ในรั้วมหาลัยผมต้องวิ่งไปวิ่งมาระหว่างคลาสเรียนตัวเองกับของหนูดี
ผมมีตารางเรียนของเธอแล้วแต่ก็ยังตื๊อหนูดีขอให้ส่งมาเองเพราะมันมีความหมายมากกว่านั้นเยอะ
ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของหนูดี
แม้บางอย่างที่ได้มาเพราะต้องบังคับแต่ผมมีความจำเป็นต้องทำในตอนนี้
กลางวันผมจะเฝ้าเธอทุกคลาส ตกเย็นเธอต้องมาชดเชยกรรมด้วยการตามผมไปตรวจดูร้าน
ปีสี่แล้วอะไรๆ ก็ยุ่งไปหมดจนแทบไม่มีเวลาพัก ทั้งเรียน ทั้งเมีย ทั้งธุรกิจ จนผมอยากมีสักสามร่างจะได้จัดการทุกอย่างโดยไม่ขาดตกบกพร่อง
“มาทำไมทุกวี่ทุกวัน มาแล้วช่วยเขาทำอะไรได้ ฉันไม่เห็นเลยว่าจะมีอะไรคืบหน้า”
“ร้านจะเปิดอีกสองสามวันข้างหน้าพี่ต้องมาคุมรายละเอียดไงหนูดี” ผมต้องมาคุมคนงานก่อสร้างด้วยตัวเอง คอยตรวจเช็กทุกจุดให้เรียบร้อยที่สุด เพราะถ้าร้านเปิดให้บริการแล้วมันไม่สามารถปิดปรับปรุงได้อีก
เงินที่จ่ายช่างรับเหมาก่อสร้างเรตก็ไม่ได้น้อย ความคาดหวังย่อมสูงตามนั้น
“หิว”
“อยากกินอะไร”
“ซูชิ”
“กินอย่างอื่นที่ไม่ใช่ซูชิมั้งได้ไหม พวกก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่งอะไรงี้”
“ก็ไปสิ”
“โอเค! มีร้านหนึ่งอร่อยมาก” ผมดีใจที่เธอยอมกินอย่างอื่นบ้าง
ผมไม่ติดอะไรหรอกถ้าต้องกินซูชิทุกวันละสามมื้อแต่การลองอะไรใหม่ๆ มันคือการเริ่มต้น
“ฉันบอกว่าจะกินด้วยรึไง ฉันไม่ได้ห้ามนายไปและฉันก็ไม่เคยชวนนายให้มากินข้าวกับฉัน”
“เอาน่าไปลองกินร้านอื่นดู”
“ไม่”
“ที่บ้านหนูดีก็กินอย่างอื่นได้ แล้วทำไมถึงไม่กินอะไรนอกจากซูชิ”
“เพราะแม่บ้านฉันรู้ว่าฉันกินอะไรได้บ้างไม่ได้บ้าง ฉันกินอาหารตามร้านทั่วไปไม่ได้ไง ฉันจะปวดท้อง”
“เหรอ”
ข้อมูลใหม่ที่ผมได้รับ ดีจังที่เธอยอมเล่าให้ฟังแบบนี้
“ซูชิมีแต่ของดิบทำไมกินได้”
“ท้องฉันคงชินกับอะไรพวกนั้นแล้วมั้ง”
ในเมื่อได้ยินแบบนี้แล้วผมคงไม่ตื๊อให้เธอลองกินอย่างอื่น
ซูชิก็ซูชิสิครับ ของแค่เธอกินได้แล้วไม่ป่วยผมก็โอเคแล้ว
วันเปิดสาขาใหม่
“หนูดีเร็วหน่อย”
“อะไรอีก”
“วันนี้วันเปิดร้านพี่ไง สาขาใหม่”
“ไอ้ร้านที่นายลากฉันไปดูทุกวันเหรอ”
“ใช่! โธ่เอ๊ย! ไม่เคยใส่ใจกันบ้างเลยนะ” บ่นไปงั้นแหละครับเธอไม่สนใจเหรอว่าทุกวันนี้ผมวิ่งจนขาขวิดแค่ไหน
เด็กปีสามตารางเรียนแน่นกว่าเด็กปีสี่หลายหน่วยกิตแต่ผมก็ต้องตามวิ่งรอกมาเฝ้า
“ทำไมฉันต้องไปด้วยเนี้ย”
“ผัวเปิดร้านใหม่ เมียไม่ไปได้เหรอ”
“ร้านนายนี้ไม่ใช่ร้านฉัน”
“แต่เราเป็นเมียพี่นะ”
“พูดอยู่นั่นแหละกลัวลืมเหรอห้ะ”
“พี่พูดให้เราไม่ลืมต่างหาก ดูหน้าให้ชัดๆ คนนี้ผัว!!!” ผมประกบแก้มนุ่มนิ่มของหนูดีให้เราทั้งคู่สบตากัน ตั้งแต่ครั้งนั้นที่จูบกันผมก็ไม่ได้มองหน้าเธอชัดๆ แบบนี้
แก้มใสมีสีเลือดฝาดขึ้นในทันใด ดวงตากลมโตระยะใกล้และลมหายใจร้อนๆ ของเธอพาลหัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมาข้างนอก
“อย่ามาจับ”
“เคยยิ่งกว่าจับอีก”
“ไอ้ไคม์//หนูดี”
ผมไม่ทันมองครับว่ามีอีกคนเห็นระหว่างเราสองคนเถียงกัน หนูดีดึงความสนใจผมจากทุกอย่างในโลกให้จดจ่ออยู่ที่เธอคนเดียว
“มินขอคุยกับเพื่อนสักครู่ได้ไหมคะ”
“มิน! แกต้องขออนุญาตทำไมห้ะ”
“รีบหน่อยแล้วกันนะครับผมกับหนูดีมีธุระ หนูดีพี่รอในรถนะ”
ห้างสรรพสินค้า
“เป็นอะไรรึเปล่าหนูดี”
“ฉันจะเป็นอะไร”
“ก็เป็นเมียพี่ไงครับ”
เปี๊ยะ!!
ไม่รู้ว่าเพื่อนคนนั้นมาคุยอะไรกับหนูดี เธอดูซึมๆ ไปเลยหลังจากที่หายกันไปคุยกันพักใหญ่จนผมต้องลงไปตาม
ยัยแสบเหม่อลอยเหมือนมีอะไรให้คิดทั้งที่ปกติดูเป็นคนไม่เก็บอารมณ์ของตัวเองด้วยซ้ำ
“เป็นเจ้ากรรมนายเวรมากกว่า”
“งั้นก็ใช้กรรมมาซะดีๆ”
“สนุกมากนักเหรอ เดี๋ยวเถอะ อุ๊ย!” แกล้งเธอคืองานประจำของผมและหนูดีคนเดิมก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
เพียงแต่ครั้งนี้เธอคงใส่อารมณ์มากไปนิดเล็บก็เลยเกี่ยวเสื้อผมเข้าให้จนฉีก
“เจ็บไหมหนูดี”
“มันเป็นอะคริลิค”
“จะต่อให้ยาวแบบนี้ทำไมห้ะ ทำอย่างกับจะไปรำฟ้อนเล็บ”
“เอาไว้ข่วนหน้านายไง อุ๊ย!” รอยฉีกที่มีอยู่ก่อนเริ่มวิ่งเป็นทางยาว ขืนไปไว้นานกว่านี้มันอาจจะเข้าเนื้อเธอได้
“นั่งลง”
“ไม่ต้อง! เดี๋ยวฉันไปทำที่ร้านประจำ”
“ผัวเป็นเจ้าของร้านทำเล็บแต่เมียยังไปร้านอื่นอีกนะ”
“นายอายเหรอที่ฉันไปทำร้านคู่แข่ง”
“อย่าเรียกว่าร้านคู่แข่ง ร้านนั้นเทียบเกรดพี่ไม่ได้นะครับ ของมันคนละระดับกัน”
“ของนายเกรดล่างกว่าสินะ”
“โว๊ย! พูดมากนั่งลงเลยจะถอดเล็บให้” ดีนะที่เมียรักสวยรักงามชอบทำเล็บเป็นประจำ แต่การจะทำให้หนูดีเชื่อมั่นในแบรนด์ของผมนั้นก็ต้องให้เธอได้พิสูจน์กับตัวเอง และคนเดียวที่จะถอดเขี้ยวเล็บเธอได้เห็นทีจะมีแค่ผม
“เอ๊ะ! เดี๋ยวฉันไปทำร้านเดิม”
“ร้านที่ไหนก็สู้ผัวทำให้ไม่ได้หรอก นั่งลง”
“ช่างเขาต้องนั่งตรงข้ามสิ”
“มุมนี้แหละ เหมือนได้ทำให้ตัวเอง” ผมกดบ่าหนูดีนั่งลงกับเก้าอี้โดยมีตัวเองนั่งซ้อนหลัง
บางครั้งก็ถือโอกาสจูบซอกคอบ้าง แก้มบ้างถือเป็นค่าจ้างทำเล็บ
ยัยแสบจอมอวดเก่งนั่งตัวเกร็งไม่ว่าสักคำที่ผมฉวยโอกาสแบบนี้
“จะเสร็จได้รึยัง”
“อยากได้ของดีก็ต้องใจเย็นครับ พี่ไม่ได้ทำช้านะแต่ใส่ใจและละเอียด”
“จะทาอะไรนักหนา อีแค่สีเดียวทามันอยู่ได้”
^^
เล็บหนูดีบางและอ่อนแอมากเพราะเธอไม่เคยปล่อยให้มันได้พักเลย ผมจึงตัดซะสั้นกุดพร้อมเคลือบและบำรุงไปหลายชั้นเพื่อให้ชั้นเล็บมันหนาขึ้น
ที่เหลือก็แค่รอเวลาให้มันได้ฟื้นฟูตามธรรมชาติ
“เนี้ยนะของดีมีคุณภาพ”
เธอโวยเมื่อเล็บสีชมพูนู๊ดอมน้ำตาลจางๆ แต่งปลายเล็บสีขาวนี้ดูธรรมดาเกินกว่าที่คุยไว้
สำหรับผมแล้วมันสุขภาพดีและไม่เยอะจนเกินไป แบบนี้เหมาะกับหนูดีมากกว่าต่อยาวและแต่งอะไรเยอะแยะ
“พี่ว่าแบบนี้เหมาะกับหนูดีนะแล้ว”
“เนี้ยนะ! โคตรจะธรรมดา...”