ปากดี 12

1212 Words
ในรั้วมหาลัยผมต้องวิ่งไปวิ่งมาระหว่างคลาสเรียนตัวเองกับของหนูดี ผมมีตารางเรียนของเธอแล้วแต่ก็ยังตื๊อหนูดีขอให้ส่งมาเองเพราะมันมีความหมายมากกว่านั้นเยอะ ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของหนูดี แม้บางอย่างที่ได้มาเพราะต้องบังคับแต่ผมมีความจำเป็นต้องทำในตอนนี้ กลางวันผมจะเฝ้าเธอทุกคลาส ตกเย็นเธอต้องมาชดเชยกรรมด้วยการตามผมไปตรวจดูร้าน ปีสี่แล้วอะไรๆ ก็ยุ่งไปหมดจนแทบไม่มีเวลาพัก ทั้งเรียน ทั้งเมีย ทั้งธุรกิจ จนผมอยากมีสักสามร่างจะได้จัดการทุกอย่างโดยไม่ขาดตกบกพร่อง “มาทำไมทุกวี่ทุกวัน มาแล้วช่วยเขาทำอะไรได้ ฉันไม่เห็นเลยว่าจะมีอะไรคืบหน้า” “ร้านจะเปิดอีกสองสามวันข้างหน้าพี่ต้องมาคุมรายละเอียดไงหนูดี” ผมต้องมาคุมคนงานก่อสร้างด้วยตัวเอง คอยตรวจเช็กทุกจุดให้เรียบร้อยที่สุด เพราะถ้าร้านเปิดให้บริการแล้วมันไม่สามารถปิดปรับปรุงได้อีก เงินที่จ่ายช่างรับเหมาก่อสร้างเรตก็ไม่ได้น้อย ความคาดหวังย่อมสูงตามนั้น “หิว” “อยากกินอะไร” “ซูชิ” “กินอย่างอื่นที่ไม่ใช่ซูชิมั้งได้ไหม พวกก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่งอะไรงี้” “ก็ไปสิ” “โอเค! มีร้านหนึ่งอร่อยมาก” ผมดีใจที่เธอยอมกินอย่างอื่นบ้าง ผมไม่ติดอะไรหรอกถ้าต้องกินซูชิทุกวันละสามมื้อแต่การลองอะไรใหม่ๆ มันคือการเริ่มต้น “ฉันบอกว่าจะกินด้วยรึไง ฉันไม่ได้ห้ามนายไปและฉันก็ไม่เคยชวนนายให้มากินข้าวกับฉัน” “เอาน่าไปลองกินร้านอื่นดู” “ไม่” “ที่บ้านหนูดีก็กินอย่างอื่นได้ แล้วทำไมถึงไม่กินอะไรนอกจากซูชิ” “เพราะแม่บ้านฉันรู้ว่าฉันกินอะไรได้บ้างไม่ได้บ้าง ฉันกินอาหารตามร้านทั่วไปไม่ได้ไง ฉันจะปวดท้อง” “เหรอ” ข้อมูลใหม่ที่ผมได้รับ ดีจังที่เธอยอมเล่าให้ฟังแบบนี้ “ซูชิมีแต่ของดิบทำไมกินได้” “ท้องฉันคงชินกับอะไรพวกนั้นแล้วมั้ง” ในเมื่อได้ยินแบบนี้แล้วผมคงไม่ตื๊อให้เธอลองกินอย่างอื่น ซูชิก็ซูชิสิครับ ของแค่เธอกินได้แล้วไม่ป่วยผมก็โอเคแล้ว วันเปิดสาขาใหม่ “หนูดีเร็วหน่อย” “อะไรอีก” “วันนี้วันเปิดร้านพี่ไง สาขาใหม่” “ไอ้ร้านที่นายลากฉันไปดูทุกวันเหรอ” “ใช่! โธ่เอ๊ย! ไม่เคยใส่ใจกันบ้างเลยนะ” บ่นไปงั้นแหละครับเธอไม่สนใจเหรอว่าทุกวันนี้ผมวิ่งจนขาขวิดแค่ไหน เด็กปีสามตารางเรียนแน่นกว่าเด็กปีสี่หลายหน่วยกิตแต่ผมก็ต้องตามวิ่งรอกมาเฝ้า “ทำไมฉันต้องไปด้วยเนี้ย” “ผัวเปิดร้านใหม่ เมียไม่ไปได้เหรอ” “ร้านนายนี้ไม่ใช่ร้านฉัน” “แต่เราเป็นเมียพี่นะ” “พูดอยู่นั่นแหละกลัวลืมเหรอห้ะ” “พี่พูดให้เราไม่ลืมต่างหาก ดูหน้าให้ชัดๆ คนนี้ผัว!!!” ผมประกบแก้มนุ่มนิ่มของหนูดีให้เราทั้งคู่สบตากัน ตั้งแต่ครั้งนั้นที่จูบกันผมก็ไม่ได้มองหน้าเธอชัดๆ แบบนี้ แก้มใสมีสีเลือดฝาดขึ้นในทันใด ดวงตากลมโตระยะใกล้และลมหายใจร้อนๆ ของเธอพาลหัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมาข้างนอก “อย่ามาจับ” “เคยยิ่งกว่าจับอีก” “ไอ้ไคม์//หนูดี” ผมไม่ทันมองครับว่ามีอีกคนเห็นระหว่างเราสองคนเถียงกัน หนูดีดึงความสนใจผมจากทุกอย่างในโลกให้จดจ่ออยู่ที่เธอคนเดียว “มินขอคุยกับเพื่อนสักครู่ได้ไหมคะ” “มิน! แกต้องขออนุญาตทำไมห้ะ” “รีบหน่อยแล้วกันนะครับผมกับหนูดีมีธุระ หนูดีพี่รอในรถนะ” ห้างสรรพสินค้า “เป็นอะไรรึเปล่าหนูดี” “ฉันจะเป็นอะไร” “ก็เป็นเมียพี่ไงครับ” เปี๊ยะ!! ไม่รู้ว่าเพื่อนคนนั้นมาคุยอะไรกับหนูดี เธอดูซึมๆ ไปเลยหลังจากที่หายกันไปคุยกันพักใหญ่จนผมต้องลงไปตาม ยัยแสบเหม่อลอยเหมือนมีอะไรให้คิดทั้งที่ปกติดูเป็นคนไม่เก็บอารมณ์ของตัวเองด้วยซ้ำ “เป็นเจ้ากรรมนายเวรมากกว่า” “งั้นก็ใช้กรรมมาซะดีๆ” “สนุกมากนักเหรอ เดี๋ยวเถอะ อุ๊ย!” แกล้งเธอคืองานประจำของผมและหนูดีคนเดิมก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เพียงแต่ครั้งนี้เธอคงใส่อารมณ์มากไปนิดเล็บก็เลยเกี่ยวเสื้อผมเข้าให้จนฉีก “เจ็บไหมหนูดี” “มันเป็นอะคริลิค” “จะต่อให้ยาวแบบนี้ทำไมห้ะ ทำอย่างกับจะไปรำฟ้อนเล็บ” “เอาไว้ข่วนหน้านายไง อุ๊ย!” รอยฉีกที่มีอยู่ก่อนเริ่มวิ่งเป็นทางยาว ขืนไปไว้นานกว่านี้มันอาจจะเข้าเนื้อเธอได้ “นั่งลง” “ไม่ต้อง! เดี๋ยวฉันไปทำที่ร้านประจำ” “ผัวเป็นเจ้าของร้านทำเล็บแต่เมียยังไปร้านอื่นอีกนะ” “นายอายเหรอที่ฉันไปทำร้านคู่แข่ง” “อย่าเรียกว่าร้านคู่แข่ง ร้านนั้นเทียบเกรดพี่ไม่ได้นะครับ ของมันคนละระดับกัน” “ของนายเกรดล่างกว่าสินะ” “โว๊ย! พูดมากนั่งลงเลยจะถอดเล็บให้” ดีนะที่เมียรักสวยรักงามชอบทำเล็บเป็นประจำ แต่การจะทำให้หนูดีเชื่อมั่นในแบรนด์ของผมนั้นก็ต้องให้เธอได้พิสูจน์กับตัวเอง และคนเดียวที่จะถอดเขี้ยวเล็บเธอได้เห็นทีจะมีแค่ผม “เอ๊ะ! เดี๋ยวฉันไปทำร้านเดิม” “ร้านที่ไหนก็สู้ผัวทำให้ไม่ได้หรอก นั่งลง” “ช่างเขาต้องนั่งตรงข้ามสิ” “มุมนี้แหละ เหมือนได้ทำให้ตัวเอง” ผมกดบ่าหนูดีนั่งลงกับเก้าอี้โดยมีตัวเองนั่งซ้อนหลัง บางครั้งก็ถือโอกาสจูบซอกคอบ้าง แก้มบ้างถือเป็นค่าจ้างทำเล็บ ยัยแสบจอมอวดเก่งนั่งตัวเกร็งไม่ว่าสักคำที่ผมฉวยโอกาสแบบนี้ “จะเสร็จได้รึยัง” “อยากได้ของดีก็ต้องใจเย็นครับ พี่ไม่ได้ทำช้านะแต่ใส่ใจและละเอียด” “จะทาอะไรนักหนา อีแค่สีเดียวทามันอยู่ได้” ^^ เล็บหนูดีบางและอ่อนแอมากเพราะเธอไม่เคยปล่อยให้มันได้พักเลย ผมจึงตัดซะสั้นกุดพร้อมเคลือบและบำรุงไปหลายชั้นเพื่อให้ชั้นเล็บมันหนาขึ้น ที่เหลือก็แค่รอเวลาให้มันได้ฟื้นฟูตามธรรมชาติ “เนี้ยนะของดีมีคุณภาพ” เธอโวยเมื่อเล็บสีชมพูนู๊ดอมน้ำตาลจางๆ แต่งปลายเล็บสีขาวนี้ดูธรรมดาเกินกว่าที่คุยไว้ สำหรับผมแล้วมันสุขภาพดีและไม่เยอะจนเกินไป แบบนี้เหมาะกับหนูดีมากกว่าต่อยาวและแต่งอะไรเยอะแยะ “พี่ว่าแบบนี้เหมาะกับหนูดีนะแล้ว” “เนี้ยนะ! โคตรจะธรรมดา...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD