คิดไม่ดี…6/3

1418 Words
“ขออนุญาตโทร. บอกเลขาผมว่าพวกเราอยู่ห้องไหนก่อนนะครับ” เมื่อนิชาลีเดินตามหลังพนักงานเข้ามาในห้องอาหารส่วนตัวหญิงสาวก็พนมมือไหว้ทักทายสุรเกียรติที่เคยเจอกันแล้วอย่างสุภาพ ก่อนจะแจ้งกับพรนับพันเรื่องที่หาซื้อบลูเบอร์รีชีสเค้กที่เธอต้องการให้ไม่ได้ “เอ่อ คุณพายคะ พอดีดิฉันเดินหาร้านเบเกอรีในซอย S ตามที่คุณบอกแล้วไม่มี เลยไปดูซอยข้างกันอีกสามซอย แต่ก็ไม่พบร้านที่คุณบอกเลยค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ” สุรเกียรติเลิกคิ้วมองหน้าลูกสาว พรนับพันทำหน้ารู้สึกผิดมากมายที่ทำให้นิชาลีเปลืองแรงและเสียเวลาโดยใช่เหตุ “เหรอคะ เอ๊ะ หรือว่าพายจะจำผิด ขอโทษจริง ๆ นะคะที่ทำให้คุณเลขาต้องเหนื่อยเปล่า อุตส่าห์ลงไปเดินหาซื้อให้พาย” “เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เป็นความสมัครใจของดิฉันอยู่แล้ว ไม่ได้เหนื่อยอะไรมาก” จริง ๆ ก็เหนื่อยอยู่หรอกแต่พูดแบบนั้นไม่ได้ไง เดินเขย่งบนส้นสูงสามนิ้วเข้าออกซอยตั้งสามสี่ซอยมองหาร้านที่ว่านั่น ไม่เหนื่อยก็ต้องมีเมื่อยกันบ้างล่ะ “ไม่ได้หรอกค่ะ พายผิดเองที่จำร้านผิด... งั้นวันนี้คุณพ่อเป็นเจ้าภาพอาหารมื้อนี้นะคะ จะได้เป็นการขอโทษคุณเลขา” คุณหนูสาวหันไปอ้อนผู้เป็นพ่อ “ได้เลยลูก” สุรเกียรติตอบรับแล้วยิ้มให้ลูกสาวอย่างเอ็นดู “แล้ววันหลังพายค่อยขอเลี้ยงข้าวตอบแทนคุณเลขากับพี่จิ๋นนะคะ” หันมายิ้มหวานกับจักรพรรดิ ชายหนุ่มยิ้ม ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ซึ่งพรนับพันถือว่านั่นหมายถึงไม่ขัดข้อง “เอ จะสั่งอาหารอะไรเพิ่มดีน้า คุณเลขาอยากทานอะไรสั่งมาได้เลยนะคะ” “มะ ไ...ม่...” กำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธ แต่หันไปเห็นสายตาคมที่ฉายแววดุหันมาจ้องคล้ายไม่อยากให้เธอขัดใจว่าที่ฮองเฮาของเขา “เอ่อ งั้นอะไรก็ได้ค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นเต้าหู้เหม็นก็แล้วกันนะคะ เป็นเมนูจานเด็ดของที่นี่เลยค่ะ แล้วก็เป็นเมนูโปรดของพระนางซูสีไทเฮาด้วย เป็นอาหารเพื่อสุขภาพด้วยนะคะ แล้วก็ปลิงทะเลน้ำแดงก็แล้วกัน นี่ก็เมนูขึ้นชื่อของร้านนี้” “ค่ะ อะไรก็ได้ค่ะ” เคยได้ยินชื่อทั้งสองอย่างนั่นล่ะอย่างแรกเห็นคนรีวิวว่าอร่อยแม้ชื่อจะไม่ค่อยน่ากินเท่าไร แต่ไอ้อย่างที่สองนี่...อืม เอาเถอะอะไรก็ได้ ว่าแต่ทำไมต้องเป็นของดำด้วยเนี่ย เธอไม่ใช่พระราหูเสียหน่อย รอไม่นานอาหารที่พรนับพันสั่งให้นิชาลีก็ยกมาเสิร์ฟ เนื่องจากตัวเธอเองเพิ่งจะกินข้าวมันไก่สั่งแบบพิเศษเต็มจานจนอิ่มแปล้ไปยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี พอมาเห็นอาหารตรงหน้า แม้ทางร้านจะทำมาหน้าตาน่ากินไม่น้อย กระเพาะที่เต็มแน่นก็ทำท่าจะปฏิเสธให้รู้กันไป ถึงกับมีอาการอยากจะเรอ “คุณเลขาเคยทานเต้าหู้เหม็นมั้ยคะ” “ยังค่ะ ยังไม่เคยทานเลย” “งั้นก็ลองทานดูสิคะ อร่อยนะ พายตักให้ค่ะ” คุณหนูสาวอุตส่าห์ตักอาหารใส่จานให้เองกับมือแบบนี้ถ้าไม่ลองกินก็คงเสียมารยาทแย่ นิชาลีจึงใช้ช้อนตักเข้าปากชิมไปหนึ่งคำ รสชาติก็ไม่เลวนักหรอกสมกับเป็นอาหารมีชื่อแถมยังอยู่ในเมนูของภัตตาคารชื่อดัง แต่ติดที่ว่าตอนนี้ท้องของเธอเต็มไปด้วยข้าวมันไก่สั่งพิเศษที่ยังไม่ได้รับการย่อย เมื่อกินไปได้สองสามคำหญิงสาวจึงออกอาการเรอออกมาเบา ๆ “หืม กินไปไม่กี่คำเอง อิ่มแล้วเหรอหนู” เสี่ยสุรเกียรติเอ่ยยิ้ม ๆ ส่งสายตาคล้ายจะเอ็นดูเธอ แต่เมื่อมองลึกลงไปกลับไม่ใช่ “เอ่อ คือพอดีวันนี้ดิฉันทานมื้อกลางวันไปค่อนข้างเยอะ ยังรู้สึกอิ่ม ๆ อยู่น่ะค่ะ” จักรพรรดิเหลือบมองนิชาลี จำได้ว่าตอนกลางวันเธอไม่ได้กินมากกว่าปกติ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะคลายออก เมื่อจบมื้ออาหารและนั่งคุยกันต่อจนสมควรแก่เวลาที่ต้องแยกย้าย ในใจของพรนับพันคิดว่าถ้าไม่ติดว่ามีทั้งบิดาและเลขาของจักรพรรดิอยู่ด้วยเธอคงจะชวนเขาไปต่อที่ไหนสักแห่ง หรือถ้าเขาเป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนเธอก็จะตอบรับอย่างไม่อิดออดแต่เหมือนจะไม่มีวี่แววในทางนั้น “แล้วนี่หนูกลับยังไงล่ะ” เป็นสุรเกียรติที่เอ่ยปากถามไปยังนิชาลี แล้วคนที่ตอบเรื่องนี้ออกมาก็เป็น “กลับกับผมเองครับ วันนี้เราออกมาทำงานด้วยกัน” “อ้อ อย่างนั้นเหรอครับ” “ค่ะ คือเจ้านายส่งดิฉันตรงสถานีรถไฟฟ้าค่ะ แล้วดิฉันก็กลับคอนโดต่อเอง” นิชาลีขยายความตามที่ควรเพื่อกันไม่ให้ว่าที่พ่อตาของเขาเกิดข้อสงสัย “เลขาของเจ้านายที่เก่งรอบด้านแบบคุณจิ๋นนี่คงไม่ธรรมดา ใช่มั้ยครับคุณจิ๋น” สุรเกียรติยิ้มให้จักรพรรดิ แล้วหันมาพูดกับนิชาลี “หนูนี่คงทำงานเก่งมาก ดูคล่องแคล่ว พูดจาฉะฉาน” เสี่ยใหญ่เอ่ยชม “ถ้าผมมีแบบนี้สักคน งานของผมคงคล่องตัวขึ้นอีกเยอะเลย” ดวงตารีเล็กของสุรเกียรติมีแววหื่นกระหายวาบขึ้น พูดจั่วหัวมาซะขนาดนี้ไม่ต้องจบปริญญาโทแบบเขาก็เข้าใจว่าเสี่ยสุรเกียรติกำลังสนใจเลขาของเขาแววตาของจักรพรรดิจึงเข้มขึ้นอีกเฉด แต่ริมฝีปากกลับผุดรอยยิ้ม หากไม่ใช่คนใกล้ชิดจริง ๆ จะไม่รู้ว่ายิ้มแบบนี้ของจักรพรรดิหมายถึงเขากำลังไม่พอใจอย่างแรง “คงต้องให้ฝ่ายบุคคลสรรหาให้สักคนแล้วล่ะครับ เดี๋ยวนี้คนเก่ง ๆ เยอะ คงหาที่ดีแล้วก็เก่งถูกใจได้ไม่ยากครับ” สุรเกียรติจับความนัยในน้ำเสียงนั้นได้ แต่แสร้งทำเป็นหัวเราะ “นั่นสินะครับ” พอเจ้านายกับเลขาเดินออกไปพ้นสายตา สองพ่อลูกก็หันมามองหน้ากัน พรนับพันแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน “คุณพ่อว่าพี่จิ๋นกับยัยเลขานั่นมีอะไรมากกว่าเจ้านายกับลูกน้องมั้ยคะ” ผู้เป็นบิดาหัวเราะอย่างคนที่ผ่านโลกมาก่อน และใช้สัญชาตญาณของผู้ชายที่มีอยู่ในตัวตัดสิน “ไม่เหลืออยู่แล้ว น้ำมันใกล้กับไฟขนาดนี้” “คุณพ่อ แต่ลูกไม่ยอมนะ” “ก็ตอนนี้ลูกกับผู้ชายคนนั้นไปถึงขั้นไหนกันแล้วล่ะ” “ก็อย่างที่คุณพ่อเห็น ก็คุย ๆ กันอยู่... แหม แต่ก็ดูท่าเหมือนคุณพ่อสนใจคุณเลขาของเขานะคะ” ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวสวมบทเป็นเจ้าหญิงเอาแต่ใจขึ้นมา “เอาน่าลูก ยังไงพ่อก็ไม่ยกใครขึ้นมาเทียบกับแม่ของลูกที่ตายจากเราไปอยู่แล้ว” เสี่ยสุรเกียรติโอบกอดลูกสาวที่ปั้นหน้างอน ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้พรนับพันก็รู้ดีว่าบิดาเลี้ยงผู้หญิงไว้หลายคน ทว่าเธอไม่ได้สนใจและไม่ได้คิดจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนังเล็ก ๆ เหล่านั้นของบิดา กับผู้หญิงพวกนั้นมันคนละชั้นกับเธอ เธอมองว่าพวกหล่อนทั้งหลายนั่นก็แค่ของเล่นของผู้ชายคลายเหงา แค่อย่ามายุ่งวุ่นวายกับเธอก็พอ แต่พอได้รู้แบบค่อนข้างแน่ใจว่าจักรพรรดิก็มีเลขาเป็นนางบำเรออยู่ใกล้ตัว แบบนี้เธอยอมไม่ได้ “งั้นถ้าคุณพ่อรู้สึกชอบ คุณพ่อก็ช่วยจัดการแยกนังนั่นออกมาจากพี่จิ๋นให้ลูกด้วยนะคะ เห็นแล้วรู้สึกขวางหูขวางตาตั้งแต่วันแรกแล้ว” “อะไรที่เป็นความสุขของลูกพายพ่อทำให้อยู่แล้ว”สุรเกียรติยิ้มร้าย “ดีค่ะ” ^ ^ ^ ***ลางไม่ดีแล้ว สองพ่อลูกนี่คิดทำไรหนมนิม กดหัวใจ คอมเม้นมาให้เยอะ ๆ นะคะ ebook กำลังละเลงตอนพิเศษ ค่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD