างทองหลวงแห่งพระราชวังกุสินารานั่นเอง
"ข้าต้องฝึก ต้องทำให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เพื่อจักได้รับการคัดเลือกเป็นช่างทองแห่งวังหลวง" ปราณภพเอ่ยกับตนเองอย่างมุ่งมั่น
สิเกน นายช่างทอง บิดาของปราณภพ เฝ้ามองดูบุตรชายที่ตนอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเยาว์ด้วยความภาคภูมิใจ ด้วยบทบาทของการเป็นทั้งพ่อและแม่นั้น มิง่ายนักที่จักเลี้ยงบุตรให้เติบโตเป็นคนที่ใฝ่ดี แลเอางานเอาการเยี่ยงนี้
ชายชรามองบุตรชายที่กำลังแกะสลักทองเป็นรูปพญานาคบนกำไลข้อมืออย่างอิ่มเอมในใจเมื่อแลเห็นภาพความสง่างามยามตั้งใจทำงานของเด็กหนุ่ม ลูกชายของเขามีรูปลักษณ์หล่อเหลาเข้มคม ผิวกายคล้ำเข้มแลดูบึกบึนตามแบบฉบับของผู้ที่ทำงานกับไฟ ดวงหน้ามีประพิมพ์ประพายคล้ายบิดายามเป็นหนุ่มเนื้อหอม แต่มีดวงตาที่นิ่งลึกมีแววช่างคิด ทำให้ยามหญิงใดได้สบสายตาก็มิกล้าจะพยายามสานสัมพันธ์
สิเกนเชื่อว่า บุตรชายที่อยู่เบื้องหน้าเขา เป็นเด็กดี และจะเติบโตขึ้นเป็นบุรุษที่ดี ตามปรกติแล้ว ปราณภพมักไม่ค่อยพูด เงียบขรึม น้อยครั้งนักที่ชายชราจะเห็นบุตรชายยิ้มหรือหัวเราะสักคราหนึ่ง แต่ในขณะทำงาน ใบหน้าบุตรชายที่เงียบขรึมของเขา มักปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ อย่างภาคภูมิใจและมีความสุข
ชายชราตระหนักดีว่า การที่บุตรชายเป็นคนเงียบขรึมนั้น เนื่องมาจากเขาต้องทำงานหนักมาโดยตลอด จึงมิมีโอกาสได้เล่นคลุกคลีกันดังพ่อลูกบ้านอื่น ด้วยความสามารถในการเป็นนายช่างทอง แม้จักมิใช่ช่างทองหลวง แต่ก็กล่าวได้ว่า สิเกนเป็นนายช่างทองที่มีฝีมือหาตัวจับยากคนหนึ่ง ซึ่งบรรดาเศรษฐีหรือคหบดีมักจะจ้างตีทองเป็นเครื่องประดับต่าง ๆ ให้ภรรยาและบุตรีได้สวมใส่เป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงฐานะ
๓ ปีให้หลังมานี้ ปราณภพได้พัฒนาฝีมือ และเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการช่วยบิดาทำทองมากที่สุด และลายที่เขาชอบมากที่สุด คือ ลายนาคราช หรือการทำกำไลนาคราช
ปราณภพมิเคยทราบดอกว่านาคราชมีตัวตนจริง ๆ หรือไม่ ฤๅเป็นเพียงนิทานหลอกเด็ก แต่สิ่งหนึ่งที่เขาตระหนักในใจเสมอมาได้แก่ คราใดที่ได้ไปวัดหรือสถานที่ที่มีรูปปั้นพญานาคอยู่ จิตใจของเขาจักรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดเสมือนกลับมาอยู่บ้านเก่า
คราใดที่เหนื่อยหรือทุกข์ใจ มิว่าจะเป็นด้วยเหตุอันใด เมื่อเขาได้ลงมือทำงานตีทองเป็นกำไลนาคราช มิว่าจะมีเรื่องทุกข์ร้อนอันใด ก็จักมลายไปจนหมดสิ้นโดยพลัน
ด้วยเหตุนี้ ปราณภพจึงได้ทำจี้รูปนาคราช ห้อยคอติดตัว โดยตั้งชื่อว่า 'นาคาพิฆาต'
จะเป็นการบังเอิญอย่างไรก็แล้วแต่ 'นาคาพิฆาต' ทำเสร็จสิ้นในวันที่คืนพระจันทร์เต็มดวงพอดี และชื่อเรียกขานนั้นก็แวบเข้ามาในความคิดเกือบในทันใดที่แล้วเสร็จ
ลายแกะสลักทองเป็นรูปนาคราช ขดตัวโดยรอบ ๕ รอบ ชูเศียรอันประดับดวงตาด้วยทับทิมเม็ดเล็กสีแดง ทำให้ 'นาคาพิฆาต' ดูดุดัน น่าเกรงขามสมชื่อ แววสะท้อนวาววับของอัญมณียามต้องแสงฉายวาบราวกับจะสื่อว่า ใครคิดจะมาร้ายก็จะจัดการให้ถึงที่สุด มิมีการผ่อนปรนใด ๆ ทั้งสิ้น!
ปราณภพยิ้มเต็มภาคภูมิเมื่อจ้องมองผลงานจากมือตน เขานำเชือกที่ทำมาจากหนังวัวถักร้อยให้แน่นหนา และคล้อง 'นาคาพิฆาต' ไว้อยู่ระดับอกพอดี ราวกับจะสื่อถึงความหวงแหนใน 'ของรัก' ชิ้นนี้
ค่ำคืนแรกของการนอนหลับพร้อมมีนาคาพิฆาตอยู่ที่คอ พอใกล้จะเคลิ้มหลับ เหมือนฝัน...ภาพนั้น จากเลือนราง ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นในความรู้สึก รอบกายของเขาแลเห็นเป็นปราสาทหิน และซากปรักหักพังเต็มไปหมด
สถานที่นี่คือที่ใดกัน เขาคิด
ในฝัน เขาค่อย ๆ เดินไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ไร้ผู้คน เถาวัลย์ขึ้นปกคลุมแทบจะมองไม่เห็นว่าตรงนั้นเคยมีสภาพเป็นเมืองมาก่อน
ปราณภพลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยคำถามในใจ
เมื่อกี้มันเป็นแค่ความฝันหรือนี่!! เหตุใดภาพต่าง ๆ หรือความคิดในฝันนั้น มันช่างเหมือนจริงเสียเหลือเกิน
เขาแน่ใจว่า ชีวิตนี้ เขาไม่เคยเห็นเมืองที่มีลักษณะเช่นนี้มาก่อนเป็นแน่
ขณะที่ปราณภพกำลังหลอมขึ้นรูปทองอยู่นั้น ชายชราที่มักจะทำนายทายทักตรวจดูดวงชะตาอยู่เป็นนิจ ผมสีดอกเลาหยักศกเล็กน้อย ศีรษะล้านเป็นหย่อม ๆ บริเวณกลางศีรษะก็เดินเข้ามา
'มิรงค์'เป็นเพื่อนรักของสิเกนมาตั้งแต่วัยหนุ่ม จึงรักและเอ็นดูปราณภพประดุจบุตรชายคนหนึ่ง
"ว่าไง ไอ้หลานชาย ทำอันใดอยู่รึ?" ชายชราเอ่ยถามขึ้น
"กำลังขึ้นรูปทองขอรับ" ชายหนุ่มตอบ
"เอ็งนี่หนา เอ็งก็รู้ว่า ข้าเห็นอยู่ว่าเอ็งกำลังขึ้นรูปทอง แต่นั่นมันรูปอันใดเล่า ดูอย่างไรก็ดูไม่ออกว่าเป็นรูปอันใด" ชายชราถาม
"อันที่จริง ข้ากำลังพยายามขึ้นรูปทำเป็นเครื่องประดับศีรษะให้แม่หญิงในวังน่ะขอรับ ท่านลุง" ปราณภพตอบ
มิรงค์ทำสีหน้าสงสัยและขมวดคิ้ว ยังมิวายถามต่อ "ข้าเห็นว่า ข้ามิเห็นมันจะเหมือนเครื่องประดับอย่างที่เอ็งว่าตรงใด เอ็งเป็นอันใดมากหรือไม่เล่า ข้าเห็นเอ็งตั้งแต่เล็กจนโต มิเคยเห็นเอ็งดูเหม่อ จิตใจล่องลอย มิเป็นอันทำอันใดเช่นนี้เลย ข้าว่าเอ็งพอก่อนเถิด มานั่งพักเสียก่อน”
ปราณภพจำต้องหยุดการขึ้นรูปทองไว้ก่อน เนื่องด้วยเขาเองก็รู้ตัวเช่นกันว่า วันนี้ทั้งวัน เพียงแค่งานชิ้นที่เขาเคยทำได้ง่าย ๆ ที่ตามปรกติแล้วทำมินานก็สำเร็จ ก็ยังมิสามารถทำได้ดี เพลาผ่านไปครึ่งวันเขาก็ยังทำมิแล้วเสร็จ เพียงทำไปได้มิถึงไหน เขาจึงขยับตัวไปนั่งดื่มน้ำที่โต๊ะกับชายชราที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
ชายชรามองดูเด็กหนุ่มด้วยสายตาเอ็นดู
"ชิชะ ดูสิ พ่อเอ็งนี่สงสัยจะใช้งานเอ็งหนักใช่หรือไม่ ดูเอ็งหน้าดำคร่ำเครียดทีเดียวเจียว ฮ่า ๆ ๆ" ชายชราหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
เด็กหนุ่มเพียงยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า มิตอบโต้อันใด แล้วดื่มน้ำเงียบ ๆ
ระหว่างที่ปราณภพกำลังจิบน้ำอยู่นั้น พลันสายตาของชายชราก็สะดุดกับจี้สีทองที่คล้องสร้อยหนังสวมอยู่บนคอ ห้อยลงมาระดับอกของชายหนุ่ม
"นั่นมันคือสิ่งใดหรือ ไอ้หลานชาย" ชายชราถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงตระหนกยิ่งนัก
"นี่หรือขอรับท่านลุง หลานเพิ่งตีเสร็จเมื่อวันวานนี้เอง เป็นรูปนาคราช" ชายหนุ่มตอบอย่างภาคภูมิใจ
"ไหน ๆ ขอข้าดูใกล้ ๆ หน่อยซี" ชายชราค่อย ๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปจับพลิกดูสร้อยของชายหนุ่มก่อนจะละล่ำละลักถามออกไป "เหตุใด เพราะเหตุใดจึงบังเอิญได้เพียงนี้"
ชายหนุ่มพลอยตระหนกกับท่าทีนั้นไปด้วย "มีอันใดรึขอรับ ท่านลุง"
"เดี๋ยว เอ็งตอบข้าก่อน ไอ้รูปที่เอ็งแกะออกมา เอ็งไปเอาแบบมาจากที่ใด" มิรงค์ถาม
"อ๋อ ท่านลุง ข้าน่ะชอบพญานาค ก็เลยลองตีมันขึ้นมาตามความรู้สึกที่ผุดขึ้นในจิต ณ ขณะนั้นขอรับ" เด็กหนุ่มตอบ
"นี่เอ็งรู้หรือไม่ ไอ้จี้ที่เอ็งตีขึ้นมาแล้วนั้น มันเรียกว่ากระไร?" มิรงค์ถามต่ออย่างตกใจ
"ก็พญานาคไงขอรับท่านลุง" ปราณภพตอบ
"มิใช่เช่นนั้น ข้าหมายถึง ไอ้รูปแบบอย่างนี้ ลายแกะแบบนี้ แววตาประดับด้วยเม็ดทับทิมสีแดงเช่นนี้ เอ็งรู้หรือไม่ สมัยเมื่อข้ายังเป็นเด็ก ข้าเคยเห็นครั้งหนึ่ง ในสมัยนั้น พ่อเฒ่าเคยเล่าว่า ไอ้รูปลักษณะเช่นนี้ เขาเรียกว่า 'นาคาพิฆาต' ซึ่งเป็นตัวแทนของพญานาคที่มีฤทธิ์มาก หากคนดีได้ไปครอบครองก็จะสามารถช่วยคนให้เกิดประโยชน์แก่คนอื่นตามแต่ใจปรารถนา แต่หากคนเลวได้ไปแล้วไซร้ ก็จะทำให้เกิดหายนะต่อบ้านเมืองอย่างแสนสาหัส ในครานั้น พ่อเฒ่าได้เล่าให้ข้าฟังว่า ในอดีต เคยมีเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้ แต่คนเลวได้ไปครอบครอง จึงทำให้เกิดเหตุการณ์กลียุค มีคนตายยกเมือง ซึ่งในตอนหลังได้มีผู้สืบรู้และหาต้นตอของผู้ครอบครองจนพบเจอ ในกาลนั้น จึงได้มีการทำลาย 'นาคาพิฆาต' ลงไปจนสิ้น และเรื่องราวของนาคาพิฆาตก็เลือนไป จนถูกลืมหายไปตามกาลเวลา มิใช่สิ ต้องกล่าวว่า มิมีผู้ใดอยากจะจำหรือนึกถึงความเศร้าโศกและความสูญเสียในครานั้น จึงหลงเหลือผู้คนที่จะยังรู้เรื่องนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น..."
เด็กหนุ่มเบิกตากว้างเมื่อรับฟังถ้อยคำอันน่าพรั่นพรึง ทว่าในอีกสำนึกกลับค้านว่ามันแลเกินจริงไปไม่น้อย
"แต่นี่ เจ้าปราณภพ อยู่ดีมิว่าดี เอ็งกลับตีมันขึ้นมาอีกคราหนึ่ง ข้าขอเถิด ทำลายมันเสีย ทำลายมันเถิด ก่อนที่วันหนึ่งมันจะกลับมาก่อหายนะซ้ำเติมให้บ้านเมืองอีก" ชายชรากล่าวแกมขอร้องอยู่ในที
เด็กหนุ่มนั่งฟังเงียบเชียบ...และครุ่นคิด เหตุใด...เพียงแค่สิ่งที่เขาทำมันขึ้นมาเองกับมือนี่น่ะหรือ จะทำให้เกิดหายนะเหมือนเมื่อคราอดีตได้
"มันจะมิเป็นเช่นนั้นดอกขอรับ ท่านลุง" ชายหนุ่มแย้งขึ้น น้ำเสียงติดจะประนีประนอม "สิ่งนี้ เป็นสิ่งที่ข้าทำมาด้วยความตั้งใจจริง มิได้ทำมาเพื่อความเลวร้าย มันก็เป็นเพียงแค่เครื่องประดับเท่านั้น ท่านลุงอย่าได้คิดมากเลยขอรับ"
"นี่เอ็งมิเชื่อที่ข้าบอกใช่หรือไม่?" มิรงค์ถาม
"พุทโธ่ ท่านลุงขอรับ มันเป็นเพียงแค่นิทานที่เล่าต่อ ๆ กันมา แล้วอีกประการหนึ่ง เหตุการณ์ที่มันเคยเกิดขึ้นนี้ ก็นานมากแล้ว มันจักมิเป็นดังที่ท่านลุงบอกดอก" เด็กหนุ่มเอ่ย เขาเคยได้ยินเรื่องเล่าทำนองนี้ผ่านหูมาบ้างยามมีนักเล่านิทานแวะเวียนมาเปิดโรงเล่าเรียกเก็บอัฐตามย่านในเมือง เรื่องราวนั้นหาหลักฐานใดพิสูจน์ไม่พบ เป็นจริงมากน้อยเพียงใดก็มิมีผู้ใดรู้เห็น
ชายชรานิ่งไปอึดใจ ก่อนจะกล่าวว่า "เออ ใช่ ตอนนี้ข้าพูดไปมันคงจะเหลือเชื่อ แต่เอ็งรับปากข้าอย่างได้หรือไม่?"
"ขอรับท่านลุง" ปราณภพมีสีหน้าดั่งโล่งใจไปมากโข "ถ้าข้าทำได้ ข้าจักทำตามท่านลุงว่า"
"เพียงเอ็งรับปากว่า หากวันหนึ่งวันใดที่มีเรื่องแปลก ๆ หรือมีสิ่งที่ดูทีท่าว่าจะไม่ดีเกิดขึ้นกับเอ็ง เอ็งต้องรีบบอกข้า เข้าใจหรือไม่?" ชายชราบอกแกมบังคับในที
"ได้ขอรับ"
ปราณภพตอบแบบขอไปที เขาเองไม่เคยคิดดอกว่า สิ่งที่ได้หล่อหลอม แกะลายมาเองกับมือนั้น จะกลายเป็นสิ่งที่มีอันตรายต่อเขาหรือต่อคนอื่น ๆ ได้ ถึงแม้ว่า ชื่อ 'นาคาพิฆาต' ที่เขาได้ตั้งขึ้นมานั้นจะไปบังเอิญเหมือนกับชื่อที่ชายชราเล่าให้ฟังก็ตามที