เลี้ยงไว้ใช้งาน…1/1
ที่โต๊ะอาหารจีนในภัตตาคารแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาบุคลิกโดดเด่นสะดุดตากำลังนั่งอยู่กับชายวัยกลางคนหน้าตาท่าทางน่าเกรงขาม ถัดจากชายคนนั้นไปเป็นหญิงสาวสวย ใบหน้าหวานหยาดเยิ้มจนใครหลายคนไม่อาจละสายตาได้
จักรพรรดิ เกียรติภากร หรือจิ๋นซี นักธุรกิจเจ้าของท่าเทียบเรือและบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าทางทะเล รวมถึงการขนส่งระหว่างประเทศในวัยสามสิบห้าปีกำลังนั่งคุยทายาทรุ่นที่สามของตระกูลวงษ์วิไลชาติพร้อมกับลูกสาวคนสวยของอีกฝ่าย เธอมีชื่อว่าพรนับพัน หรือคุณหนูพาย เรื่องที่คุยอยู่เป็นการหารือที่จะลงทุนร่วมกันทำธุรกิจและอีกเรื่องที่สำคัญคือการที่หนุ่มสาวจากสองตระกูลซึ่งผู้ใหญ่เห็นพ้องต้องกันเรื่องหมั้นหมายได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก
หนุ่มหล่อกับสาวสวยมองหน้ากันไปมาด้วยสายตาที่พึงพอใจที่ใครก็ดูออก หากให้เขาแต่งกับเธอคนนี้แล้วอยู่สร้างครอบครัวด้วยกันเขาก็ไม่ติดหรือมีสิ่งใดขัดข้อง เธอเหมาะสมทุกประการที่จะเดินเคียงคู่ไปกับเขาทุกก้าวของชีวิต
“ไว้เจอกันที่ไทยนะครับ”
“ค่ะ ไว้เจอกันค่ะพี่จิ๋น”
“เราคงต้องเจอกันบ่อย ๆ แล้วล่ะคุณจิ๋น ว่ามั้ยครับ” สุรเกียรติ บิดาของพรนับพันเอ่ยยิ้ม ๆ ในฐานะหัวหน้าตระกูลวงษ์วิไลชาติคนปัจจุบันเขาพึงพอใจกับว่าที่ลูกเขยแสนล้านคนนี้มาก เพราะนอกจากจักรพรรดิจะเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่รูปร่างหน้าตาดีเข้าขั้นพระเอก บุคลิกและความสามารถยังโดดเด่นจนเป็นที่ยอมรับในวงการธุรกิจ และที่ทำให้พอใจมากที่สุดก็เห็นจะเป็นท่าทีที่จักรพรรดิสนใจลูกสาวของตนอย่างเห็นได้ชัด
สมาร์ตโฟนในกระเป๋าสะพายของหญิงสาวที่กำลังนั่งให้พนักงานทำสปาเล็บทั้งมือและเท้าอยู่สั่นอย่างต่อเนื่อง แต่มือเธอก็ยังไม่ว่างมากดรับสายจึงให้พนักงานช่วยหยิบออกมาจากกระเป๋าแล้วกดรับให้โดยที่เธอใส่หูฟังไว้ข้างหนึ่ง
‘สุดที่รัก’ โทร. มา ช่วยรับหน่อย... ก็ต้องรับสิ
เห็นชื่อว่าเป็นใครโทร. มา หัวใจก็ชุ่มฉ่ำเต้นระรัว ทั้งที่ตอนนี้ก็อยู่กันมาสามปีกว่าได้แล้วเวลาก็ผ่านไปเร็วเหมือนกัน แต่เธอก็ยังรู้สึกดีที่ผู้ชายยังหมั่นโทร. หา
“ว่าไงคะคุณสามีกลับถึงห้องแล้วเหรอคะ”
เหอะ! ชายหนุ่มที่โทร. หาทำเสียงขึ้นจมูกเมื่อได้ยินเสียงหวานที่ใส่จริตจนเกินธรรมชาติกรอกเสียงกลับมา เขาถึงขั้นเหลือบสายตาขึ้นมองบนด้วยความรู้สึกที่เริ่มเบื่อระอา เอาเถอะ ในเมื่อเธออยากเรียกเขาว่าสามี อยากเป็นเมียเขานัก เขาก็จะสงเคราะห์ให้ในสิ่งที่เธอต้องการ แลกกับสิ่งที่เขาต้องการบ้างเหมือนกัน เสร็จจากงานนี้ก็คงถึงเวลาบอกลาของตายคนนี้สักที ให้เงินสักก้อนหวังว่าจะไม่งอแงยอมจบกันไปง่าย ๆ
“อยู่ไหน”
น้ำเสียงที่ตอบกลับมาฟังดูห้วนสั้น แต่คนที่ได้ยินก็ยังยิ้ม
“ทำสปาเล็บมือเล็บเท้าอยู่ค่ะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว คิดถึงนิมเหรอคะ วันนี้โทร. หาสามครั้งแล้วน้า”
ปลายเสียงหวานลากยาวอย่างอารมณ์ดีแต่กลับมีเสียงถอนหายใจเบา ๆ ลอดมาตามสัญญาณโทรศัพท์ นิชาลีนึกถึงสีหน้าเขาออกดีว่าคงรำคาญ แต่ช่างสิเวลาที่เธอเห็นผู้ชายหล่อคิ้วเข้มคนนี้ทำหน้ารำคาญแล้วมันดูมีความสุขดีจัง อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอรู้ว่าเขายังมีความรู้สึกให้เธออยู่ ไม่ได้เฉยเมยไร้ความรู้สึก จักรพรรดิเดินทางไปเจรจาธุรกิจที่สิงคโปร์สามวันสองคืน พอเหยียบเท้าเข้าไปในห้องแล้วไม่เห็นเธอก็โทร. หา
“จะกลับถึงคอนโดกี่โมง”
“ก็ไม่น่าจะเกินหกโมงนะคะถ้ารถไม่ติด”
“บอกให้อยู่รอ แล้วจะทำอะไรนักหนาสปาเล็บ อาทิตย์ก่อนก็เพิ่งจะไปทำมา” เขาถามกลับมาด้วยความรู้สึกไม่พอใจที่รู้ว่าต้องรอเธออีกตั้งสองชั่วโมง
‘จะอะไรกับเล็บนักหนาวะ น่ารำคาญชิบ’ จักรพรรดิพึมพำอย่างหงุดหงิดในใจ
“อ้าว ก็อยากทำมันจะได้สะอาด ๆ แล้วมือเท้าก็นุ่มด้วยไงคะ”
ถ้าไม่ติดว่ามีพนักงานได้ยินด้วย เธอคงจะพูดกับเขาไปตามตรงว่า
‘ก็เห็นว่าชอบดูด ชอบเลียนักไม่ใช่เหรอ ทั้งนิ้วมือนิ้วเท้า เลียจนเปื่อย นี่เห็นว่าชอบหรอกนะก็เลยต้องหมั่นมาทำความสะอาดนี่ไง’
คนสวยทำหน้าง้ำก่อนจะยิ้มออกมา
มีเสียงถอนหายใจดังออกมาอีกแล้ว เหมือนเขาก็จะรับรู้ถึงกระแสจิตที่เธอพูดกับเขา
“กลับมาเร็ว ๆ แล้วกัน”
“ค่ะ เสร็จแล้วจะรีบกลับเลยนะคะบี๋”
ตู๊ด ๆ ๆ
“อ้าว วางสายไปแล้ว”
เฮ้อ เวลามีความสุขมักผ่านไปเร็ว ดังนั้นเธอก็ต้องทำตัวเองให้มีความสุขในทุกวัน...ตราบเท่าที่ยังมีโอกาส
^
^
^
***ฝากโบ้ เอ้ย ฝากคนติดนิ้วด้วยนะคะ คริๆ
***มาแล้ว เป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะ ส่งคอมเม้นส่งหัวใจมาเยอะๆ น้า