“ค่ะแม่”
...
“ก็ปกติค่ะ มีอะไรอีกไหมคะ” ห้าวันจากวันแต่งงานฉันแอบหนีไปเก็บตัวคนเดียวที่คอนโด หนึ่งในสมบัติที่พ่อแม่หามาประเคนให้
ฉันไม่ติดต่อใครเลยและไม่ไปเรียน ฉันกินนอนอยู่แต่ในห้องนี้จนวันที่แม่โทรมาตามให้กลับไปเยี่ยมที่บ้านบ้าง
น้ำเสียงแม่ดูจะคิดถึงฉันแต่ก็ไม่อาจรู้ว่าของจริงไหม
“บอกพี่เขาแล้วใช่ไหมว่าจะค้างที่นี่”
“ค่ะ”
หลังมื้อเย็นอันราบเรียบเงียบกริบผ่านไปฉันก็ตรงกลับขึ้นห้อง
น่าหงุดหงิดชะมัดที่ที่นี่มันคือเซฟโซนของฉัน
บ้านที่ไม่ได้อบอุ่นนักกลับเป็นสถานที่ที่ฉันสบายใจมากที่สุดแล้ว
“งั้นก็นอนซะ”
“ค่ะ”
สถานที่คุ้นเคยทำเอาฉันเคลิ้มหลับแทบจะในทันทีที่หัวตกถึงหมอน
แตกต่างจากคอนโดที่แม้จะอยู่คนเดียว แต่มันทำให้ฉันนอนไม่ได้หลับไม่สนิทนัก
หนุบหนับ~
“ไม่รู้ว่าชุดนอนจะเซ็กซี่ขนาดนี้”
...
“อืม...ขาวจั๊วะ”
“ใครอะ”
“จะใครละครับ ก็ผัวไง”
“ไอ้บ้าไคม์ แกเข้าห้องฉันมาได้ยังไงห้ะ” เช้าวันใหม่ตื่นมาก็เจอไคม์
มันนั่งคร่อมต้นขาของฉันและกำลังลูบไล้ก้นงอน
“ห้องนอนเมียทำไมจะเข้าไม่ได้”
“ฉันไม่ใช่! แกอย่าเอาอะไรแบบนั้นมันยัดเหยียด”
“อะไรแบบนั้นที่ว่ากำลังแข็งจัดเลยตอนเช้าๆ ตอนนี้ มามะ! ผัวจะล้างหน้าไก่ให้”
กรี๊ดดด
มันพูดจาลามกที่คนอย่างฉันไม่อาจเข้าใจเท่าไร แต่สายตาท่าทางบวกกับไอ้นั่นแข็งๆ ที่มัดจ่อก้นฉันอยู่คงเดาได้ไม่ยาก
สองมือของไคม์รั้งมือฉันไว้กับเตียง ส่วนตัวมันก็ลงนอนทับฉันจากด้านหลัง
“ปล่อยนะไอ้ไคม์”
“ผัวขา ไหนลองพูดสิ”
“ไอ้สารเลว”
“เมียดื้อจะโดนผัวเอาจนขาสั่นเลยนะ อยากโดนล้างหน้าไก่หรือไง”
ยอมรับว่าตอนนั้นฉันนึกกลัวไคม์ขึ้นมาจริงๆ
ท่วงท่าสุ่มเสี่ยงแบบนี้ฉันคงไม่อาจสู้มันได้ แค่มันถอดกางเกงชั้นในออกทุกอย่างก็หมดสิ้น
“นายต้องการอะไรไอ้ไคม์”
“เ****น! ผู้ชายเ****นต้องการอะไรละครับ”
“เด็กนายก็มีอยู่เยอะแยะไปเรียกมาสิ”
“มีเมียแล้วก็ต้องเอากับเมียสิ จะมีเมียไว้ทำไมถ้าเอาไม่ได้”
“ไอ้บ้า! นายมาหาฉันก็เพราะเรื่องแค่นี้เหรอ” ฉันหงุดหงิดนะที่มันพูดจาเลวๆ แบบนี้
แต่อยู่ๆ ไคม์ก็ยอมปล่อยมือและลุกออกจากเตียงไปนั่งลงที่พื้น
“เรามาคุยกันหน่อยได้ไหม”
“คุยกันดีๆ หลังจากที่นายจะข่มขืนฉันอะนะ”
“เออ! หรืออยากให้เอาจริงๆ นี้ก็แข็งจริงนะเว้ย จะนั่งคุยหรือนอนคุยว่ามา”
ฉันสัมผัสได้ถึงความแข็งจัดของอวัยวะด้านล่างจริงๆ และฉันก็ไม่เสี่ยงกับสถานการณ์แบบเมื่อกี้อีกแน่นอน
“ขอเบอร์หน่อย”
“ไม่ให้”
“หนูดี! ผัวไม่มีเบอร์เมียมันไม่แปลกไปหน่อยรึไง”
“เอาอีกแหละ! เลิกพูดได้ไหม ผัวๆ เมียๆ” ฉันกลอกตามองบนกับสรรพนามที่ใช้แทนกันระหว่างฉันกับไคม์
อีตานี้พูดแบบนี้ง่ายดีจัง สงสัยเพราะความเคยชิน
“เราต้องปรับตัวให้เคยชินไหมหนูดี เป็นพี่เป็นน้องเขาแต่งงานกันได้มั้ง แต่งด้วยกันแล้วจะให้เป็นอะไร”
“นั่นมันก็ที่คนอื่นเขาเข้าใจแต่ฉันกับนายไม่ใช่ นายไม่ใช่สามีฉัน และฉันก็ไม่ได้อยากใช้สามีร่วมกับผู้หญิงพวกนั้น”
“พวกนั้น? ถามจริงเคยเห็นที่มาแสดงตัวจังๆ สักคนรึยัง พูดอยู่นั่นแหละ เห็นกับตาสักครั้งก็ไม่เคย” ไคม์บ่นกระปอดกระแปดหาว่าฉันใส่ความ
“แล้วที่ฉันโดนตบที่ห้างกับโดนสาดน้ำในห้องน้ำพวกนั้นเป็นใคร มันพูดชัดว่าฉันไปยุ่งกับผัวมัน”
“ผัวของเขาอาจไม่ใช่พี่ก็ได้”
“ฉันไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใครนอกจากนาย”
“ถามจริง”
“เออสิ! ฉันไม่เคยเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนไหนมาก่อน มีแค่นายคนเดียว”
^^
“ยิ้มอะไรวะ” น่าหงุดหงิดชะมัดที่ไคม์เอาแต่ยิ้มเล็กยิ้มน้อย มันเห็นความเดือดร้อนฉันเป็นเรื่องสนุกอย่างนั้นสินะ
“งั้นพี่ก็เป็นคนแรกของเราเลยสิ”
“ใช่! ฉันไม่เคยเกลียดใครเท่านายมาก่อนในชีวิต” สะใจ!
ประโยคใส่อารมณ์ของฉันทำให้ไคม์หุบยิ้มได้ในทันทีที่ได้ยิน
ในเมื่อมันได้ผลขนาดนี้งั้นต้องเอามาพูดบ่อยๆ มันจะได้เลิกวุ่นวายกับชีวิตฉันสักที
“ลุก!!”
แต่ผลกลับไม่เป็นตามที่คาดไว้
เมื่อไอ้บ้าไคม์ฉุดฉันลงจากเตียงแล้วเหวี่ยงเข้าไปในห้องน้ำ “ต้องแปรงฟันซะหน่อยจะได้สะอาดๆ พ่นวาจามาแต่ละคำพาลให้โมโห”
“งั้นนายต้องเปลี่ยนสบู่ล้างหน้าซะหน่อยนะ”
“ทำไม”
“เพราะฉันเหม็น”
“อ๋อ! จะเล่นมุกเหม็นขี้หน้างั้นเหรอ ได้!”