ตอนที่ 13 : เส้นทางที่ไม่มีวันบรรจบ

3473 Words
13 ท่ามกลางความโกลาหลในค่ำคืนนั้น ท่ามกลางกลุ่มชาวบ้านที่ฉกฉวยโอกาสนี้กำจัดยายผวนที่เปรียบดั่งหนามยอกอกขวางหูขวางตาทำตัวน่าสงสารมาเนิ่นนาน ทว่าสุดท้ายแล้วชาวบ้านก็แบ่งแยกเป็นสองฝักฝ่าย บ้างก็เห็นด้วยที่ยายผวนจบชีวิตในกองเพลิง บ้างก็ไม่เห็นด้วยที่ชาวบ้านเอาโทสะไปพรากชีวิตยายผวน ถึงยายผวนจะถูกคำครหาว่าเป็นปอบแต่ก็ไม่มีใครเห็นกับตามีเพียงคำเล่าลือบอกต่อกันเป็นทอดๆ ส่วนเจ้าใบ้นับตั้งแต่คืนนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ว่าขมิ้นจะตามหาอย่างไรก็หาไม่พบ หลานสาวแม่ครูมาศผู้เหลือรอดชีวิตเพียงคนเดียวมาช่วยสองยายหลานไม่ทันเสียแล้ว อีกทั้งยังถูกชาวบ้านรบเร้าให้สานต่อรับขันธ์สืบสานนางทรงต่อจากย่าอย่างหลีกหนีไม่ได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าความคับแค้นใจทั้งหมดทั้งมวลจะนำพามาซึ่งหายนะของพวกเขา เจ้าเกื้อ หรือ เจ้าใบ้ ใช้ความแค้นทั้งหมดสานต่อปณิธานของตนเอง ร่ำเรียนอาคมมนต์ดำทำทุกวิถีทาง ยอมแม้กระทั่งผิดครูฆ่าครูผู้สอนสั่งเพื่อที่จะให้ตนเองกลายเป็นปอบดูดกลืนอวิชา ยอมให้ของเข้าตัว ยอมทุกข์ทนทรมาน ทนความเจ็บปวดทุรนทุราย แบกรับความอัปยศอดสูคำก่นด่ามากมาย เจ้าใบ้ยอมอดทนจนกายเนื้อแหลกเหลวสูญสลายกลายร่างเป็นพญาปอบ หรือ ผีพญาห่าก้อม ราชาแห่งผีทั้งปวง หลังเขาสามารถครอบครองร่างปอบทั้ง ๑๘ ร่าง ที่ไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจกล้ำกลาย เทพเทวายังต้องให้ความยำเกรงถึงสามส่วน กายเนื้ออันอ่อนแอไร้ความสามารถแม้กระทั่งปกป้องตนเองและคนที่ตนรักไม่ได้ เขาไม่ต้องการ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยสูญเสียเขาจะทวงคืน! ช่วงเวลาต่อจากนี้เขาจะล้างผลาญให้สมน้ำสมเนื้อ จะเทพองค์ใดหรือร่างทรงตำหนักไหนกล้าขวางทาง เขาจะจัดการให้สิ้นซาก! และแล้วช่วงวัยเยาว์ที่ถูกพรากกระชากความสุขก็ผ่านล่วงเลยไปถึงสิบปี เป็นสิบปีที่เขานับหักนิ้วรอคอยวันเวลาแก้แค้น เขาคำนวณดวงชะตาหมู่บ้านรอคอยหายนะที่กำลังคลืบคลานเข้ามา ดวงวิญญาณของเขาในตอนนี้แข็งแกร่งทรงพลังและทรงอำนาจเพียงใดมีเพียงเขาที่รู้ เขาในตอนนี้ทั้งเลือดเย็น โหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าได้เพียงกะพริบตาโดยไม่ต้องออกแรง กายเนื้อที่เคยอ่อนแอสูญสลาย คงเหลือไว้เพียงจิตวิญญาณอันคับแค้นเกินกว่าผู้ใดจะคาดเดา “ข้ากลับมาแล้วพี่น้องทั้งหลาย ข้าคิดถึงพวกเอ็งสุดหัวใจจนหักนิ้วนับวันรอคอย” เงาทะมึนมหึมาโบยบินอยู่เหนือท้องนภา บดบังแสงจันทราอันพร่างพราวส่องแสงสว่างไสวในยามค่ำคืน บรรยากาศเย็นยะเยือกหนาวจับใจ ทั้งๆ ที่อยู่ในฤดูร้อนที่ควรจะร้อนอบอ้าว หมอกควันสีขาวขุ่นลอยเคลื่อนบดบังทัศวิสัยภายในหมู่บ้าน ฝูงค้างคาวและนกแสก อีกา โฉบบินมาเกาะตามกิ่งไม้น้อยใหญ่ ส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ส่งสัญญาณเตือนความชิบหายและหายนะของหมู่บ้านป่าสัก บรรยากาศที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะจอมปลอม รอยยิ้มเสแสร้ง ข้ากลับมาฉีกหน้ากากเดนมนุษย์ของพวกมันแล้ว! ขมิ้น สาวน้อยตรงฉินคราก่อน กลายมาเป็นนางทรงมีผู้นับหน้าถือตาให้ความเคารพยำเกรง ในยามนี้นางกำลังนั่งสมาธิท่าทางสุขุมกำหนดลมหายใจเข้าออก ปิดบังความกระวนกระวายอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ไม่นานนักจึงเปิดเปลือกตาถอนหายใจ หายนะครั้งยิ่งใหญ่ไม่อาจหลบหลีก ทุกการกระทำในอดีตหวนคืนกลับมาสู่ผู้กระทำแล้ว นางทำนายดวงชะตาหมู่บ้านจึงรู้แน่วแน่ว่าเขาผู้นั้นจะต้องกลับมาพร้อมความยิ่งใหญ่อันดำมืด แม้แต่นางก็มิอาจจะขวางกั้น เขาผู้นั้นพร้อมจะกวาดทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้าให้ราบเป็นหน้ากลอง นางเป็นนางทรงที่คอยปกปักษ์รักษาชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ ส่วนเขาผู้นั้นหมายมาดล้างแค้นที่เคยได้รับชะตากรรมอันน่าสลดนี้ยากหลีกเลี่ยง… “มาแล้ว คนผู้นั้นมาทวงหนี้แค้นแล้ว” เงาตะคุ่มมหึมาโฉบบินสร้างความปั่นป่วนให้ชาวบ้านหวาดผวาจนไม่อาจข่มตาหลับขับตานอน เสียงหัวเราะบ้าคลั่งเยือกเย็นบ่งบอกว่าเจ้าของน้ำเสียงเลือดเย็นไร้ซึ่งอาวรณ์และความเห็นใจเพียงใด เสียงสัตว์เลี้ยงน้อยใหญ่ส่งเสียงร้องแตกฮือ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของสัตว์เหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเป็ด ไก่ วัว ควาย หรือหมูในคอก ไม่มีใครกล้าย่างกรายออกไปชะโงกดู ไม่ต้องมีตาทิพย์ก็พอจะรู้ว่าบรรยากาศภายนอกไม่ปกติ ชาวบ้านในหมู่บ้านรีบร้อนมาตามแม่ครูขมิ้นเป็นการด่วน แม้จะดึกดื่นค่อนคืนก็ไม่มีผู้ใดกล้าข่มตานอนหลับเลยสักคน ไม่เว้นแม้แต่แม่ครูขมิ้นที่ทำนายรู้ล่วงหน้าแล้ว “แม่ครูแย่แล้ว! มีตัวอะไรไม่รู้ออกอาละวาดฆ่าเป็ด ไก่ วัว ควาย หมดเลย แบบนี้ชาวบ้านจะสิ้นเนื้อประดาตัวกันหมดนะ” ชาวบ้านเอ่ยบอกน้ำเสียงสั่นเคลือ ‘กล่าวหาว่ายายผวนเป็นปอบ หลานชายก็เลยเป็นโคตรปอบให้สาสมใจ เจ้าเกื้อเอ๋ยเจ้าเกื้อ เจ้าคิดเจ้าแค้นนักแต่ก็สมควรอยู่ดอก’ แม่ครูขมิ้นคิดในใจ “ไปกัน...” แม่ครูขมิ้นพยักหน้า นางตรวจดูทำนายดวงชะตาให้หมู่บ้าน แต่ลืมตรวจดูดวงชะตาของตนเองจึงทำให้นางไม่รู้ว่าหากนางเลือกที่จะก้าวขาออกจากตำหนักนางจะไม่ได้หวนคืนกลับมาอีกเลย ร่างบอบบางสวมชุดนางทรงสีดำมันขลับทั่วเรือนร่าง กรีดกรายเยือนย่างมาหาใครบางคน ใครบางคนซึ่งคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ด้านหลังของนางคือเหล่าชายฉกรรจ์ใจกล้าท่าทางฮึกเหิมหมายจะมากำจัดปอบโดยไม่ทันสังเกตว่าใบหน้าแม่ครูขมิ้นอึมครึมหม่นหมองเพียงใด ปกติผีปอบจะอาศัยร่างของมนุษย์เป็นที่หลบหลีกคุ้มภัยและจะออกอาละวาดในตอนกลางคืน ทว่าเงาตะคุ่มมหึมารูปร่างพิลึกพิสดารกลับไม่มีกายเนื้อให้หลบหลีก มันใช้จิตวิญญาณอันทรงพลังออกอาละวาด ไม่กลัวเกรงว่าจะมีผู้ใดจดจำมันได้ และนั่นก็คือจุดประสงค์ของมัน มันอยากให้ทุกผู้ทุกคนจดจำมันจนวันตาย แม้นลมหายใจถูกพรากกระชากออกจากกายก็จะต้องจดจำวันตายดื่มน้ำลืมเลือนก็ไม่มีทางลบลืมความน่าอกสั่นขวัญแขวนครานี้ เงาตะคุ่มฉีกทึ่งฝูงควายบดขยี้ของรักของหวงของชาวบ้านไร้ความปรานี เขามาเพื่อล้างผลาญโดยเฉพาะ มาเพื่อทำลายของที่พวกมันรักยิ่งชีพถึงขนาดใส่ร้ายป้ายสียายเฒ่าแก่ๆ หนึ่งคนได้ “หึ...หึ...หึ” “มาแล้วหรือข้ารอตั้งนาน ก็เลยเพลิดเพลินไปกับการขย้ำเจ้าพวกนี้ฆ่าเวลาเล่น” น้ำเสียงเยือกเย็นราบเรียบเอื้อนเอ่ย เงาตะคุ่มพลิกตัวกลับมาเผยให้เห็นรูปร่างพิลึกผิดแปลกอันน่าขยาดหวาดกลัว หยาดโลหิตหยดติ๊งร่วงหล่นจากมุมปาก รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมผุดพรายบนใบหน้า “เจ้าเกื้อ!?!” แม่ครูขมิ้นผงะ นางเตรียมใจมาบ้างแล้วว่าเจ้าเกื้ออาจจะเป็นผีปอบกลับมาล้างผลาญชาวบ้าน แต่ผิดคาด... เจ้าเกื้อได้ใช้ความคับแค้นทั้งหมดเข็นตนเองไปถึงจุดสูงสุดของผีห่าซาตาน เขาคือราชาแห่งภูตผีทั้งปวง “นะ...นั่น เจ้าเกื้อหรอ!” หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ตกใจจนแทบจะฉี่ราดรดกางเกง สีหน้าอึกอักซีดเผือด ใครในนี้จะไม่รู้จักเจ้าเกื้อบ้าง ก็เพราะพวกเขาทุกคน ณ ที่แห่งนี้ช่วยกันเผายายผวนทั้งเป็นให้ขาดใจตายในกองเพลิงต่อหน้าเจ้าใบ้อย่างไรเล่า นับตั้งแต่เพลิงสงบมอดเศษเถ้าถุลีของยายผวนถูกเก็บกวาด เจ้าใบ้ก็หายตัวไปก่อนจะมาปรากฎตัวตอนนี้ในร่างมหึมาที่ดูแล้วที่ไปที่มาไม่ธรรมดา “หน็อยแน่! ข้าว่าแล้วว่าบ้านอีผวนต้องเป็นปอบ ไอ้ใบ้นั่นไอ้ใบ้ใช่มั้ย ไอ้เนรคุณ! ชาวบ้านอุตส่าห์ช่วยกันกรอกข้าวสารก้นหม้อให้พวกเอ็ง ดันกลับมาเนรคุณทำลายวัวควายพวกข้าได้ลง มิหนำซ้ำยังพาเพื่อนฝูงมาขย้ำเสียเละ ไอ้เนรคุณ!!!” หนึ่งในคนปากกล้าแต่ใจปลาซิวเอ่ยปากต่อว่าเงาตะคุ่มมหึมา ทางหลังเงาตะคุ่มนั้นก็คือผีปอบที่หลั่งไหลมาช่วงชิงดื่มกินโลหิตและเครื่องในสดๆ ของบรรดาสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน “หึ...หึ...หึ” “เพื่อนฝูงหรือนี่บริวารข้าทั้งนั้น อยากให้พวกข้าเป็นปอบ ข้าก็เป็นผีพญาห่าก้อมให้พวกเอ็งสมปรารถนาอย่างไรเล่า ชอบหรือไม่ผีพญาห่าก้อมน่ะ” ไม่รอคำตอบ เสียงกระดูกลำคอหักดังกรอบดังชายปากกล้าเมื่อครู่ ร่างกำยันสันทัดล้มลงนอนตายตาไม่หลับ หยาดโลหิตกระอักออกมาจากริมฝีปากสีเข้มที่มักจะดูดยาเส้นเป็นประจำ เงามหึมาฆ่าคนได้พริบตาเดียว แม้จิตวิญญาณจะอยู่ห่างไกล “ว๊า...คนปากเก่งมักจะตายเร็ว อดสนุกด้วยกันเลย” น้ำเสียงเย้ยหยันเอ่ย แต่ก็เพียงพอจะทำให้กลุ่มชายฉกรรจ์เหล่าอกสั่นขวัญแขวนเหลือบมองร่างไร้วิญญาณของสหายด้วยความขลาดกลัว “อะไรกันเพียงเท่านี้ก็ขลาด-กลัว กันแล้วหรือ” เงาตะคุ่มนั้นหัวเราะในลำคออย่างใจเย็น สีหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดเหล่านั้นทำให้เงาตะคุ่มพึงพอใจ “เจ้าเกื้อข้าตามหาเอ็งมานานได้เจอกันเสียที” แม่ครูขมิ้นเอ่ยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ดวงตาเป็นประกายจ้องมองเจ้าเกื้อ เด็กน้อยที่นางเคยให้ความช่วยเหลือจากมือไม้ชาวบ้านแปรเปลี่ยนเป็นเจ้าแห่งภูตผี “อย่าขวางข้าเลย เจ้าเป็นผู้เดียวในหมู่บ้านที่ข้าไม่อยากลงมือ อย่าฝืนชะตากรรมวงล้อที่กำลังหมุนเวียนสู่เจ้าของการกระทำ” เสียงเยือกเย็นกล่าวเตือนแม่ครูขมิ้น ผู้เป็นปราการด่านปกป้องชาวบ้านด่านสุดท้าย เป็นด่านที่เขายังพอมีเยื่อใยบางเบามอบให้นอกจากความคับแค้น “โชคชะตาเลือกให้เราเดินคนละทางเจ้าเกื้อ ข้าจำเป็นที่จะปกป้องชาวบ้านให้อยู่รอดปลอดภัย สานต่อปณิธานย่าของข้า” แม่ครูขมิ้นเผยรอยยิ้ม แม้จะเอ่ยอย่างนั้นแต่ก็ไม่ได้ลงมือทำร้ายจิตวิญญาณดวงนี้ นางไม่กล้า แค่คิดว่าจิตวิญญาณดวงนี้จะต้องประสบความเจ็บปวดทรมานเพียงใดกว่าจะมายืนถึงจุดสูงสุดนี้ได้ นางก็อดที่จะสงสารเขาไม่ได้ แต่ภาระหน้าที่บนสองบ่าของนางบังคับและเรียกร้องให้เธอลงมือ “มีอะไรจะสั่งเสียหรือไม่” เงาตะคุ่มยกยิ้มเอ่ยถาม ไร้ความลังเลในน้ำเสียง “ทำไมถึงมั่นใจว่าข้าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้” แม่ครูขมิ้นเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้ายังคงอาบเปื้อนรอยยิ้มสดใสและความมุ่งมั่นในดวงตาเป็นประกายของนาง นางไม่เคยหวาดกลัวเขาแม้เขาจะกลายเป็นผีพญาห่าก้อม ในสายตาของนาง เขายังเป็นเด็กน้อยที่นางอยากจะปกป้องคนนั้น เด็กคนนั้นถูกบีบคั้นจนไร้ทางเลือก “เพราะข้าไม่เคยพ่ายและจะไม่มีวันพ่าย แม้จะต้องยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว เจ้าก็จะไม่เห็นความลังเลในดวงตาคู่นี้ของข้า” เงาตะคุ่มขานตอบน้ำเสียงฉะฉาน “อย่าอยู่อย่างโดดเดี่ยวเลยนะและอย่าทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวข้องและให้เวลาพวกเขาสักหน่อย นี่คือคำสั่งเสียของข้า...” นางทำร้ายเขาไม่ลงและคงไม่ทำ ได้แต่พยักหน้าและอ้อนวอนร้องขอชีวิตของคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งมีน้อยเหลือทน หากเขาล้างบางคนในหมู่บ้านป่าสักทุกคนที่เกี่ยวข้องก็แทบจะทำให้หมู่บ้านป่าสักกลายเป็นหมู่บ้านร้างเต็มทน “ลาก่อน” กร็อบ! เสียงกระดูกลำคอของแม่ครูขมิ้นหัก ดวงตาใสเบิกกว้างพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า รอยยิ้มของนางยังคงเจิดจริสเหมือนแสงสุริยันยามเช้าเหมือนเคย แววตาของนางที่ทอดมองกลับมาไร้ซึ่งความผิดหวังและชิงชัง แต่กลับเป็นแววตาเอ็นดู รักใคร่ และความคาดหวังว่าเขาจะยินยอมทำตามคำสั่งเสียครั้งสุดท้ายของนาง ก่อนจะกระอักเลือดพร้อมลมหายใจครั้งสุดท้าย ถ้อยคำที่บาดจิตของนางก็เอื้อนเอ่ยออกมาคล้ายเย้าแหย่ “ข้าเห็นความลังเลในแววตาของเจ้านะ” “......” ค่ำคืนแห่งการล้างผลาญเอาคืนเริ่มต้นได้เจ็บปวดรวดร้าวแสบรวดร้าวกระทบเศษเสี้ยวความรู้สึกที่ยังคงเหลือเยื่อใยบางเบาให้ขาดวิ่น ผู้กุมชะตากรรมของผู้คนในหมู่บ้านหวนคืนกลับมาปราการด่านปกป้องชาวบ้านด่านสุดท้ายจบชีวิตในเงื้อมมือผีพญาห่าก้อม ไฟแค้นยากจะหาหนทางดับมอด เสียงโหยหวนเจ็บปวดเจียนตาย ความรู้สึกสะพรึงกลัวจนขนหัวลุกและบรรยากาศที่ไม่ต่างจากกลิ่นอายนรกตลบพลิกขึ้นมาปกคลุมหมู่บ้านป่าสัก บาปนั้นคืนสนอง... “ยินดีต้อนรับสู่ค่ำคืนแห่งการล้างผลาญ” ผู้คนที่เป็นจุดเริ่มต้นทั้งหมดทั้งมวลต้องชดใช้ด้วยชีวิตในค่ำคืนนั้น เสียงร่ำไห้กัดปากสะอื้นเคล้าคลอน้ำเสียงอ้อนวอนร้องขอชีวิต และแน่นอนว่าไม่เป็นผล นอกจากผีพญาห่าก้อมจะไม่คิดละเว้นแล้วยังมอบความตายแบบพิลึกพิสดารให้แก่ชาวบ้านมือเปื้อนเลือดเหล่านั้นอีกด้วย จนกระทั่งรุ่งสางมาเยือน… แสงแดดรำไรลอยเคลื่อนจากที่ต่ำสู่ที่สูง ขับไล่กลิ่นอายดำมืดอันปกคลุมหมู่บ้านป่าสักตลอดคืนให้จางหาย พร้อมเสียงร้องไห้ปานจะขาดใจตายของญาติมิตรชิดสหายของผู้สูญเสีย แต่เสียงนั่นยังเทียบไม่เท่าเสียงร่ำไห้ภายในจิตใจส่วนลึกของใครบางคน ที่เป็นคนลงมือปลิดชีพแม่ครูขมิ้น “ชาติหน้าฉันใด เจ้ากับข้าอย่าหวนกลับมาพบพานกันอีก แต่ข้าจะชดใช้ให้เจ้าแน่นอนขมิ้น” “เจ้ามันโง่เขลานัก ข้าบอกว่าอย่าขวางข้า เพียงเจ้าขยับตัวข้าก็คิดว่าเจ้าหลีกทางให้ข้าแล้ว ไยเจ้าชอบดันทุรังให้มันจบแบบนี้ด้วย” เสียงพึมพำของใครบางคนเอื้อนเอ่ย ก่อนจะหายลับเข้าไปในความมืด ร่างระหงนั่งฟังเรื่องราวความเป็นมาของผีพญาห่าก้อมด้วยความตั้งใจ คิ้วเรียวหนาขมวดมุ่นผูกเป็นปมตั้งแต่ต้นจนจบ น้ำเสียงแหบพร่าเค้นน้ำเสียงแฝงความอาฆาตมาดร้ายเล่าเรื่องราวของตน พาให้หวนนึกถึงบุญคุณความแค้นในอดีต ครั้นเล่าจบเบนสายตากลับมามองหญิงสาวร่างเล็กที่กำลังนั่งกอดเข่าฟังอย่างตั้งใจ ก็หัวเราะพรืดเสียงต่ำในลำคอ “กระไรเห็นความเหี้ยมโหดของข้าแล้วหรือยัง!?” “นี่เรียกว่าเหี้ยมโหดแล้วหรือ หากเป็นข้า...ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนหนังพวกมันเอามาทำเนื้อแดดเดียวแล้วโยนให้สุนัขกินเสียให้เข็ด เรื่องราวของท่านฉันถือว่านั่งฟังนิทานปรัมปราก็แล้วกัน” กระดังงามีท่าทีผ่อนคลายลง จึงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหวานเจือเย้ยหยันชาวบ้านเห็นแก่ตัวเหล่านั้น ช่างไม่ต่างอะไรจากชีวิตของเธอเลย จะดีหน่อยก็ตรงที่ชาวบ้านชุมโจรหมานคำไม่มีผู้ใดกล้ามารังแกเธอ แต่ใช้สายตาหยามเหยียดและซุบซิบนินทา หากไม่มีแม่เก็ตถะหวาเธอก็คงอยากจะให้ผู้คนเหล่านั้นลิ้มรสความทุกข์ยากจนชีพมลาย “ไฉนสายตาของเจ้าจึงเป็นสายตาเข้าอกเข้าใจเช่นนั้นเล่า” ผีพญาห่าก้อมเอ่ยถาม “ผู้ที่ยืนอยู่จุดเดียวกันย่อมเห็นอกเห็นใจกันไม่ใช่หรือ อีกอย่างฉันก็คิดว่าสมควรแล้ว หากเป็นฉัน ฉันก็จะตามจองล้างจองผลาญจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง หนี้เลือดชดใช้ด้วยเลือด ชีวิตชดใช้ด้วยชีวิต!!!” น้ำเสียงหนักแน่นเอื้อนเอ่ย เธอไม่ได้ปรามาสต่อว่าต่อขานเขา “หึ...แม่นางเยี่ยงเจ้าไปโกรธแค้นเคืองผู้ใดมา” “ฉันล้อเล่นน่ะ ก็แค่ใส่อรรถรสให้มันดูสมจริง ท่านจะได้ไม่รีบฆ่าฉันอย่างไรเล่า เห็นแบบนี้ฉันก็รักตัวกลัวตายนะบอกไว้ก่อน ไม่ใช่ทุกคนจะเหมือนท่านซะหน่อยที่ยอมอดทนกลายร่างเป็นปอบได้ ๑๘ ร่าง” กระดังงาอดเหน็บแนมจิตวิญญาณดำมืดเบื้องหน้าเสียไม่ได้ “ฮะ...ฮ่า...ฮ่าา” “เจ้าไม่ใช่แม่หญิงกลัวตายดอก ดูฝีปากของเจ้าคมคายยิ่งกว่าใบมีดอีก เชือดเฉือนศัตรูอย่างข้าจนเข้าขั้นบื้อใบ้ ข้านับถือเจ้า เจ้าใจกล้าไม่เบากล้าต่อกรกับข้าทั้งๆ ที่รู้ว่าวิชามนตราของเจ้าไม่ถึงขั้นประมือกับข้าได้” “ใครบอกว่าท่านเป็นศัตรูกันละจ๊ะ ฉันมองท่านเป็นสหายต่างหาก แต่ช่วยล้มเลิกกันเอาฉันไปเป็นเมียด้วยเถอะจ๊ะ ฉันมีผัวแล้ว ฉันรักผัวของฉันม๊ากมาก” กระดังงาปากหวาน รู้จักเอาตัวรอดเป็นยอดดี “หืม!?” ผีพญาห่าก้อมเลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะถูกใจพรืดใหญ่อย่างสะกัดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ แม่นางน้อยผู้นี้เฉลียวดฉลาดรู้จักเอาตัวรอดในยามขับขันยิ่งนัก หากหญิงผู้นั้นรู้จักเอาตัวรอดเหมือนแม่นางน้อยผู้นี้ เขาก็คงไม่ต้องจำใจอยู่อย่างโดดเดี่ยวนานเพียงนี้ “ผัวฉันชื่ออ้ายขาลหรือที่ชาวบ้านเรียกกันพญาขาล ท่านรู้จักหรือไม่” หญิงสาวจีบปากจีบคอเอ่ย พลางแสร้งทำหน้าตาใสซื่อไร้เดียงสาไร้พิษสง “......” ผีพญาห่าก้อมพยักหน้าเผยรอยยิ้มเย็นชา “นั่นแหละจ๊ะผัวฉัน สรุปท่านล้มเลิกจะเอาฉันไปเป็นเมียหรือยังจ๊ะ เป็นเพื่อนน่ะได้อยู่หรอก แต่เกรงว่าสี่ห้องหัวใจของฉันมีผัวของฉันนั่งเต็มพื้นที่ไปหมดแล้วน่ะสิจ๊ะ” หญิงสาวบีบน้ำตาแวววาวรื้นหน่วย ปั้นหน้าเป็นภรรยาที่รักสามีเพียงคนเดียวจับจิต สีหน้าท่าทางของเธอในยามนี้ช่างน่าสงสารและทะนุถนอมยากเกินหักห้ามใจ “ขืนผัวฉันรู้ว่าฉันคบชู้คงจับฉันผ่าอกโรยเกลือให้ตายทั้งเป็นแน่นอน จะว่าไปฉันก็เริ่มคิดถึงผัวขึ้นมาแล้วเหมือนกัน” กระดังงาแสร้งลอบปาดเช็ดน้ำตาบริเวณหางตาที่ไม่มีอยู่จริง “หึ...เจ้ามันเล่ห์เหลี่ยมเเพรวพราวนัก” “ได้ ตานี้ข้ายอมพ่ายให้แก่เจ้า เห็นท่าทางรักผัวสุดหัวจิตหัวใจของเจ้าแล้วมันช่างน่าขบขันเสียจริง ครั้นข้าจะเป็นใหญ่เหนือภูตผีทั้งปวงแต่ก็ไม่หน้าด้านถึงขั้นฉุดคร่าเมียชาวบ้านมาทำเมีย แม้ว่าข้าจะพึงใจเจ้าก็เถิด” “ดีจ๊ะดี” “แต่ฉันขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยจ๊ะ ในเมื่อท่านก็ตามล้างผลาญพวกคนชั่วแล้ว ทำไมถึงยังออกอาละวาดอยู่อีกเล่าจ๊ะ ได้ข่าวว่าพ่อหมอ แม่ครูตำหนักไหนก็เอาท่านไม่ลงเสียด้วย” กระดังงาเมื่อเห็นจิตวิญญาณของผีพญาห่าก้อมผ่อนคลายโทสะก็เอ่ยปากถามอย่างใจกล้า “แม้นว่าข้าจะตามจองล้างจองผลาญคนพวกนั้นดั่งใจหมายแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าหมู่บ้านแห่งนี้จักหลงเหลือเพียงผู้บริสุทธิ์จิตใจสะอาดดอกหนา ข้าติดค้างคนผู้หนึ่ง ข้าต้องปกปักษ์ทำหน้าที่แทนนางและกำราบชาวบ้านที่ยังคงเหลือพิษสงให้ไม่กล้าทำผิดซ้ำสองไปในคราเดียวกัน คงเป็นบาปกรรมกระมังต้องทำลายและรักษา ข้าโดดเดี่ยวนัก” น้ำเสียงแหบพร่ายามเอื้อนเอ่ยถึงนางผู้นั้นชวนให้ผู้ฟังเศร้าสร้อยยิ่งนัก “ชาวบ้านพวกนั้นอยากจะไล่ข้าออกจากหมู่บ้านใจจะขาด ทั้งหาพระเกจิมาไล่ พ่อหมอ แม่ครูอาคมเเกร่งกล้ามาทำพิธี ข้าก็เพียงแต่ข่มขู่ไม่ได้หมายเอาชีวิตผู้ใดอย่างที่เขาเล่าลือกัน มิเช่นนั้นชาวบ้านพวกนั้นจะล่อพวกเจ้าด้วยเงินทองมากมายเหล่านั้นได้หรือ” “อืม ก็จริง ถ้าเหงาก็ไปหาฉันที่หมู่บ้านคุ้มงามได้นะ แต่กลบกลิ่นอายด้วยผัวฉันน่ะจมูกดี๊ดี ดียิ่งกว่าสุนัขพันทางเฝ้าบ้านเสียอีก” “หึ...” “เราเป็นสหายกันหรือยังจ๊ะ ถ้าเป็นแล้วช่วยอะไรฉันสักอย่างหน่อยสิ” ดวงตาเฉี่ยวฉายแววเจ้าเล่ห์เจิดจรัส
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD