ภาพติดวิญญาณ 1

1231 Words
นิทรรศการภาพวาด “ดอกเหมย แกมองอะไรอยู่น่ะ” สาริกา เดินไปแตะไหล่เพื่อนสาวผู้คลั่งไคล้งานวาดภาพของศิลปินในดวงใจ จนถึงขั้นที่ว่าเธอเดินไปไกลแล้วแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่เดินตามมา ภาพที่เห็นด้านบนเป็นภาพเรือนไม้หลังหนึ่ง ซึ่งคล้ายกับเรือนแบบโบราณ ถามว่าเป็นเรือนโบราณของไทยใช่ไหม ก็ว่าได้ไม่เต็มปากในเมื่อลักษณะของมันเป็นเรือนไม้ร่มรื่นแบบเมืองจีน ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ดูแล้วให้ความรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ดึงดูดมากมายจนถึงขนาดที่ว่าเพื่อนเธอต้องตกอยู่ในภวังค์ “ภาพนี้สวยนะ ไม่รู้ว่าอาจารย์สี่ทิศ ท่านจินตนาการออกมาเป็นยังไง จะเก่าก็ไม่เก่า จะสมัยใหม่รึเปล่า ฉันก็ดูไม่ออก” “คงไม่ได้อ้างอิงถึงประวัติศาสตร์อะไรเหมือนงานทุกชิ้นของอาจารย์นั่นล่ะมั้ง” ดอกเหมยตอบเพื่อนสนิทที่เรียนวาดภาพในยามว่างด้วยกันอย่างสาริกา ในขณะที่สายตายังคงมองต้นไม้สีสวยอยู่ “ลงสีสวยมาก แต่ตรงนี้มันเหมือนมีเงาอะไรน่ะ” ชี้ไปยังใต้ต้นไม้ที่อยู่ในภาพวาด “หืม?” สาริกาเพ่งมองไปยังจุดที่เพื่อนสาวชี้ คล้ายกับว่าทั้งเธอและเพื่อนกำลังเป็นนักสำรวจจุดบกพร่องของภาพวาดก็ไม่ปาน “ไม่เห็นนะ แต่ภาพวาดมันจะมีเงาอะไรในนั้นก็ได้มั้ยแก วาดกับถ่ายมันไม่เหมือนกันนะ” “งั้นเหรอ ทำไมฉันเห็นเงาคนอยู่ใต้ต้นไม้อ่ะ” จึ่กๆๆ สาริกาจิ้มศีรษะเพื่อนพลางบอกว่า “มันก็คือจินตนาการส่วนบุคคล เอาเป็นว่าภาพที่เราเห็นด้วยกันนี่ ฉันไม่เจอเงาอะไรอย่างที่แกว่า หากสงสัยนักก็ต้องไปถามอาจารย์สี่ทิศโน่น ว่าท่านวาดเงาอะไรใส่ไปด้วยรึเปล่า ป่ะ ไปดูรูปอื่นกันบ้างเถอะ อยู่แค่ตรงนี้ ฉันเหนื่อยจะเพ่งว่ะ” ลากแขนเพื่อนสุดติสท์ออกไปทางอื่นเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะมโนไปไกลถึงเรื่องเงาอะไรทั้งหลายแหล่จนเธอร่วมหลอนไปด้วย ซึ่งไม่นานมานี้หลังจากที่ดอกเหมยสูญเสียคุณยายผู้เป็นญาติคนสำคัญเพียงคนเดียวไป อีกฝ่ายดูเหม่อลอยและไม่ค่อยมีความเป็นตัวของตัวเองนัก ตัวเธอที่เป็นเพื่อนสนิทจึงได้แต่เฝ้ามอง สองสาวอยู่ในงานนิทรรศการภาพวาดจนถึงช่วงบ่าย จึงพากันออกมารับบรรยากาศด้านหน้า ซึ่งนอกจากงานศิลปะอันงดงามแล้ว ที่ตรงนี้ยังมีลานกว้างสำหรับขายอาหารและเครื่องดื่มตั้งเรียงรายอยู่เต็มไปหมด (เหมือนตลาดนัด) พื้นที่สำหรับนั่งทานอาหารคือโต๊ะเก้าอี้หลายตัวใต้ต้นไม้ภายในพื้นที่จัดงาน ผู้คนมากกว่าร้อยชีวิตต่างดื่มด่ำกับความสุขเดียวที่หาได้ในเมืองกรุง แน่นอนว่าผู้คนส่วนใหญ่ในที่นี้ย่อมเป็นกลุ่มคนที่ชื่นชอบในงานศิลปะ ยิ่งยามเย็นในอีกสองชั่วโมงที่กำลังจะมาถึง จะมีการแสดงดนตรีแนวลูกกรุงร่วมด้วย ใครหลายคนเริ่มจับจองที่นั่งด้านหน้าเมื่อเห็นพนักงานเริ่มเคลียร์พื้นที่จัดแสดง ดอกเหมยนั่งทานน้ำแข็งใสตรงเก้าอี้ตัวเล็ก เคียงข้างกับสาริกาที่นั่งทานส้มตำไก่ย่าง พื้นที่ตรงนี้กับงานนิทรรศการเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้เธอคิดถึงคุณยาย แต่แม้จะคิดถึงยังไง…คนที่ตายไปแล้วก็ไม่อาจฟื้นคืน สิ่งที่เหลือไว้ในตอนนี้คือความทรงจำที่ดีที่เธอยังนึกถึง ไม่เว้นแม้แต่ก่อนนอน “แกจะอยู่ฟังเพลงที่นี่รึเปล่า” สาริกาละจากไก่ย่าง มองเพื่อนสาวคนสนิทพร้อมกับย้อนถาม “ถ้าแกอยู่ ก็อยู่” “งั้น…หาเครื่องดื่มไว้ด้วยดีไหม แก้เครียด” คนคิดถึงยาย คิดแบบนั้นจริงๆ ของมึนเมาอาจจะทำให้เธอนอนหลับสบายกว่าทุกวันก็เป็นได้ ไม่ใช่หลับไม่สบายแล้วตื่นไปทำงานทุกวันจนหัวสมองเบลอไปหมด “เอาสิ แก้เครียด” เพื่อนสนิทอย่างสาริกาไม่ได้ขัด เธอรีบเดินไปซื้อเครื่องดื่มเย็นๆ อย่างที่เคยดื่มในทันที ใจหวังว่าเมื่อผ่านพ้นคืนนี้ไป วันพรุ่งนี้ดอกเหมยจะกลับมาเป็นผู้หญิงร่าเริงสดใสได้เหมือนเดิม &&&& คืนนั้น ดอกเหมยเดินออกจากห้องน้ำในห้องนอนของตัวเองด้วยสภาพไม่เต็มร้อยนัก สาเหตุคงไม่ใช่อะไรถ้าไม่ใช่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในร่างกายมันเกินกว่าปกติไปหน่อย “โอย ปวดหัวจนจะตายอยู่แล้ว ยายจ๋า เหมยจะทำตัวเป็นคนดีเหมือนที่ยายสอนนะจ้ะ วันพรุ่งนี้คือวันใหม่ที่เหมยจะกลับมาเป็นคนเดิม” ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนหนานุ่ม “ยายอยู่บนฟ้าสบายดีไหม เหมยอยู่บนโลกนี้คนเดียว อะไรๆ มันดูวุ่นวายเหลือเกิน อยากย้ายไปอยู่ที่อื่นบ้างจัง” ชั่วขณะหนึ่ง…เธอนึกไปถึงภาพวาดที่ตรึงใจของอาจารย์สี่ทิศ “สถานที่แบบนั้นมันมีอยู่จริง หรืออาจารย์แค่จินตนาการ ว่าแต่เงานั่นคืออะไรนะ?” ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ ความเมาบวกกับความง่วงฉุดสติให้เลือนหาย จมลึกเข้าไปในความฝัน ฝันนั้น...มีผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดจีนกำลังเทผงสีขาวลงไปในกาน้ำชา ท่าทางล่อกแล่ก หันซ้ายหันขวาไม่น่าไว้ใจ คนดูอย่างดอกเหมยรู้ได้ในทันทีว่านี่คือการวางยาแน่ๆแต่ผงสีขาวในกาน้ำชานั้น มันคืออะไรน่ะ? ผู้หญิงคนนั้นเดินยกถาดที่มีกาน้ำชาน่าสงสัยเดินออกไปด้านนอก ภาพตัดฉากไปที่ห้องกว้างขวางคล้ายกับเป็นห้องรับแขก ที่ตรงนั้นมีผู้หญิงอยู่สองคน หนึ่งคนนั่งเก้าอี้ หนึ่งคนยืนด้านข้าง ความหรูหรามีมาให้เห็นแต่เธอไม่ได้สนใจที่จะมองมันนอกจากจดจ้องไปยังผู้หญิงต้องสงสัยกับกาน้ำชา!และตัดมาที่ภาพผู้หญิงกำลังดื่มชา วินาทีนั้นดอกเหมยอยากจะตะโกนบอกอีกฝ่ายไปว่า อย่าทาน! แต่ดูเหมือนว่าเธอจะพูดมันออกไปไม่ได้เพราะสถานการณ์ที่เห็นในตอนนี้มันเหมือนกับเธอกำลังนั่งดูหนังจีนโบราณเรื่องหนึ่งที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการฆาตกรรรม ตากลมมองผู้หญิงผิวขาวในชุดสีม่วงอ่อนดื่มน้ำชาไปหลายแก้ว ก็ถึงกับลำคอแห้งผาก ความอุ่นปนหวานไหลลงสู่ลำคอจนดอกเหมยเผลอจับริมฝีปากตัวเอง ทำไมเธอถึงรู้รสชาติของน้ำชาในกานั้นอย่างชัดเจนทั้งๆ ที่เธอไม่ใช่คนดื่ม อึ่ก! อึ่ก!สองอึกแสบร้อนจนอยากจะวิ่งเข้าไปกระชากแขนอีกฝ่ายให้หยุด แต่นอกจากจะทำไม่ได้ เธอยังรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหมดสติไปอีกด้วย ดวงตาพร่ามัวมองภาพผู้หญิงชุดจีนสองคนเดินออกไปจากห้องโถงนั้น ก่อนที่สติจะดับวูบ! &&&& จวนพระราชทาน (เลขาโหยวซานซุน)
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD