คนไม่สำคัญ…2/2

1355 Words
“หอมบ้าไรกัน” เขาลุกขึ้นตบฝ่ามือลงบนโต๊ะ ตีหน้ายักษ์คิดบัญชีกับเธอก่อนจะรีบเข้าไปล้างหน้าใหม่อีกครั้งในห้องน้ำ นิชาลีรีบตามเข้าไปดูเผื่อเขาจะหยิบผิดอีก มีเสียงงุ้งงิ้งปนเสียงชวนทะเลาะอยู่ไม่นานเรื่องก็จบลง จักรพรรดิเดินหน้าตึงออกมาจากห้องน้ำตามด้วยหญิงสาวที่พยายามง้องอนบอกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจทำให้เขาหยิบใช้ผิด แต่คนเจ้าอารมณ์ก็ไม่ได้อยากฟังคำแก้ตัวนั้นในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว “นิมขอโทษค่ะคุณจิ๋น ต่อไปถ้านิมเปลี่ยนของใช้อะไรใหม่จะบอกคุณก่อนทุกครั้งนะ” เขาหันมามองตาขวางใส่อยู่อึดใจ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาให้อารมณ์เย็นลง เอาเถอะโกรธนานกว่านี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา พอดีกับเสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มดังขึ้น เขาหลุบสายตาดูหน้าจอแวบเดียวก็กดรับสายแล้วกรอกเสียงกลับไป “เจอกันที่บ้านครับ พี่จะไปรับเอง” น้ำเสียงต่างจากที่พูดกับเธอคนละโยชน์ พอเขาวางสายแล้วหันมามองเธอก็ยิ้มแล้วถาม “ใครเหรอคะ” “ไม่ต้องยุ่ง” “อ้าว ไม่ยุ่งได้ไง อย่าลืมสิ นิมเป็นทุกอย่างของคุณนะ เกิดวันดีคืนร้ายมีคนโทร. หานิมแล้วพูดเรื่องเกี่ยวกับคุณ แล้วนิมไม่รู้อะไรเลยจะจัดการงานยังไงคะ” เธอพูดตาใสมองหน้าเขา มันก็เป็นความจริงมาตลอดตามที่นิชาลีพูดออกมา เวลาที่เขาออกไปข้างนอกกับเธอ เจอผู้คนเธอก็จะอยู่ในสถานะเลขาคนหนึ่งของเขาคอยจัดการเรื่องหลายเรื่องให้ จักรพรรดิมีเลขาส่วนตัวสามคนอีกสองคนเป็นผู้ชายที่ให้ทำเฉพาะเรื่องงาน ส่วนเธอทำทุกเรื่องที่เขาสั่ง “คนนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ ไม่ต้องยุ่ง” เขาย้ำคำเดิมอีกครั้ง ทำเอาหญิงสาวหน้าจ๋อย รู้ได้ทันทีว่าเป็นผู้หญิงและคงสำคัญกับเขามากแน่ ๆ เธอถึงแตะต้องไม่ได้ “ค่ะ ไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่ง อ้อ นิมลืมบอกไปว่านิมจะค้างที่บ้านสวนสักคืนค่อยกลับนะคะ” “ฉันไม่ได้อยากรู้ความเป็นไปของเธอขนาดนั้นนิชาลี แค่งานที่ฉันให้เธอไปทำเรียบร้อยเมื่อไหร่ค่อยมาบอกฉัน” “รับทราบค่ะ เรื่องนั้นจะจัดการให้เร็วที่สุด” จักรพรรดิเหลือบมองเธออีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป ส่วนนิชาลีก็เตรียมตัวออกไปข้างนอกเช่นกันแต่ต่างสถานที่และเป้าหมาย ชายหนุ่มไปรับพรนับพันตามที่นัดหมายกับเธอไว้ว่าจะพาออกมารับประทานอาหารที่ร้านอาหารมีชื่อแห่งหนึ่งซึ่งเธอเอ่ยว่าอยากลองไปชิมบ้าง เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้น เขาเหลือบมองหน้าจอก่อนจะกดตัดสายคนที่โทร. มาทิ้งอย่างไม่รีรอ ระหว่างภรรยาในอนาคตกับผู้หญิงอุ่นเตียงเขาก็ต้องเลือกให้ความสำคัญกับว่าที่ภรรยาอยู่แล้ว “พี่จิ๋นรับสายก่อนก็ได้ เผื่อเป็นเรื่องด่วน” “ไม่ด่วนหรอกครับ เลขาโทร. มา” ชายหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ ให้กับสาวสวยตรงหน้า กับลูกสาวเจ้าพ่ออย่างพรนับพันเขาจะมาเล่น ๆ ไม่ได้ เสร็จจากมื้ออาหารเขาก็พาเธอไปนั่งที่คาเฟ่ริมแม่น้ำบรรยากาศดี ๆ กันต่อจนกระทั่งดูวิวพระอาทิตย์ตกจึงพาเธอไปส่งที่บ้าน เป็นการเดทที่น่าประทับใจ ระหว่างที่อยู่กับพรนับพันเขาแทบไม่คิดเรื่องงานอะไรเลยสมองว่างเปล่าซึ่งมีนก็เป็นการดีเหมือนกัน ถ้าได้คุยกันต่อไปเรื่อย ๆ ก็ไม่น่ามีอะไรติดขัด เธอมีหลายมุมทำให้เขายิ้มออกมามากกว่าอีกคนที่คอยแต่จะกวนประสาท จากนั้นเขาก็แวะไปสังสรรค์กับก๊วนเพื่อนสนิทตามประสาหนุ่มโสดไร้พันธะและกลับมาถึงเพนต์เฮาส์ในเวลาย่างเข้าวันใหม่หลังจากที่แยกกับเพื่อน ในห้องเงียบสงัดไม่ได้ยินแม้เสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่อย่างมีประสิทธิภาพไร้เสียงรบกวน แน่นอนว่าคืนนี้เขานอนคนเดียวเพราะยัยตัวร้ายไม่อยู่คืนนี้แต่นั่นก็ไม่ได้มีผลอะไรต่อเขา ร่างสูงก้าวเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ คราวนี้เขามองผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างระวังไม่ให้หยิบผิดอีก แต่บนชั้นวางก็ไม่เห็นมีขวดที่เขาใช้เมื่อเช้าแล้ว สงสัยเธอจะเอาไปด้วย เหอะ เสียหน้าชะมัด นี่ดีนะที่สุขภาพผิวหน้าเขาดีมาตั้งแต่เกิด สิวไม่ขึ้นง่าย ๆ ยุคมืดของหน้าตาแทบไม่มี ถ้าหน้าเขาเกิดแพ้สารบางอย่างในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นนั้นล่ะก็ เธอได้ตายแน่! ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเขาก็เดินมาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนขนาดคิงไซซ์แบบแผ่หลา พอได้กลับมาอยู่คนเดียวมันรู้สึกสงบและอิสระดีจริง ไม่มีเสียงก๊อกแก๊กงุ้งงิ้งกวนใจจากใคร หรือบางทีเขาอาจให้นิชาลีย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแล้วเวลาอยากนอนค่อยเรียกเธอมาดีกว่าอยู่ประจำแบบที่ผ่านมา เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน กลางดึกเมื่อชายหนุ่มหลับสนิท ด้วยความเคยชินก็พลิกตัวไปกอดคนข้าง ๆ แต่ครั้งนี้กับคว้าแต่ความว่างเปล่าจนรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมา เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวไม่อยู่กลับไปค้างที่บ้านสวนก็สะบัดศีรษะขับไล่ความคิดบ้าบอในหัวนั้นออกไป พรุ่งนี้เธอก็กลับมาแล้ว บ่ายแก่ของวันต่อมา... เสียงเรียกเข้าจากสมาร์ตโฟนของนิชาลีดังขึ้นหญิงสาวในชุดชาวสวนสวมเสื้อลายสก็อตเก่า ๆ กางเกงขายาวรองเท้าบูตสวมหมวกสานปีกกว้างเดินมากดรับสาย “ว่าไงคะ” คนที่โทร. หากลอกตามองบนเมื่อได้ยินเสียงที่ดัดให้อ่อนหวานจนเกินเบอร์ของเธอ ตอนไม่เห็นหน้าก็เหมือนมีอะไรสักอย่างขาดหายไป แต่พอได้ยินเสียงกลับมีความระอาเจือปน {จะกลับตอนไหน นี่บ่ายกว่าแล้ว} “อ้อ วันนี้นิมคงยังไม่กลับนะคะ อยู่ต่ออีกคืน นิมส่งข้อความไปบอกแล้วนี่คะว่าเสี่ยอู๊ดยอมขายที่ให้เราแล้ว” เมื่อวานโทร. ไปจะบอกเรื่องนี้แต่เขาตัดสายทิ้ง เลยส่งข้อความไปแทน น่าจะไม่ได้อ่าน {ทำไมยังไม่กลับ อยู่ทำอะไร ฉันยังมีงานให้เธอทำอีกเยอะแยะ} “งานอะไรคะ” {ฉันบอกว่ามีงานก็คือมีงานไม่ต้องมาย้อนถาม ฉันถามว่าทำไมถึงยังไม่กลับ} “พอดีนิมอยากอยู่เล่นกับหลาน ๆ ก่อนน่ะค่ะ เด็ก ๆ กำลังน่ารัก ปากหอมเชียว เนอะ ๆ” คนฟังนิ่วหน้า เมื่อเธอบอกสาเหตุ {เธอมีหลานด้วยเหรอ} “มีค่ะ แม่เขาเพิ่งคลอดเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ออกมาตั้งหกตัวแน่ะ” {หา นี่พูดถึงตัวอะไรอยู่} เสียงตะคอกดังทะลุลำโพงจนนิชาลีต้องยกโทรศัพท์ออกห่าง ทำหน้าเหยเก “โอยแก้วหูสะเทือน นิมพูดถึงน้องหมาค่ะ” {ฉันใช่เพื่อนเล่นเธอเหรอ} “ไม่ใช่ค่ะ คุณจิ๋นไม่ใช่เพื่อนเล่นนิม คุณจิ๋นเป็นเจ้านายแล้วก็เป็นสามี” นิชาลีลอบถอนใจทำปากหมุบหมิบ ‘จะบอกว่าเป็นเจ้าชีวิตด้วยเดี๋ยวก็จะโดนมิใช่น้อย’ {พูดอะไร อย่ามาเล่นตลก กวนประสาทฉันทำไม} อีกฝ่ายเริ่มหงุดหงิดขึ้นอีกระดับ ^ ^ ^ เนื้อหามีดราม่าค่อยๆ เข้ามานะคะ อิอิ อันนี้วอร์มตับคนอ่านก่อน อ่านแล้วกดหัวใจคอมเม้นมาด้วยนะคะ จะได้ไม่เหงาและมีกำลังอัปด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD