bc

ย้อนยุคครั้งนี้ ข้ามีหน้าที่จับคนร้าย

book_age16+
292
FOLLOW
2.4K
READ
family
HE
time-travel
kicking
childhood crush
like
intro-logo
Blurb

'เพราะมองเห็นวิญญาณ' จึงทำให้ดอกเหมยต้องย้อนยุคเข้าไปอยู่ในร่างเจ้าของวิญญาณนั้น สลับร่างน่ะไม่ว่าแต่ทำไมต้องไปตื่นในจวนบุรุษ! หนำซ้ำยังถูกตราหน้าว่าเป็นสตรีไร้ยางอายอีก ไม่ได้สินางต้องหาตัวช่วยเพื่อให้เรื่องราวในชีวิตของนางมันจะได้ไม่วุ่นวายไปมากกว่านี้...แต่แล้ว "ทำไมเจ้าของร่างถึงมาปรากฏตัวให้นางเห็นในสภาพของวิญญาณที่ต้องการให้นางตามจับคนร้าย!"

chap-preview
Free preview
บทนำ
แคว้นโจวที่ปกครองด้วยฮ่องเต้โจวเหวินซวนนั้นคือแคว้นอันดับหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่ามีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางธรรมชาติที่แคว้นใดไม่สามารถเปรียบได้ ยิ่งขุมกำลังอำนาจด้านการรบก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม่ทัพใหญ่ในแคว้นนี้ยังคงเป็นที่หนึ่งในการทดสอบประลองวิทยายุทธ์ประจำปี แน่นอนว่าแคว้นโดยรอบไม่กล้าเสนอหน้าเข้ามาทำสงคราม แต่ที่ยังมีอยู่เป็นประจำคือการส่งตัวองค์หญิงเข้ามาเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีเท่านั้น จะกล่าวว่าวังหลังของฮ่องเต้โจวเหวินซวนมีสตรีเกือบหนึ่งร้อยนางก็คงไม่ผิดนัก จนภายหลังฮ่องเต้ถึงกับต้องส่งราชสารไปยังทุกแคว้นทั่วหล้าว่าแคว้นโจวไม่ขอรับองค์หญิงบรรณาการหรือองค์หญิงที่ส่งมาเชื่อมสัมพันธไมตรีอีก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พ้นสตรีต่างแคว้นแสร้งเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังแคว้นโจวเพื่อผูกสัมพันธ์กับบุรุษในแคว้นนี้อยู่เป็นประจำ ‘ไม่ต่างกับเหล่าคุณหนู คุณชายหลายสกุลที่เดินทางมาศึกษาเล่าเรียนกันไกลถึงต่างแดน’ บางสกุลมาอยู่หลายปีจนตั้งรกราก บางสกุลส่งลูกหลานสอบเข้าเป็นบัณฑิตและสร้างจวนอยู่ในเมืองหลวง จนเวลานี้ นับมิได้แล้วว่าสกุลดั้งเดิมในแคว้นโจวมีสกุลใดกันบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นการใช้ชีวิตร่วมกันในแคว้นที่ปกครองมาเป็นอย่างดีก็มิได้เกิดความวุ่นวายอันใด ยกเว้นแต่เรื่องสตรีหนึ่งสกุลที่กำลังถูกเล่าลือถึงความไร้ยางอายของนาง คุณหนูเฉินลี่หลิน จากสกุลเฉิน “คุณหนูเจ้าคะ อย่าทำเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ คุณหนูไม่เห็นหรือว่าข่าวลือเรื่องของคุณหนูที่วิ่งตามบุรุษอย่างท่านเลขา โหยวซานซุน ถูกเล่าลือไปไกลถึงเพียงไหน บ่าวว่าคุณหนูถอดใจจากคนผู้นั้นเถิดเพราะนอกจากเขาจะรังเกียจแล้วเขายังทำให้คุณหนูอับอายไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งนะเจ้าคะ” เสี่ยวจวงกอดเอวคุณหนูของนางที่รักมั่นเพียงราชเลขาส่วนพระองค์ของฮ่องเต้จนไม่ลืมหูลืมตาทั้งๆ ที่คุณหนูของนางหาใช่สตรียากจนอัปลักษณ์ แต่นางเป็นถึงบุตรสาวของท่านรองแม่ทัพเฉินด้วยซ้ำ ‘ช่างน่าแปลก’ ถึงแม้คุณหนูจะตามติดท่านเลขาโหยวและถูกค่อนแคะมากเท่าไหร่ คุณหนูของนางกลับไม่ยอมแพ้ บวกด้วยนิสัยเอาแต่ใจจึงแอบกระทำเรื่องไร้ยางอายหลายครั้งหลายครา บ่อยครั้งที่ถูกฮูหยินจับได้ คุณหนูของนางก็ยังไม่ยอมเลิก ‘ราวกับโดนปีศาจร้ายครอบงำก็ไม่ปาน’ “ก็ข้าพึงใจแค่เลขาโหยว ผู้ใดเล่าลือว่าข้าไร้ยางอายก็ช่างพวกเขา ในเมื่อข้าเป็นคนเปิดเผย ใยต้องสนใจต่อข่าวลือ” เฉินลี่หลินมองผืนผ้าเช็ดหน้าในมือ ที่ปักลวดลายงดงามเหมาะสมกับบุรุษอย่างชอบใจ หลายครั้งที่ผ่านมาไม่ว่านางจะส่งของขวัญใดไปให้อีกฝ่าย มิใช่มิรู้ว่าของทุกชิ้นล้วนถูกทิ้งขว้างหรือไม่ก็จะถูกนำไปให้ผู้อื่นใช้ต่อ ‘แต่แล้วอย่างไร นางคิดว่าต้องมีสักวันที่เลขาโหยวจะมองเห็นความรักของนาง’ “เอาชิ้นนี้ล่ะ ไปกันเถอะเสี่ยวจวง” นางส่งผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นให้สาวใช้นำไปชำระเบี้ย ก่อนจะเดินออกไปขึ้นรถม้า ผู้ใดบ้างจะรู้ความจริงว่า ที่นางรักมั่น หนึ่งในนั้นมีความอยากเอาชนะสตรีคู่แข่งอันดับหนึ่งในทุกด้านอย่าง หวังซินเจีย สตรีที่แสร้งอ่อนหวานต่อหน้าผู้อื่นทั้งๆ ที่เนื้อแท้นั้นเป็นสตรีที่ชอบดูถูก สำคัญคือชอบท้าประลองกับนางตลอดเวลาที่อยู่ในสำนักศึกษา เหมือนเช่นเรื่องของโหยวซานซุน ‘ผู้ใดได้ครองหัวใจคุณชายโหยว ถือว่าผู้นั้นชนะตลอดชีวิต!’ หวังซินเจียกล่าวไว้ แน่นอนว่านางมิได้ตกปากรับคำ…แต่นางลงมือกระทำมันเลย! ผู้ใดจะหาว่านางโง่เง่าก็ว่าไป แต่นางจะไม่ยอมพ่ายแพ้ให้สตรีสกุลหวังแน่ สาวใช้คนสนิทวิ่งตามคุณหนูของตนเองที่ผ่านพ้นวันปักปิ่นมาแล้วถึงครึ่งปีไปขึ้นรถม้า คิดแล้วก็อดสงสารคุณหนูไม่ได้ นับจากวันปักปิ่นมาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีแม่สื่อคนใดมาทาบทามเลย เหตุเพราะเรื่องราวนั้นเมื่อสามปีก่อน คุณหนูของนางได้ประกาศกร้าวกลางสำนักศึกษาว่าพึงใจบุรุษรูปงามนามว่าโหยวซานซุนที่ในตอนนั้นกำลังจบการศึกษาพอดี ในความเอาแต่ใจและเกลียดการท้าทายคือจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้พลาดพลั้งอยู่เสมอ ไม่รู้ทำไมคุณหนูของนางถึงไม่รู้จักจำ รถม้าคันใหญ่วิ่งไปจอดอยู่ด้านหน้าจวนสกุลโหยว ในขณะที่รถม้าอีกคันวิ่งเข้ามาจอดขนาบข้าง สองสตรีจากสองสกุลก้าวลงไปจากรถพร้อมกัน หนึ่งคนสวมชุดสีชมพูอ่อนหวาน อีกหนึ่งคนสวมชุดสีม่วงอ่อนงดงามไม่แพ้ใคร “ยินดีที่ได้พบคุณหนูหวัง” เฉินลี่หลินเบะปากมองอีกฝ่ายขึ้นลง ขึ้นลง “มารดาเจ้ามิได้บอกรึ ว่าสวมแต่ชุดสีชมพูมันน่าเบื่อ” หวังซินเจียกำหมัดแน่นจนเจ็บฝ่ามือ ก่อนจะผ่อนอารมณ์เอาไว้ให้ลึกที่สุด “พี่ซานซุนชอบสตรีสวมชุดสีชมพู หาใช่สตรีที่สวมชุดสีม่วงเหมือนนางโลม” ยกมือป้องปากหัวเราะ ไวกว่าความคิด ฝ่ามือของผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนางโลมฟาดลงบนแก้มขาวของอีกฝ่ายไปโดยไม่ออมแรง เพี้ยะ!! “กรี้ด!!” หวังซินเจียขยับถอยหลังพลางยกมือขึ้นกุมใบหน้า สาวใช้คนสนิทรีบปรี่เข้ามายืนบังร่างของนางเอาไว้ ในความหวาดกลัวนั้น ก็ยังคงปากกล้า ก่นด่าออกไปอย่างไม่ยอมแพ้ “เจ้ากล้าตบหน้าข้า อย่าหวังว่าเรื่องนี้มันจะจบง่ายๆ ข้าจะฟ้องพี่ซานซุน เขาจะได้เกลียดชังเจ้าหนักกว่าเดิมและเจ้าจะแพ้ให้ข้า เจ้ามันสตรีไร้ยางอาย ขี้แพ้!!” “พูดใหม่สิ!!” ผู้ถูกกล่าวหาว่าขี้แพ้ ย่างสามขุมเข้าหาสตรีที่ชอบท้าทายนางพร้อมกับยกมือขึ้นสูง แม้ด้านหน้าจะมีสาวใช้ของอีกฝ่ายยืนบังอยู่…แต่นางรึจะกลัวสิ่งใด ความอลหม่านหน้าจวนสกุลโหยวเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่พากันมามุงดูเรื่องทะเลาะของสตรีสกุลใหญ่โดยมีบุรุษเป็นต้นเหตุ เท่านั้นไม่พอ ยังซุบซิบนินทากันอย่างสนุกปาก แต่ก่อนที่การทำร้ายร่างกายจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ด้านหน้าประตูจวนกลับมีบุรุษหน้าขาวเดินออกมาห้าม “คุณหนูเฉิน หยุดเดี๋ยวนี้!” โหยวซานซุนที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเลขาส่วนพระองค์ไปได้ไม่นานถึงกับมีใบหน้ามืดครึ้มเมื่อฟังคำของพ่อบ้านถัง ที่วิ่งหน้าตื่นเข้าไปรายงานเขาเมื่อครู่ เรื่องทะเลาะตบตีของสองสตรี ตัวเขามิได้อยากเข้าไปยุ่งหากเหตุการณ์นั้นมิได้เกิดขึ้นหน้าจวนของเขาให้อับอาย เป็นอีกครั้งที่เฉินลี่หลินก่อเรื่องงามหน้า ‘นางทำให้เขากลายเป็นบุรุษที่ถูกเล่าลือไปพร้อมกับนางไม่พอ ยังกล้ามาตบหน้าคุณหนูหวังที่นี่อีก’ “คุณชายโหยว ยินดีที่ได้พบเจ้าค่ะ” เฉินลี่หลินหันไปประจันหน้ากับบุรุษที่นางเข้าหาเพราะอยากเอาชนะ ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก…หากไม่เพราะหวังซินเจียยั่วยุนาง มีหรือที่นางจะลงไม้ลงมือ หวังซินเจียก็ไม่ยอมแพ้ นางบีบน้ำตาจนเอ่อคลอ พลางใช้มือกุมแก้ม “พี่ซานซุน ยินดีที่ได้พบเจ้าค่ะ โอ๊ย!” จับริมฝีปากของตัวเอง ก่อนที่ร่างของนางจะถูกประคองเอาไว้ด้วยบุรุษรูปงาม รอยยิ้มสมใจถูกส่งไปให้สตรีขี้แพ้ทางด้านข้างเมื่อนางถูกโหยวซานซุนโอบไหล่พาเข้าไปในจวน ไม่มีเสียงใดดังออกมาจากปากของบุรุษ แต่ถึงอย่างนั้นเฉินลี่หลินก็ยังเดินตามเข้าไปอยู่ดี นับว่าครั้งนี้คือครั้งที่สองที่นางได้มีโอกาสเข้ามาในจวนพระราชทานหลังใหม่ของสกุลโหยว ซึ่งครั้งแรกนั้นมาตามมารยาทเมื่อโหยวซานซุนได้ตำแหน่งเลขา ถามว่านางตื่นเต้นหรือไม่ ก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา แต่เดินไปได้ไม่ถึงสองจิบชา ตัวนางกลับถูกทิ้งให้ยืนอยู่ในห้องโถงกว้างเพียงลำพัง ความเสียใจที่บุรุษไม่เหลียวแลยังไม่เท่าความเจ็บใจที่ตนถูกเมิน ร่างเล็กเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ด้วยความเบื่อหน่าย “ถ้าจบเรื่องนี้เมื่อไหร่ ข้าจะดัดนิสัยตัวเอง ไม่เชื่อก็คอยดูเสี่ยวจวง” ไม่ใช่ไม่รู้ว่าตัวเองมีนิสัยแบบไหน แต่รู้แล้วมันห้ามใจไม่ได้ จึงเดินตามแผนยั่วยุของหวังซินเจียไม่เลิก ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เล็กจนโต นางและซินเจียมักจะแข่งขันกันเช่นนี้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การเย็บปัก การทำอาหารและทุกเรื่องที่ผ่านพ้นมานั้น ต่างฝ่ายต่างผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ จะมีก็แค่ครั้งนี้ที่นางดูทีว่าจะแพ้แน่ๆ มิใช่ว่าเป็นเพราะนิสัยของนางแย่…ก็แค่นางไม่เคยมีคนรัก จึงทำตัวไม่ถูกต่างหาก “คุณหนู” เสี่ยวจวงทำหน้าเศร้า พลางมองสตรีผู้หนึ่งที่น่าจะอยู่ในจวนสกุลโหยวเดินยกน้ำชาเข้ามา นางจึงรับไว้แล้วรินมันให้คุณหนูของนางทานเพื่อผ่อนคลายอารมณ์โกรธ เวลาผ่านไปร่วมสองเค่อ ความเงียบในห้องโถงคล้ายกับกดดันให้สองนายบ่าวอยู่ไม่สุข เฉินลี่หลินดื่มชาไปมากกว่าห้าถ้วย พลันคิดไปถึงเรื่องของบุรุษเจ้าของจวนกับสตรีคู่แข่งที่หายไปด้วยกันแล้วก็นึกเจ็บใจ หากทั้งคู่เกิดพลั้งเผลอกระทำเรื่องมิเหมาะมิควร มิใช่แค่ตัวนางที่จะพ่ายแพ้ พวกเขาทั้งคู่ยังไม่พ้นต้องสมรสกันมิใช่รึ ‘หากจะให้พ่ายแพ้ นางก็ต้องเห็นมันกับตาว่าฝ่ายบุรุษนั้นยินยอม!’ พรึ่บ! ลุกออกจากเก้าอี้ด้วยหัวใจร้อนรุ่ม “ข้าจะออกไปดูพวกเขา” ในความรีบ ทำให้ร่างบางถึงกับเซและ...หัวหมุน? “โอ๊ะ” เสี่ยวจวงรีบเข้าไปประคองคุณหนูของตนเอง “เป็นอะไรเจ้าคะ” ผู้ถูกถามโบกมือ “ไม่ๆ ข้าไม่เป็นไร รีบไปเถอะ ก่อนที่ข้าจะแพ้ให้กับสตรีมารยา!” สองขาเล็กก้าวออกไปจากห้องโถง ซ้ายขวามีทางแยกให้เห็น แน่นอนว่านางเองมิได้รู้เลยว่า ต้องเลี้ยวไปทางใดจะพบเจอคนทั้งคู่ สวนสวยกลางจวนปราศจากผู้คน นั่นหมายความว่าโหยวซานซุนและหวังซินเจียต้องอยู่ในห้อง! “อือ...อ” จู่ๆ เฉินลี่หลินก็เกิดร้อนผ่าวตรงกลางอก ทั่วร่างอ่อนแรงขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ หนึ่งห้องที่เดินผ่านกลายเป็นห้องหนังสือ อีกหนึ่งห้องที่เดินผ่านเป็นห้องพระ ยิ่งเดิน ยิ่งอ่อนแรง ใบหน้าเนียนแดงก่ำ “สะ เสี่ยวจวง อ่ะ” ความวาบหวามช่วงท้องน้อยตีตื้นขึ้นมาเป็นระรอก เบื้องหน้าเป็นประตูห้องอะไรสักอย่างที่คาดเดาไม่ได้ นางผลักประตูเข้าไป แอ๊ด!! มันมีเพียงเตียงนอนแต่ไร้ผู้คน แต่แล้วความร้อนภายในกายและความปวดหนึบตรงศีรษะทำให้นางล้มลงไปกองอยู่กับพื้น! “คุณหนู!!!” นั่นคือเสียงสุดท้ายที่เฉินลี่หลินได้ยิน ก่อนจะจับตรงหน้าอกตนเองด้วยความเจ็บปวดแล้วแน่นิ่งไป!

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

คุณหนูสิบเจ็ดตระกูลเจียง

read
10.6K
bc

เชลยรักท่านอ๋องอำมหิต

read
16.9K
bc

พันธะร้าย..ดวงใจรัก

read
2.1K
bc

วิญญาณตามรัก

read
1K
bc

แม่หมอแห่งซูโจว

read
7.4K
bc

รักต้นฉบับ(ไม่ลับ)แม่มดมนตรา

read
1K
bc

หยุดหัวใจไม่รักดี

read
4.3K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook