ตอนที่ 2 งานมีตติ้ง

1998 Words
พรปวีณ์ตื่นแต่เช้าเพื่อให้อลิษาช่วยแต่งหน้าทำผมให้เธอดูสดใสสมวัยและเลือกชุดให้เหมาะสมกับพรปวีณ์มากที่สุด เพื่อให้วันนี้พรปวีณ์ดูดีที่สุดเพื่อให้ขุนพลประทับใจ “แต่งหน้าไวจัง งานเริ่มบ่ายสองไม่ใช่หรือไง” อลิษาบอกน้องสาว แต่ก็ยอมแต่งหน้าทำผมให้เธออยู่ดี “พี่อลิสก็รู้ว่าพรรักพี่ขุนมากแค่ไหน พรอยากไปเจอพี่ขุนไวๆ อยากใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด” พรปวีณ์บอกแล้วส่องกระจกดูตัวเองที่โดนพี่สาวเนรมิตให้อย่างตื่นเต้น ในขณะเดียวกันขุนพลที่เพิ่งตื่นก็กำลังเซตผมให้ดูดี วันนี้เขาไม่แต่งหน้าเพราะรู้ว่าแฟนคลับชอบหน้าสดของเขามากกว่า พร้อมทั้งเลือกชุดที่ดูสบายๆ เพื่อให้แฟนคลับเห็นตัวตนจริงๆ ของเขาให้มากที่สุด ก่อนจะรอให้กษิณขึ้นมารับเขาที่ห้อง เพื่อออกไปทานอาหารทานด้วยกันก่อนไปร่วมงาน สักพักเสียงโทรศัพท์ของขุนพลก็ดังขึ้น เขากดรับสายทันทีเมื่อเบอร์โทรที่โชว์อยู่หน้าจอคือเบอร์ของผู้จัดการส่วนตัวของเขา “ว่าไงครับพี่กบ” “พอดีวันนี้ผิดแผนนิดหน่อย แม่พี่ลื่นล้มต้องพาไปโรงพยาบาลด่วนเลย คนดูแลท่านลากลับบ้านด้วย พี่คงไม่ได้ไปดูแลขุนวันนี้ ขุนคิดว่าพอจะรับมือคนเดียวไหวหรือเปล่า” กษิณถามเขา “มีทีมงานเยอะแยะคอยดูแล พี่กบไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ดูแลคุณแม่เถอะ” ขุนพลบอกเขา “อืม งั้นแค่นี้นะ ขอโทษด้วยจริงๆ” กษิณบอกแล้ววางสายไปอย่างรีบร้อน ขุนพลตัดสินใจขับรถไปเองมากกว่าจะโทรเรียกทีมงานให้มารับ แล้วออกไปทานอาหารที่ร้านประจำที่สามารถจัดมุมส่วนตัวให้เขาได้ ปกติแล้วแฟนคลับจะแยกแยะได้ว่ามันคือเวลาส่วนตัวของเขา แต่ก็มีบางกลุ่มที่ไม่เข้าใจและมักจะมารบกวนเขาเวลาทานอาหารหรือว่ามาวุ่นวายกับเขาจนไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย ขุนพลออกจากร้านอาหารก็ไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะก่อน ที่นี่เขารู้สึกผ่อนคลาย ลมเย็นๆ ที่พัดมาปะทะตัวมันทำให้รู้สึกอิสระรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ขุนพล ไม่ใช่พระเอกชื่อดัง เขาสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอดเพื่อชาร์จพลัง แล้วเดินทางไปยังสถานที่จัดงานพบปะแฟนคลับ พอไปถึงก็เข้าไปเตรียมตัวด้านหลังโดยมีทีมงานรีบเข้ามารุมเขาเป็นการใหญ่เพราะกษิณโทรมาฝากให้ดูแลเขาไว้แล้ว ********************* พรปวีณ์มาถึงงานตามเวลาที่กำหนดโดยมีอลิษาตามมาส่งก่อนที่เธอจะไปทำงานต่อ พรปวีณ์ได้นั่งอยู่บริเวณแถวต้นๆ มองดูขุนพลกำลังนั่งยืนร้องเพลงอยู่บนเวทีด้วยแววตาที่หลงใหลเขาเป็นอย่างมาก กิจกรรมทุกอย่างดำเนินไปอย่างสนุกสนาน ขุนพลร้องเพลงสองเพลง แล้วพักพูดคุยตอบคำถามแฟนคลับโดยการสุ่มเลือกของทีมงาน เขาสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้บรรดาแฟนคลับมากมาย พรปวีณ์ยิ่งได้เข้าใกล้เขาแบบนี้เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่เธอนั้นรักและติดตามผลงานของเขา เวลาล่วงเลยไปจนถึงตอนค่ำที่งานมีตติ้งเลิกแล้ว และจะมีแฟนคลับแค่สิบคนที่กำลังขึ้นรถตู้ที่ทางทีมงานจัดไว้รอเพื่อไปทานอาหารที่ร้านอาหารชื่อดังที่ได้จัดเตรียมเอาไว้แล้ว พรปวีณ์โทรรายงานให้อลิษารู้ว่าเธอกำลังเดินทางไปร้านอาหาร เสร็จแล้วทีมงานจะมาส่งยังที่จัดงานเหมือนเดิม แต่ว่าพรปวีณ์ยืนยันว่าจะกลับเอง อลิษาเลยอนุญาตเพราะเธอก็ยังติดงานแต่งหน้าให้กับคนในแวดวงสังคมเพื่อไปร่วมงานราตรีในคืนนี้อยู่ยังไม่เสร็จง่ายเหมือนกัน “งั้นเจอกันที่บ้านนะคะ” พรปวีณ์บอกก่อนที่จะกดวางสายไป แล้วยิ้มให้กับแฟนคลับผู้โชคดีคนอื่นๆ ที่นั่งรถมาด้วยกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีหัวหน้ากลุ่มแฟนคลับอยู่ด้วย “พี่ติดตามพี่ขุนมานานหรือยังคะ” พรปวีณ์ถามเพื่อผูกมิตร “ก็ตั้งแต่เริ่มเข้าวงการใหม่ๆ เลยจ้ะ” เธอบอกแล้วยิ้มให้พรปวีณ์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแปลกๆ “หนูก็เหมือนกันคะ ติดตามพี่ขุนมาตั้งแต่แรกเลย” พรปวีณ์พูดแล้วหันซ้ายหันขวาเพื่อยิ้มให้กับคนอื่นๆ เธอสังเกตได้ว่าคนที่เหลือดูไม่มีใครชอบหัวหน้ากลุ่มแฟนคลับคนนี้เลย พรปวีณ์เลยเงียบลงเพราะกลัวว่าอาจจะมีเรื่องภายในกลุ่มแฟนคลับที่เธอไม่รู้ หัวหน้ากลุ่มแฟนคลับก็เป็นฝ่ายชวนพรปวีณ์คุยต่อไม่หยุด คนในรถก็ทำหน้าเอือมๆ จนพรปวีณ์รู้สึกผิดที่เธอเป็นคนเปิดประเด็นชวนหัวหน้ากลุ่มแฟนคลับคุย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอนั่งอยู่เงียบๆ แล้วแท้ๆ และดูเหมือนว่าหัวหน้ากลุ่มแฟนคลับน่าจะได้มาจากการแต่งตั้งตัวเอง เพราะดูๆ เหมือนไม่มีใครชื่นชอบเธอเลย พรปวีณ์ถามคำตอบคำกับหัวหน้ากลุ่มแฟนคลับตามมารยาทด้วยความเกรงใจ จนไปถึงร้านอาหาร ทีมงานก็พาทุกคนไปนั่งเก้าอี้ตามหมายเลขที่ระบุในการ์ดเชิญ พรปวีณ์ได้นั่งข้างขวามือของขุนพลเธอตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ส่วนคนที่นั่งซ้ายมือของขุนพลคือแฟนคลับคนหนึ่ง แต่ว่าเธอโดนหัวหน้ากลุ่มแฟนคลับดึงแขนออกไปแล้วไปนั่งแทนที่เธอ ทำให้แฟนคลับคนนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่อยากมีเรื่องเลยยอมแลกที่นั่งอย่างไม่เต็มใจ พรปวีณ์เลยเดาว่าหัวหน้ากลุ่มแฟนคลับคนนี้นิสัยคงแย่มาก และทุกคนก็คงเอือมระอาเธอเอามากๆ ขุนพลเดินมานั่งที่ ทุกคนที่กำลังดูเครียดๆ อยู่ก็เริ่มยิ้มแย้มออกมาแล้วนั่งพูดคุยกับขุนพลอย่างเป็นกันเอง ขุนพลเองเหมือนจะจำหัวหน้าแฟนคลับได้เพราะว่าเธอนั้นตามไปให้กำลังใจทุกงาน และออกหน้าพาแฟนคลับคนอื่นๆ ไปให้กำลังใจเขา “สวัสดีครับน้องนิด” ขุนพลทักทายหัวหน้ากลุ่มแฟนคลับ “พี่ขุนจำชื่อนิดได้ด้วย ดีใจจังเลยค่ะ” นิตยาบอกแล้วยิ้มดีใจอย่างออกนอกหน้า “นิดมาทุกงาน พี่จำได้” ขุนพลบอก จริงๆ แล้วเขาดูจากป้ายชื่อที่ติดตรงหน้าอกของเธอ แล้วหันไปทักทายคนอื่นๆ บ้าง ก่อนจะมาหยุดที่พรปวีณ์ “สวัสดีครับน้องพร พี่ไม่คุ้นหน้าเลย” ขุนพลบอก เขาไม่คุ้นหน้าเธอจริงๆ “พรเพิ่งเข้ามาเรียนต่อที่กรุงเทพค่ะ เคยมางานนี้เป็นครั้งแรก” พรปวีณ์บอกแล้วยิ้มดีใจที่เขาถามเธอ ขุนพลยิ้มให้เธอ ทำเอาพรปวีณ์แทบละลายทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว “พี่ขุนคะ นิดทำสร้อยข้อมือมาฝากด้วยค่ะ” นิตยาพูดแทรกขึ้นมาเพื่อดึงความสนใจของขุนพลกลับไปหาเธอ ทำให้คนอื่นๆ บนโต๊ะรู้สึกไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรให้เสียบรรยากาศ เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่านิตยาเป็นคนอย่างไร เมื่อรับประทานอาหารค่ำร่วมกันสิ้นสุดลง สุดท้ายก็จะเป็นการดื่มแชมเปญคนละหนึ่งแก้วเพื่อเป็นการปิดงานมีตติ้งในครั้งนี้ นิตยาใช้จังหวะที่ทุกคนเผลอเดินไปจุดที่ทีมงานเตรียมแชมเปญเอาไว้แล้วใส่อะไรบางอย่างลงไปในเครื่องดื่ม แล้วทำเป็นยกเครื่องดื่มออกมาช่วยทีมงาน หยิบแก้วที่เธอวางยานั้นยื่นให้กับขุนพล “นี่แก้วนี้ของพี่ขุนค่ะ” นิตยาบอก ขุนพลรับเอาไว้ พรปวีณ์เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมแฟนคลับคนอื่นๆ ไม่ค่อยชอบนิตยา เพราะเธอชอบทำตัวเด่นและเรียกร้องความสนใจจากขุนพลอยู่เสมอ หลังจากดื่มเครื่องดื่มและขุนพลกล่าวปิดงานแล้ว ทีมงานทุกคนก็รีบเก็บข้าวของ พร้อมทั้งดูแลให้แฟนคลับขึ้นรถตู้เพื่อไปส่งที่สถานที่จัดงานในตอนแรก เพราะหลายคนจอดรถส่วนตัวไว้ที่นั่น พรปวีณ์ขอตัวเข้าห้องน้ำ แล้วก็พบว่าขุนพลที่ตอนแรกคิดว่ากลับไปแล้วเขากำลังออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทางที่ดูแปลกๆ ทีมงานโทรตามพรปวีณ์ เธอเลยตัดสินใจบอกทีมงานว่าจะกลับเองแล้วเข้าไปพยุงขุนพลที่กำลังดูแย่อยู่ออกมาจากห้องน้ำ “พาผมกลับไปที่รถที” เขาบอกพรปวีณ์โดยไม่ได้มองว่าเธอเป็นใคร พรปวีณ์ช่วยพยุงเขาไปที่ลานจอดรถแล้วพาเขาขึ้นไปนั่งบนรถของเขาตรงที่นั่งข้างคนขับ “แล้วคนขับรถของพี่ขุนล่ะคะ” พรปวีณ์ถามเขา “ผมขับมาเอง” ขุนพลบอกเสียงอ่อน ยิ้มไม่ยอมหุบ ตอนนี้เขาเบลอมากไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร รู้แค่ว่ามันมีความสุข ตัวลอยๆ มองทุกอย่างเป็นสีสัน เหมือนมีคนจุดพลุไฟรอบๆ ตัวเขา และควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่จิตสำนึกคือเขาต้องกลับไปที่ห้องพักให้ได้ “เดี๋ยวพรไปเรียกทีมงานมาให้นะคะ” พรปวีณ์บอกแล้วทำท่าจะเดินไป แต่ขุนพลคว้าแขนเธอเอาไว้ก่อน “ขับรถเป็นหรือเปล่า พาผมกลับห้องที” ขุนพลบอกแล้วยื่นกุญแจรถและคีย์การ์ดให้เธอ แล้วนั่งยิ้มร้องเพลงในรถท่าทางดูแปลกๆ จนพรปวีณ์นั้นเริ่มกลัว เธอตัดสินใจปิดประตูรถให้เขาแล้วเดินอ้อมไปนั่งที่ฝั่งคนขับ กำลังตัดสินใจว่าจะโทรบอกอลิษาก่อนดีหรือเปล่า แต่ว่าพรปวีณ์ดูออกว่าขุนพลนั้นมีอาการเหมือนคนเมากัญชา ไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ เลยตัดสินใจขับรถตรงไปยังห้องพักที่มีชื่อติดอยู่ที่คีย์การ์ด “ขับนะขับได้ แต่ใบขับขี่ยังไม่มีนี่สิปัญหา” พรปวีณ์บ่นออกมาเบาๆ ก่อนจะเอาโทรศัพท์มาตั้งพิกัดปลายทางแล้วขับรถออกไป ขณะออกจากลานจอดรถเธอสังเกตเห็นนิตยากำลังยืนทำลับๆ ล่อๆ อยู่แถวประตูร้านอาหาร พร้อมนักข่าวอีกจำนวนหนึ่ง แต่พรปวีณ์ก็ไม่ได้สนใจรีบขับรถพาขุนพลออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด พอถึงที่พักของเขาตามที่เขียนในคีย์การ์ดแล้ว พรปวีณ์ก็พลิกดูหลังคีย์การ์ดว่าเขาอยู่ห้องไหน ก่อนจะหาหมวกในรถของเขามาพรางตัวให้เขาแล้วพยุงเขาที่เดินร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีขึ้นห้องไป เธอตัวใหญ่กว่าขุนพลมากจึงไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะพาเขาไปส่งจนถึงห้อง พรปวีณ์พาเขาไปนั่งที่โซฟา ขุนพลยังร้องเพลงอย่างอารมณ์ดี พยายามเดินออกไปที่ระเบียงอยู่บ่อยครั้งจนพรปวีณ์กลัวว่าเขาจะตกระเบียงไป เลยตัดสินใจที่จะอยู่เฝ้าเขาจนกว่าเขาจะอาการดีขึ้น เธอมองขุนพลตอนเมากัญชา ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแบบนี้ แต่ว่ามันก็อดยิ้มไม่ได้ ที่ตอนนี้ขุนพลร้องรำทำเพลงเหมือนเด็กๆ แล้วก็หันมาจับเธอไปเต้นรำกับเขา “คืนนี้พรจะอยู่ดูแลพี่ขุนเองค่ะ” พรปวีณ์บอกเขาทั้งๆ ที่รู้ว่าเขานั้นไม่ได้รับรู้สิ่งที่เธอบอกเลยสักนิด *********************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD