01 นางแบบอัจฉริยะ
ส้ม สาวิตรีนางแบบสาวสวยวัย 32 ปี ด้วยวัยของเธอเรียกว่าอยู่ในช่วงขาลงของอาชีพ ที่ยังมีชื่อเสียงและมีงานต่อเนื่อง เพราะเธอลองเข้าทดสอบระดับ IQ จากสถาบันไอคิวจีเนียสที่บริษัทต้นสังกัดจัดให้ ผลทดสอบไอคิวของส้มได้ 142 เข้าขั้นอัจฉริยะ แม้ผลจะต่ำที่สุดในบรรดาอัจฉริยะ 7 คนของบริษัท แต่เธอเป็นเพียงคนเดียวที่เป็นนางแบบ จึงทำให้ชื่อเสียงของเธอหอมหวนขึ้นมา ถูกสื่อตั้งฉายาว่า ‘นางแบบอัจฉริยะ’
งานนางแบบที่มีคนจ้างน้อยลงทุกที กลับมีคนจ้างเพิ่มขึ้นและค่าจ้างสูงขึ้นพอควร เพราะชื่อเสียงอัจฉริยะของเธอ ส้มรู้ว่าถึงจะดังแต่ก็ไม่นาน เป็นช่วงเวลาสุดท้ายสำหรับขาขึ้นของอาชีพแล้ว เธอจึงดิ้นรนหางานประจำทำ
เมื่อถูกเสนองานเลขาของรองประธานบริษัท แม้เงินเดือนน้อยมาก หากข้อดีคือเธอสามารถลางานเมื่อไหร่และบ่อยแค่ไหนก็ได้ เพื่อไปถ่ายแบบที่มีรายได้มากกว่าหลายเท่า แถมเวลาเกิดปัญหานางแบบป่วย นางแบบเบี้ยวคิว ส้มเป็นคนแรกที่จะถูกเรียกไปถ่ายแบบและรับเงินค่าตัวแทนนางแบบคนนั้นได้เลย
หกโมงครึ่งหลังเลิกงาน ส้มก้าวลงจากบริษัทตรงไปยังวินมอเตอร์ไซค์ที่คนรอคิวยาวเหยียด เธอเดินผ่านวินมอเตอร์ไซค์คนหนึ่งที่นั่งบนพื้นต่างระดับ เขาถือหนังสือภาษาอังกฤษข้างหนึ่ง อีกมือกำลังจดคำแปลภาษาไทยลงสมุด ส้มก้มลงไปมอง
“คำนี้แปลผิดแล้วค่ะ” ส้มชี้บนสมุด
“อ่ะ ครับ”
“Treasure แปลว่า สมบัติก็จริง แต่ประโยคนี้หมายถึงคนรักค่ะ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ” จักรินทร์หยิบยางลบเปื้อนสีดำมาลบแล้วเขียนใหม่
ส้มมองดินสอในมือใหญ่หยาบ ดินสอเก่าๆ ยาวประมาณหนึ่งนิ้วครึ่ง กุดจนเขียนลำบาก
“คุณส้มต้องการวินรึเปล่าครับ” วินมอเตอร์ไซค์ที่เพิ่งเอารถเข้ามาจอดตะโกนถาม เพราะส้มไม่ได้ยืนรอคิวตรงแถวเหมือนคนอื่น
“ค่ะ” ส้มตอบกลับ
“จักร ไปส่งพี่ส้มหน่อย คุณส้มไปกับมันเลยครับไม่ต้องรอคิว” วินมอเตอร์ไซค์คันนั้นรับผู้โดยสารและขับออกไป
จักรินทร์ลุกขึ้นเอามือปัดก้นที่เปื้อนฝุ่น ยัดหนังสือภาษาอังกฤษกับสมุดเล่มบางเหน็บเอวกางเกงแล้วเอาเสื้อแจ็คเก็ตคลุมอีกที เขาเดินไปที่มอเตอร์ไซค์แล้วสตาร์ทเครื่องรอ
ส้มอยากปฏิเสธเพราะเหมือนเธอแซงคิวคนอื่น บริษัท Talent อยู่ใจกลางสีลม พื้นที่ชั้นล่างเป็นห้างหรูขนาดใหญ่ ชั้นบนเป็นส่วนสำนักงานและโรงแรมห้าดาว ช่วงเย็นแบบนี้คนรอมอเตอร์ไซค์กันเพียบ สายตาสิบกว่าคู่จ้องมาที่ส้ม เฮือก... รีบชิ่งดีกว่า ส้มจึงโดดขึ้นซ้อนท้ายและแจ้งจุดหมายปลายทาง
เมื่อมาถึงคอนโดในซอยลึกย่านเดียวกัน เธอจ่ายเงินค่าโดยสารตามเรทปกติโดยไม่ถามราคา จักรินทร์มองตามหลังนางแบบคนสวยจนเธอลับสายตา
......................................
จักรินทร์ขับมอเตอร์ไซค์กลับมาที่เดิม เขาตรงไปจอดหน้าสาวสวยผิวคล้ำหน้าตาคมเข้ม
“ไปไหนมายะ ชั้นยืนรอตั้งนาน” เจนวีนเสียงดัง
“ไปส่งลูกค้าแถวนี้ ได้เงินมาสี่สิบ” จักรินทร์ตอบเรียบๆ ในใจคิดว่านานที่ไหนกัน ไป-กลับยังไม่ถึง 20 นาทีเลย
“อ้อ แล้วไป” พอรู้ว่าได้เงินเจนก็ยิ้มกริ่มไม่ว่าอะไรที่ต้องยืนรอ
จักรินทร์ขับรถมาส่งเจนและช่วยยกของเข้าไปในห้องคับแคบที่แออัดอยู่กัน 4 คน เจนพี่สาวคนโต จักรินทร์น้องชายคนรอง กับน้องวัยประถมอีกสองคน หอพักนี้ระดับดีพอควร แต่พวกเขาอาศัยอยู่ห้องพักคนงานซึ่งเจ้าของแบ่งให้เช่า
ของที่เจนหอบกลับมาคือกระดาษหลายพันใบ ต้องการให้คนพับเป็นกล่องเอาโฟมละเอียดวางด้านในสำหรับเป็นกล่องใส่สินค้า เจนสองวิธีพับให้น้องชายและน้องสาววัยประถม เด็กๆ มักนั่งทำงานพวกนี้ในเวลาว่างเพื่อเป็นรายได้พิเศษ
“จักรไปซื้อกับข้าวหน่อย” เจนตักข้าวสารลงหม้อหุงข้าว
“เงินล่ะ”
“เมื่อกี้ได้มาสี่สิบไม่ใช่หรือ”
“ครับ” จักรินทร์ละเหี่ยใจ สี่สิบซื้อไรได้บ้างหว่า เอาเหอะวันนี้พี่สาวเขาไม่ได้ไปขายของตลาดนัดคงไม่มีเงิน ควักเงินตัวเองออกก็ได้
จักรินทร์ขับมอเตอร์ไซค์ไปจอดร้านกับข้าวแห่งหนึ่ง แม่ค้าเป็นภรรยาของเพื่อนวินเดียวกัน เขาจึงมาซื้อร้านนี้ประจำ
“พะโล้ขายยังไงครับ”
“30 บาทจ้า”
“ได้ไข่กี่ฟองครับ”
“สองฟองจ้า”
“อืม...” จักรินทร์คิดอยู่ครู่หนึ่ง “เพิ่มไข่อีกฟองกี่บาทครับ”
“สิบบาทจ้า”
“งั้นเพิ่มไข่อีกฟองครับ ขอน้ำเยอะๆได้ไหมครับ” จักรินทร์ควักเงินให้แม่ค้า 40 บาท
“ได้จ้า” แม่ค้าตักเต้าหู้ให้ 4 ชิ้น กับหมูชิ้นใหญ่อีกสองชิ้น เธอรู้ว่าจักรินทร์ลำบากและเป็นคนดีจึงมักแถมนั่นนี่ให้เป็นพิเศษเสมอ
กลับมาถึงห้อง ยื่นถุงกับข้าวให้เจน เขามานั่งดูน้องๆ พับกล่อง
“พี่ช่วยไหม” จักรินทร์ยื่นมือไปกองวัสดุ
“ไม่เอา พี่จักรมือหนักเดี๋ยวทำพังแล้วพวกผมโดนหักเงินอีก” น้องชายรีบเอามือกัน
น้องสาวคนเล็กทำท่าสยองขวัญใส่จักรินทร์ เออ...ไม่ช่วยก็ได้เว้ย จักรินทร์หันไปหยิบหนังสือเรียนมาอ่าน รอข้าวหุงเสร็จ
พะโล้ตั้งกลางวง ทุกคนมองและนับจำนวนอย่างรวดเร็ว ตักเต้าหู้ไปคนละชิ้น
“เอาไข่ไปเหอะ พี่ไม่กิน” จักรินทร์บอกน้องและตักหมูขึ้นมาหนึ่งชิ้นจากสองชิ้น
น้องเล็กตักไข่ไปคนละฟอง แต่ไม่กล้าตักหมูที่เหลืออีกชิ้น เจนเลยตักใส่จานตัวเองคนเดียว
แหมะ !!! อยู่ๆ เจนก็เอาไข่พะโล้ใส่จานของจักรินทร์ เขาหันไปเห็นเจนเอาช้อนตัดหมูในจานตัวเองแบ่งเป็นสามส่วน แบ่งให้น้องๆ คนละชิ้น จักรินทร์ยิ้มกว้าง ถึงพี่สาวเขาจะปากร้ายและชอบตบตีเขาบางครั้ง แต่เสียสละเป็นที่สุด เขารักพี่สาวมากเลย
“จักรจะไปวิ่งวินก็ไป พี่ล้างจานเอง” เจนหยิบจานออกไปที่ระเบียง
น้องสองคนเริ่มพับกล่องต่อ
จักรินทร์ขับมอเตอร์ไซค์ไปปากซอย ที่ตั้งวินประจำของเขา
“อ้าว ทำไมเพิ่งมา วันนี้วิ่งวินไหม” หัวหน้าวินถาม
“วิ่งครับพี่”
“ดึกแล้ว พี่คิดร้อยเดียวพอ” ปกติค่าเช่าเสื้อวินวันละ 150 บาท
“ผมวิ่งได้เงินแล้วค่อยมาจ่ายได้ไหมครับ” จักรินทร์ยกมือไหว้หัวหน้าวิน
“ได้ คนกันเอง” หัวหน้าวินหยิบเสื้อวินสีส้มให้จักรินทร์
ลูกค้าไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ สี่ทุ่มเขาจ่ายค่าเช่าเสื้อวินหนึ่งร้อย เก็บไว้หนึ่งร้อยให้พี่พลรบเป็นค่าเช่ามอเตอร์ไซค์รายวัน เติมน้ำมันแล้วเหลือเงินอีก 70 กว่าบาท จักรินทร์แวะซื้อหมูปิ้งสามไม้ 20 บาท เงินที่เหลือตั้งใจเป็นค่าใช้จ่ายวันพรุ่งนี้
จักรินทร์กลับเข้าห้อง วางหมูปิ้งสามไม้กลางวงพี่น้องที่กำลังพับกล่องกระดาษ เขาอาบน้ำและหลับเป็นตาย ลืมเรื่องนางแบบส้มคนสวยซะสนิท
......................................
นอกจากวิ่งวินเป็นงานหลัก ใครจ้างอะไรจักรินทร์รับหมด วันนี้เขาถูกจ้างมาส่งเอกสารที่บริษัท Talent เอกสารต้องส่งไปมาหลายที่ เขาขับมอเตอร์ไซค์วนไปมาหลายรอบ
“ขอโทษครับ แผนกสวัสดิการอยู่ไหนครับ” จักรินทร์ถามคนแถวนั้น
“แผนกธุรการรึเปล่าคะ” พนักงานงงเพราะไม่รู้จักแผนกสวัสดิการ
“แผนกธุรการผมรู้จักครับ หน้าซองเอกสารเขียนว่าส่งแผนกสวัสดิการ” จักรินทร์ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้พนักงานดู แต่พนักงานยังไม่รู้จักแผนกนี้ แม้จะระบุว่าอยู่ชั้นเดียวกัน
สงสัยต้องขึ้นไปถามแผนกเลขาแล้ว จักรินทร์ยังไม่ทันไปแผนกเลขาก็เจอนางแบบส้มซะก่อน
“พี่ส้มคะ คนส่งเอกสารเขามาถามหาแผนกสวัสดิการ พี่ส้มพอรู้ไหมคะ” พนักงานช่วยถามแทนจักรินทร์
“อ้อ แผนกนี้อยู่รวมกับบริษัทโบรกเกอร์ BEST ที่มาเช่าพื้นที่สำนักงานค่ะ เดี๋ยวพี่พาไปเอง” ส้มเดินนำวินมอเตอร์ไซค์ไปยังส่วนที่ขึ้นป้ายว่าบริษัท BEST
จักรินทร์มัวแต่หาคนเซ็นเอกสาร พอหันกลับไปจะขอบคุณ ส้มก็ไม่อยู่แล้ว
......................................
วันนี้จักรินทร์มาส่งเจนที่ขนกล่องพับแล้วบางส่วนมารับเงินค่าจ้าง เขานั่งอ่านหนังสือปนกับวินมอเตอร์ไซค์หน้าตึกรอเจนเช่นเคย
หนังสือสามเล่มถูกยื่นตรงหน้าจักรินทร์ เขาเงยหน้าขึ้นมอง
“เอาไปสิพี่อ่านจบแล้ว” ส้มยิ้มอ่อนโยน
“ขอบคุณครับ” จักรินทร์พนมมือไหว้
ส้มเดินต่อไปขึ้นวินมอเตอร์ไซค์ ตอนนี้เป็นช่วงบ่ายคนเลยไม่เยอะนัก ไม่ต้องรอคิว จักรินทร์มองตามส้มอย่างชื่นชม
“พี่เจนรู้จักคนชื่อส้มไหม อายุประมาณสามสิบ ผมคุ้นหน้าบอกไม่ถูก”
“รู้สิ แต่ปัญหาคือส้มไหนล่ะยะ ชื่อโหลจะตาย”
“เค้าเอาหนังสือให้ผมสามเล่มด้วย” จักรินทร์ยื่นหนังสือให้เจนดู
“โห... มีแต่ยากๆ ทั้งนั้น อ้อ พี่รู้แล้ว น่าจะส้มที่เป็นนางแบบอัจฉริยะ คนเดียวแหละอ่านหนังสือแนวนี้แถมใจดีอีก”
“เค้าใจดีแบบนี้กับทุกคนหรือครับ”
“ใช่ ใจดีกับทุกคนเลย ไม่หยิ่งด้วย ชอบช่วยเหลือคนอื่น”
จักรินทร์รู้สึกเศร้าลึกๆ ใจดีกับทุกคนงั้นหรือ ใครก็ได้สินะ แน่ล่ะคนระดับนั้นคงจำหน้าเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
......................................