ตอนที่ 3 แฟนคลับโรคจิต

1894 Words
ขุนพลรู้สึกตัวในตอนเช้ามืด เขาโล่งหัวแปลกๆ และจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้ ความทรงจำล่าสุดคือเขาเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วหลังจากนั้นก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ และมีคนพาเขากลับมาที่ห้อง ขุนพลหันไปมองพรปวีณ์ที่นอนอยู่บนเตียงข้างๆ เขา แล้วมองดูตัวเองที่อยู่ในสภาพเกือบเปลือย เหลือแค่กางเกงบ็อกเซอร์ติดตัวเพียงชิ้นเดียว แล้วก็คิดว่าพรปวีณ์คงฉวยโอกาสหลับนอนกับเขาแล้วเรียบร้อย “นี่ เธอ ตื่นสิ” เขาปลุกพรปวีณ์ให้ตื่นขึ้นมา ดึงผ้าห่มมาปิดท่อนล่างของเขาเอาไว้ เธอค่อยๆ ลืมตาแล้วบิดขี้เกียจ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปยิ้มให้ขุนเขา มันเหมือนความฝันที่เธอตื่นขึ้นมาแล้วเจอขุนพลอยู่ตรงหน้าแบบนี้ “ตื่นแล้วหรือคะ เมื่อคืนเรามีความสุขมาก พี่ขุนทำเอาพรไม่ได้นอนทั้งคืนเลย” เธอหัวเราะเบาๆ ขึ้นมา “โรคจิต” ขุนพลพูดขึ้นมา พรปวีณ์หุบยิ้มอย่างไม่เข้าใจ “พี่ขุนพูดอะไรนะคะ พรได้ยินไม่ถนัด” “เธอมันโรคจิต ฉันจำอะไรไม่ค่อยได้เลย เธอวางยาฉันแล้วพาฉันกลับมาที่ห้องของฉันเพราะอยากนอนกับดาราสินะ ถึงขนาดรู้ที่อยู่กันแบบนี้ เธอคงตามฉันมานานแล้ว” ขุนพลพูดเสียงเครียด “เปล่านะคะ เมื่อคืนพี่ขุนเมายา พรอุตส่าห์พาหนีนักข่าวมาส่งที่ห้อง ทำไมมาด่ากันแบบนี้ล่ะคะ” เธอบอกเขา เพราะว่าขุนพลกำลังเข้าใจผิด “ยัยอ้วนดำ ยัยโรคจิต คงอยากนอนกับดารามากสินะถึงได้ทำแบบนี้ ออกจากจากที่ห้องฉันเลยนะ น่าสมเพชจริงๆ แฟนคลับโรคจิตแบบเธอ” ขุนพลบอก ไม่ได้ตั้งใจจะบูลลี่หน้าตาเธอ แต่เขาโกรธและตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากเลยทำให้พลั้งปากพูดไม่ดีออกไป “ทำไมพี่ขุนพูดดูถูกพรแบบนี้ล่ะคะ คนเรามันเลือกเกิดได้หรือคะ ในเมื่อพรเกิดมาไม่สวย เกิดมาอ้วน เกิดมาไม่ขาว พรต้องถูกมองไปในทางร้ายๆ งั้นหรือคะ หรือว่าจริงๆ แล้วพี่ขุนมองคนที่ภายนอก ไอ้ที่เอาใจแฟนคลับก็คงปลอมทั้งนั้นใช่ไหมคะ จริงๆ แล้วพี่ขุนก็ไม่ต่างจากคนอื่นเลยสักนิด ความคิดสกปรก ชอบดูถูกคนอื่น” พรปวีณ์ต่อว่าเขา เธอเคยโดนแซวว่าอ้วน ว่าผิวคล้ำ แต่ไม่คิดว่าคำๆ นั้นจะออกมาจากปากของนักแสดงที่เธอชื่นชอบ “อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง เธอมันโรคจิต ออกไปเลยนะ” ขุนพลไล่พรปวีณ์อีกรอบ “คนใจคอคับแคบ ไม่รับฟังคนอื่น ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาป คนเห็นแก่ตัว คน..” เธอต่อว่าเขาสารพัดด้วยความเจ็บใจที่เขาไม่ฟังเธอแล้วยังดูถูกเธอ “อย่ามาทำเป็นด่าเหมือนนางเอกในละคร ฉันไม่โกรธแล้วหน้ามืดปล้ำเธอเหมือนในละครหลังข่าวหรอก ยัยอ้วน ... และอีกอย่างฉันจะบอกเลยว่าโรคจิตวางยาผู้ชายอย่างเธอ สวยแค่ไหนฉันก็ไม่เอา ทุเรศ” พรปวีณ์ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ และเสียความรู้สึก ที่ดาราที่เธอชื่นชอบนั้นต่อว่าเธอหนักขนาดนี้ เธอรีบออกไปจากห้องของเขาแล้วนั่งแท็กซี่กลับไปอะพาร์ตเมนต์ด้วยจิตใจที่บอบช้ำ เธอค่อยๆ เปิดประตูเข้าห้องของตัวเองไป อลิษาคงเข้าใจว่าเธออยู่ในห้อง ไม่อย่างนั้นคงโทรตามเธอตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว พรปวีณ์ตัดสินใจจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้พี่สาวฟัง เพราะว่าเธอไม่อยากพูดถึงขุนพลอีกต่อไป และตั้งใจว่าจะเลิกติดตามผลงานของเขา ผู้ชายปากร้ายจิตใจคับแคบ ที่ทำเป็นว่ารักแฟนคลับ แต่จริงๆ แล้วชอบดูถูกคนอื่นและมองคนแค่ภายนอก ********************* หลังจากที่กษิณพามารดาไปที่โรงพยาบาลแล้ว เขาก็เฝ้ามารดาทั้งคืนจนมั่นใจว่าอาการของเธอหมดห่วงแล้ว ในตอนเช้าจึงไปส่งมารดาที่บ้านให้คนที่จ้างมาดูแลทำหน้าที่ดูแลมารดาต่อหลังจากลางานเมื่อวานนี้ พอเสร็จจากดูแลมารดาเขาก็รีบมาหาขุนพลทันที พอเห็นหน้าเขาขุนพลก็โวยวายเรื่องพรปวีณ์ให้กษิณฟังทันที “แล้วไล่เขาแรงๆ แบบนั้นเขาแจ้งความหรือว่าบอกนักข่าวจะทำอย่างไรล่ะขุน บางทีเขาอาจจะพูดจริงก็ได้เรื่องที่ว่าแค่ช่วยพาขุนกลับมาที่ห้อง” “ไม่รู้นี่พี่กบ ตื่นมาก็แก้ผ้านอนอย่างนั้น แล้วข้างๆ น้องคนนั้นก็นอนอยู่ข้างๆ” “แล้วเรื่องเมายา มันเกิดขึ้นได้อย่างไร เดี๋ยวพี่ต้องคุยกับทีมงานและร้านที่เราไปจัดงานหน่อยแล้ว” กษิณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดำเนินการสอบถามทีมงานตามที่เขาสงสัยทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องของขุนพลแพร่ออกไปในทางที่ไม่ดี “ไปที่ร้านกับพี่ตอนนี้เลย” กษิณบอกด้วยความจริงจังหลังจากวางสายจากทีมงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ก็ชวนขุนพลไปที่ร้านอาหาร สถานที่ล่าสุดที่เขายังมีสติอยู่ พอกษิณไปถึงขออนุญาตดูไฟล์จากกล้องวงจรปิดตั้งแต่เริ่มแรก ขุนพลชี้ให้ดูพรปวีณ์ที่เอาแต่มองเขาด้วยสายตาชื่นชมตลอดเวลาเหมือนกับคนโรคจิตในความคิดของเขา แต่กษิณก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อดูจนถึงช่วงท้ายงานที่นิตยาแฟนคลับเบอร์หนึ่งนั้นแอบเอาอะไรบางอย่างใส่ในแก้วแล้วยกมาให้ขุนพลดื่ม “นี่ไง ตรงนี้ น้องคนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มแฟนคลับ ใส่อะไรบางอย่างลงไปในแก้วแชมเปญ” กษิณบอกแล้วอัดคลิปช่วงนี้เอาไว้ แล้วกดเล่นไปเรื่อยๆ จนเห็นว่าขุนพลออกจากห้องอาหารเพื่อไปห้องน้ำ ส่วนนิตยานั้นพานักข่าวมายืนรอทำข่าวกันอยู่ที่หน้าร้าน ขุนพลเห็นอย่างนั้นก็ถึงกับเข่าอ่อน นิตยาติดตามผลงานของเขามาตั้งแต่เข้าวงการใหม่ๆ ตามเขาไปทุกงาน สนับสนุนผลงานของเขาทุกอย่าง สุดท้ายแล้วจะเป็นคนที่หักหลังเขาทุกอย่าง กษิณเอาหลักฐานทั้งหมดไปลงบันทึกประจำวันไว้ เพราะไม่อยากให้เป็นข่าวฉาว แล้วพาขุนพลไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็กว่ามีอะไรที่ผิดปกติอีกหรือเปล่า “พี่จะไปส่งขุนที่ห้องก่อน พี่ขอจัดการกับเด็กคนนั้นก่อน” กษิณบอกเสียงเครียด เขาสืบจนรู้เบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของนิตยาและจะไปเจรจากับเธอเพื่อให้จบเรื่องนี้อย่างเงียบๆ “แล้วน้องคนที่ผมด่าแล้วไล่เธอไปล่ะครับ” “เราตามหาเธอออกสื่อไม่ได้ เรื่องยาเสพติดมันมีผลด้านลบ ถึงแม้ขุนจะโดนวางยาก็เถอะ แต่ว่ามันก็จะเป็นข่าวฉาวไปอีกนาน พี่ว่าคงต้องปล่อยน้องไปก่อน เพราะว่าเราไม่มีข้อมูลของน้องเลย” กษิณบอก เพราะการ์ดเชิญนั้นสุ่มแจกจริงๆ อยู่ห้าคน ส่วนอีกห้าคนคือคนในวงในที่มาขอไปเป็นกรณีพิเศษซึ่งไม่รู้ว่าเอาไปส่งต่อให้ใครต่อใครบ้าง ถ้าจะไปถามก็จะเป็นเรื่องเปล่าๆ “ผมโคตรรู้สึกผิดเลยพี่กบ ด่าน้องเขาแรงมาก แล้วไม่ได้ตั้งใจบูลลี่น้องด้วย” เขาบอกเสียงอ่อน “มันผ่านไปแล้ว เอาไว้มีโอกาสได้เจอน้อง แล้วค่อยขอโทษน้องทีหลัง” “แล้วผมเอารูปที่ถ่ายกับน้องมาลงแล้วตามหาน้องดีไหมครับ” ขุนพลถามอย่างร้อนใจ เธออุตส่าห์ช่วยเขาไว้แท้ๆ แต่เขากลับต่อว่าเธอขนาดนั้น ทั้งที่เธอพยายามจะอธิบายแต่ว่าเขาก็เลือกที่จะไม่รับฟัง “พี่ว่าอย่าเลยดีกว่าขุน ไม่ใช่ว่าพี่ใจร้ายนะ แต่เรามาไกลขนาดนี้ พี่ไม่อยากเสี่ยงให้ขุนต้องเสียชื่อเสียง การที่เราเอารูปใครสักคนลงโซเชียลมันไม่ใช่เรื่องดี แล้วนักข่าวก็จะสงสัยว่าขุนตามหาแฟนคลับคนนั้นทำไม แล้วพวกนักสืบโซเชียลก็จะเริ่มวิจารณ์แล้วผลเสียก็จะเกิดขึ้นมากกว่าผลดี” กษิณบอก เขาอยู่ในวงการมากพอที่รู้ว่าควรจะจัดการเรื่องพวกนี้อย่างเงียบๆ ขุนพลได้แต่พยักหน้า เขารู้ว่ากษิณนั้นทำทุกอย่างเพื่อรักษาชื่อเสียงของเขา และรู้ว่ากษิณจะจัดการเรื่องนี้ได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่องานและชื่อเสียงของเขาอย่างแน่นอน ********************* “เป็นอะไรพร วันนี้จะนอนในห้องทั้งวันหรือยังไง” อลิษาเรียกพรปวีณ์ที่จนบ่ายโมงกว่าแล้วเธอก็ยังไม่ยอมออกมาจากห้อง ซึ่งปกติแล้วพรปวีณ์ต้องมาเล่าเรื่องงานมีตติ้งให้เธอฟังแล้ว พรปวีณ์ตัดสินใจเดินออกไปหาพี่สาวในสภาพที่ตาบวมเป่งเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ตอนแรกเธอลังเลว่าจะบอกพี่สาวอย่างไรเลยไม่กล้าออกมา แต่คิดได้ว่าอลิษาจะเป็นห่วงก็เลยยอมออกมาจากห้องในสภาพที่ไม่น่าดูนั้น “เป็นอะไรไปพร” เธอดึงน้องสาวไปนั่งคุยที่โซฟารับแขก “พี่อลิส พรอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่อยากเป็นคนอ้วนดำในสายตาใคร ไม่อยากเป็นแบบนี้ให้ใครดูถูก พรอยากสวยแบบผู้ชายต้องยอมสยบ” “กินยาผิดขวดหรือยังไง” อลิษาพูดแซว พรปวีณ์ปล่อยโฮออกมา อลิษาจึงรู้ว่าคงมีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจของน้องสาวเป็นอย่างมาก “เป็นอะไรพร เมื่อก่อนมีใครล้อว่าอ้วน ไม่เคยเห็นเก็บเอามาคิดอย่างนี้เลย” อลิษาถามแล้วสวมกอดน้องสาวเอาไว้ เอามือลูบหลังเบาๆ เพื่อปลอบใจเธอ “พี่อลิสทำเพื่อพรได้หรือเปล่า ทำให้พรกลายเป็นคนใหม่ได้ไหม” พรปวีณ์ร้องไห้แล้วสะอื้นออกมาไม่หยุด “ไม่มีอะไรที่พี่ทำให้น้องสาวพี่ไม่ได้หรอก” “พี่จะไม่ถามอะไรพรนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าต้องการจะเปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่ดีขึ้นพี่ก็จะสนับสนุนอย่างเต็มที่เอง” อลิษารับปาก พรปวีณ์ค่อยๆ หยุดร้องแล้วเช็ดน้ำตาออกไป ยิ้มให้กับพี่สาวที่ตามใจเธอตลอด “ก่อนจะลดความอ้วน เย็นนี้เราไปกินชาบูก่อนได้หรือเปล่าคะ” พรปวีณ์ถามพี่สาว เสียงปนสะอื้นยังไม่หาย “โธ่ ยัยหมูน้อยของพี่” เธอยีหัวน้องสาวร่างตุ้ยนุ้ยด้วยความเอ็นดู พรปวีณ์ยิ้มให้พี่สาวทั้งๆ ดวงตาที่บวมเป่ง เธอจะเอาคำดูถูกของขุนพลมาเป็นแรงผลักดัน เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นคนใหม่ และเธอจะใช้ความสวยของเธอให้เกิดประโยชน์สูงสุด เอาชนะคำดูถูกของคนส่วนมากในสังคม โดยเฉพาะขุนพลที่มองคนแค่ภายนอก *********************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD