“ครอบครัวต้องตกต่ำเพราะการกระทำของแก”
เสียงนี้ดังก้องในหูทั้งคืนจนฉันไม่ได้หลับไม่ได้นอน ฉันไม่รู้ว่าบรรยากาศภายในบ้านมันแย่ลงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร
อาจจะเริ่มตั้งแต่ตอนฉันเข้ามหาวิทยาลัยและไม่เรียนคณะเดียวกับที่พ่อแม่เลือก
ฉันไม่ชอบยุ่งกับใครฉะนั้นจึงไม่รับช่วงต่อธุรกิจงานโรงแรมของครอบครัว และเบื่อการเมืองอันเน่าเฟะ ฉะนั้นจึงไม่ยอมเข้าคณะเดียวกับมินตรา
รอยร้าวในความสัมพันธ์มันอาจจะก่อตัวขึ้นนับตั้งแต่ตอนนั้น
ฉันนอนคิดหาสาเหตุว่าต้องทำยังไงกับสภาพครอบครัวที่ย่ำแย่ ฉันควรจะเริ่มที่ตรงไหน
“เย็นนี้บ้านนั้นจะมากินข้าวด้วย”
“บ้านไหนคะ”
“แกมีหลายคนนักหรือไง”
“มินเหรอคะ” ฉันดีใจหากบ้านมินจะมา
เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องฉันยังไม่ได้คุยกับมินเลย ไม่รู้ว่ายัยนั่นจะเห็นเหตุการณ์อะไรบ้าง และคำบอกเล่าของมินจะได้ลบล้างมลทินให้ฉันได้
แม่คิดว่าฉันทำเรื่องอุบาทว์กับไคม์ทั้งๆ ที่ยังอยู่ในเครื่องแบบนักศึกษา
แต่ความหวังกลับทลายพังลงเมื่อคนที่มานั้นไม่ใช่!
“คุณลุงกิตติ,คุณป้าดุจดาวสวัสดีครับ”
“สบายดีนะชีวา,ไคม์”
“ค่ะพี่กิต”
“เราไปนั่งทานอาหารกันดีกว่านะกำลังร้อนๆ”
ผู้ใหญ่ทั้งสามพูดคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วๆ ไปแต่ฉันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเรื่องไม่ชอบมาพากล
ไคม์ที่แต่ก่อนเคยยิ้มร่าหน้าชื่นตาบานคุยกับเขาได้ทั่วก็นิ่งไปมากเช่นกัน ถ้าผู้ใหญ่ไม่เอ่ยถามเขาก็ตักข้าวทานไปเงียบๆ มีเพียงบางครั้งที่เราเผลอเหลือบสบตากันเท่านั้น
“พาพี่เขาไปเดินเล่นที่สระว่ายน้ำหลังบ้านหน่อยสิหนูดี”
“ค่ะ!?”
“ทางนี้ใช่ไหมครับ ป้ะครับหนูดี” ไคม์คงเข้าใจท่าทีผู้ใหญ่ว่าพวกเขามีเรื่องจะปรึกษากันและต้องการให้ฉันกับไคม์ออกไปไกลๆ
สวนหลังบ้านติดสระว่ายน้ำบรรยากาศเงียบและกดดันกว่าที่เคยเพราะฉันต้องอยู่กับคนที่ไม่คุ้นชิน
“นายกับป้ามาทำไม คงไม่ได้มาแค่กินข้าว”
“คุณลุงคุณป้ายังไม่ได้บอกเหรอ”
“บอกอะไร”
“ก็ไหนว่าหนูดีตกลงแล้วไง สรุปคือ!?”
ฉันคนเดียวที่ไม่รู้ว่าทุกคนกำลังทำอะไรกัน แต่เพราะฉันคงไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรทั้งนั้น ฉันจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้
มองในแง่ดีก็อาจเป็นเพราะเรื่องนี้มันคงไม่เกี่ยวกับฉันก็ได้
“อีกสามวัน”
“ทำไม”
“ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้พร้อมแล้วหนูดี อีกสามวัน เราต้องแต่งงานกัน”
...
“แต่งงาน?”
ฉันนิ่งไปพักหนึ่งเลยแต่ก็ไม่ได้เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้
ภาพข่าวของฉันขณะกำลังคร่อมเอวไคม์ กอดคอ จูบปาก แลกลิ้นกันอย่างร้อนแรงบนรถตู้คันใหญ่กระแสก็ยังไม่แผ่วลง
การแต่งงานคงจะเป็นการแก้ต่างที่ดีที่สุดเพื่อรักษาหน้าคุณหญิงดุจดาว ประธานสมาคมกุลสตรีไทยกับช่วยให้พ่อได้เข้ามาเล่นการเมืองได้
นี้แหละทางแก้ที่ทุกคนต้องการ โดยที่ฉันไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้
“หนูดี”
“อีกสามวันเหรอ”
“จริงใช่ไหมที่หนูดีตกลงแล้ว”
“อืม”
สถานการณ์นี้ฉันจะตอบไคม์ว่าอะไรได้
ฉันอยากให้เรื่องบ้าๆ ทั้งหมดนี้รีบๆ มาถึงเพื่อจะได้ผ่านไปสักที
เช้าวันต่อมา
“เจ้าบ่าวโอบเอวเจ้าสาวแน่นๆ นะครับ เจ้าสาวมองตาเจ้าบ่าวแล้วก็...ยิ้ม!”
แชะ!
“ดีมากครับ คราวนี้มองกล้องนะครับ”
แชะ!
หนึ่งในอุปกรณ์ประกอบพิธีแต่งงานหนีไม่พ้นต้องมีภาพถ่ายเพื่อยืนยันความรักของคนสองคน
อีกครั้งที่ฉันทำตามไปส่งๆ เพราะไม่อยากเรื่องมาก ถ่ายเสร็จจะได้แยกย้ายทางใครทางมัน
“พี่ไปส่งนะหนูดี”
“ไม่ต้อง! ฉันขับรถมา”
“โอเคหรือเปล่าหนูดี ปกติใช่ไหม”
“ฉันดูไม่ปกติตรงไหน หลบ! ฉันจะกลับบ้านแล้ว” อาจเป็นเพราะฉันกำลังซ้อมความอดทนจึงทำให้ฉันดูนิ่งกว่าที่เคย
แต่มันน่าหงุดหงิดนะที่ไคม์ถาม
แล้วถ้าฉันไม่โอเคแต่ฉันจะทำอะไรได้
ถามทำไม ฉันตอบแล้วจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างนั้นเหรอ
“เดี๋ยว! ได้ล้างแผลบ้างหรือเปล่า ไปทำเล็บไหม วันนั้นเล็บเราน่าจะเลอะเลือด”
ไคม์จับมือฉันไปดูจึงเห็นว่าปัญหานั่นฉันจัดการเองแล้ว ฉันกลับไปที่ร้านประจำของตัวเองและทำใหม่เรียบร้อยรวมทั้งล้างแผล
“อ้าว...เรียบร้อยแล้วเหรอ”
“ใช่! คราวนี้ฉันจะไปได้หรือยัง”
“อืม”