พวกเจ้าคอยดู!

1971 Words
บทที่หนึ่ง อึก อึก ปึก สุราขาวใสในจอกเล็กถูกยกดื่มมิต่ำกว่าสิบหนถูกวางกระแทกลงบนโต๊ะไม้ด้วยฝีมือขาวผ่องของหนุ่มน้อยผู้หนึ่ง หนุ่มน้อยผู้นี้ใบหน้าหวานราวกับสตรี ดวงตายามนี้กำลังหวานเยิ้มด้วยเพราะน้ำเมาที่ตนยกดื่มติดต่อไปส่งผลให้ยามมีบุรุษเดินผ่านเป็นอันต้องเผลอเลี้ยวตาแลมองใบหน้าหยาดเยิ้มนี้แม้รู้ว่าผู้ชายด้วยกันเองอย่างเคลิบเคลิ้ม หลายคนที่เผลอมองได้สติก็รีบตบใบหน้าตนเองเตือน บางคนถึงขนาดคิดว่าตนเองเป็นพวกบุรุษตัดแขนเสื้อเลยด้วยซ้ำ น่าสงสารยิ่ง ครั้นใครจะคิดว่าพวกเขามิได้ผิดปกติอันใด เพียงแค่บุรุษหน้าหวานหยดที่พวกเขาเผลอเดินตกลงมาในหลุมเสน่ห์ของนางนั้นแท้จริงแล้วเป็นสตรีงามสะพรั่งผู้หนึ่งปลอมตัวเป็นบุรุษเพื่อเข้ามาร่ำสุราย้อมใจในหอนางโลมแห่งนี้ต่างหาก “ลูกพี่ดื่มมากเกินไปแล้ว เดี๋ยวก็เมามายก่อเรื่องอีกหรอกขอรับ” “อย่ายุ่ง เจ้ามิสงสารข้าหรือ” คนโดนท้วงยกเหล้าอีกจอกขึ้นดื่มก่อนพูดต่อ “เจ้าก็เห็นนี่ว่าข้าอุตส่าห์ทุ่มเทกับการแต่งงานในครั้งนี้มากเพียงใด ครั้นคิดว่าสามีจะเป็นดั่งบุรุษแสนอ่อนโยน รู้จักรักหยก ถนอมบุปผาทั่วไป....” เฟยเซียนมีสหายเป็นบุรุษสามคนซึ่งพวกเขาล้วนพร้อมใจกันเรียกนางซึ่งเป็นสตรีเพียงคนเดียวในกลุ่มว่าลูกพี่เป็นเพราะวีรกรรมยามแรกที่เจอกัน พวกเขาสามคนในตอนแรกมิได้เป็นสหายสนิทกัน สหายนางก่อนหน้าล้วนเป็นคุณชายในตระกูลขุนนางมีหน้ามีตาในสังคมจึงไม่แปลกที่จะเติบโตมาเป็นเด็กเอาแต่ใจ วัน ๆมิค่อยทำอันใดหากว่างเว้นจากการเรียนของอาจารย์ที่ครอบครัวจ้างมาสอนก็มักรวมตัวกันเที่ยวเล่นไปทั่วเมืองหลวง วันนั้นพวกเขาจำได้ดี เป็นวันที่พวกเขาทำตัวกร่างเป็นเด็กเกเรปกติอย่างทุกวัน ทว่าสิ่งที่ไม่ปกติคือ.... วันนั้นดันไปหาเรื่องนักเลงเจ้าของร้านตัวใหญ่เข้าให้ พวกนักเลงตามคนของมันมาเพิ่มสิบคน ปิดร้านหมายรุมพวกเขาที่มีกันอยู่สามคนและผู้คุ้มกันอีกสามคน แค่ขนาดตัวก็แพ้ราบคาบ ยังไม่นับรวมจำนวนคนที่น้อยกว่า คิดว่าวันนั้นอาจเป็นวันจบสิ้นชีวิตของตนแต่ใครจะไปรู้ว่าอยู่ดีดีก็มีคนมาจุดประทัดแถวนี้ เสียงดังโหวกเหวกอีกทั้งมีกลุ่มควันลอยฟุ้งโขมงไปทั่ว ในขณะที่ความวุ่นวายกำลังเกิดขึ้นนั้นมีมือเล็กของสตรีปลอมเป็นบุรุษคู่หนึ่งวิ่งเข้ามาฉุดกระชากพวกเขาออกมาจากร้าน ตั้งแต่นั้นมาพวกเขาก็ขอติดตามนาง และพร้อมใจยกนางให้เป็นหัวหน้ากลุ่มไปโดยปริยาย วันนี้พวกเขา คุณชายทั้งสามผู้ว่างงานอยู่แล้วมิคิดมิฝันว่าลูกพี่ซึ่งเป็นสตรีผู้เพิ่งออกเรือนไปเมื่อวานจะส่งข่าวมาให้พวกเขาออกมาพบ ทีแรกคิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีกหลายเดือน ทว่าเวลาล่วงเลยว่าแค่วันเดียวเท่านั้นนางก็ลากตัวพวกเขามาเจอกันยังสถานที่อย่างหอนางโลมเช่นนี้ นางมาถึงก็สั่งสุรามายกดื่มเช่นนี้ มิแคล้วมีปัญหาทุกข์ใจเป็นแน่ จิวหู คุณชายหนึ่งในสหายเฟยเซียนเอื้อมมือมายึดจอกสุราของลูกพี่ตนเองเอาไว้ด้วยความหวังดี ทว่าชายหนุ่มกลับได้รับผลตอบแทนเป็นดวงตาโกรธเคืองของหญิงสาวตรงหน้าตวัดมาแทน “ก่อนหน้าที่ข้าจะออกเรือนหนึ่งเดือน พวกเจ้ามิได้เจอข้าใช่หรือไม่ จำได้หรือไม่ว่าไยข้าจึงไม่มาพบปะกับพวกเจ้า” คนใกล้เมาวางกระแทกจอกเหล้าลงบนโต๊ะก่อนหันมาเปิดปากเริ่มต้นบทสนทนา “ลูกพี่บอกว่าจะต้องไปเก็บตัวฝึกมารยาท เรียนการบ้านงานเรือนของสตรีเพื่อเตรียมตัวเป็นภรรยาที่ดีขอรับ” “ใช่ เจียวจ้าน เจ้าพูดถูก คิดว่าข้าฝืนใจตนเองหรือไม่ที่ต้องทำกระทำเรื่องเหล่านั้น” “แน่นอนว่าฝืนเพราะลูกพี่ ๆวัน ๆมักประพฤติตัวเฉกเช่นบุรุษกระทำ ฝึกการต่อสู้ ขี่ม้า อ่านตำรากับพวกข้าอยู่เป็นนิจ กิจกรรมที่สตรีควรทำท่านล้วนไม่ถนัด....แต่ท่านบอกว่าจะกลับตัวกลับใจนี่ขอรับ ไยวันนี้จึงหนีสามีมาดื่มน้ำเมาเช่นนี้อีกเล่า” “ใช่ ข้าทุ่มสุดตัวเพื่อสามีไม่ตรงปกผู้นั้น ข้านี่ช่างโง่งมยิ่งนัก” “ลูกพี่นั่นท่านกำลังเอ่ยถึงท่านรองแม่ทัพจิ้นฝูผู้มากความสามารถผู้นั้นอยู่หรือขอรับ” จิวหูเหลือบซ้ายแลขวามองรอบกายเพราะเกรงว่าแถวนี้อาจมีลูกน้องของบุรุษผู้นั้นอยู่ “ก็ใช่น่ะสิ มิตรงปก มิตรงปกอย่างแรง ข้าก็นึกว่าแม้พวกทหารจะดุดัน แต่มิคิดเลยว่านิสัยจะหยาบกระด้างเช่นนี้ เจ้ารู้หรือไม่ บุรุษผู้นั้นทำเช่นไรกับข้าเมื่อคืนวาน....” “ลูกพี่นำเรื่องในห้องหอมาพูดจะดีหรือขอรับ” “ข้าเมา ข้าหาได้จำเรื่องเหล่านั้นได้ไม่” คนเมาแก้ตัวน้ำขุ่น ด้วยเพราะฤทธิ์ของสุรากำลังพลุกพล่านดังนั้นริมฝีปากบางจึงเปิดออกอย่างง่ายดาย นางพ่นเรื่องอัดอั้นตันใจออกมาจนหมดสิ้น “ขอรับ ๆ พวกข้ามินำไปบอกใครอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าลูกพี่ได้โปรดลดระดับเสียงลงหน่อยเถิด” ใบหน้างามแดงระเรื่อ อีกทั้งดวงตาที่ยามปกติมักแสดงความดื้อด้านไม่ยอมใครเปล่งประกายออกมาอยู่เสมอ ทว่ายามนี้กลับดูเศร้าโศกผิดหวังยิ่งนัก สหายอย่างพวกเขาจึงรู้สึกสงสารมิกล้าคัดค้านคนเมาไปมากกว่านี้ หากให้นางได้ระบายสิ่งที่เก็บเอาไว้อาจช่วยให้นางรู้สึกดีขึ้นด้วยซ้ำไป ....นี่คือความคิดของสหายอย่างพวกเขา “เขาไม่รักข้าแล้วจะยอมแต่งงานเพื่ออันใด ข้าหาได้บังคับท่านลุงให้บีบลูกชายมาแต่งงานกับข้าเสียหน่อย บิดาข้าตายในหน้าที่ข้าย่อมเข้าใจ เป็นท่านลุงเองที่บอกว่าลูกชายตนเองอยากดูแลชีวิตที่เหลือของข้าให้ดีเพื่อตอบแทนความเสียสละและความภักดีของท่านพ่อ หาใช่ข้ายื่นเสนอไร้สาระนั่นไม่ เหอะ!” สุราหนึ่งจอกไหลลงคอรวดเดียว ความร้านแผ่ซ่านทั่วอกและลำคอภายใน “พวกท่านทะเลาะกันหรือเมื่อคืนวาน” “ใช่ เหอะ มิใช่สิ ข้ายังมิทันโต้กลับสามีปากร้ายผู้นั้นก็เดินหนีออกจากห้องไป ปากบอกไม่รักนู่นนี่นั่น พูดจบก็วิ่งหางจุกก้นไปเลย เหอะ ขี้ขลาดยิ่งนัก นี่น่ะหรือบุรุษร้อยสนามรบ” “อะ เอ่อ ลูกพี่ใจเย็นลงเถิด คุณชายจิ้นฝูอาจเข้าใจในตัวลูกพี่เฟยเซียนผิดก็เป็นได้นะขอรับ ท่านลองคิดดูว่าหากเป็นท่านที่โดนบิดาบังคับให้แต่งงานกับสตรีที่ตนเองมิได้รักแถมไม่รู้จักท่านจะรู้สึกอย่างไร” “ข้าย่อมไม่แต่ง เจ้านี่ถามแปลก ๆ แต่บุรุษผู้นั้นยอมแต่งให้ข้า เขาก็ย่อมต้องเป็นของข้าสิ จะกลับคำปลิ้นปล้อนได้อย่างไร” “ท่านพูดผิดหรือไม่ ท่านแต่งให้เขามิใช่เขาแต่งให้ท่าน” จื่อลู่ที่นั่งเงียบอยู่นานอดมิได้ที่จะแก้ประโยคแปลกประหลาดของสตรีตรงหน้า มีอย่างที่ไหนบอกว่าบุรุษแต่งงานออกเรือนให้สตรี จื่อลู่อยากเอาหน้ามุดดินยิ่งนัก ไยลูกพี่พวกเขาจึงมีความคิดแปลกประหลาดเช่นนี้ “ความหมายมิเหมือนกันหรือ....ช่างมัน” คนเมาโบกมือปอกปัดไม่ใส่ใจ “หากตบแต่งข้าเข้ามาเป็นภรรยาแล้วมิทำเรื่องในห้องหอ มิสู้ปล่อยให้ข้าไปเจอบุรุษผู้อื่นไม่ดีกว่าหรือ หน้ามิอาย ไอ้ผู้ชายปากไม่ดี อึก....” “ท่านเป็นสตรีพูดเช่นนี้ใครมาได้ยินจะคิดว่าท่านมีความคิดสวมหมวกเขียวให้คุณชายจิ้นฝูนะขอรับลูกพี่” เฟยเซียนที่โดนปิดปากแน่นโดยสหายของตนเองหรี่ตามองพลางขมวดคิ้ว สมองในยามนี้ของนางเชื่องช้ายิ่งนัก ประมวลผลอยู่ราวก้านธูปใหญ่จึงเข้าใจที่สหายของนางพูดเมื่อสักครู่จึงส่ายศีรษะหนักอึ้งของตนเอง “ข้ามิไร้คุณธรรมเช่นนั้น” ถึงนางจะมิใช่คนดีแต่เรื่องการนอกใจนั้นถือเป็นสิ่งที่สตรีในยุคสองพันเช่นนางเกลียดเป็นที่สุด “หรือข้าควรยื่นหนังสือหย่ากับบุรุษผู้นั้นเลยดีหรือไม่” “มิได้!/มิได้!/มิได้!” เสียงคัดค้านทันทีทันใดของสามสหาย การสามัคคีแบบที่มิได้เจอกันบ่อยเช่นนี้ทำเอาเฟยเซียนเกือบสร่างเมา “เป็นเช่นนั้นมิได้แน่ขอรับลูกพี่” “สตรีได้ใบหย่านั้นไม่มีที่ยืนในสังคมแน่ ร้ายกว่าท่านยังเป็นใบหย่าจากการแต่งงานเพียงไม่ถึงหนึ่งวันนั้นชื่อเสียงย่อมย่ำแย่ถึงที่สุด ผู้คนไม่มีใครทำเช่นนั้นหรอกขอรับ แม้กระทั่งชาวบ้านตระกูลธรรมดายังมีฐานะที่ดีกว่าสตรีที่โดนใบหย่า” “ลูกพี่เลิกคิดเช่นนั้นไปได้เลย ข้าขอชี้แนะ” เฟยเซียนมองสหายทั้งสามนางตาปริบ ๆ อันใดจะมีสีหน้าเคร่งเครียดกันเช่นนั้น นางเพียงแค่ขอหย่ามิได้จะฆ่าตัวตายสักหน่อย “แล้วจะให้ข้าทนอยู่กับบุรุษที่ชังน้ำหน้าข้าอย่างนั้นรึ อีกอย่างนะ พวกเจ้ารู้หรือไม่ ข้าจะหย่ามิหย่ากับเขาก็มิค่อยต่างกันเท่าไหร่หรอกกระมัง นู่น....คุณชายคนเก่งของพวกเจ้าบอกว่าจะไปออกศึกนู่น สามีอาสาไปออกรบทั้งที่เพิ่งแต่งภรรยาเข้าจวนคงมิใช่ข่าวที่ดีนัก ไหน ๆก็มีข่าวไม่ดีแล้วมิสู้ข้าตัดปัญหาทีเดียวจบมิดีกว่ารึ” “ลูกพี่ข้ามิเห็นด้วยอย่างยิ่ง ข้าเข้าใจเจ้าคุณชายจิ้นฝูอยู่มิน้อยนะขอรับ มิได้รักท่านแถมยังโดนบิดาตนเองบีบให้แต่งสตรีไม่เคยเห็นหน้าเลยสักครั้งย่อมรู้สึกไม่พอใจบ้างเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เอาอย่างนี้เป็นอย่างไรขอรับ ท่านก็แค่ค่อย ๆทำความรู้จักคุณชาย....ใบหน้าลูกพี่งดงามมิเป็นสองรองใครหากได้รู้จักกันให้มากกว่านี้มิแน่จากที่มิอยากมองหน้าท่านอาจจะกลายเป็นรักใคร่ท่านก็ได้นะขอรับ” “เขาอยู่ให้ข้าอ่อยหรืออย่างไรเล่า จิวหู ก็ข้าบอกแล้วว่าเขาอาสาฮ่องเต้ออกไปทำการศึก หนึ่งปี สองปี หรือสิบปี ข้ามิหน้าเหี่ยวกันพอดีหรอกรึ” “โถ่ ลูกพี่ ข้าผิดหวังในตัวท่านยิ่งนัก” “ลูกพี่มิเคยยอมแพ้สิ่งใดง่ายดายเพียงนี้ การหย่าเท่ากับลูกพี่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทั้งที่ยังมิได้เริ่มลงสนามขะ....” ปึก! “บังอาจ พวกเจ้าบอกว่าใครขี้ขลาด ข้า เฟยเซียนแม้ร่างกายเป็นสตรี แต่จิตใจข้ามิอ่อนด้อยเช่นนั้น” คนเมามีนิสัยเช่นไรไรสหายทั้งสามผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมีหรือมาหลายปีจะไม่รู้ บุรุษทั้งสามยกยิ้มและมองสบตากันโดยมิได้นัดหมาย “พวกเจ้าคอยดู มิว่าจะต้องใช้วิธีใดข้าจะเกี้ยวสามีผู้นี้ของข้าให้โงหัวมิขึ้น พวกเจ้าคอยดู!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD