วิญญาณเจ้าของร่าง 2

1398 Words
“เหตุใดกล่าวเช่นนี้เล่า คุณชายโหยวมีสิ่งใดไม่ดีรึ” ทำหน้าไม่เข้าใจ เสี่ยวจวงผูกโบสีขาวเส้นเล็กลงบนกลุ่มผมที่นางทำเมื่อครู่ ก่อนจะพูดอย่างที่ใจคิด “ในสายตาของบ่าว คุณชายโหยวชมชอบคุณหนูสกุลหวังและเกลียดชังคุณหนูมาก ซ้ำคนผู้นั้นยังเย่อหยิ่งจองหอง ราวกับว่าตำแหน่งที่ตนได้รับยิ่งใหญ่กว่าผู้อื่นในแคว้นโจว ทั้งๆ ที่สกุลโหยวหาใช่สกุลที่อยู่ในแคว้นนี้มาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษไม่ หลายครั้งที่บ่าวเตือนคุณหนู แต่นอกจากคุณหนูจะไม่ฟังแล้ว ยังต่อว่าบ่าวด้วย” น้ำตาสาวใช้คลอเบ้า แม้มันจะเสี่ยงต่อการถูกลงโทษแต่นางก็ต้องพูดในเมื่อเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะมันเกือบทำให้คุณหนูของนางสิ้นชีพไปแล้ว ‘เอ่อ?’ “ข้านิสัยแย่เช่นนั้นเลย” “…” เสี่ยวจวงเม้มปาก มิตอบคำถาม L “เอาเถอะ ยังไงก็ขอบใจที่เจ้าไม่หนีหายไปจากข้า นับจากนี้ต่อไปข้าจะไม่ทำเช่นนั้นอีกแล้ว ส่วนโหยว…” ทำท่านึก “โหยวอะไรนะ” “โหยวซานซุนเจ้าค่ะ” “นั่นล่ะ ข้าจะไม่สนใจบุรุษผู้นั้นอีก ยังไงเสีย ก็อย่างที่ข้าได้บอกไป ข้าลืมเรื่องราวครั้งเก่าไปหลายเรื่องและข้าก็อยากให้เจ้าช่วยเตือนข้าด้วย ว่าแต่ท่านพ่อของข้าไปทำงานนอกเมืองนานรึยัง” แสร้งถามพร้อมกับลอบมองสาวใช้ผ่านกระจกเงา “นานแล้วเจ้าค่ะ แต่อีกสองเดือนหลังจากนี้นายท่านเฉินก็จะกลับมาพักยังเมืองหลวง มาเถิดเจ้าค่ะคุณหนู มาเปลี่ยนชุดก่อนเถิดเพราะยามนี้เกือบจะได้เวลารับสำรับเย็นแล้ว” เฉินลี่หลินลุกขึ้นตามคำบอกของสาวใช้ จนไปหยุดยืนอยู่ด้านหน้าตู้เสื้อผ้า ด้านในนั้นมีผ้าหลากสีสันพับเก็บไว้ละลานตา สิ่งแรกที่ถูกส่งมาให้คือผืนผ้าสามเหลี่ยมกับเชือกสำหรับผูก…จะบอกว่ามันคือกางเกงใน ก็ไม่ผิดนัก เรื่องนี้สตรีหลงยุคเข้าใจได้พอๆ กับที่สาวใช้ส่งชุดเอี๊ยมบังทรงสีขาวสะอาดตามมาด้วย จะบอกว่าไม่มียกทรง ก็รู้ในตอนที่ถอดชุดแล้วไปอาบน้ำนั่นล่ะ “สองชิ้นนี้ข้าจะสวมเอง เจ้าเตรียมชุดให้ข้าเถิดขอสีน้ำเงินนะวันนี้” เอ่ยจบก็หันหลังและเริ่มสวมสองชิ้นเล็กนั้นไปบนร่างกาย นางไม่ได้สนใจว่าสาวใช้อย่างเสี่ยวจวงจะสงสัยอะไร นั่นเพราะเมื่อครู่ก็อธิบายไปแล้วว่านางลืม จวบจนชุดสีน้ำเงินปักลายดอกโบตั๋นสีแดงเข้ากันทาบทับอยู่บนร่างเล็ก ความสลับซับซ้อนของชุดที่ทบกันไปมาไม่ได้ทำให้เฉินลี่หลินความสนใจมากไปกว่าการเดินออกไปพบกับท่านแม่! เรือนใหญ่สกุลเฉิน จางหลันฮัวผู้เป็นฮูหยินเอกนั่งสนทนาร่วมกับ ‘ไห่ตง’ พ่อบ้านอาวุโสเกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่ายในสกุลเฉินที่นอกจากค่าอาหารแล้วยังมีค่าใช้จ่ายรายเดือนของอนุและบุตรทุกคนรวมอยู่ด้วย หากคำนวณรายรับของสามีซึ่งเป็นถึงรองแม่ทัพแล้ว ทรัพย์สินอย่างอื่นในสกุลเฉินก็มีมากมาย ถือว่าร่ำรวยมิแพ้ผู้ใดในแคว้นโจวเลยทีเดียว เรื่องอนุและการปกครองภายในจวนนั้น ฮูหยินเอกเช่นนางมิได้หนักใจเทียบเท่าเรื่องราวของบุตรสาวเพียงคนเดียว เฉินลี่หลินกับข่าวลือที่ว่า บุตรสาวของนางวิ่งตามบุรุษอย่างเลขาโหยวทั้งๆ ที่ลี่หลินหาใช่สตรียากไร้ มิมีผู้ใดสั่งสอนไม่ หากจะถามว่าเหตุใดนางจึงมิว่ากล่าวตักเตือน...ย่อมตักเตือนแล้ว เพียงแต่บุตรสาวของนางมีความคิดมิเหมือนผู้อื่น เฉินลี่หลินเคยบอกกับนางผู้เป็นมารดาว่า ‘ลูกถูกสหายเก่าสกุลหวังท้าทาย นางใช้เล่ห์มารยาสตรี ซึ่งลูกผู้เป็นถึงบุตรสาวของรองแม่ทัพรึ จะมีมารยาเช่นหวังซินเจีย นางกล้าท้าทาย ลูกย่อมกล้ารับข้อเสนอ ในขณะที่นางใช้มารยา มิสู้ลูกเปิดเผยไปตรงๆ ให้ผู้อื่นรู้ไปเสียเลยว่าลูกจะกระทำสิ่งใด...ท่านแม่เจ้าคะ สกุลเฉิน ฆ่าได้ หยามไม่ได้เจ้าค่ะ’ เรื่องหยามไม่ได้ มารดาเช่นนางไม่เถียง ‘ส่วนสกุลหวังนั้น ก็คงมิถือสาอะไรกับเรื่องของเด็กสาวที่เพิ่งผ่านพ้นวันปักปิ่นกระมัง’ สุดท้าย ผู้เป็นมารดาเช่นนางจึงแสร้งทำเป็นหลับตาข้างหนึ่งไปเสีย ใจอยากให้เรื่องมันจบไปโดยเร็วและบุตรสาวของนางเป็นฝ่ายแพ้ไป นั่นเพราะมารดาเช่นนางมีว่าที่เขยขวัญในใจอยู่แล้ว ซึ่งเขยผู้นั้นมิใช่ราชเลขาสกุลโหยว “เจ้าบอกว่า คุณหนูลี่หลินกลับเข้าจวนเมื่อยามอุ้ยใช่หรือไม่” พ่อบ้านไห่พยักหน้ารับ “ใช่แล้วขอรับฮูหยิน อาการของคุณหนูดูอิดโรย อ่อนเพลียและพูดน้อยขอรับ” ทุกอาการที่พ่อบ้านกล่าวมานั้น หากเทียบกับลักษณะนิสัยเดิมที่ร่าเริงและช่างพูด ก็ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติจริงๆ ไหนจะอาการ อิดโรย? “นางมีบาดแผลหรือไม่” “เรื่องนี้บ่าวไม่ทราบขอรับ ฮูหยินคงต้องถามกับเสี่ยวจวงที่พยุงคุณหนูกลับเรือนไปก่อนหน้า” สายตาของผู้สูงวัยมองผ่านไปยังด้านหลังของจางฮูหยิน จึงเห็นผู้ที่อยู่ในบทสนทนาเดินตรงมาแล้ว พ่อบ้านเช่นเขาจึงเอ่ยขอตัวอย่างนอบน้อมเมื่อเสร็จงานของตนเอง “อีกครู่สำรับเย็นคงจะมาแล้วขอรับ บ่าวขอตัวออกไปด้านนอก” คำว่าด้านนอกนั้น ไห่ตงหมายถึงหน้าจวน ซึ่งเป็นที่อยู่ประจำของตนมาตั้งแต่สมัยที่ถูกท่านรองแม่ทัพซื้อตัวมาเมื่อหลายสิบปีก่อน จวบจนวันนี้...เขามีลูก มีหลานแล้ว “ไปเถอะ” จางหลันฮัวนั่งมองรายการของค่าใช้จ่ายนั้นอย่างเงียบๆ ด้านหลังมีสาวใช้คนสนิทคอยรินน้ำชาให้มิได้ขาด สองตามองแผ่นกระดาษ หัวสมองยังคิดถึงสามีและอนุจงที่ติดตามไปด้วย ซึ่งนางก็ได้แต่ภาวนาให้ทุกคนสบายดี หากผ่านพ้นสองเดือนนี้ไป ยามสามีกลับมาถึงจวนสกุลเฉิน...ศึกหนักในเรือนคงตกมาถึงนางมากที่สุดเพราะสามีนั้นจะวุ่นวายอยู่กับนางร่วมเดือนก่อนจะแวะเวียนไปหาอนุที่เหลือ และครั้งนี้ก็เป็นเหมือนทุกครั้งที่นางเฝ้าภาวนาให้โชคดีมาถึง นางคงมีบุตรคนที่สองได้ในวัยสามสิบสองหนาวนี้กระมัง อย่างไรก็ดีในบรรดาแม่ทัพ นายกองหรือเหล่าทหารทั้งหลายคนแคว้นโจว จะกล่าวว่าสกุลใดมีบุตรสาวหรือบุตรชายมากเกินกว่าสิบคนหรือไม่ นางผู้เป็นหนึ่งในฮูหยินย่อมตอบได้ว่าบุตรของทุกสกุลนั้นมีน้อยมาก...สาเหตุก็เพราะสามีของพวกนางเอาแต่ออกไปซ้อมรบอย่างไรเล่า อนุที่ส่งไปใช่ว่าจะได้นั่งกินนอนกินอยู่สุขสบาย ‘ในกองทัพเช่นนั้น อนุทุกนางต้องช่วยกันจัดการเสื้อผ้าและอาหารของสามีตนเอง’ แต่นั่นหมายถึงอนุของแม่ทัพและรองแม่ทัพเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์ให้ติดตามไปร่วมในกองทัพด้วย ส่วนทหารที่มีตำแหน่งต่ำกว่านั้น ล้วนต้องช่วยตนเองอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะเดียวกันเฉินลี่หลินได้เดินมาถึงโต๊ะกลมหน้าเรือนหลังใหญ่ ที่ตรงนี้มีสตรีผู้ที่น่าจะเป็นมารดาของนางนั่งตรวจอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้น ด้านหลังถัดไปเป็นสตรีสูงวัยอีกหนึ่งคนที่มีเรือนผมสีขาวอยู่เกือบครึ่งศีรษะยืนส่งยิ้มมา และเป็นนางที่ยิ้มตอบกลับไป ^^ ความเข้าใจในตอนนี้ เกี่ยวกับยุคสมัยที่นางไม่รู้เลยนอกจากการหลงเข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูสกุลเฉินกับการสนทนาแบบโบราณออกไปได้โดยอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นแล้วการใช้ชีวิตอยู่ในร่างนี้จึงมิใช่เรื่องยากสำหรับนาง “ท่านแม่เจ้าขา” ^^
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD