ตอนที่3.ไร่ภูเคียงเดือน

1607 Words
@ บ้านกำนันภูมิ ครอบครัวขวัญชีวามีด้วยกันทั้งหมดสี่คน ตัวบ้านชั้นล่างแบ่งพื้นที่ให้ขจีได้ขายของชำเพื่อเสริมรายได้ มีลูกจ้างประจำร้านหนึ่งคนเป็นหญิงสาวในหมู่บ้านคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสามีเสียชีวิตไปหลายปี ขจีสงสารจึงจ้างมาช่วยงานมีหน้าที่หยิบโน่นหยิบนี่แล้วแต่จะสั่ง ขวัญชีวาวางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไว้ที่ชานพักหลังจากพยายามเอามันขึ้นมาได้ถึงตรงนี้ แต่ยังเหลืออีกสิบกว่าขั้นมองความสูงแล้วท้อใจ ถามหาน้องชายที่พอจะเป็นตัวช่วยที่ดี "แม่คะ...พอร์ชไปไหน ปิดเทอมแล้วไม่ใช่เหรอคะ" ขจีบุ้ยใบ้ไปที่ชั้นสองของตัวบ้านที่เงียบกริบไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ "บนบ้าน อยู่บนบ้านแน่ะขวัญ เห็นว่าจะอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้าม.4" "อ้อ" ฉันตกลงใจรอน้องชายช่วยเอากระเป๋าขึ้นไปจะดีกว่า วางกระเป๋าไว้ตรงนี้ก่อน เดินลงไปหยิบซาลาเปาหมูสับที่หน้าร้านยัดเข้าปาก นั่งลงที่โซฟาไม้สักตัวใหญ่ที่มีเบาะนุ่มรองรับ ขจีกำลังหย่อนก้นนั่งข้างกันตั้งใจพูดเรื่องที่พ่อเลี้ยงปิติชวนขวัญชีวาไปทำงาน ลูกค้าเข้าร้านพอดิบพอดีจึงรีบจากไป "เดี๋ยวแม่มามีธุระสำคัญจะคุยด้วย" ขวัญชีวาเดินทางมาเหนื่อยๆ ท้องอิ่มแล้วก็ผล็อยหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ จนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มใจดีอันคุ้นเคย "ขวัญ...ขวัญตื่นเถอะลูกเย็นแล้ว นอนตอนเย็นระวังตะวันจะทับตาเอานะ" หญิงสาวที่ไม่อยากตื่นแต่ก็ต้องตื่น เพราะรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือก ที่ข้างแก้มจนต้องเอามือปัดทิ้งไปสีหน้าบอกว่ารำคาญ "เฮ้ย! ใครเล่นไรวะ" ขวัญชีวาที่มักโดนเพื่อนแกล้งอยู่เรื่อย ส่งเสียงจิ๊จ๊ะทั้งที่ตายังปิดอยู่ "พี่ขวัญ พี่ขวัญตื่นได้แล้ว" ขวัญชีวาที่ขดตัวอยู่บนโซฟา โดนรบกวนหนักเข้าจนต้องตื่น ทันทีที่ลืมตาก็พบกับใบหน้าทั้งสามห้อมล้อมเธอเต็มไปหมด กรอกตาไปมาเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงในบ้านซึ่งมันเป็นภาพไม่คุ้นตาสักเท่าไหร่ "เราไม่ได้อยู่หอพักหรอกเหรอ" "ขวัญพ่อรอกินข้าวอยู่" "พี่ขวัญจะขี้เซาไปไหน" "อาบน้ำก่อนไหมลูก" ฉันจึงลุกขึ้นกอดพ่อเป็นคนแรก "พ่อคะมาถึงแล้วทำไมไม่ปลุกคะ" พอร์ชน้องชายยืนกอดอก "เขาปลุกกันหูแทบแตกมัวแต่นอนยิ้ม ฝันถึงใครอยู่ก็ไม่รู้" ขวัญชีวารีบผละจากอกพ่อผลุนผลันขึ้นชั้นสอง สะบัดหน้าจนผมพริ้วกระจายแก้เขิน กระเป๋าเดินทางไม่อยู่แล้วแสดงว่ามีคนยกขึ้นไปให้แล้วแน่ๆ "เหลวใหลไอ้น้องบ้าใครจะฝันถึงผู้ชาย" รุ่งเช้าของอีกวัน @ ไร่ภูเคียงเดือน ปิติเจ้าของฟาร์มสัตว์เลี้ยงกับไร่ชาสีเขียวปลูกแบบขั้นบันไดสวยงามบนเนินเขาเนื้อที่กว่าสองร้อยไร่ เขาจึงต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเข้าไร่ตรวจตราคนงานเก็บใบชาในตอนรุ่งสาง จากนั้นเข้าบ้านอาบน้ำกินข้าวเช้าแล้วมุ่งหน้าสู่ฟาร์มของเขา ออฟฟิศสำนักงานที่ปิติสั่งทำพิเศษจากตู้คอนเทนเนอร์สี่เหลี่ยมผืนผ้าด้านในตกแต่งอย่างดีติดแอร์เย็นเฉียบ ทั้งที่อากาศก็ไม่ร้อนมาก หยิบแฟ้มเอกสารของฟาร์มหนังสือแจ้งกำหนดการส่งมอบลูกสุกรของเขา ปิติเคาะนิ้วบนโต๊ะทำงานใช้ความคิด ในแต่ละเดือนเขาต้องจ้างสัตวแพทย์จากตัวอำเภอเพื่อเข้ามาตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยงฉีดวัคซีนหรือรักษาอาการเจ็บป่วย เดือนหนึ่งเขาเสียไปไม่ใช่น้อย ถ้ามีประจำไว้ที่ฟาร์มก็คงดีไม่น้อย เรียกใช้ได้สะดวกเจ็บป่วยก็สามารถรักษาได้ทันท่วงที "วันนี้เธอน่าจะมาแน่ๆ" ในเวลานี้เขานั่งรอนอนรอหญิงสาวแม่สัตวแพทย์จบใหม่ เข้ามาสมัครงาน มองทางจนคอเคล็ดตั้งแต่เช้าจรดเย็นก็ไม่เห็นแม้แต่เงา "เล่นตัวจริงๆยัยตัวเปี๊ยก" เขาจึงปิดออฟฟิศหยิบกุญแจรถตรงเข้าหมู่บ้าน จอดรถที่หน้าร้านแม่ขจีมินิมาร์ท พอไปถึงเขาก็เห็นหญิงสาวในชุดอยู่บ้านเสื้อยืดกางเกงขาสั้น นั่งไขว่ห้างอยู่หน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน ในมือถือปืนติดราคาบนถุงขนม สีหน้าเบื่อหน่าย เขาจึงอ้อมไปที่ด้านหลังจิ้มนิ้วไปที่ไหล่บาง โดยที่เธอไม่เห็นว่าเป็นใคร "ตัวเล็ก ไม่ไปทำงานที่ฟาร์มเหรอ" ขวัญชีวานึกว่าตัวเธอคงจะคิดถึงลุงมากไปหูคงจะฝาดแน่ๆ คนอย่างลุงคงไม่มาถึงที่นี่หรอก รู้สึกหงุดหงิดที่มาว่าเธอเล็ก คนยิ่งมีปมอยู่ด้วย ก็ต่อว่าคนที่ริอ่านมาบูลลี่รูปร่างเธอ"ตัวเล็กอะไรดูดีๆซิว่าตรงไหนเล็ก...หา" "ยัยเปี๊ยกยัยตัวเล็กนั่งบื้ออะไรอยู่นี่ ขโมยขนของไปหมดร้านแล้ว" "ชัดแล้ว" ขวัญชีวาทิ้งปืนไว้บนโต๊ะเงยหน้ามองต้นเสียง "ละ...ลุงมาซื้ออะไรคะ" ปิติลากเก้าอี้พลาสติกอีกตัวนั่งฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาว อยากทำโทษเด็กที่พูดไม่รู้กาลเทศะบอกกี่ครั้งว่าไม่ให้เรียกลุง "น้าขจีไม่บอกเหรอว่าฟาร์มผมรับสมัครสัตวแพทย์ เห็นเป็นคนคุ้นเคยกันหรอกนะถึงได้ชวน ถ้าคุณไม่รีบสมัครมีคนอื่นตัดหน้าไปแล้วจะมาเสียใจภายหลังไม่ได้นะ" "หนูขี้เกียจตอนนี้ไม่มีแพชชั่นในชีวิต ขอเกาะแม่กินสั่งอาหารหมาอาหารแมวมาขายประทังชีวิตไปก่อน" ปิติได้ยินแล้วโมโหหน้าแดง ส่วนตัวฉันนางสาวขวัญชีวาก็เอาแต่สูดดมกลิ่นกายหอมของผู้ชายเข้าปอด อยากรู้เหมือนกันว่าในหนึ่งวันเขาอาบน้ำกี่ครั้งกันแน่ ถ้าลองก้มดมกลิ่นตัวเอง เป็นผู้หญิงแท้ๆยังได้กลิ่นเปรี้ยวนิดๆเลยด้วยซ้ำ "ไม่มีแพชชั่น..." เขาแค่นเสียงออกมาจากลำคอ ฉันพยักหน้าหมดอะไรตายอยากในชีวิต พยายามเบี่ยงเบนสายตาจากลุง ที่ทำให้ใจสั่นหวั่นไหว มองมากทำให้อะดรีนาลีนสูบฉีดเกินพิกัดเกิดอาการหน้ามืดลากผู้ชายเข้าบ้าน จับปล้ำขึ้นมาจะหาว่าไม่เตือน "ค่ะ...หนูยังไม่มีแพชชั่น เรียนเหนื่อยขอพักซักหนึ่งเดือนรอเกรดออกได้ Transcript แล้วค่อยว่ากัน" ปิติยิ้มออกมา โธ่เอ้ยเขานึกว่าเรื่องอะไรซะอีก ยื่นมือแตะที่หลังมือนุ่มแบบลืมตัว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขารับสมัครพนักงาน จนต้องมาง้อหญิงสาวถึงที่แบบนี้ ทางด้านขวัญชีวาหน้าแดงมองมือตนเองที่โดนผู้ชายอย่างลุงแตะ เหมือนมีไฟฟ้าใหลจากเขามุ่งตรงสู่หัวใจ "ลุงอ่อยเหรอคะทำแบบนี้หนูเอาจริงนะคะ ยิ่งแพ้กลิ่นคนแก่อยู่ด้วย" ปิติรีบดึงมือกลับไม่อยากใส่ใจกับเรื่องเหลวใหล ยื่นข้อเสนอที่ดี "เอางี้นะ ผมให้เงินเดือนสามหมื่นผ่านโปรเพิ่มให้อีกห้าพัน มีเบี้ยขยัน มีโอทีวันหยุดให้ในกรณีฉุกเฉินต้องเรียกใช้ สิ้นปีมีโบนัสให้อีกแล้วแต่ผลประกอบการ" "เอาไง พอใจหรือเปล่า" พูดจบเขาคาดคั้นจะเอาคำตอบ ฉันจะเอาไงดีขวัญชีวาอยู่บ้านเงินเดือนเท่านี้ถือว่ายอมรับได้ โดยไม่ต้องคิดไปเปรียบเทียบกับเงินเดือนของหมอรักษาคนให้เสียกำลังใจ อยู่บ้านกินฟรีอยู่ฟรี ถ้าไปกรุงเทพฯก็ต้องเสียค่าเช่าห้องพัก ค่ากิน ค่ารถ ค่าน้ำค่าไฟเงินเดือนคงเหลือน้อย ด้านชายหนุ่มเขาใช้จิตวิทยาขั้นสูง จูงใจด้วยเงินเดือนขนาดนี้ หญิงสาวน่าจะพอใจ แต่ขวัญชีวาไม่คิดแบบนั้น เจ้าของฟาร์มมาเองแบบนี้แสดงว่าต้องอยากได้เธอเอามากๆต้องเรียกเงินเพิ่มถึงจะถูก ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่างานจะหนักแค่ไหน "หนูขอStartที่สามหมื่นห้าผ่านโปรสามเดือนขอสี่หมื่น หยวนๆไม่ต้องต่อรอง หนูเก่งทำเป็นทุกอย่างรับรองลุงได้หนูไปคุ้มเกินคุ้ม ตัองมีประกันสังคมให้ด้วยนะคะอย่าลืม" "อ้อ...หนูเกือบลืมอีกอย่างอันนี้สำคัญมาก ค่าใบประกอบวิชาชีพลุงต้องให้หนูอีกห้าพัน โอเค้" ปิติหน้ามืดตาลายยัยเด็กที่ดูภายนอกบ๊อง...บ๊องเพราะเรียนมาก แต่เขี้ยวลากดินชนิดที่เขาไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน เบ็ดเสร็จเงินเดือนสี่หมื่นเข้าไปแล้ว แต่เขาก็คุ้มเกินคุ้มยัยเด็กนี่รู้จักเขาน้อยไปเสียแล้ว เมื่อตกลงกันได้เขาก็ลุกจากเก้าอี้ทันที กลัวหญิงสาวเรียกร้องเพิ่ม "ตกลงสี่หมื่นก็สี่หมื่นพรุ่งนี้เข้างานเจ็ดโมงเช้าเลิกสี่โมงเย็น หยุดเสาร์-อาทิตย์เจอกันที่ออฟฟิศ อย่าลืมเอาเอกสารไปด้วยล่ะ Transcript โหลดจากเว็บมหา'ลัยได้ คุณนึกว่าผมไม่รู้หรือไง" ก่อนไปยังไม่ลืมกำชับอีกครั้งกลัวหญิงสาวจะเบี้ยว เด็กสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน "อย่าไปสายนะตัวเล็ก" ขวัญชีวาโบกมือลานึกถึงการล้วงตูดวัวอีกครั้ง "ล้วงก็ล้วง" ออนไรท์ ตัวเล็ก เขาไว้เรียกผู้หญิงที่หน้าตาน่ารัก ใครตัวเล็กยกมือขึ้นด่วนๆ....
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD