หมั้นอะไร 1

1508 Words
ห้วงฝันอันยาวไกล เสียงเรียกปะปนกับเสียงร่ำไห้ดังเข้าสู่โสตประสาทของคนที่นอนหลับอยู่ ภาพจำในสำนึกยังคงติดอยู่แค่เรื่องหนังจีนเรื่องนั้น เรื่องที่มีสตรีผู้หนึ่งเทผงสีขาวลงไปในกาน้ำ...ผงสีขาวนั้นคืออะไร เหตุใดจึงทำให้นางแสบร้าวไปถึงลำคอทั้งๆ ที่มิได้เป็นผู้ดื่มมัน “อะ อือ” เสี่ยวจวงชะโงกหน้าขึ้นไปมองคุณหนูบนเตียง ‘เมื่อครู่นี้นางได้ยินเสียงครางใช่หรือไม่?’ “คุณหนู!” ‘อีกแล้ว’ เสียงเรียกว่าคุณหนูดังอยู่ใกล้หูเหลือเกิน จะเป็นอะไรไหมถ้าหาก...นางจะนอนหลับไปทั้งอย่างนั้นแล้วแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แต่แรงเขย่าตรงช่วงแขนนี่สิ มันอะไรนักหนา! “เฮือก!!แฮ่กๆๆ” ร่างกายเล็กบางผุดลุกนั่งพร้อมกับจับไปยังลำคอของตนเอง สองตากลมมองเสื้อผ้าบางเบาสีม่วง? ก่อนจะเลื่อนมือของตนขึ้นมาลูบช่วงขา “ชุดแบบนี้ ไม่เคยซื้อมาใส่นะ” ในความงุนงงสับสนนั้น สมองสั่งการให้ต้องเลื่อนสายตาไปมองรอบตัว แล้วภาพที่เห็นกลับทำให้ต้องอ้าปากค้าง °∆° ‘ทำไมทุกคนใส่ชุดเหมือนอยู่ในหนังจีนกำลังภายใน?’ ดอกเหมย…ตื่นเดี๋ยวนี้! “คุณหนู ฮือๆ บ่าวดีใจเหลือเกินที่คุณหนูฟื้นแล้ว เมื่อครู่บ่าวตกใจมากนะเจ้าคะ ยามนี้คุณหนูเจ็บตรงไหนหรือไม่” เสี่ยวจวงลูบคลำร่างกายคุณหนูของตนเองอย่างเป็นห่วง แต่นอกจากการส่ายหน้ากลับมาให้แล้ว คุณหนูของนางไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก นอกจากนายท่านโหยวจะเรียกทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ ออกไปพบกันอีกครั้งในห้องโถง การพูดคุยสนทนากันอย่างเคร่งเครียดในนี้ผู้ถูกเรียกว่าเฉินลี่หลินมาตลอดยังคงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา แต่ยังจับใจความได้ว่า จะให้นางหมั้นหมายกับบุรุษรูปงามที่มองนางอย่างเกลียดชังอยู่ตรงกันข้าม “ว่าอย่างไรคุณหนูเฉิน เจ้ายินดีที่จะหมั้นหมายกับซานซุน บุตรชายของลุงหรือไม่” ผู้อาวุโสที่สุดอย่างโหยวต่วน ตัดสินใจด้วยตนเอง แม้บุตรชายจะแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย ดอกเหมยผู้คิดว่าตนอยู่ในห้วงฝัน กับคำเรียกนามคุณหนูเฉินและมองแค่นาง นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายต้องการคำตอบ แต่ที่ยังไม่เข้าใจคือเหตุใดต้องเสนอให้หมั้นหมาย “คือ ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดต้องหมั้น” ใจจริงอยากจะถามว่านางผู้แสดงเป็นคุณหนูเฉินนี้ กำลังอยู่ที่ไหนเสียมากกว่า มันก็ยังติดอยู่ที่ว่านางไม่มีโอกาสได้ถามใครเลย “เพราะซานซุนอุ้มเจ้า ในตอนที่เจ้าหมดสติไปเมื่อครู่ ซานซุนควรรับผิดชอบ เอาเถอะเรื่องใหญ่เช่นนี้เอาไว้ลุงจะไปหารือกับบิดาของเจ้าด้วยตนเองคงจะดีกว่า” จากคำอธิบายนั้น ตัวนางที่มิใช่เจ้าของร่างถึงกับตกใจ คำที่ออกมาจากปากจึงกลายเป็นคำปฏิเสธ “ไม่เจ้าค่ะ ท่านลุงบอกว่าเมื่อครู่ข้าหมดสติและซานซุนมาอุ้มข้า ก็เป็นเพียงการช่วยเหลือผู้ป่วยเท่านั้น หาได้ต้องให้มารับผิดชอบข้าไม่ อย่างที่ท่านลุงว่า เรื่องนี้ควรต้องไปบอกกับท่านพ่อ ซึ่งข้าจะเป็นผู้ไปบอกเองว่าข้าบังเอิญมาอยู่ที่นี่และยังมิมีสิ่งใดเกิดขึ้น” ภาษาจีนถูกเปล่งออกไปยาวเหยียดตามจิตใต้สำนึกของนางจนนึกแปลกใจ ‘เอาเป็นว่า…การที่นางมาอยู่ในร่างนี้ แม้จะเป็นความฝัน แต่นางก็เริ่มมองเห็นเค้าลางแห่งความวุ่นวายเสียแล้ว’ โหยวซานซุนมองสตรีหน้านวลในชุดสีม่วงอ่อนอย่างสงสัย ก่อนหน้านี้นางตามติดเขามาเกือบสามปี เรื่องราวของนางเล่าลือไปทั่วเมืองหลวงว่านางหลงรักเขาหัวปักหัวปำ แต่ทำไมเมื่อโอกาสมากองอยู่ตรงหน้า นางถึงปฏิเสธเล่า ‘เขาไม่เข้าใจเฉินลี่หลิน?’ “เช่นนั้นเราก็เอาตามที่นางว่าเถิดขอรับท่านพ่อ อีกอย่างคือข้ามิได้อยากล่วงเกินสิ่งใดกับสตรีเช่นคุณหนูเฉินแม้เพียงนิด ที่อุ้มนางเช่นนั้นเพราะจำเป็น ข้าหาได้เต็มใจจะทำไม่ ห้องนี้หรือข้าก็ไม่คิดที่จะกลับมานอนอีก อาจง ไปสั่งให้บ่าวชายมาย้ายของใช้ของข้าออกไปที่ห้องอื่นด้วย ส่วนห้องนี้ก็ให้เป็นห้องเก็บของไป” ผู้ถูกเรียกว่าคุณหนูเฉินหรี่ตามองบุรุษผู้นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม อีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้นั่นหมายความว่าเขาเกลียดนางมาก มากจนไม่อยากแตะต้อง ห้องนี้กับบ้านนี้รึ…ก็คงจะเป็นของเขา ‘แต่แล้วใครสนใจ ในเมื่อมันเป็นเพียงความฝัน เขาเกลียดนาง ใยนางจะเกลียดเขาบ้างไม่ได้’ ในความมึนงงนั้น ใจอยากจะตื่นจากฝันเสียที แต่จนแล้วจนรอด หลังจากที่สองบุรุษพูดจาตอบโต้กันไปมา นางจึงตัดสินใจเอ่ยแทรกกลางปล้อง “ข้าอยากออกไปจากที่นี่” เสี่ยวจวงมิได้ห้ามปรามความต้องการของคุณหนู นางจับแขนเล็กนั้นคล้ายกับช่วยพยุง ราวกับว่านางต้องการพาคุณหนูของตนเองออกไปไกลๆ จากสถานการณ์ที่น่ารังเกียจเช่นนี้เหมือนกัน แม้จะแปลกใจที่คุณหนูของนางไม่ต้องการหมั้นหมาย ‘แต่แล้วอย่างไร หากย้อนคิดไปถึงคำท้าทายของคุณหนูสกุลหวัง การที่นายท่านโหยวยื่นข้อเสนอให้หมั้นหมาย ก็มิเท่ากับว่าคุณหนูของนางก็ชนะแล้วหรอกรึ’ บทสรุปสุดท้าย จะหมั้นหรือไม่หมั้น คุณหนูของนางก็ชนะไปแล้ว “กลับไปพักผ่อนที่จวนสกุลเฉินกันดีกว่านะเจ้าคะ” “อืม” มือบางจับแขนสตรีที่เรียกตนว่าคุณหนูเพื่อลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินผ่านทุกคนในที่นั้นไปโดยมิสนใจจะคำนับหรือเอ่ยทักผู้ใดเลย คล้อยหลังเฉินลี่หลินเดินจากไป หวังซินเจียเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันให้กับความหยิ่งยโสนั้น พร้อมกับก้มหน้าลงต่ำ ‘คำว่าหมั้นหมายตอกย้ำชัดเจนว่าชัยชนะเกินครึ่งนั้นเป็นของใคร หึ’ “พี่ซานซุน ข้าขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ” โหยวซานซุนละสายตาจากสตรีร่างเล็กในชุดสีม่วงแล้วหันกลับมามองสตรีชุดสีชมพูผู้อ่อนหวานแต่พวงแก้มของนางยังคงบวมเป่ง “อยู่ทานสำรับกลางวันกับพี่ก่อนแล้วค่อยกลับดีหรือไม่” ในความกระหยิ่มยิ้มย่องของหวังซินเจีย แต่การแสดงออกของนางกลับตรงกันข้าม “คงไม่เหมาะเจ้าค่ะ ที่จริงแล้ววันนี้ข้ามาเพราะพี่ใหญ่สั่งให้ข้ามาบอกท่านว่าวันมะรืนนี้ เหล่าสหายร่วมรุ่นในสำนักศึกษาจะไปร่ำสุรากันที่หอสุ่ยเซียน” ทำหน้าเศร้า “แต่บังเอิญเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน” “เช่นนั้นหรือ น่าสงสารเจ้านัก เช่นนั้นเจ้ากลับจวนไปพักก่อนเถิด” ลูบผมสลวยของสตรีหน้าหวานอย่างนึกสงสาร ก่อนจะมองเลยไปยังบิดาที่ยังทำหน้าเครียด เมื่อคุณหนูสกุลหวังและสาวใช้เดินออกไปแล้ว เขาจึงเดินตามบิดาไปอีกทางด้วยความวิตก เรื่องราวในวันนี้หากจะกล่าวว่ามีผู้ใดผิดก็คงจะเป็นสตรีสกุลเฉิน เฉินลี่หลิน!! ศาลานอกเรือน โหยวต่วนเหม่อมองสภาพภายในจวนที่กำลังเริ่มปรับปรุงไปทีละนิดของบุตรชาย เรื่องหน้าที่การงานกำลังประสบความสำเร็จ เชิดหน้าชูตาสกุลดั้งเดิมที่มาจากต่างแคว้นในฐานะพ่อค้าได้เป็นอย่างดี ยามนี้ได้เป็นหนึ่งในเลขาส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ ไม่แน่ว่าการมอบสมรสพระราชทานจะต้องเกิดขึ้นหากบุตรชายพึงใจสตรีสกุลใด หรือฮ่องเต้อาจทรงพระราชทานมาให้โดยมิมีทางเลือก แน่นอนว่าสตรีที่เหมาะสมย่อมเป็นสตรีเพียบพร้อมทั้งชื่อสกุล อำนาจ บารมี มิเหมือนอย่างเฉินลี่หลินและหวังซินเจียที่ออกมาวิ่งไล่ตามบุรุษ “พ่อรู้ว่าเจ้ามิได้พึงใจคุณหนูสกุลเฉิน แต่ถึงอย่างนั้นในช่วงนี้พ่ออยากให้เจ้าแสดงความมีน้ำใจ แวะไปเยี่ยมเยียนหานางที่จวนบ้าง” แต่ก็นั่นล่ะถ้าในสองสกุลนี้ บุตรชายของเขาจำใจต้องเลือกหรือให้ทำดีด้วย ไม่พ้นคงเป็นเฉินลี่หลิน บุตรสาวของรองแม่ทัพเฉินที่มีอำนาจมากกว่า ‘เสียดายที่วันนี้มันมีบางอย่างพลาดไป หนึ่งเรื่องที่พลาดคงเป็นเรื่องที่เฉินลี่หลินไม่รับโอกาสหมั้นหมายกับโหยวซานซุน’ ช่างน่าเสียดายจริงๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD