เด็กในบ้าน

1690 Words
เวลาหนึ่งทุ่มยังเหมาะกับการวิ่งออกกำลังกายสำหรับหลายๆ คน ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ไม่ได้ให้แสงสว่าง หากบนท้องฟ้าก็ยังหลงเหลือร่องรอยอยู่บ้าง ถนนเล็กๆ จึงถูกส่องด้วยไฟทาง สองฝั่งของคลองถูกเชื่อมด้วยสะพานไม้เป็นจุดๆ และผู้คนก็ยังหลงเหลือเพียงประปราย ไม่ได้เต็มไปด้วยนักวิ่งเหมือนชั่วโมงสองชั่วโมงก่อน เป็นบรรยากาศที่สงบและสบายใจก็ว่าได้ หากเด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมปลายที่นั่งหย่อนขากับช่องว่างของราวสะพานก้มหน้ามองผืนน้ำที่มืดมิดแข่งกับฟ้าด้านบนกลับไม่ได้รู้สึกถึงความปลอดโปร่งของบรรยากาศยามเย็นเลย สองชั่วโมงที่เธอนั่งอยู่ตรงนี้ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปกับสายน้ำ ความใจดีเดียวที่มีของมันอาจเป็นความเงียบสงบ หากบางครั้งก็ดึงดูดให้อยากดำดิ่งลงไปค้นหา แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความสงสัยในห้วงเวลาที่ความเหนื่อยล้าพัดผ่านมาเป็นระลอก สายลมเย็นๆ ที่พัดมาแต่ละครั้งนำพาความหวังที่แม้จะสิ้นหวังรั้งให้นั่งอยู่ตรงนี้ ในความรู้สึกดำมืดไร้หนทาง แต่เจ้าตัวก็ยังรู้สึกอยากนั่งมองไปเรื่อยๆ ผู้คนที่เดินผ่านมาบ้างอาจเหลียวมองและสนใจหากก็ผ่านเลยไป แต่เจ้าตัวนั้นไม่ได้มีความรู้สึกจะสนใจสิ่งรอบตัว จนร่างหนึ่งหยุดยืนอยู่ด้านหลัง ถ้านี่คือภัยอันตรายที่จะผลักเธอลงไปด้านล่าง เหมือนแพรก็คงจะร่วงหล่นโดยไม่ทันได้รู้สึกตัว แต่เสียงคุ้นหูที่เอ่ยเรียกก็ทำให้เด็กสาวหันกลับมามองด้านหลังด้วยใบหน้าตื่นๆ “ออย” “คุณเจตน์ เอ่อ คุณเจตน์มาวิ่งเหรอคะ หนูขอโทษนะคะที่กลับบ้านช้า” ละล่ำละลักขอโทษ แม้ความจริงเจตน์จะไม่ใช่เจ้านายใจร้าย แต่การที่เธอมานั่งอยู่ตรงนี้จนมืดค่ำแทนที่จะรีบกลับไปทำงานที่มีเยอะแยะมากมายตามหน้าที่ของตนก็ทำให้รู้สึกถึงความผิดของตัวเอง “เพิ่งเลิกเรียน?” เขาถาม เจ้าตัวหลบตา ซึ่งเจตน์ก็คิดว่าเด็กสาวคงไม่ได้เพิ่งเลิกเรียนในเวลานี้ เขาคิดว่าเหมือนแพรคงแค่อยากมานั่งทอดอารมณ์เล่น เหมือนกับเขาที่ชอบมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะแห่งนี้ตั้งแต่เด็ก และการนั่งแช่บนสะพานก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะเวลามีเรื่องให้คิด “คุณเจตน์จะกลับหรือยังคะ ถ้ายังไงหนูว่าจะขอตัวกลับก่อน” “ยัง” เขาตอบแล้วก็นั่งลงข้างๆ หย่อนขาลงไปด้านล่างเหมือนกัน “ฉันขี้เกียจเดินกลับ เธอขี่มอเตอร์ไซค์มาใช่ไหม” เขารู้อยู่แล้วว่าเจ้าตัวขี่มอเตอร์ไซค์มาเรียน เหมือนแพรเป็นเด็กที่บ้าน เป็นหลานของอดีตแม่บ้านที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อสามปีก่อน ตอนป้าเพ็ญพาเด็กหญิงสิบขวบเข้ามาในบ้านเธอบอกว่าเด็กหญิงไม่มีใคร แม่เพิ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ส่วนพ่อก็ทิ้งไปตั้งแต่เกิด ญาติคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครสามารถเลี้ยงดูได้ ป้าเพ็ญเลยขอเอาเด็กหญิงมาอยู่ด้วย ตอนนั้นคุณย่ากับแม่เขายังมีชีวิตอยู่ก็คิดแค่ว่าเลี้ยงเด็กอีกคน ให้ทำงานช่วยป้าของเธอ พอคุณย่าเขาเสีย พรพรรณแม่เลี้ยงของเขาซึ่งเป็นคุณนายใหญ่ของบ้านก็ยังเมตตา ส่วนเด็กหญิงเมื่อผู้เป็นป้าเสียชีวิตก็เท่ากับว่าที่นี่เป็นสิ่งเดียวที่เธอเหลืออยู่ “ค่ะ” เธอตอบ แล้วทุกอย่างก็เงียบอีกครั้ง เหมือนแพรรู้ว่าเจตน์คงต้องกลับพร้อมเธอ “คุณเจตน์คะ” ไม่รู้ว่าเพราะเงียบกันไปนานเกินและเจตน์ไม่มีทีท่าจะชวนเธอกลับหรือเปล่า เด็กสาวจึงชวนเขาคุย “ยายหงส์อยู่ที่นี่มานานหรือยังคะ” “ฉันเกิดมาก็เจอแล้ว” เขาเว้นจังหวะเพียงเล็กน้อยก็ตอบคนข้างๆ หันไปมองก็เห็นว่าเด็กสาวเอาคางเกยราวสะพานสายตามองต่ำขณะถาม เขาไม่รู้ว่าอารมณ์ไหนเจ้าตัวถึงถามเรื่องนี้แต่ก็ไม่ได้มีปัญหากับการตอบ “ถ้าหนูอยู่จนอายุเท่ายายหงส์หนูก็น่าจะเป็นคนที่อยู่ที่นี่นานที่สุดเนอะ” เจ้าตัวคงแค่อยากหาเรื่องชวนเขาคุย แต่สายตาก็ดูเหม่อลอยเหลือเกิน “ทำไม ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” พอเขาถามคนที่เอาแต่แกว่งขามองน้ำก็หันมามองเขาด้วยความตกใจ “ไม่ใช่แบบนั้น คุณเจตน์คงไม่ไล่หนูออกนะคะ” “ฉันจะไปไล่เธอทำไม” พอเขาตอบคนที่หน้าตื่นเมื่อครู่ก็ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก “ทำไมหนูจะไม่อยากอยู่ที่นี่ล่ะคะ ไม่อยู่ที่นี่หนูก็ไม่มีที่ไปแล้ว” สีหน้าเด็กสาวหงอยๆ และสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวัง “บ้านคุณเจตน์น่าอยู่ที่สุดตั้งแต่หนูเคยอยู่มาแล้วละค่ะ ทุกคนใจดี คุณเจตน์ก็ใจดี” เธออาจจะตอบเอาใจเจ้านายอยู่หน่อยๆ ตามประสาเด็ก แต่รั้วบ้านโชติธนกิจก็น่าอยู่สำหรับเธอมากๆ แม้ในรั้วจะมีบ้านสองหลัง สองครอบครัว คนงานก็นับสิบ แต่ก็รู้สึกเหมือนครอบครัว ตัวเธอกับป้าผู้ล่วงลับดูแลรับใช้บ้านหลังใหญ่เป็นหลัก ซึ่งตอนเธอมาอยู่ในบ้านมีเจตน์กับคุณย่าและคุณแม่ของเขา ส่วนอีกหลังเป็นครอบครัวของพ่อเขากับภรรยาหลวง แต่คนงานทั้งสองบ้านก็สนิทกันดี มีบ้านพักคนงานหลังเดียวกัน เหมือนแพรเป็นเด็กคนเดียวในบ้าน คุณย่าของเจตน์ให้เธอได้เรียนหนังสือ และพอท่านเสียพรพรรณก็เป็นคนดูแลทั้งสองบ้าน พรพรรณก็จะให้เธอเรียนจนจบมอหก ส่วนเจตน์ที่เป็นเจ้านายคนเดียวซึ่งอาศัยบ้านหลังใหญ่แต่เขาก็ไม่ค่อยได้ยุ่งเรื่องภายในบ้านเท่าไรนัก เธอเรียนที่โรงเรียนมัธยมเล็กๆ ใกล้บ้าน เป็นเด็กเรียนดีคนหนึ่ง และการเรียนมันก็ทำให้เธอมีความฝัน เหมือนแพรอยากเรียนต่อ อยากออกไปทำงานข้างนอก แต่โลกของเธอก็ยังแคบๆ เพราะเติบโตมาในฐานะเด็กรับใช้ที่ไม่ค่อยได้ออกไปไหน และยิ่งมาเสียญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ไปก็รู้สึกว่าทุกอย่างยิ่งมืดมน...เพียงแค่คิดว่าคงจะต้องเป็นเด็กรับใช้ในบ้านหลังนี้ไปจนแก่ตายก็รู้สึกหดหู่...ได้แต่บอกให้ตัวเองทำใจยอมรับ มีความฝันแต่ก็ไม่กล้าจะโผบิน บางครั้งอยู่ที่นี่ก็น่าจะปลอดภัยกว่าโลกภายนอก แต่ถึงจะบอกให้ยอมรับเธอก็ยังตั้งใจเรียน เธอเคยคิดเรื่องยืมเงินเรียนแต่ก็ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เธอไม่มีผู้ปกครองให้พึ่งพาแล้ว แต่เมื่อขึ้นมอห้าเธอก็มีความหวังเรื่องทุนการศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งให้โควต้าเรียนฟรีกับโรงเรียนปีละหนึ่งคน คิดว่าตัวเองน่าจะมีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดแล้วในปีนี้ แต่ผลที่ออกมาเมื่อตอนกลางวันก็ทำให้ทุกอย่างพังทลาย มันยังยากที่จะยอมรับมาจนถึงวินาทีนี้ ในบรรดาคนที่ยื่นขอเธอทำผลการเรียนสูงสุดแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายครูประจำชั้นก็บอกว่าเขาพิจารณาจากภาพรวม...อีกคนทำกิจกรรมกับโรงเรียนมากกว่า เรื่องนี้เธอคงสู้ใครไม่ได้จริงๆ เพราะอะไรที่ต้องฝึกซ้อมหรือทำงานมืดๆ ค่ำๆ เธออยู่ไม่ได้อยู่แล้ว ต้องรีบกลับมาทำงานบ้านช่วยคนอื่นๆ เธอผิดหวัง เหมือนหูดับไปเลยเมื่อครูประจำชั้นแจ้งเรื่องนี้ เพื่อนๆ ปลอบเธอและบ่นถึงความไม่ยุติธรรม ปีก่อนๆ ก็คัดแค่ผลการเรียน แต่ปีนี้มาดูเรื่องอื่นประกอบ...เพื่อนเธอหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าครูลำเอียง เธอไม่รู้หรอกว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ก็แอบคิดไปตามเพื่อน มันผิดหวังอย่างรุนแรงอย่างไม่อาจควบคุมได้ “กลับหรือยัง” กลายเป็นเขาที่ชวนกลับเพราะอีกฝ่ายเหมือนตกอยู่ในห้วงภวังค์บางอย่างอีกแล้ว เจตน์เองก็พอเดาออกว่าเด็กสาวคงอยากออกไปเผชิญโลกภายนอก แต่เขาก็ไม่รู้หรอกว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับที่เธอมานั่งมืดๆ ค่ำๆ คนเดียวแบบนี้อย่างไร ทั้งคู่เดินไปที่มอเตอร์ไซค์ของเธอ เด็กสาวขึ้นคร่อมรถ สตาร์ตเครื่อง พอตั้งหลักได้ก็ส่งสัญญาณให้เจตน์ขึ้นซ้อนด้านหลัง ภาพที่เจตน์นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์เด็กผู้หญิงในชุดมัธยมปลายคงเป็นที่ประหลาดใจสำหรับคนอื่น แต่กับเหมือนแพรหรือคนในบ้านนั้นมันคือเรื่องปกติมาก ภาพสำหรับคนภายนอกที่รู้จักกันเพียงผิวเผินหรือแม้แต่เพื่อนๆ คงไม่เคยมองเห็นเจตน์ในมุมนี้ เหมือนแพรเองหากได้รู้ความคิดของคนเหล่านั้นที่มองเจตน์ก็คงจะแปลกใจเหมือนกัน สำหรับลูกน้อง แม้เจตน์จะดูขรึมไปบ้างแต่เขาก็เป็นกันเอง ยิ่งกับเด็กสาวที่ไม่ค่อยคิดอะไรซับซ้อนเจตน์คือเจ้านายที่ใจดีมากๆ ของเธอ ปลายเดือนกุมภาพันธ์กำลังเข้าสู่ฤดูร้อน ตอนที่มอเตอร์ไซค์เคลื่อนออกจากสวนสาธารณะเจตน์รู้สึกถึงสายลมกำลังหอบไอฝนมาจากสักที่ที่ไกลแสนไกล รวมถึงกลิ่นหอมติดจมูกที่เขาไม่แน่ใจว่าสองข้างทางมีดอกไม้ชนิดไหนที่มีกลิ่นแบบนี้หรือไม่ แต่ก็เป็นกลิ่นที่คุ้นเคย เพียงแต่ตอนนี้ชัดเจนกว่าครั้งไหนๆ เขามองเสื้อนักเรียนสีขาว เริ่มคิดแล้วว่าหากเด็กสาวจะออกไปเผชิญโลกภายนอกตามความฝันของเธอจะเป็นสิ่งที่ควรจริงๆ หรือไม่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD