ตอนที่ 17 : ประเจิดประเจ้อ

2902 Words
17 ริมฝีปากเล็กละเมียดละไมมอบรสชาติของสาวแรกแย้มประคองไว้ในริมฝีปาก ค่อยๆ ให้เขาหยิบยื่นมาฉกฉวยลิ้มชิมด้วยตนเอง ความแนบชิดเชื้อสนิทสนมนี้เธอมั่นใจเต็มร้อยว่าหนนี้เป็นคราแรกของกันและกัน ทว่า...เธอกลับรู้สึกคุ้นเคยรสสัมผัสเสมือนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของกันและกัน ร่างกายกำยำสันทัดที่เคยนอนตะแคงข้างพลิกตัวกลับมาประคองร่างเล็กหอบหิ้วหญิงสาวขึ้นมานั่งคล่อม ในขณะที่สมิงร้ายอยู่ในท่วงท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน เขาปล่อยใจปล่อยกายให้เธอชักนำพาเขาลอยล่องเข้าไปดื่มด่ำกับความหอมหวานที่พร้อมจะมัวเมาเขาให้ลุ่มหลง “!!?!!” เจ้าพิรุณและเจ้ากำจายแตกฮือวิ่งหนีหางจุกตูด ขวัญหนีดีฟ่อคราแรกก็คิดว่าตาลาย พลันสะบัดศรีษระสองสามคราเพ่งเล็งก็เห็นไม่ชัดจึงผงกศรีษระชำเลืองมองชายหญิงคู่หนึ่งบนเรือน ภาพเบื้องหน้าเล่นเอาเสือโคร่งสองตนอับอายขายขี้หน้าแทนพวกเขาทั้งคู่จึงวิ่งเตลิดหนีเข้าป่า พญาขาลที่เคยชังน้ำหน้าหญิงสาวผู้นั้นกระหวัดเกี่ยวพันแนบแน่นกับนางที่มีสายเลือดชั่วของโจรป่าได้อย่างไร ไม่เหมาะไม่ควรอย่างยิ่ง บัดสีบัดเถลิง! ทางด้านคู่ชายหญิงที่มีพันธะสัญญาหนึ่งชั่วยาม ปล่อยเนื้อปล่อยตัวปล่อยใจปล่อยกาย ยอมสนิทชิดเชื้อกันเป็นหนแรกในรอบหลายวันทั้งๆ ที่ยังครองสติดี ริมฝีปากเล็กของนางช่างร้ายกาจ ฉกฉวยลมหายใจอุ่นร้อนของเขาเสียจนติดขัด เล่นเอาหอบหายใจถี่รัวหนักสูดลมหายใจเข้าออกหลายครา หญิงสาวจึงผละริมฝีปากออกห่างอ้อยอิ่ง แต่ก็ไม่ยอมทอดถอนริมฝีปากจางหายออกไปไหนไกล คลอเคลียผิวปากหนาของพญาขาลซุกซน “หืม...หายใจไม่ค่อยออกหรอจ๊ะ เดี๋ยวกระดังงาช่วยผายปอดให้นะ” “เอ็งมันหน้าด้านไร้ยางอายเหลือทน” “ถ้าไม่ทนมือทนตีนจะอยู่กับอ้ายขาลได้หรอ ใจกล้าหน้าด้านจึงจะได้ทุกอย่างมาครอบครอง แต่หนึ่งชั่วยามมันจะพอจริงๆ หรอจ๊ะ” กระดังงางัดทุกกลเม็ดออกมาใช้ล่อลวงชายหนุ่มอย่างยั่วยวนเป็นธรรมชาติ ประโยคที่ว่าเป็นกุลสตรีต้องรักนวลสงวนตัวขอพับเก็บไว้ในลิ้นชักก่อน ไม่ว่าจะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงมักง่ายทอดเรือนร่างให้เขาเชยชิมก่อนออกเรือนก็ไม่หวั่น เธอไม่มีเวลาจะมานั่งคิดคำนวณถึงผลเสีย หลายร้อยชีวิตในชุมโจรหมานคำกำลังรอคอยโอกาสนี้อยู่ มือเล็กนุ่มคว้าฝ่ามือหยาบกร้านที่ถูกทิ้งตกข้างลำตัวแกร่งที่สองข้าง คว้าฝ่ามือของเขาเคลื่อนสัมผัสผิวนุ่มใต้ร่มผ้า ไล่ขึ้นมาตั้งแต่เรียวขาขาวถึงต้นขาอ่อน สัมผัสขึ้นมาบริเวณหน้าท้องเรียบแบน กระทั่งล้วงเข้ามากอบกุมทรวงอกอิ่มไร้ปราการชั้นในขวางกั้น มีเพียงเสื้อคอกว้างบดบังความเต่งตึงของวัยสาว กระดังงาเห็นเขาชะงักค้างเติ่งไม่ยอมขยับเขยื้อนเคล้นคลึงจึงโถมกายแนบชิด แอ่นอกบดเบียดความอวบอิ่มเกินวัยเข้าหาร่างหนากำยำอย่างใจกล้าอีกครั้ง ดวงตาเฉี่ยวปรือมองเขาพินิจพิจารณา ความอวบอิ่มอยู่ในกำมือเขาทั้งสองข้างยังมัวแน่นิ่งมองเธอพร้อมขมวดคิ้วทำหน้าดุดันอีก ยาปลุกกำหนัดยังหลงเหลือความใจกล้าหน้าด้านให้นางอยู่หรอกหรือ นี่นางจะสติดีอยู่หรือไม่ เหตุไฉนจึงคว้าฝ่ามือของเขาไปกอบกุมส่วนสงวนของนางต่อหน้าต่อตา อีกทั้งแววตาของนางไร้ความกระดากอาย “เอ็งทำแบบนี้กับทุกผู้เลยหรือเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ แม้เรือนร่างก็ยอมแลก...” พญาขาลเอ่ยถาม แค่คิดว่านางยินยอมให้ผู้อื่นแตะต้องเนื้อตัวอย่างง่ายดาย ในใจก็รู้สึกกระวนกระวายพลุ่งพล่านเดือดดาลพิกัล “อ๋อ” กระดังงาขานตอบเพียงคำเดียว ที่แท้เขาก็กลัวว่าร่างกายของเธอจะไม่สะอาด เธอลอบยิ้ม ริมฝีปากเล็กก็เลือกขบกัดใบหูหนาพลางกระซิบบอกความนัย “อ้ายขาลลืมไปแล้วหรือว่าแม่เฒ่าฝึกสอนกระดังงามาให้เตรียมพร้อมความพร้อมเป็นเมียอ้ายขาล ลืมตาขึ้นมาดูโลกหน้าผากของกระดังงาก็ถูกตีตราว่าเป็นของพญาขาลตั้งแต่ต้น ฉะนั้นเมียเมื่ออยู่ต่อหน้าผัวจะต้องกระดากอายไปทำไม เนื้อตัวนี้ไม่มีใครอยากจะแตะต้องก็แตะต้องได้หรอกจ๊ะ ที่มันง่ายดายเพียงนี้ก็เพราะเป็นของอ้ายขาลเพียงผู้เดียวตั้งแต่แรก” “ทั้งหมดนี้กระดังงาไม่เคยทำกับผู้ใด จะส่วนนั้นหรือส่วนไหนมีอ้ายขาลสัมผัสเป็นคนแรก” กระดังงาเอ่ยตามตรงและสัตย์จริง “ร่างกายนี้สะอาดหมดจดแน่นอน ชุมโจรหมานคำไม่กล้าแหย่รังเสือหาเรื่องเดือดร้อนซ้ำสอง มอบสินค้ามีตำหนิให้อ้ายขาลแน่นอน” “ถ้ากระดังงาโป้ปดก็ขอให้ฟ้าผ่าตายตอนนี้เลย!” และเพราะสาเหตุนี้เธอจึงต้องทนคำพูดดูถูกและสายตาเหยียดหยามของชาวบ้านในชุมโจรหมานคำ ความแค้นเคืองและเดือดดาลที่เคยได้รับในอดีตถูกระบายใส่เธอครั้งแล้วครั้งเล่า ในเมื่อเธอคือหญิงสาวที่จะต้องถูกส่งมาเป็นเมียพญาขาล เธอจึงกลายเป็นตัวแทนของพญาขาลโดยสมบูรณ์ คำสาปแช่งและการสูญเสียในอดีตมีหรือจะไม่สร้างความเจ็บแค้นเคืองโกรธ ในเมื่อพวกเขาระบายโทสะใส่ผู้แข็งแกร่งไม่ได้ก็ย่อมนำความเดือดดาลมาโถมใส่สาวน้อย เดินไปเดินมาที่ใดก็มีแต่คนรังเกียจ ดูถูก และเหยียดหยาม แม้ว่าเธอจะยินยอมทั้งเต็มใจก็ดีหรือไม่เต็มใจก็ช่างเพื่อมาเป็นเครื่องสังเวยให้เขาพึงใจยินยอมปลดพันธะคำสาปแช่งให้ผู้คนในชุมโจรหมานคำ บ้านเกิดก็ชิงชังน้ำหน้าเธอ ครั้นมาเป็นเครื่องสังเวยทำตัวหน้าด้านไร้ยางอายใช้วิชาเสน่ห์ล่อลวงเขาก็ย่อมถูกเขาชิงชังอีกที่เธอมีสายเลือดโจรป่า ไม่ว่าจะเป็นหนทางใดเหมือนฟ้าจะลิขิตให้เธอเกิดมาประสบพบเจอแต่ผู้คนชิงชัง ดังนั้นไม่ว่าเขาจะเอื้อนเอ่ยวาจาเชือดเฉือนและทำร้ายน้ำใจเธออีกสักกี่หน หัวใจดวงนี้ย่อมไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด สิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวดจนชินชาล้วนเป็นสายตาดูถูกของคนกันเองคนไร้น้ำยาพวกนั้นที่ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ หากไม่ใช่เพราะเเม่เก็ตถะหวายืนกรานว่าไม่อยากจากไปที่ใด อยากจะอยู่เฝ้าดูแลบิดาของเธอมีหรือที่เธอจะสละศักดิ์ศรีมากู้ชุมโจรหมานคำโดยใช้วิธีเอาเรือนร่างเข้าแลกให้เขาดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้ คนเดียวที่เธอเป็นห่วงจากใจจริงก็คงมีเพียงมารดาผู้ให้กำเนิดเพียงผู้เดียว บิดานั้นไซร้เธอไม่ได้มีความผูกพันธ์แม้แต่น้อย ส่วนแม่เฒ่าที่มีศักดิ์เป็นย่าก็เห็นเธอเป็นเพียงสินค้าชิ้นหนึ่งที่นำมาเป็นข้อแลกเปลี่ยนข้อตกลงกับเสือสมิงอารมณ์ร้ายผู้นี้ ส่งเธอมาแล้วจะเป็นตายร้ายดีไม่สน หากประสบความสำเร็จนั่นคือความรุ่งเรืองของชุมโจรหมานคำ หากผิดพลาดนั่นก็คือเธอโง่เขลาตายเปล่าก็ไม่คิดเสียดาย สละเลือดครึ่งเดียวของตระกูลคงไม่ยากเย็นอะไร ฉะนั้นหัวใจด้านชาดวงนี้จึงไร้ความรู้สึกสะทกสะท้าน “หึ...” “เห็นท่าทางจริงใจของเอ็งเป็นหนแรกเชียวหนา” “สินค้าไม่มีตำหนิข้าเองก็สบายใจ ข้าเองก็ไม่ชอบสัมผัสสิ่งของสกปรก หากพวกเอ็งคิดตลบตะแลงข้า ข้าก็เพียงขึ้นเหนือไปจัดการเผ่าพันธุ์เอ็งที่เหลือรอดให้ราบคาบก็เท่านั้น” เขาขู่ ทว่า...ฝ่ามือหนาอุ่นร้อนเริ่มขยับเคล้นคลึงอกอวบอิ่มที่แทบจะล้นมือมหึมาของเขา กระดังงากระตุกยิ้มถอนฝ่ามือที่ใช้ประคองหลังมือของเขาออก เปลี่ยนมากอบกุมใบหน้าคมคร้ามปกคลุมด้วยหนวดเคราดกหนา ริมฝีปากเล็กร้ายกาจฉกฉวยลมหายใจของเขาอีกครา ครานี้จุมพิตเร่าร้อนพร้อมแผดเผาเจ้าของกายกำยำให้แหลกลาญ ละลายอ่อนยวบอยู่ในเพลิงเสน่หา ลิ้นสากตอบรับลิ้นเล็กกระหวัดรัดรึงกันแนบแน่น ไม่ปล่อยให้มีโอกาสช่องว่างระหว่างกันและกัน แลกเปลี่ยนความหวานของกันและกันจนได้ยินเสียงครางในลำคอของชายหนุ่มวัยกลางคนประปราย “อ่ะ!” ร่างระหงสั่นสะท้านยามนิ้วสากบี้ยอดปถุมถันชูชัน สองร่างนัวเนียแนบแน่นกันเกินเลยเวลาที่เขากำหนด แต่กลับไม่มีเสียงห้ามปรามหยุดยั้ง ริมฝีปากเล็กถูกเขาครอบครองกลับรุนแรงจนได้กลิ่นคาวเลือดในโพลงปาก ปากล่างของเธอถูกเขาทั้งขบทั้งกัดเอาแต่ใจจนบวมเจ่อออกสีแดงเข้ม ทุกสัมผัสของเขาช่างรุนแรงไม่รู้จักถนอมบุปผาเสียบ้างเลย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่สินค้ามีตำหนิคงไม่แคล้วว่าหลังจากนี้จะกลายเป็นสินค้าชำรุดในเงื้อมมือเขาจนใช้งานไม่ได้ คิดได้ดังนั้นจึงดันกายแกร่งผละริมฝีปากออกอย่างรวดเร็ว “ฮึ่ม!” คนถูกขัดจังหวะคั่นเวลาแนบชิดขมวดหัวคิ้วแน่น แยกเขี้ยวคำรามหัวเสียอย่างหงุดหงิด ออกแรงบีบเคล้นอกอิ่มขาวอวบเต็มแรงจนกระเพื่อม กระดังงายังคงเผยรอยยิ้มอ่อนหวานเอาใจ ริมฝีปากบวมเจ่อเอื้อนเอ่ยเสียงหวานถึงเหตุผลพร้อม “เปลี่ยนที่บ้างดีกว่า อ้ายขาลทั้งกัดทั้งขบจนปากกระดังงาบวมเจ่อเหมือนโดนผึ้งต่อยขนาดนี้ เจ็บหมดแล้ว” “สำออย!” “หืม...อะไรกันไก่อ่อนตัวนี้ถูกอกถูกใจอ้ายขาลเพียงนั้นเชียว” เห็นท่าทางกระฟัดกระเฟียดฮึดฮัดไม่พึงพอใจเหมือนเด็กน้อยสามขวบถูกขัดใจของเขาทำให้หญิงสาวหลุดหัวเราะพรืด “เฮอะ!?” พญาขาลดันร่างเล็กออกไปไม่ให้ขวางหูขวางตา ดวงตาวาวโรจน์พร้อมจะขย้ำหญิงสาวปากดี กระดังงาขยับเข้ามาออดอ้อนทำท่าอ่อนแอบอบบางไร้กำลังสู้ มือเล็กขยุมสาบเสื้อเลิกขึ้นมากองบนเนื้ออกอิ่ม เผยทรวงอกอวบอิ่มเต้าขาวส่วนปลายยอดสีชมพูระเรื่อที่ผ่านการบดบี้จนแดงแจ๋โดยปลายนิ้วสาก ท่อนแขนเรียวอีกข้างคว้าท้ายทอยหนาเข้ามาแนบชิดอกอิ่ม ท่วงท่าเสน่หาเย้ายวนจรรโลงใจภาพเบื้องหน้าทำให้เขาหายใจสะดุดจนเกือบจะหยุดหายใจ “เปลี่ยนมาเป็นตรงนี้ต่างหากล่ะจ๊ะ ห้ามกัดนะ ตรงนี้บอบบางกว่าห้ามกัดโดยเด็ดขาด” ไม่รีรอให้พญาขาดอ้าปากเอื้อนเอ่ยวาจาเผ็ดร้อน หญิงสาวง้างปากชายหนุ่มให้อ้างับยอดปถุมถันของตนเอง ทุกการกระทำไร้ความเอียงอายไม่มีอิดออด ไม่นานนักส่วนปลายยอดก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว ปากหนาเผลอไผลดูดดันยอดอกอิ่มอย่างหื่นกระหาย เขาปลดปล่อยสัญชาตญาณสัตว์ป่าออกมาจนหมด เสียงครวญครางผะแผ่วดังแว่วลอยมา “อืม...อ้ายขาล” เรียวแขนประคองโอบล้อมรอบลำคอหนาแอ่นอกแนบชิดใบหน้าคมคร้าม บดเบียดจนแทบจะผสานกลายเป็นเนื้อเดียวกัน จมูกโด่งสันฝังดอมดมกลิ่นกายหอมหวานจนลุ่มหลงปิดประสาทสัมผัส กลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งหลอมละลายกลายเป็นกลิ่นอายแห่งความกระหายการก่อเกิดถือกำเนิดใหม่ กระดังงาสั่นสะท้านยามเนื้อปากขบเม้มส่วนปลายยอดปถุมถัน สองร่างแนบชิดจนลืมไปว่าขณะนี้พวกเขาทั้งคู่กระทำบัดสีบัดเถลิงอยู่กลางเรือนโดยมีประตูบานพับเปิดโล่งแจ้ง พวกเขาทั้งคู่ไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีเงาร่างของใครบางคนยืนมองการกระทำแนบชิดสนิทเนื้อด้วยความรู้สึกร้าวราน ไฟริษยาโหมกระหน่ำแสบทรวง ความรู้สึกถูกทรยศหักหลังบดบังแผดเผากิริยามารยาทอ่อนหวานหมดสิ้น แต่จะโทษผู้ใดได้กระทั่งตนที่เป็นผู้หญิงด้วยกันยังตื่นตะลึงกับทรวดทรงองค์เอวของกระดังงาราวกับต้องมนต์สะกดแล้วบุรุษแข็งกร้าวเยี่ยงพญาขาลจะไม่รู้สึกหวั่นไหวกับสิ่งเย้ายวนเบื้องหน้าได้อย่างไร หากจะผิดก็ผิดที่นางแพศยาผู้นั้นล่อลวงพญาขาล เสียงฝีเท้าเหยียบย่างขึ้นมาบนชานเรือน คว้าหมับเข้าที่ท่อนแขนเรียวขาวของกระดังงาพร้อมแรงกระชากให้ร่างระหงแยกห่างจากร่างกำยำสันทัด หมับ! เพี้ยะ! “......” ฝ่ามือของผู้มาเยือนตวัดลงบนแก้มนวลอมชมพูเต็มแรงไม่ทันตั้งตัว ใบหน้างดงามพิลาสล้ำเบี่ยงหันตามแรง พวงแก้มนวลออกสีปรากฎเป็นร่องรอยฝ่ามือห้านิ้วประทับบนใบหน้าข้างขวา สิ่งแรกที่หญิงสาวทำก็คือปลดชายเสื้อลงมาปกปิดทรวงอกอวบอิ่มของตนเอง ดวงตาเฉี่ยวฉุนเฉียวตวัดมองผู้มาเยือนพร้อมรอยยิ้มดุดัน ทางด้านพญาขาลที่ถูกกระชากลากออกมาจากห้วงแห่งความปรารถนาขบเม้มกรามแกร่งจนนูนปูด น่าขยาดหวาดกลัวแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก “แพศยา! มาตีสนิทให้หลงคิดว่ามารับใช้แต่มาโปรยเสน่ห์เปลือยกายให้พญาขาลเหมือนนางบำเรอตามตรอกซอย” เวียงหวันชี้หน้าด่ากราดหญิงสาวรุ่นน้อง โทสะของนางพลุ่งพล่านยากจะรักษากิริยาเรียบร้อยเอาไว้ได้ เวียงหวันเข้าเมืองได้ของกินของใช้ติดไม้ติดมือมาเป็นจำนวนหนึ่งจะนำมาเป็นของฝากให้พญาขาล จะได้มีข้ออ้างพบเจอหน้าบ้างเป็นครั้งคราว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าภาพเบื้องหน้าจะทำให้เธอถึงขั้นสติแตกวางท่าเป็นเจ้าของพญาขาลเต็มตัว “ใช่...ฉันมันแพศยา แล้วพี่เวียงหวันจะทำไม พี่ถือดีอะไรถึงมาขัดขวางความสุขของพวกเราล่ะ พี่ไม่ใช่เมียอ้ายขาลซะหน่อย” กระดังงาสะบัดฝ่ามือเรียวที่กำลังบีบท่อนแขนของเธอแน่นให้หลุดจากพันธนาการ พลางกลับลงไปนั่งคล่อมชายหนุ่มวัยกลางคน สองเรียวแขนโอบล้อมรอบลำคอหนา ใช้พวงแก้มที่พึ่งถูกตบมาคลอเคลียถูไถอกแกร่งอย่างออดอ้อนเหมือนลูกแมว “ไสหัวกลับไป!!!” เสียงเข้มเอ่ยปากตวาดไล่ไม่คิดรักษาน้ำใจเวียงหวันแม้แต่น้อย ใบหน้าคมคร้ามชักสีหน้ารำคาญใจ สำหรับเขานางคือความผิดพลาดที่ต้องชดเชยและเขาก็ชดใช้ให้นางเต็มเม็ดเต็มหน่วยจนนางลืมตาอ้าปากเผยอคอเถียงฉอดๆ “อ้ายขาลไม่สนใจเวียงหวันไม่เป็นไรแต่ทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนี้เวียงหวันไม่เข้าใจ เวียงหวันทำอะไรผิดหรือจ๊ะถึงได้ขับไสไล่สงกันถึงเพียงนี้” “เวียงหวันอุตส่าห์ซื้อข้าวของติดไม้ติดมือมาด้วย เวียงหวันแค่รู้สึกตกใจนิดหน่อยก็เลยเสียมารยาท พญาขาลอย่าโกรธเวียงหวันเลยนะจ๊ะ อย่าทำเหมือนเราไร้เยื่อใยต่อกันเลย” คนถูกตวาดสะดุ้งเฮือกน้ำตาคลอเบ้า ริมฝีปากสั่นระริกอย่างทำตัวไม่ถูก เธอไม่เคยถูกตวาดชักสีหน้าใส่เช่นนี้มาก่อน จึงลนลานทำตัวไม่ถูกอีกใจก็ทุ่มเทความอัปยศวันนี้ไปพาลใส่กระดังงา นึกเจ็บแค้นหญิงสาวอยู่ในใจ “ข้าไม่มีเยื่อใยกระไรต่อเอ็ง เรื่องระหว่างเอ็งกับข้าคือความผิดพลาดซึ่งข้าชดเชยให้เอ็งไปนานมากแล้วมีแต่เอ็งฝืนดันทุรัง” พญาขาลตอบกลับน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าบอกให้ไสหัวไป เอ็งหูหนวกหรือเวียงหวัน ถ้าข้าไม่อนุญาตก็อย่าได้มาเหยียบเรือนนี้อีก ต่างคนต่างอยู่” วาจาตัดรอนเยื่อใยเขาช่างเอื้อนเอ่ยได้ถนัดปากนัก “ตะ...แต่ว่า” “พี่เวียงหวันกลับไปก่อนเถอะจ๊ะรอให้อ้ายขาลหายหงุดหงิดเมื่อไหร่ค่อยมาคุยใหม่ก็ยังไม่สายทางนี้เดี๋ยวกระดังงาช่วยคลอเคลียนัวเนียเอง” กระดังงาหาทางลงให้หญิงสาวที่ออกอาการตกใจลนลานจนมือไม้ปากสั่นทำอะไรไม่ถูก แต่ไม่วายยั่วเย้าเวียงหวัน “ใครให้หล่อนออกความคิดเห็นกัน!” “อ้ายขาลจ๋า...กระดังงาเสียขวัญหมดแล้วแถมยังถูกตบอีกต่างหาก อ้ายขาลต้องปลอบกระดังงาให้หายเสียขวัญอีกสักยกสองยกนะจ๊ะ ไม่งั้นคืนนี้กระดังงาต้องนอนผวาทั้งคืนแน่เลย แก้มขวาปวดไปหมดแล้วอย่าลืมตำยาสมุนไพรมาโป๊ะให้ด้วยนะจ๊ะ ไม่งั้นคืนนี้กระดังงาคงใช้ปากทำเรื่องอย่างว่าไม่ได้” น้ำเสียงจีบปากจีบคอเอื้อนเอ่ย ใบหน้าซีกขวาเริ่มปวดระบมบวมเป่งซุกไซร้หาความอบอุ่นอย่างสนิทสนม “......” พญาขาลเหลือบมองหญิงสาวในอ้อมอก ที่ช่างทำตัวให้ผู้คนน่าหมั่นไส้เสียเหลือเกิน เรื่องปั่นหัวสร้างปัญหานางเก่งกาจไม่แพ้เรื่องใดเลยหนา “น่าชังนัก” ชายหนุ่มวัยกลางคนพึมพำ แต่ประโยควาจานี้ไม่รู้เอ่ยกระทบผู้ใด ด้วยความหลักแหลมรู้จักเอาตัวรอดจึงปัดส่งไปให้ผู้บุกรุกแบบหน้าด้านๆ “พี่เวียงหวันอ้ายขาลบอกว่าพี่เวียงหวันน่าชังนักได้ยินหรือเปล่าจ๊ะ พี่รีบกลับไปก่อนเถอะจ๊ะทางนี้เดี๋ยวกระดังงาจัดการเอง” ฝ่ามือเล็กโบกสะบัดไล่หญิงสาวร่างบอบบางที่จ้องมองกระดังงาตาเป็นมัน “ได้สิกระดังงา งั้นพี่ฝากพญาขาลด้วยนะเดี๋ยวจะมาเอาคืน” เวียงหวันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างหนัก ก่อนกลับมิวายปรายหางตามองหญิงสาวที่กำลังออดอ้อนเอาใจเขา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD