ตอนที่ 1 : เสียงเพรียก

3080 Words
1 ชุมโจรหมานคำ เฮือนบ่าเก่าหรือเรือนโบราณที่สร้างจากไม้ไผ่อย่างประณีตและมั่นคงหลายร้อยครัวเรือน จำนวนผู้คนผู้อยู่อาศัยหนาแน่นกว่าหมู่บ้านในละแวกเดียวกันบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์พูนสุขของชาวบ้าน เสียงหัวเราะเฮฮาผสานเสียงเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรทำให้ชุมโจรมานคำดูครึกครื้นรื่นเริงเป็นพิเศษ ภายในอาณาเขตชุมโจรหมานคำเป็นสถานที่อยู่อาศัยของครอบครัวพรรคพวกโจรทมิฬใจเหี้ยม ที่ตั้งหมู่บ้านชุมโจรอยู่เชิงตีนดอยเวียงละกอนอันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสรรพสัตว์และพืชพรรณตั่งต่าง ทว่าหลังการเข้ามาของนายทุนทำให้ชุมโจรที่ในอดีตเพาะปลูกพื้นที่เกษตรกรรมหันมาล่าสัตว์เพื่อขายทอดให้พ่อค้าคนกลางมากขึ้น กองคาราวานของพรรคพวกชุมโจรหมานคำควบอาชาป่าพันธุ์ดีกลับถิ่นที่อยู่อาศัยด้วยความเร่งรีบ เพราะเกรงว่าจะไม่ทันตะวันตกดิน แม้นพวกเขาจะมีฝีมือฉกาจและเชี่ยวชาญในคาถาอาคม ทว่าพวกเขาก็ยังกริ่งเกรงภูติผีที่อาศัยอยู่เหนือดอยเวียงละกอนอยู่ดี ฝุ่นควันสีดินแดงตลบอบอวลแผ่เป็นวงกว้างเผยให้ผู้ที่รอคอยการกลับมาดีดกายเหยียดหลังตรง ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจจนเนื้อเต้น “อ้ายคำปู้กลับมาแล้ว! แม่! อ้ายคำปู้กลับมาแล้วจ๊ะ!” เสียงหวานใสของเก็ตถะหวา เมียรักของอ้ายคำปู้ที่กำลังท้องแก่นั่งรอคอยชายอันเป็นที่รักอยู่บริเวณชานเรือน ส่งเสียงร้องตะโกนเรียกแม่สามีของตนที่กำลังนั่งปั่นฝ้ายอยู่ด้านใน “เบาๆ หน่อยนังเก็ตถะหวา เอ็งร้องตะโกนอย่างกับถูกใครเชือด เต้นแรงเต้นกาจนลูกเอ็งแทบจะปลิ้นออกมาหาพ่อมันรอมร่อ!” แม่เฒ่าเก๋งคำ มารดาผู้ให้กำเนิดหัวหน้าชุมโจรหมานคำอย่าง คำปัน คำปู้ คำก้อน ส่ายหน้าเอือมระอาให้กับลูกสะใภ้วัยเยาว์ท่าทางเหมือนม้าดีดกระโหลกของตนผู้นี้ “แม่! ผัวฉันเข้าป่าแรมเดือนกว่าจะกลับ ฉันไม่ดีใจก็บ้าแล้วแม่! ฉันจะเอาน้ำเย็นชื่นใจไปให้อ้ายคำปู้ แม่ลงไปรออ้ายคำปู้กับฉันสิ” “อืม ไปๆ เก็บอาการหน่อยนังเก็ตถวา เดี๋ยวบ้านอื่นเค้าจะเล่าขวัญนินทาเอ็งได้ว่าออกเรือนแล้วยังกระโตกกระตากเป็นม้าดีดกระโหลก” แม่เฒ่าเก็บอุปกรณ์ปั่นฝ้ายใส่กล่องเป็นที่เรียบร้อย จึงเดินไปประคองลูกสะใภ้คนกลางที่กำลังท้องกำลังไส้ให้เดินลงบันไดทีละก้าวอย่างระมัดระวัง “ข้าไม่สนใจพวกปากหอยปากปู” ชาวบ้านชุมโจรหมานคำต่างออกมารอญาติมิตรชิดสหายบริเวณหน้าเรือนของตนกันอย่างใจจดใจจ่อ ฝูงอาชาลดระดับความเร็วเมื่อเข้ามาในอาณาเขตชุมโจร หนึ่งในแกนนำควบอาชานำหน้าด้วยสีหน้าเย็นชาระคนคิดหนัก ว่าหากครอบครัวของอ้ายคำปันรับรู้ถึงการสูญเสียในครานี้ พวกเขาจะสามารถทำใจได้หรือไม่ และแม่เฒ่ามารดาผู้ให้กำเนิดอ้ายสามคำจะล้มป่วยตรอมใจตามลูกชายคนโตไปหรือเปล่า ชายหนุ่มผิวพรรณดีเป็นทุนเดิมยามออกแดดแรงจ้าเป็นเวลาหลายวันติด หาได้ดำคล้ำเยี่ยงผู้อื่นในหมู่บ้านกลับออกสีแดงเผือดทั่วร่างละม้ายคล้ายคลึงผิวของมะเขือเทศแดงสุก รูปร่างของเขาจัดว่าองอาจแลกำยำ สูงใหญ่กว่าใครเขากระโดดลงมาจากหลังม้าเดินตรงมาหาแม่เฒ่าเก๋งคำและเก็ตถะวาเมียรัก “อ้ายคำปู้! ฉันเอาน้ำเย็นๆ มารอต้อนรับอ้ายจ๊ะ” เก็ตถะหวายื่นขันน้ำฝนกรองใสสะอาดให้อ้ายคำปู้ที่มีเนื้อตัวมอมแมม “ขอบใจเอ็งเก็ตถะหวาเราค่อยคุยกันทีหลัง...แม่ข้ามีเรื่องอยากจะคุยด้วย เราขึ้นเรือนไปคุยกันสองคนเถิด” อ้ายคำปู้พยักหน้าเล็กน้อย เขารับน้ำใจนี้แล้ว ทว่าสีหน้าของชายหนุ่มวัยกลางคนไม่สู้ดีนัก เบนมองมายังแม่เฒ่าเก๋งคำวัยเจ็ดสิบกว่าปีด้วยแววตายากคาดเดา “กระไรของเอ็งน่ะ” แม่เฒ่าเก๋งคำขมวดคิ้วสีดอกเลาแน่นเป็นปม งุนงงกับอาการผิดแปลกของลูกชายคนกลางที่มัวแต่อ้ำอึ้ง อ้ายคำปู้พยักหน้าให้อ้ายคำก้อนไปส่งข่าวให้พี่สะใภ้ที่เรือนหลัง ทางนี้ตัวเขาจะเป็นผู้บอกข่าวร้ายนี้แก่มารดาของเขาด้วยตัวเอง เก็ตถะหวาเห็นท่าทางของสามีก็รู้แจ้งในทันทีว่าคงเกิดเรื่องร้ายกับคนในครอบครัวเป็นแน่ ทุกคราที่ออกล่าสัตว์หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ใครบางคนจบชีวิตลงในพงไพร หัวหน้าชุมโจรหมานคำอย่างอ้ายคำปู้มักจะไปส่งข่าวร้ายแก่ครอบครัวผู้สูญเสียด้วยตนเอง แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่ตัวเขาต้องมาแจ้งข่าวร้ายให้แก่คนในครอบครัวของตนเอง “ไปเถิดแม่...” แม่เฒ่าเก๋งคำวัยเจ็ดสิบกว่าปีจับท่อนแขนแกร่งกำยำของลูกชายคนกลาง พลางเดินขึ้นเรือนอย่างว่าง่าย แม่และลูกพูดคุยกันสองต่อสองไม่นานนักก็ได้ยินเสียงร่ำไห้ปานจะขาดใจของแม่เฒ่าวัยเจ็ดสิบเล็ดลอดออกมาจากเฮือนบ่าเก่า หญิงชราในวัยบั้นปลายชีวิตต้องเผชิญกับความสูญเสียของลูกชายคนโตก่อนวัยอันควร อันที่จริงแล้วลูกชายของนางควรจะอยู่ร่วมงานศพนางแทนที่นางจะได้อยู่ร่วมงานศพเขา ความแข็งแกร่งภายในจิตใจแม่เฒ่าเก๋งคำดุจดั่งเหล็กกล้า ครั้นระบายความเศร้าโศกเสียใจเป็นอันที่พอใจแล้วจึงเก็บงำความเสียใจภายใต้ใบหน้าเย่อหยิ่ง หากนางแสดงออกว่าเศร้าเสียใจสะใภ้คนโตของนางก็ยิ่งรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก คิดได้ดังนั้นจึงหยัดกายเอ่ยถามถึงสะใภ้คนโตอย่างนางมอญ “มีใครไปส่งข่าวให้นังมอญหรือยัง” “ข้าให้คำก้อนมันไปส่งข่าวแล้วจ๊ะแม่” อ้ายคำปู้เอ่ยตอบ นัยน์ตาคมเข้มหลุบสายตามองพื้นไม้ด้วยแววตารู้สึกผิดที่ปกป้องคนในครอบครัวเอาไว้ไม่ได้ “ไม่ใช่ความผิดเอ็ง อย่าได้คิดโทษตัวเองลูกแม่ สวรรค์ลิขิตมาแล้วใครก็เปลี่ยนแปลงชะตาไม่ได้ดอก เสียดายก็ตรงที่พี่เอ็งยังไม่ทันมีทายาททิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าเลยสักคน ไป...เตรียมจัดงานศพให้พี่เอ็งกัน!” แม่เฒ่าเก๋งคำพยายามเหยียดกายลุกขึ้น แสร้งเข้มแข็งภายใต้สีหน้าเรียบนิ่ง ทว่าแววตากลับหม่นหมองยิ่ง ซากเสือโคร่งตัวผู้และตัวเมียถูกชำแหละแยกชิ้นส่วนโดยชาวบ้านผู้ชำนาญการในด้านนี้ อวัยวะเพศของเสือตัวผู้ถูกจัดเก็บเป็นอย่างดี เนื่องจากพวกเจ็กมีความเชื่อว่าหากกินอวัยวะเพศของเสือตัวผู้จะทำให้สามารถเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้ พวกเขาหารู้ไม่ว่าครอบครัวเสือโคร่งครอบครัวนี้เป็นครอบครัวเสือสุดท้ายในภูเขาเวียงละกอน ความมั่งคั่งและร่ำรวยของหมู่บ้านแลกมาด้วยการริดรอนสิ่งมีชีวิตผู้บริสุทธิ์และการริดรอนนี้ย่อมต้องจ่ายค่าตอบแทน ส่วนลูกเสือเพศผู้และเพศเมียอย่างละตัวก็ถูกจับขังใส่ไว้ในคอก ส่งเสียงเล็กแหลมร้องขู่ฟ่อๆ ราวกับรู้ชะตากรรมของตน เสือน้อยขนปุกปุยสองตนเห็นร่างไร้วิญญาณของบิดาแลมารดาตนถูกชำแหละราวกับสิ่งของ พลอยทำให้ลูกเสือสองตนเคียดเเค้นแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจตน จึงทำได้เพียงข่มตาหลับไม่มองภาพน่าอเนจอนาถของบิดาแลมารดา พวกเขาชิงชังมนุษย์เหล่านี้นัก! งานศพของอ้ายคำปันถูกจัดประกอบพิธีทางศาสนาอย่างเรียบง่ายที่เฮือนบ่าเก่าของอ้ายคำปัน โดยมีการเชื้อเชิญพระสงฆ์ต่างถิ่นมาประกอบพิธีกรรม แม้ในคราแรกจะไม่มีวัดวาอารามใดให้ความร่วมมือเนื่องจากเกรงกลัวและคำนึงถึงความปลอดภัย แต่กลับมีวัดป่าแห่งหนึ่งช่วยอนุเคราะห์ให้พระสงฆ์มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาให้ หนึ่งในขนบธรรมเนียมของชุมโจรหมานคำจะมีการขับร้องนิทานเล่าขานอันสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน ภายในงานจะมีลูกเด็กเล็กแดงนั่งชะเง้อมองและรับฟังกันอย่างใจจดใจจ่อ ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของคนในครอบครัว จึงไม่ทันสังเกตเห็นกลุ่มก้อนเมฆบนท้องนภาสีแดงอึมครึม หมอกควันสีขาวปกคลุมทั่วอาณาเขตดินแดนชุมโจรหมานคำ สายลมเสียงดังหวีดหวิวหอบเอาเศษฝุ่นดินแดงปลิวว่อนในเวิ้งอากาศ ไม่มีผู้ใดระแคะระคายถึงเหตุการณ์ผิดแปลกเบื้องหน้า เสียงแม่ครัวในโรงครัวส่งเสียงร้องเอ็ดตะโรโวยวายหลังแม่ครัวนางหนึ่งรับหน้าที่นึ่งข้าวตามปกติ ครั้นนึ่งข้าวได้สักพักเม็ดข้าวในซึ้งกลับส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมา เมื่อเปิดฝาดูจึงพบว่าข้าวเหนียวใหม่ที่ใช้นึ่งมีสีดำคล้ายเถ้าถ่านอีกทั้งยังมีกลิ่นเหม็นเน่าไม่สามารถรับประทานได้ ผู้หลักผู้ใหญ่ภายในงานวิ่งตามเสียงร้องมาดูเหตุการณ์พากันอกสั่นขวัญแขวนตามๆ กัน คนทางตอนเหนือให้ความเคารพนับถือผีปู่ดำย่าดำ เรียกได้ว่าเป็นผีบรรพบุรุษที่คอยดูแลทรัพย์สินภายในบ้านและคุ้มครองลูกหลานให้อยู่รอดปลอดภัย ในด้านการพยากรณ์จะมีพิธีเชื้อเชิญผีปู่ดำย่าดำมาลงเพื่อสอบถามเรื่องราวต่างๆ ในพิธี ‘ลงผีหม้อนึ่ง’ เพียงแต่ครั้งนี้ไม่มีใครทำพีธีแต่กลับมีคำนายทายทักปรากฎ “ผีปู่ดำย่าดำไม่เคยทำนายพลาดหนา จะเกิดเรื่องวิปโยคโศกศัลย์ในหมู่บ้านเฮาแน่นอน” ชายชราพึมพำ สีหน้าของเขาซีดเผือดราวกับสีกระดาษ “ไร้สาระ! มีปากจะพูดแต่เรื่องดีๆ ไม่ได้กันเลยหรือไง” อ้ายคำก้อนตวาดเสียงดังลั่นใส่ชาวบ้านที่เริ่มส่งเสียงพูดคุยกันถึงลางร้าย พวกเขาบากบั่นออกไปพเนจรล่าสัตว์นอกหมู่บ้านก็เพื่อปากท้องทุกคนในหมู่บ้าน เหตุใดทุกคนจึงพูดถึงลางร้ายให้บั่นทอนจิตใจพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เดิมทีสูญเสียอ้ายคำปัน ครอบครัวของพวกเขาก็ยากจะทำใจรับมือ พี่สะใภ้ใหญ่เป็นลมล้มพับไปตั้งกี่รอบกว่าจะฟื้นขึ้นมาร่วมพิธีของสามีได้ “วิปโยคโศกศัลย์กระไร หากผู้ใดในวันนี้พูดจาชักจูงให้ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นลางร้าย รอบหน้าข้าจะพาอ้ายอีผู้นั้นออกไปล่าสัตว์ด้วย ให้มันรู้เห็นถึงความลำบากลำบนของพวกข้า! กะอีแค่นึ่งข้าวเน่า ข้าวมันอาจจะเน่าอยู่ก่อนแล้วหรือเปล่าพอเอามานึ่งก็ย่อมส่งกลิ่นเหม็นเช่นนี้” อ้ายคำก้อนเอ่ยเสียงเย็นยะเยือกข่มขู่ ดวงตาวาววับไล่มองชาวบ้านทีละคนว่าจะมีผู้ใดกล้าแย้งหรือไม่ เมื่อไม่มีจึงปรายหางตาดุมองหนหนึ่งพร้อมเดินจากไป พิธีสวดอภิธรรมสิ้นสุดลงถือเป็นเวลานั่งวงล้อมกินข้าว บรรยากาศสุดแสนอบอุ่นอบอวลด้วยความโศกเศร้าของครอบครัว อาหารเมนูง่ายๆ จำพวกเนื้อทอด น้ำพริก ผักต้ม แกงพื้นบ้าน ขณะเดียวกันกลุ่มก้อนเมฆขมุกขมัวสีแดงอึมขรึมน่าสะพรึงกลัว ค่อยๆ คลืบคลานเข้ามาภายในชุมโจรหมานคำ บรรยากาศเย็นยะเยือกชวนอึดอัดใจทำให้คำปู้ตะหงิดใจและรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติ บุรุษผู้ศึกษาเล่าเรียนคาถาอาคมย่อมมีจิตละเอียดรับรู้เหตุการณ์บอกเหตุได้ดีกว่าคนธรรมดาทั่วไป ลางสังหรณ์ของคำปู้บอกเป็นนัยว่าคำทำนายทายทักในโรงครัวแลกลุ่มก้อนเมฆสีแปลกประหลาดนั้น เกี่ยวข้องถึงการมาของใครบางคน ใครบางคนที่หอบเอาความเกลียดชังพวกเขาฝังรากหยั่งลึกถึงกระดูกดำ ใครบางคนที่หอบเอาความโกรธาเกรี้ยวกราดราวกับหอบเพลิงนรกพลิกฟื้นแผ่นดินขึ้นมา และใครบางคนที่หมายจะเอาคืนให้ชีวิตผู้บริสุทธิ์หมายมาดจะปลิดชีวิตของพวกเขา “ไม่ไปกินข้าวหรออ้าย กลับมาเหนื่อยๆ ข้าวยังไม่ตกถึงท้องสักเม็ดก็ต้องมาเร่งจัดงานศพให้อ้ายคำปัน” เก็ตถะหวาเดินอุ้ยอ้ายมาหาสามี มือข้างหนึ่งกุมครรภ์แก่ใกล้คลอดของตนไว้มั่น นางมองสามีที่เอาแต่ยืนอยู่ชานเรือนมองออกไปด้านนอกสีหน้าเคร่งเครียด บรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน สายลมเสียงดังหวีดหวิวแสบหูอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “เก็ตถะหวา...ข้าใจคอไม่ดีอย่างไรไม่รู้ เหมือนว่าข้าไปกระตุกหนวดใครเข้าแล้ว ความรู้สึกข้ามันคล้ายบอกว่าความชิบหายมันกำลังมุ่งมาสู่หมู่เฮา” นี่เป็นครั้งแรกที่เก็ตถะหวาเห็นสีหน้าและน้ำเสียงของอ้ายคำปู้คล้ายหวาดกลัวบางสิ่งเข้าแล้ว “ไม่เป็นไรนะพี่ จะร้ายหรือดีฉันก็จะอยู่ข้างพี่ไปตลอด เมื่อก่อนไข่หนึ่งใบแบ่งกันกินหกคนก็ผ่านมาแล้ว เราจะกลัวอะไร พี่อาจจะแค่ตกใจจากการสูญเสียอ้ายคำปัน เดี๋ยวมันจะดีขึ้น” หญิงสาวสวมกอดชายอันเป็นที่รัก หวังปลอบประโลมเขาให้ผ่อนคลายจากความตึงเครียด ผู้เป็นสามีเผยด้านอ่อนไหวหลุบสายตาลงในอ้อมกอดเมียรักหวังให้ความอบอุ่นช่วยบรรเทาความตึงเครียด เปรี้ยง! เสียงอัสนีบาตฟาดฟันลงมาหลายสายกระทบหินผาก้อนยักษ์บริเวณหน้าชุมโจรหมานคำ แตกกระจายเป็นเสี่ยง เสียงของมันอึกทึกครึกโครมสร้างความหวาดหวั่นให้แก่ผู้คนในชุมโจร พาดผ่านก้อนเมฆสีแดงเข้มส่งผลให้กลุ่มก้อนเมฆเหล่านั้นกระจัดกระจายกลายเป็นหยาดพิรุณ ทว่าสีของหยาดพิรุธที่ร่วงหล่นลงมานั้นกลับกลายเป็นหยาดพิรุณสีเเดงเข้มเจือพิษ “ฝนเลือด!” ดวงตาสีเข้มของอ้ายคำปู้เบิกกว้าง มองหยาดพิรุณที่ร่วงหล่นตกกระทบพื้นพสุธา ต้นไม้ใบหญ้าที่สัมผัสหยาดพิรุณเหล่านั้น ต่างเหี่ยวเฉาแห้งกรอบยืนต้นตายภายในเวลาไม่ถึงห้านาที เช่นนี้พืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านที่เพาะปลูกเอาไว้ดำรงชีพย่อมย่อยยับพังพินาศ ปีนี้ข้าวสารเข้าคลังต้องขาดแคลนแน่นอน แต่ดูเหมือนเรื่องราวทุกข์ใจเหล่านั้นจะเป็นเรื่องรอง เพราะตอนนี้มีใครบางคนบุกเข้ามาในชุมโจรหมานคำอย่างอุกอาจ “กรรร รรร!” “กรอดดด...” ร่างมหึมาขนาดยักษ์ความสูงเทียมอาชาของเสือสมิงลายพาดกลอนตนหนึ่งปรากฎกาย ณ ลานเรือนของอ้ายคำปัน ขณะหยาดพิรุณสีเลือดไหลรินร่วงหล่นจากผืนนภา อาบชโลมไรขนสากสีส้มลายพาดกลอนจนแทบจะกลายเป็นสีเดียวกับหยาดพิรุณเหล่านั้นจนเงาวับ ดวงตาดุดันเปล่งประกายสีชาดดุจดั่งเม็ดทับทิม อุ้งเท้ามหึมาคู่หน้าย่างก้าวอย่างสุขุมมาประจันหน้าอ้ายคำปู้ ที่กำลังยืนอยู่บนชานเรือน ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มเย็นแยกเขี้ยว ดวงตาเกรี้ยวกราดคู่นั้นมองมาอย่างอาฆาตแค้น “หมู่บ้านอัปปรีย์ของมึงเสวยสุขบนเลือดเนื้อและลมหายใจของเผ่าพันธุ์กูมานานเท่าใดแล้วหนา” พญาขาลเอ่ยเสียงเย็นเยียบ ไร้ท่าทางเป็นกังวลและเฉียบขาด “!!?!!” “พะ...พี่ เสือพูดได้ไม่ใช่เสือสมิงหรอพี่!” เก็ตถะหวาหน้าถอดสี แข้งขาอ่อนระโหยโรยแรง ทางด้านหลังเริ่มมีชาวบ้านในหมู่บ้านออกมามุงดูเหตุการณ์ ชายหนุ่มรูปร่างกำยำสันทัดที่เคยออกล่าสัตว์ร่วมกับผู้นำชุมโจรต่างหยิบอาวุธของตนเองไว้ในมือ หมายจะปลิดชีพเสือสมิงตนนี้ให้ราบคาบ หากจะให้พูดกันละก็หนังเสือสมิงอาจจะมีราคาสูงลิ่วกว่าหนังเสือธรรมดา แม้นในยามคับขันอ้ายคำปู้ก็ยังบังเกิดความละโมบโลภมาก ความโลภครอบงำจิตใจทดแทนความขลาดเขลาและหวาดกลัว “อ้ายคำปู้เราจะเอายังไงกับมันดี หน้าหมู่บ้านมียันต์ป้องกันภูติผีอ้ายสมิงตัวนี้มันยังฝ่าเข้ามาได้ ระฆังร้องเตือนคงไม่ได้ถูกทำลายไปแล้วกระมัง” คำก้อนเอ่ยถามพี่ชายน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นไม่เต็มเสียง เพราะเขาไม่เคยต่อกรกับเสือสมิงมาก่อน อีกทั้งเสือสมิงตนนี้ก็มีพลังและอานุภาพร้ายกาจพอที่จะคร่าชีวิตพวกเขาในพริบตา “ผู้ใดเด็ดหัวมันมาให้ข้าได้ก็แลกเอาข้าวสารห้าสิบกระสอบในคลังไปเลย! มันก็เหมือนเสือตัวอื่นๆ ไม่มีกระไรพิเศษ มันมาหาเราถึงถิ่นก็สมควรสั่งสอนให้มันรู้จักชุมโจรหมานคำกันหน่อย” อ้ายคำปู้เอ่ย พลางส่งสายตาให้เก็ตถะหวาพาแม่เฒ่าเข้าไปหลบภายในห้องนอนของพี่สะใภ้ใหญ่ เสียงฮึกเหิมของผู้นำชุมโจรออกคำสั่ง ชายฉกรรจ์ร่างกายแข็งแรงพลันวิ่งกรูลงมาหมายจะปลิดชีวิตเสือสมิงร่างยักษ์ อาคมมนตราของอ้ายคำปู้ร่ายมนต์สะกดเสือสมิง ทุกบททุกคาถาที่คิดว่าจะสยบสมิงร้ายบ้าคลั่งตนนี้ถูกงัดนำมาใช้ ทว่ากลับไม่ระแคะระคายผิวหนังพญาขาลเลยสักนิด อาวุธใดก็มิอาจกล้ำกลายทำร้ายพญาขาลได้แม้เพียงไรขน ร่างมหึมายืนแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหวติงปล่อยให้หยาดพิรุณสีโลหิตแทรกซึมเข้าไปตามไรขนจนกระทั่งอาบย้อมร่างยักษ์เป็นสีโลหิตแทบทั้งตัว ชายฉกรรจ์รายล้อมรอบพญาขาลเหล่านั้น เริ่มหงายท้องนอนแน่นิ่งส่งเสียงร้องเจ็บปวดทรมานแต่ไม่สามารถกระดิกตัว ริมฝีปากกว้างสีเข้มขยับร่ายบริกรรมคาถากลับ “ชุมโจรหมานคำมีฝีมือเพียงเท่านี้?” “คาถากระจอกยังคิดทำร้ายกู ช่างไม่เจียมกะลาหัวนักเข่นฆ่าแต่ผู้อ่อนแอครั้นประสบพบเจอผู้เหนือกว่าถึงกับหน้าซีดตาเหลือกเลยหรือ” น้ำเสียงเข้มเจือเย้ยหยันกล่าว “ช่างน่าสะอิดสะเอียนในสายตาข้านัก” พญาขาลเอ่ย ขณะแววตาส่องแสงความชิงชังจนเหล่าชายฉกรรจ์เสียวสันหลังวาบ “มะ...มึงเป็นใคร!” อ้ายคำปู้มองดูสหายร่วมเป็นร่วมตายของตน เขาเอ่ยถามเสือสมิงตนนั้นพยายามสะกดกลั้นความขลาดกลัวเป็นครั้งแรก “หึ...กลัวแล้วหรือใจเสาะโดยแท้ ชาวบ้านเรียกกู พญาขาล!” น้ำเสียงเย้ยหยันเอ่ยตอบ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD