ผู้ต้องสงสัย 1

1389 Words
มือบางรีบเปลี่ยนหน้ากระดาษอย่างรวดเร็ว พลางตวัดปลายดินสอร่างแบบของโครงหน้า ภาพจำจากความฝันยังคงฉายชัดไม่เลือนหาย สตรีผู้น่าจะเป็นคนร้ายมีพวงแก้มอวบอิ่ม ริมฝีปากบนเป็นกระจับหนากว่าริมฝีปากล่าง ดวงตาเรียวรีรับกับจมูกเล็กๆ คิ้วถูกวาดเป็นเส้นโค้งบางสวยแต่ตรงหางคิ้วกลับตวัดขึ้นเล็กน้อย ลักษณะการมวยผมขึ้นทางด้านหลัง จะกล่าวว่าดูคล้ายสตรีที่ออกเรือนแล้วรึก็อาจจะใช่ ทุกจังหวะการวาดไม่มีความลังเลแม้เพียงนิด นั่นเพราะเฉินลี่หลินมั่นใจว่านางมิได้วาดผิดคน! หวังเฟยหรงนั่งมองทุกการกระทำนั้นอย่างสนใจ ภาพของสตรีในกระดาษแผ่นนั้น เขาจำไม่ได้ว่าเคยพบอีกฝ่าย...หรืออาจจะเคยพบ ไม่สิ! ‘เขาไม่น่าจะรู้จัก’ “เจ้าวาดภาพของผู้ใดลี่หลิน” แกร่ก! เจ้าของนามวางดินสอลงในกล่อง คำถามของคุณชายหวังเฟยหรงที่ว่า ‘เจ้าวาดภาพผู้ใด’ นั่นหมายถึงอีกฝ่ายมิได้รู้จักสตรีผู้นี้ หรือก็คือสตรีผู้นี้มิใช่คนของสกุลหวัง ในขณะที่น้องๆ ของนางยังคงใช้ดินสอสีวาดไปเรื่อยเปื่อยโดยมิสนใจผู้ใด ที่ตรงนี้คงมีเพียงเสี่ยวจวงที่เดินเข้ามาจ้องมองภาพนั้นพลางขมวดคิ้ว ผิดกับบ่าวของคุณชายหวังเฟยหรงที่ยืนนิ่งเงียบอยู่เช่นนั้น “ข้ามิได้รู้จักนางเจ้าค่ะ เพียงแต่นางติดอยู่ในความรู้สึกของข้าแบบสลัดทิ้งยังไงก็ไม่หลุด เสี่ยวจวงเล่า เจ้ารู้จักสตรีผู้นี้หรือไม่” คำหลังถามสาวใช้คนสนิท ที่นางค่อนข้างมั่นใจว่าเสี่ยวจวงต้องเคยเห็นสตรีในภาพวาดนี้แน่ๆ “คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นในจวนสกุลโหยว” ทำท่าคิด “แต่บ่าวยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่เจ้าค่ะ” “ไม่แน่ใจงั้นรึ” ในความหมายนั้นคืออาจจะคุ้นหน้าแต่ไม่ได้สนใจ แปลได้ว่าสตรีต้องสงสัยผู้นี้อาจจะเป็นคนอื่นที่มิได้อยู่ในจวนสกุลโหยว อาจจะเป็นแม่ค้าส่งผัก? เป็นผู้ถูกจ้างวานจากหวังซินเจีย? เป็นสตรีหรืออนุในจวน...อืม “เอาเป็นว่าข้าสนใจนางและอยากรู้ว่านางคือใคร หากวันหน้าเจ้าจำได้หรือบังเอิญพบเจอที่ใดให้รีบมาบอกข้านะเสี่ยวจวง” สั่งสาวใช้โดยไม่ลืมที่จะบอกบุรุษผู้เป็นคนรักจอมปลอมของนาง “พี่เฟยหรงด้วยนะเจ้าคะ” เฉินลี่หลินเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า จะบอกว่านางเชื่ออีกฝ่ายสนิทใจด้วยรึเปล่า คำตอบก็คงเป็นคำว่าไม่ เนื่องด้วยหวังเฟยหรงคือพี่ชายของหวังซินเจียนั่นล่ะ ในระหว่างการสนทนาแบบถามคำตอบคำไปร่วมหนึ่งเค่อ บ่าวชายผู้หนึ่งได้เดินเข้ามาแจ้งกับเฉินลี่หลินว่า ท่านราชเลขาโหยวซานซุนมาขอพบ ซึ่งยามนี้พ่อบ้านไห่กำลังรับหน้าอยู่ตรงประตูทางเข้าจวน สาเหตุที่ยังไม่ยอมเปิดประตูต้อนรับนั้น สืบเนื่องมาจากเมื่อวานนี้บุรุษสกุลโหยวถูกนางขับไล่ออกไปจากจวน ดังนั้นการที่จะให้โหยวซานซุนเข้ามา ย่อมต้องผ่านการอนุญาตเสียก่อน “ไปบอกให้โหยวซานซุนผู้ไร้ยางอายนั่นเข้ามาเถอะ ข้าจะไล่เขาอีกรอบดูสิว่าเขาจะกล้ามาอีกรึไม่” หนึ่งในแผนของนางยามนี้ก็คือ นางอยากรู้ว่าโหยวซานซุนจะทำหน้าเช่นไรเมื่อเห็นภาพสตรีที่นางวาด เขาจะตอบว่ารู้จักนางหรือไม่ นั่นคือเรื่องที่อยากรู้ เพียงแค่หนึ่งจิบชา บุรุษผู้เป็นราชเลขาส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ก็ได้เดินเข้ามาถึงศาลากลางจวนพร้อมกับบ่าวชาย เฉินลี่หลินไม่รั้งรอให้อีกฝ่ายเดินมาจนถึงที่ นางก็เปิดประเด็นทันที “ท่านจะมาที่นี่อีกทำไม คุณชายสกุลโหยว” กอดอกมองอีกฝ่ายอย่างมิชอบใจ ด้านข้างของนางยังคงเป็นหวังเฟยหรง ‘คนรักกำมะลอ’ ที่นางไม่อาจคาดเดาได้ว่าทั้งสองคนผู้เป็นสหายร่วมสำนักจะแอบไปนัดพบปะพูดคุยกันรึเปล่าเกี่ยวกับเรื่องที่การจ้างวาน โหยวซานซุนหน้าตึง เขาชักสีหน้าและเก็บอาการไม่พอใจเอาไว้ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เจ้าควรเรียกข้าว่าท่านเลขาโหยว และที่ข้ามาในวันนี้เพราะขัดคำสั่งของท่านพ่อมิได้ หาใช่ข้าอยากจะมาทั้งๆ ที่เมื่อวานนี้เจ้าออกปากไล่ข้าให้อับอาย” พยักหน้าให้บ่าวด้านหลังนำของฝากขึ้นมาวางตรงโต๊ะที่เต็มไปด้วยแท่งสีสารพัดสีกับกระดาษวาดภาพของเด็กน้อยสี่คนที่พากันวิ่งออกไปจากศาลาเมื่อครู่ โดยเขายังคงแสร้งทำเป็นไม่สนใจหวังเฟยหรง อดีตสหายร่วมสำนักที่นั่งอยู่ในศาลานี้ด้วย เฉินลี่หลินเบะปาก ‘นี่ขนาดเขาอับอายนะ เขายังกลับมาอีกทั้งๆ ที่ชังนางเข้าไส้ จะบอกว่าเป็นลูกที่ดีและฟังคำบิดา เช่นนั้นก็น่ายกย่อง?’ “เช่นนั้นข้าขอถามท่าน บิดาของท่านสั่งให้มาที่จวนของข้าทุกวันด้วยรึไม่ ถ้าให้มายามนี้ทุกๆ วันและท่านไม่กล้าขัดคำสั่งบิดา ข้าก็จะได้ออกไปนอกจวนเสีย” “เจ้าชักจะปากกล้าเกินไปแล้วนะเฉินลี่หลิน นี่หรือสตรีที่เคยวิ่งไล่ตามข้า ดีเท่าใดที่ข้ามิพลาดพลั้งไปกับมารยาของเจ้าในวันนั้นจนต้องรับเจ้าเข้าจวน!” ในคำพูดของเขานั้นพาดพิงไปถึงวันที่อีกฝ่ายหมดสติไป ซึ่งเขาค่อนข้างมั่นใจแล้วว่ามันเป็นแผนของนาง ที่ผิดแผนคือมีบิดาของเขาเข้ามาอยู่ในวงสนทนาร่วมด้วยจนเกือบได้ออกหน้ารับผิดชอบเพราะเกรงว่านางจะเสียหาย แล้วดูยามนี้สิ พอมีบุรุษสกุลหวังนั่งข้างๆ นางกลับยืนด่าเขาราวกับเขาเป็นฝ่ายตามเกี้ยวนางแล้วถูกสะบั้นรัก ‘ข้ามิน่าฟังคำบิดา แล้วเข้าหานางเลยจริงๆ สตรีน่าชัง’ “มารยารึ” ความโกรธลามเลียไปทั่วใบหน้า ร่างบางกำหมัดแน่น พลางอ้าปากโต้เถียง “มารยาเช่นนั้นจะไม่มีสำหรับท่านอีกต่อไป นั่นเพราะข้าตาสว่างแล้วว่าบุรุษเช่นท่านกระทำตนไร้ยางอายยิ่งกว่าสตรี มีอย่างที่ไหนยืนโต้เถียงกับข้าทั้งๆ ที่มันไม่เหมาะ!!ออกไปให้พ้นจวนสกุลเฉินแล้วอย่าสะเออะก้าวขาเข้ามาอีก วันหน้าพบกันอย่าได้เอ่ยทัก มีงานมงคลอย่าได้ส่งเทียบเชิญและอย่าฝันว่าข้าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก ไปเลย!!” ชี้นิ้วไปทางหน้าจวน “เจ้า เจ้า” โหยวซานซุนโกรธจัด เขาหยิบกาน้ำชาขึ้นหมายจะขว้างมันออกไป แต่จังหวะนั้นพลันเห็นภาพวาดของสตรีนางหนึ่ง! หัวคิ้วคมขมวดมุ่น ก่อนจะค่อยๆ วางกาน้ำนั้นลงบนโต๊ะ ความเงียบโรยตัวราวหนึ่งจิบชา เข้าใจได้ว่าทุกคนในที่นี้กำลังจับตามองเขาเช่นกัน และหากเมื่อครู่เขาขว้างกาน้ำนี้ออกไปจริง แน่นอนว่ามันจะไม่โดนเฉินลี่หลินแต่มันจะไปโดนภาพวาดแผ่นนั้น หรือไม่ก็คงเป็นหวังเฟยหรงที่ปัดมันออกไปเสียก่อนที่เขาจะทันได้ขว้าง ความเสียเปรียบในจวนผู้อื่นเป็นสิ่งที่เขาไม่ควรเสี่ยง เช่นนั้นแล้วการกลับไปยังรถม้าที่จอดรออยู่หน้าจวนคือทางเลือกที่ดีที่สุด “อย่าหวังว่าจะได้สนทนาพูดคุยกันอีกเลยคุณหนูเฉิน” ขบกรามจนเป็นสันนูน พลางหันหน้าหนีภาพวาดใบนั้นแล้วก้าวขาออกไปอย่างรวดเร็ว “ผู้ใดจะสนกันเล่า” แบมือสองข้าง ยักไหล่ “กลับไปได้แล้ว” หวังเฟยหรงผู้อยู่ในเหตุการณ์ มองทุกฉากที่เกิดขึ้นพลางหัวเราะในลำคอ “หึหึหึ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD