รถเคลื่อนตัวออกจากขนส่งมุ่งหน้าสู่บ้านของขวัญชีวา อยู่ห่างจากตัวเมืองเพียงแค่สามสิบกิโลเมตรเท่านั้น
ปิติเจ้าของฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่ของจังหวัดเชียงราย หลังจากส่งไข่ไก่เสร็จแล้วจึงพาหญิงสาวกลับบ้าน แอบมองคนที่นั่งตาปรือจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่หลังจากเขาปล่อยให้เธอพูดคนเดียวอยู่เกือบชั่วโมง
"ฮ้าว...ลุงจะบอกหนูได้หรือยังคะ ว่าบ้านลุงอยู่ที่หนาย"
ปิติเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกสาวลุงกำนันที่เขานับถือ เขาจะปล่อยทิ้งกลางทางซะให้เข็ด อายุเขาแค่36แก่ตรงไหนบอกหน่อย
"ใกล้ๆบ้านเราแหละ"
"บ้านหนูเหรอ"
ฉันพยายามฝืนสังขารดวงตาอีกครั้งดูดเป๊ปซี่ในแก้วที่วางไว้ เริ่มคอแห้ง
"หะ เฮ้ย! แก้วผม"
ขวัญชีวาตื่นสนิทแก้วหูแทบแตก รีบวางแก้วสูญญากาศลงเพราะเสียงผู้ชายข้างตัว ก็ดูดจนหมดแก้วไปแล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะ พนมมือไหว้ขอโทษเขาพอเป็นพิธี
"ขอโทษค่ะ...หนูลืม จอดรถที่ร้านค้าเลยค่ะหนูซื้อใช้หนี้ก็ได้"
ด้านปิติที่ถือเนื้อถือตัว เธอดูดน้ำของเขาไปแล้วใช้หลอดเดียวกันด้วย แบบนี้จะได้ยังไง รู้จักคำว่ามารยาทหรือเปล่า คอเขาก็แห้งอยากดื่มน้ำเย็นๆให้ชื่นใจ แอบเสียดายน้ำแก้วนั้นรีบเหยียบคันเร่งจะได้ถึงบ้านเร็วๆ นึกในใจว่าไม่รู้เด็กคนนี้เป็นลูกของพี่ขจีจริงๆหรือเปล่า
เขากำลังพิจารณาหญิงสาวอีกครั้ง เพื่อเปรียบเทียบกับพี่ขจีที่อ่อนโยน อ่อนหวานพูดจาไพเราะฟังเพลิน
"ลุงเป็นโรคติดต่อหรือเปล่าคะ"
"ไม่...ไม่เป็น" เขารีบปฏิเสธ
ขวัญชีวาเอามือทาบอกโล่งอย่างบอกไม่ถูก คิดไปว่าที่เขาโมโหอาจเพราะ เขาเป็นโรคติดต่อก็ได้ ถ้าดื่มน้ำหลอดเดียวกันก็ถือว่ามีโอกาสติดเชื้อได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน สัตว์ก็เช่นกัน
"อ้อ! แล้วไป โล่งอกไปทีนึกว่าเป็น หนูจะได้กักตัวดูอาการตัวเองจะได้ไม่แพร่กระจายโรคให้คนที่บ้าน"
แต่คิดอีกทีดูดน้ำจากหลอดเดียวกันแบบนี้ เหมือนได้จูบปากกันไม่มีผิด
คริ...คริ...ยิ้มในใจคนเดียวก็ได้
กำลังคิดอะไรเพลินๆจู่ๆ เขาก็ถามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย "ทำไมเราถึงเรียนสัตวแพทย์ล่ะ"
ฉันนึกคำสวยๆไว้แล้วพูดว่า "หนูเป็นคนรักสัตว์ ยิ่งสัตว์ตัวเล็กๆอย่างหมาแมว มันน่าสงสารนะคะ ถูกคนทำร้ายก็มีเอาไปทิ้งข้างทางก็มี บางตัวนะคะโดนรถเฉี่ยวรถชน ไม่มีใครสนใจสัตว์พวกนี้น่าสงสาร หนูเลยเลือกเรียนเพื่อนำวิชามารักษาสัตว์ที่รักมนุษย์อย่างบริสุทธิ์ใจ ยังไงล่ะคะ"
ปิติพยักหน้าคล้อยตาม "ดี...ดี "
"เรียนยากไหม"
ฉันก็ได้โอกาสละทีนี้ ยัยขวัญเธอต้องตอบดีๆให้ลุงประทับใจนะยะ
"ยากมากค่ะ ถ้าเป็นหมอรักษาคนเรียนกายวิภาคศาสตร์คน แต่หนูเรียนกายวิภาคศาสตร์สัตว์ คนมีร่างเดียวแต่สัตว์มีหลายชนิดสัตว์บกสัตว์น้ำ สัตว์เล็กสัตว์ใหญ่เรียนดมยาผ่าตัดทำหมันทำคลอดผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายก็เรียนนะคะ"
กว่าจะพูดหมดเล่นเอาเหนื่อย ฉันต้องถามเขาบ้างเพื่อศึกษาข้อมูล
"ลุงอยู่ที่นี่มานานแล้วเหรอคะ ทำไมหนูไม่เคยเห็นเลย"
ปิติเหยียบเบรคพรืดจนขวัญชีวาหน้าคะมำ ทำหน้ายักษ์ใส่หญิงสาว เขาหมดความอดทนแล้วจริงๆคำก็ลุง สองคำก็ลุง
"เรียกผมน้าหรืออาหรือพี่อะไรก็ได้ไม่เอาลุง ผมไม่ได้แก่ขนาดนั้น"
ฉันเพิ่งรู้ ผู้ชายวัยนี้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงบ่อย อารมณ์ขึ้นๆลงๆแต่ยังไงก็ชอบแหละ ถ้าจีบตอนนี้ไก่จะตื่นหรือเปล่าวะยัยขวัญ
"งั้นหนูเรียกที่รักได้ไหมคะ"
ปิติเหลืออดเด็กสมัยนี้ช่างร้ายกาจ ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งจะจับตีก้นซะให้เข็ด เม้มปากเป็นเส้นตรง เหยียบคันเร่งนึกในใจว่าอีกไม่กี่อึดใจก็ถึงแล้ว
"ตัวซักกะเปี๊ยกหัวโผล่พ้นขอบกระบะมาสองคืบ ริจีบผู้ชาย" เกิดมาเขาก็เพิ่งโดนเด็กจีบ หุงข้าวกินเป็นหรือยังก็ไม่รู้เขาต้องปรามไว้ก่อน
"เล่นตัวจนแก่ตายไปเลย" ฉันพูดให้เขาได้ยิน ไม่สนด้วยว่าเขาทำหน้ายังไง แล้วเขาก็เงียบไป
ขวัญชีวายิ้มกว้างที่ได้แกล้งลุง ก็ลุงเล่นทำหนูใจละลายตั้งแต่แรกพบแบบนี้จะไม่ให้จีบได้ยังไงก็แอบมองเสี้ยวหน้าหล่อ สลับกับทิวเขาเขียวขจีสองข้างทาง มองหน้าลุงบ้างมองต้นไม้บ้างสลับกันไป ยิ่งท่าขับรถกำพวงมาลัยยิ่งเท่ห์ระเบิด
ครืด...ครืด สมาร์ทโฟนของขวัญชีวาสั่นสะเทือนเธอจึงปัดรับสายจากเพื่อนชายในกลุ่ม กระซิบกระซาบเสียงเบากลัวลุงจะหึง
ขวัญชีวา:"ฮัลโหลคุณชายถึงกรุงเทพฯหรือยัง"
ปุริม: "เพิ่งถึงเลยรีบโทรหา"
ขวัญชีวา: "ถึงแล้วเหรอเร็วจัง เรายังไม่ถึงบ้านเลยเดี๋ยวถึงบ้านแล้วโทรหานะ"
ขวัญชีวารีบกดวางสายยัดสมาร์ทโฟนใส่กระเป๋าสะพายตามเดิม โดยไม่เห็นสายตาอยากรู้ของคนขับ
ขวัญชีวาเห็นเขาเงียบไปและเธอก็ไม่มีอารมณ์จะจีบลุงต่อ เพราะลุงเอาแต่เกรี้ยวกราด ถ้าอยู่ใกล้กันวันหลังค่อยจีบใหม่ก็ได้ นึกถึงคำพูดของคุณชายหมอปุริมแล้วก็เครียดถึงกับถอนหายใจออกมาเบาๆเหมือนคนมีอะไรในใจ นึกถึงอนาคตของตนเองที่ยังไม่รู้จะเอายังไงดี
เข้ากรุงค่าครองชีพก็สูง ไปอยู่ที่นั่นก็หัวเดียวกระเทียมลีบ ครั้นจะเกาะคุณชายหมอมากพ่อแม่เขาก็ไม่พอใจอีก ก็ในเมื่อเขามันไฮโซส่วนเธอมันโลโซติดดินจนจะแบนอยู่แล้ว
โอ๊ย! คนสวยกลุ้ม...
กำลังคิดอะไรเพลินๆ รถโฟว์วิลเข้ามาจอดที่บ้านหลังใหญ่ มีรั้วรอบขอบชิด หน้าบ้านเปิดเป็นร้านโชห่วยที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านเทียบเท่าซุปเปอร์มาเก็ตในตัวอำเภอก็ไม่ปาน ข้างบ้านเป็นส่วนของรถบรรทุกทั้งเล็กและใหญ่ รวมถึงรถแบ็คโฮรถปิ๊กอัพอีกหลายคันจอดอยู่
"ถึงแล้วครับ"
ขวัญชีวายกมือไหว้ผู้มีพระคุณสะพายกระเป๋าเตรียมลงจากรถ โดยไม่ลืมขอบคุณเขา
"ขอบคุณมากค่ะคุณปิติ"
ปิติเองรับไหว้แทบไม่ทัน นึกแปลกใจอยู่บ้างที่หญิงสาวไม่ดีใจเลยเหรอ ที่ถึงบ้านของตนเอง เดินอ้อมไปหลังกระบะเปิดท้ายรถยกกระเป๋าเดินทางลงมา ส่งให้ถึงมือหญิงสาว
"อ้าว...พ่อเลี้ยงมาส่งยัยขวัญถึงบ้านเลยน้าขอบใจมากนะคะ"
"หวัดดีค่ะแม่ พ่อยังไม่กลับเหรอคะ"
"ยังลูก...เมื่อตะกี้โทรมาบอกว่าจะกลับค่ำๆแน่ะ"
ขจีสวมกอดลูกสาวแสนคิดถึง ขวัญชีวาหน้าแดงช้อนสายตามองเขาที่ยังไม่กลับไม่รู้ว่ารีรออะไร
"แม่คะ...หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ"
ปิติมองตามคนตัวเล็กหายเข้าไปในบ้าน "งั้นผมขอลาก่อนนะครับน้าขจี"
ขจีแม่ของขวัญชีวาโบกมือ "ขอบคุณมากค่ะพ่อเลี้ยง"
แต่ก่อนที่พ่อเลี้ยงจะกลับ ฉุกคิดได้ว่าที่ฟาร์มเขาควรมีสัตวแพทย์ซักคน ดูแล้วหญิงสาวน่าจะพอทำได้ ถ้าไม่คิดว่าฟาร์มของเขากระจอกงอกง่อยเกินกว่า ที่สัตวแพทย์จะร่วมงานได้
"น้าขจีครับ ผมว่าจะรับสัตวแพทย์ซักคน ลูกสาวคุณน้าอยากทำหรือเปล่าครับ"
ขจีแม่ของขวัญชีวายกยิ้มที่มุมปาก พอจะมีเค้าลางดีๆเกิดขึ้นนับจากนี้
"น้าขอถามยัยขวัญก่อนนะคะ"
"แล้วพ่อเลี้ยงจะเอาเลยไหม?"
พ่อเลี้ยงที่กำลังชักเท้ากลับเขาแทบสะดุดขาตัวเอง นึกในใจว่าจะเอาอะไร แม่กับลูกชอบพูดตลกสามแง่สามง่ามอยู่เรื่อย
"เอา...เอาครับพร้อมเมื่อไหร่ผมเอาตอนนั้น"
ออนไรท์
คุณพ่อเลี้ยงเอาโลดค่ะ