“ใช่ลูก ที่แถวนั้นราคาไม่ใช่น้อยๆแต่ป้าพักต์ก็ยกให้ฟรีพร้อมจะสร้างบ้านให้เด็กๆอีกเดี๋ยวแม่จะโทรไปหาครูแววสักหน่อยจะได้สบายใจไม่ต้องไปยุ่งกับคนพวกนั้นอีก” ฝนสุดาพูดกับลูกสาวอย่างสบายใจขึ้นเพราะไม่ต้องกังวลเรื่องที่ดินและเชื่อว่าพักต์พริ้งช่วยเหลือเด็กๆได้แน่นอน
“แต่ทางนั้นให้เวลาแค่สามเดือนเองนะคะแม่” ชาครียากลัวว่าเด็กจะถูกไล่ออกจากบ้านมาลัยรักก่อนที่บ้านพักแห่งใหม่จะสร้างเสร็จ
“เดี๋ยวแม่กับครูแววจะเข้าไปคุยกับคุณอุทัยเพื่อขอยืดเวลาไปอีกสักหน่อย แม่ก็หวังว่าเขาจะเห็นใจพวกเด็กๆบ้างน่ะลูก” เธอทนเห็นเพื่อนและเด็กๆเดือดร้อนไม่ได้จริงๆถึงไม่ได้ร่ำรวยแต่จะพยายามช่วยเหลือจะสุดกำลังและความสามารถต่างจากลุกหลานของคุณมาลัยที่ปฏิเสธให้ความช่วยเหลือต่อไป
“แม่จะไปเมื่อไหร่บอกชาร์มด้วยนะคะ”
“น่าจะวันเสาร์น่ะลูก”
“ได้ค่ะแม่ ชาร์มหยุดพอดีค่ะ” อาทิตย์นี้เธอเข้าเวรดึกออกเช้าก็ไปกับแม่ได้
“จ้ะลูก ชาร์มไปนอนเถอะเดี๋ยวต้องเข้าเวรอีกนี่ลูก แม่โทรหาครูแววเสร็จก็จะไปนอนแล้วเหมือนกัน” คนเป็นแม่พูดกับลูกสาวอย่างอ่อนโยน
“ฝันดีนะคะแม่ จุ๊บ..” ชาครียาบอกฝันดีแม่แล้วลุกขึ้นเดินขึ้นไปชั้นสองเพื่อพักผ่อนอาทิตย์นี้เธอเข้าเวรดึกทั้งยังมีเวลานอนพักสองสามชั่วโมง
“ฝันดีจ้ะลูก” ฝนสุดายิ้มให้ลูกสาวแล้วโทรหาเพื่อนคุยเรื่องที่พักต์พริ้งรับปากจะช่วยเหลือเรื่องที่ดินและสร้างบ้านพักให้เด็กๆ
“ขอบใจเธอมากนะฝน” แววตารู้เรื่องจากเพื่อนก็ดีใจถึงกับร้องไห้เพราะเธอได้อุทิศตัวเพื่อช่วยเหลือเด็กๆมาครึ่งชีวิตก็อยากทำไปจนกว่าจะไม่มีแรงทำ
“เธอต้องไปขอบคุณพี่พักต์โน่นต่างหากล่ะครูแวว เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่พักต์คงโทรหาเธอนัดไปดูที่ดินนะฉันคงไปด้วยไม่ได้” ฝนสุดาบอกเพื่อนเพราะเธอต้องไปทำงาน
“ไม่เป็นไรจ้ะฝน ฉันไปกับพี่พักต์ก็ได้จ้ะ” แค่เพื่อนช่วยเหลือให้เด็กๆมี่ที่อยู่อาศัยก็ขอบคุณมากแล้วหากมัวรอทางราชการมาช่วยก็อีกนาน
“เธอสบายใจได้แล้วนะครูแวว ไปนอนได้แล้วจ้ะ”
“ขอบใจเธออีกครั้งนะฝน ฝันดีจ้ะ”
“ฝันดีจ้ะครูแวว” ฝนสุดาวางสายจากเพื่อนแล้วขึ้นห้องไปพักผ่อนพรุ่งนี้เธอต้องตื่นเช้าไปทำงานจะหยุดอีกทีก็วันเสาร์อาทิตย์
ฝ่ายชาครียาก็นอนไม่หลับจึงเล่นไลน์คุยกับเพื่อนและรุ่นพี่ก็ไลน์มาชวนเธอไปทานอาหารเย็นด้วยกันและเธอบอกว่านัดเพื่อนไว้แล้วหากเขาจะไปด้วยก็ได้เพราะรู้จักกันดีอยู่แล้ว
“งั้นพรุ่งนี้พี่ไปรับน้องชาร์มที่บ้านนะครับ” อนุวัชวัยสามสิบปีทายาทนักธุรกิจผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อิเลคโทรนิคและเป็นหนึ่งในผู้บริหารการตลาดของบริษัท เขาชอบรุ่นน้องมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งและตอนนั้นเขาเรียนปีสี่พอจบก็ไปเรียนต่อปริญญาโทที่ญี่ปุ่นอีกสองปีจึงทำให้ห่างเหินกันพอกลับมาเขาก็มาสานสัมพันธ์กับรุ่นน้องสาวขณะนั้นเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายจนตอนนี้ก็ผ่านไปห้าปีแล้วแต่ชาครียาบอกว่ายังไม่พร้อมจะมีแฟนหรือคบใครใน เธออยากทำงานก่อนและยังบอกว่านับถือเหมือนพี่ชายแต่เขาไม่ยอมรับแล้วขอโอกาสจากหญิงสาวทั้งที่รอบตัวของเขาก็มีสาวสวยชาติตระกูลดีมาชอบมากมายเขากลับไม่ชอบและตอนนี้แม่ของเขาก็แนะนำลูกสาวของเพื่อนให้รู้จักถึงไม่ชอบแต่ก็ขัดแม่ไม่ได้จึงพูดคุยและไปทานอาหารด้วยกันตามมารยาทเท่านั้น
“ชาร์มว่าไปเจอกันที่ร้านเลยดีกว่าค่ะ พรุ่งนี้ชาร์มเข้าเวรดึกพอกินข้าวเสร็จก็จะไปทำงานเลยค่ะ” หญิงสาวบอกหนุ่มรุ่นพี่ที่มาชอบเธอแต่เธอนับถือเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันเท่านั้นไม่ได้คิดในเชิงชู้สาวและบอกเขาไปตรงๆแล้วแต่อนุวัชขอโอกาสจากเธอขอเป็นหนึ่งในตัวเลือกให้คิดถึงเขาเป็นคนแรกหากเธอพร้อมจะมีแฟนซึ่งเธอไม่ได้รับปาก
“ก็ได้ครับ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับน้องชาร์ม”
“ค่ะพี่นุ สวัสดีค่ะ” ชาครียาพูดจบก็วาสายจากหนุ่มรุ่นพี่และคุยกับเพื่อนต่อเพื่อนัดแนะไปทานอาหารเย็นตามที่เธออ้างกับอนุวัช
“แผนสูงนะแก ที่จริงพี่นุเขาก็ดีมากนะทั้งหล่อทั้งรวยทำไมแกไม่ชอบเขาล่ะ” กะทิ หรือภัทริน สกุลธี สาวเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรีที่มาเรียนต่อปริญญาตรีที่กรุงเทพพอเรียนจบก็ทำงานที่ห้างหรูจนตอนนี้ได้เป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ว่าเพื่อนที่เล่นตัวจนน่าหมั่นไส้
“ฉันก็ชอบพี่นุนะ แต่ไม่คิดกินเลยไปมากกว่าเป็นพี่เป็นน้องกันเท่านั้นเอง” เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ชอบอนุวัชแบบชายหญิงทั้งที่เขาก็นิสัยดี
"ย่ะแม่คนสวยเลือกได้แล้วนี่แกชวนยัยเกล้ากับยัยนิดาหรือยังล่ะ" ภัทรินถามเพื่อนเพราะเกล้าหรือกวินตานั้นมีแฟนอยู่ด้วยกันแล้วถึงไม่ได้แต่งงานเหมือนพนิดาเพื่อนอีกคนที่แต่งงานเมื่อปีก่อนกับนายทหารหนุ่มหล่อที่แก่กว่าสิบปี
“ยังเลยแก เดี๋ยวชาร์มจะโทรถามก่อนไม่รู้พักนี้ยัยเกล้าเป็นอะไรไม่ค่อยเห็นเล่นไลน์เลยอ่ะ” ชาครียาพูดกับเพื่อนที่มีแฟนแต่จึงไม่ค่อยได้เจอกันแต่คุยกันทางเฟสบุ๊คทางไลน์มากกว่าและเพื่อนในกลุ่มก็เหลือเธอกับภัทรินแค่สองคนที่ยังโสด
“นั่นสิแก ไม่รู้ว่ามีปัญหากับอีพี่พัศหรือเปล่า แกโทรหามันแล้วถามมันด้วยนะได้เรื่องยังไงก็บอกทิด้วยนะ” ภัทรินบอกเพื่อนเธอก็ยุ่งกับงานเพราะใกล้สินปีทางห้างก็จัดรายกายเยอะแยะมากมายทั้งลดแลกแจกแถม
“โอเครแก พรุ่งนี้เจอกันนะห้ามเบี้ยวด้วยชาร์มจะโทรหานิดากับเกล้าก่อน”
“งานกินฟรีไม่เบี้ยวแน่นนอนย่ะ แค่นี้แหละฝันดีนะแก”
สองสาวคุยกันจบก็วางสายแล้วชาครียาก็โทรหาพนิดาก่อนและเพื่อนของเธอก็ตกลงเพราะสามีทำงานที่กองบินสี่ที่อำเภอตาคลี จึงออกมากินข้าวกับเพื่อนได้เมื่อคุยเสร็จก็โทรหากวินตาอีกครั้ง
“ตู้ดดๆๆ..”
“รับโทรศัพท์เสียทีนะแก” ชาครียาว่าเพื่อนที่ไม่รับโทรศัพท์ของเธอ
“ขอโทษด้วยนะชาร์ม พอดีเกล้าหลับน่ะเลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ แค่กกๆๆ..” กวินตาตอบเพื่อนเบาๆแล้วไอเพราะเธอไม่สบายมาสองวันแล้วก็ได้แต่กินยาและแฟนหนุ่มก็ไม่มาหาเป้นเดือนแล้วโทรไปหาก็บอกว่าอยู่บ้านแม่และเขาบอกให้เธอไปหาหมอเองทั้งที่เธออกว่าไม่มีแรงไปทั้งเวียนหัวและอาเจียนกินอะไรไม่ได้เลยเขาก็บอกให้เธอดูแลตัวเองเขาต้องอยู่เป็นเพื่อนแม่เพราะพี่สาวพี่เขยพาหลานไปเที่ยว
“แกไม่สบายเหรอเกล้า”
“อื่อ..ปวดหัวเวียนหัวน่ะแก”
“ไปหาหมอหรือยัง”
“ยังเลย เกล้าว่ากินยาแล้วน่าจะหาย แค่กกๆๆ..”
“เสียงแหบขนาดนี้ไม่หน่อยแล้วล่ะเกล้า แล้วแฟนแกไม่พาไปหาหมอหรือไง” ชาครียาไม่ชอบแฟนของเพื่อนที่ดูท่าท่างกระลิ้มกระเหลี่ย
“พี่พัศเขาไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ของเขาน่ะ”
“แค่พาแกไปหาหมอนี่มันลำบากนักเหรอเกล้า”
“เกล้าไม่เป็นไรหรอกชาร์ม ว่าแต่แกโทรมามีอะไรหรือเปล่า” กวินตาไม่อยากให้เพื่อนต้องมากังวลเรื่องของเธอจึงเปลี่ยนเรื่อง
“ตอนนี้แกอยู่คนเดียวใช่มั้ยเกล้า”
“อื่อ..”
“งั้นแค่นี้นะเดี๋ยวชาร์มไปหาแก” ชาครียาพูดจบก็วางสายไม่รอให้เพื่อนตอบ
“ชาร์ม ชาร์ม..” กวินตาเรียกเพื่อนก่อนจะได้ยินเสียงสัญญาณถูกตัดไปแล้ว
ชาครียาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเตรียมชุดทำงานไปเปลี่ยนที่โรงพยาบาลแล้วแวะบอกแม่ว่าเธอจะไปดูเพื่อนก่อนแล้วจะไปทำงานเลยแล้วขับรถไปที่คอนโดของเพื่อนก่อนจะแวะซื้อโจ๊กที่ร้านเจ้าประจำของเธอไปฝากเพื่อน เมื่ออไปถึงก็แจ้งรปภ.แล้วขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องของเพื่อนแล้วโทรบอกว่ามาถึงแล้ว
“ยัยเกล้า” ชาครียาโผไปพยุงเพื่อนที่จะล้มด้วยความตกใจที่เห็นสภาพทรุดโทรมของกวินตาใบหน้าที่สวยน่ารักซีดเซียว
“ชาร์ม..” กวินตามองเพื่อนแล้วน้ำตาไหลตอนนี้เธอต้องการแฟนหนุ่มแต่เขาไม่มาแต่คนที่มาเป็นเพื่อนรักทำให้เธอกลั้นน้ำตาไม่ไหวจึงปล่อยมันไหลออกมา
“แกต้องไปหาหมอแล้วล่ะเกล้า ไปแต่งตัวเร็ว” ชาครียาบอกเพื่อนแล้วพยุงเข้าไปในห้อง “นี่แกไม่สบายมากี่วันแล้วเกล้า” เสียงหวานถามเพื่อนและไม่อยากพูดถึงแฟนของเพื่อนตอนนี้เธอห่วงกวินตามากกว่า
“สองวันจ้ะ แต่เกล้าไม่เป็นไรมากหรอกชาร์ม”
“แกเห็นสภาพตัวเองมั้ยเกล้า ไปล้างหน้าแล้วเปลี่ยนชุดฉันจะพาแกไปโรงพยาบาล” ชาครียาพูดเสียงเข้มด้วยความเป็นห่วงเพื่อนที่ไม่สนใจตัวเอง
“ก็ได้” กวินตาขัดเพื่อนไม่ได้จึงยอมให้ชาครียาพยุงไปห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาและเห็นสภาพของตัวเองมันทุเรศมากจึงทำตามที่เพื่อนบอก
เมื่อกวินตาแต่งตัวเสร็จชาครียาพาเพื่อนไปโรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่เพราะกวินตามีประกันสุขภาพเมื่อไปถึงเธอก็ช่วยจัดการทุกอย่างให้เพื่อนจนกระทั่งคุณหมอตรวจเสร็จ
“เพื่อนชาร์มเป็นอะไรคะคุณหมอ” หญิงสาวถามคุณหมอเวรห้องฉุกเฉิน
“เป็นไข้หวัดเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ร่างกายอ่อนแอ แอดมิทเลยนะเดี๋ยวหมอจะให้น้ำเกลือก่อนแล้วค่อยตรวจปัสสาวะ” คุณหมอหนุ่มใหญ่ตอบพยาบาลสาว
“ตรวจปัสสาวะเหรอคะ”
“ครับ หมอสงสัยว่าเพื่อนของคุณชาร์มจะท้องครับ” คุณหมอบอกพยาบาลสาวที่ทำหน้าตกใจ
“งั้นฝากคุณหมอดูแลด้วยนะคะ ชาร์มไปจัดการห้องพักให้เพื่อนก่อน”
“ได้ครับ” ก็เป็นหน้าที่ของหมอต้องดูแลคนไข้นี่นา
ชาครียาก็รีบไปจัดการเรื่องห้องพักให้เพื่อนเมื่อเสร็จแล้วก็เดินกลับไปห้องฉุกเฉินและคุณหมอก็บอกว่กวินตาท้องได้สองเดือนกว่าพอเจ้าหน้าที่ก็เข็นคนป่วยที่คุณหมอให้น้ำเกลือออกมาพอดีจึงเดินตามไปห้องพัก
“พี่พัศเขาไม่อยากมีลูกเกล้าจะทำยังไงดีชาร์ม” กวินตาพูดกับเพื่อนเสียงสั่นเธอดีที่ท้องและเสียใจที่แฟนหนุ่มไม่อยากมีลูกถ้าเขารู้ว่าเธอท้องเขาจะว่ายังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน
“ตอนนี้โทรบอกแฟนแกก่อนเถอะเกล้า ส่วนเรื่องอื่นค่อยคุยกันและที่สำคัญแกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ” ชาครียาบอกเพื่อนที่กำลังเครียดเรื่องท้องทั้งที่มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากกว่า
“ก็ได้” กวินตารับโทรศัพท์จากเพื่อนแล้วกดโทรหาแฟนหนุ่มแล้วรอสายอยู่พักหนึ่ง
“พี่พัศอาบน้ำอยู่ เธอเป็นใครโทรมาหาพี่พัศทำไม”
“แล้วคุณล่ะเป็นใครทำไมมารับโทรศัพท์ของพี่พัศได้” เสียงผู้หญิงพูดมาตามสายทำให้กวินตาตกใจและถามผู้หญิงคนนั้นว่าเป็นใครทำไมถึงมารับโทรศัพท์ของแฟนหนุ่ม
“ฉันเป็นเมียพี่พัศ แล้วเธอเป็นใคร”
“เมียเหรอ” กวินตาพูดแล้วเงียบไปเมื่อมีผู้หญิงที่รับโทรศัพท์อ้างว่าเป็นเมียของแฟนหนุ่มงั้นเธอเป็นอะไรล่ะกับเขา
“ใช่ ฉันนี่แหละเป้นเมียของพี่พัศและกำลังท้องลูกของเขาอยู่ เธอยังไม่บอกเลยว่าเป็นใครมีธุระอะไรกับผัวของฉัน”
“ฉันเป็นลูกน้องของเขาพอดีไม่สบายก็เลยโทรมาลางานช่วยบอกเขาด้วยก็แล้วกันว่ากวิตาไม่สบายขอลาหยุดงาน ขอบคุณค่ะ” กวินตาพูดจบก็ปล่อยโทรศัพท์ตกลงบนตักน้ำตาไหลพราก
“เป็นอะไรแก” ชาครียาได้ยินเพื่อนคุยโทรศัพท์และคิดว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องดี
“ผู้หญิงคนนั้นเธอบอกว่าเป็นเมียพี่พัศและยังบอกว่าท้องลูกของเขา เกล้าจะทำยังไงดีชาร์ม ทำยังไงดี ฮือๆๆ..” กวินตาร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจเพราะตอนนี้เธอก็ท้องลูกของพัศยศและผู้หญิงคนนั้นก็บอกว่าเป็นเมียเขาเหมือนกัน
“แกใจเย็นๆก่อนนะเกล้า ตอนนี้ร่างกายของแกอ่อนแอแกต้องดูแลตัวเองกับลูกก่อนส่วนเรื่องอื่นไม่ต้องไปคิดมาก แกยังมีพ่อแม่พี่น้องและยังมีชาร์มมีเพื่อนๆอยู่นะเกล้า” ชาครียาพูดกับเพื่อนเพราะตอนนี้ร่างกายของกวินตาอ่อนแอและยังจะมาเครียดเรื่องแฟนหนุ่มอีกเธอกลัวเด็กในท้องจะเป็นอันตรายเธอจึงปลอบใจเพื่อนเพื่อไม่ให้คิดมากแต่จะได้ผลหรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน
“เขาทำกับเกล้าแบบนี้ได้ยังไง” กวินตาพูดพึมพำเธอช่วยเหลือครอบครัวของเขาทุกอย่างไม่ว่าจะผ่อนบ้านรถยนต์และตั้งแต่คบกันมาสามปีเธอไปบ้านของเธอนับครั้งได้และเขาไม่เคยช่วยอะไรเธอเลยสักอย่างและช่วงหลังก็นานๆมาหาอ้างว่าพ่อแม่ไม่สบายและทุกครั้งเธอก็จะให้เงินไปซื้อของเยี่ยมพ่อแม่ของเขา ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นพูดจริงแล้วเธอจะทำยังไงดี
“เกล้า ไม่เป็นไรนะแก ไม่เป็นไร” ชาครียากอดเพื่อนและพูดปลอบใจเบาๆ
“เกล้าจะไปถามเขาให้รู้เรื่อง” กวินตาลุกขึ้นจะดึงสายน้ำเกลือออกเพื่อจะไปถามแฟนหนุ่มให้รู้เรื่อง
“หยุดนะเกล้า แกไม่สบายอยู่นะ” ชาครียาจับมือเพื่อนไว้ไม่ให้ดึงเข็มน้ำเกลือออก
“ชาร์มอย่าห้ามเกล้าเลยนะ เกล้าจะไปถามเขาให้รู้เรื่องว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียของเขาจริงหรือเปล่า” กวินตามองเพื่อนอย่างขอร้องตอนนี้เธอไม่สามารถใจเย็นรอแฟนหนุ่มมาหาได้เพราะคำพูดของผู้หญิงคนนั้นยังฝังอยู่ในหัวของเธอหากผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียเขาแล้วเธอล่ะเป็นอะไรกับเขา
“แกต้องมีสติก่อนนะเกล้า ถ้าแฟนแกมีเมียจริงแล้วแกจะทำยังไงต่อไปตอนนี้แกต้องเข้มแข็งนะเกล้า แกจะต้องผ่านเรื่องนี้ไปได้และคนที่สำคัญที่สุดเขาอยู่ในท้องแกไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น” ชาครียาพยายามพูดให้สติเพื่อนหากพัศยศมีเมียจริงแล้วเพื่อนเธอจะไปทำอะไรได้และรู้ว่าใครมาก่อนมาหลังหรือพัศยศคบซ้อนก็ไม่รู้เหมือนกัน
“แกไม่เข้าใจหรอกชาร์ม แกไม่เคยมีแฟนแกไม่เข้าใจเกล้ารักเขา เกล้ารักพี่พัศ ฮือๆๆ..” กวินตาพูดแล้วร้องไห้ตอนนี้เธอเจ็บปวดหัวใจจนไม่อยากหายใจเลยด้วยซ้ำและเขาก็ไม่อยากมีลูกแต่ทำไมผู้หญิงคนนั้นบอกว่าท้องลูกของเขามันหมายความว่ายังไง เขาหลอกเธอใช่มั้ย
“ชาร์มไม่เข้าใจก็จริง แต่แกต้องรักตัวเองก่อนนะเกล้าตอนนี้แกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องราวเป็นมายังไงจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าแกต้องมีสติเข้าใจมั้ย” ชาครียาพูดกับเพื่อนถึงเธอยังไม่เคยมีความรักแต่ก็เห็นจากเพื่อนๆน้องๆพี่ๆที่ทำงานทุกคนก็มีปัญหาต่างกันและเยอะสุดก็เรื่องผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่
“ชาร์ม..”
“แกเชื่อชาร์มนะเกล้า แกต้องมีสติและคิดถึงลูกของแกให้มากนะเกล้าถึงยังไงเขาก็มาเกิดแล้วหากแกไม่ดูแลตัวเองให้ดีเขาก็อาจจะอยู่กับแกได้ไม่นานนะ” ชาครียาเตือนสติเพื่อนถึงยังไงลูกก็เป็นเลือดในอกส่วนสามีก็หากเลิกกันไปก็เป็นคนอื่นหากเพื่อนยังเป็นแบบนี้ก็มีโอกาสแท้งได้และเธอเองก็เป็นเด็กที่เกิดมาโดยที่พ่อแม่ไม่ต้องการก็ไม่อยากให้หลานเป็นเหมือนตัวเอง
“ขอบใจแกมากนะชาร์ม เกล้าจะมีสติให้มากกว่านี้” กวินตาตอบเพื่อนและคิดตามที่ชาครียพูดมันก็ถูกแล้วเธอต้องมีสติและคิดถึงลูกในท้องถึงยังไงเขาก็เป็นลูกแม้พ่อของลูกไม่ต้องการแต่เธอก็ไม่สามารถทำลายเขาได้
“งั้นแกอยู่คนเดียวแป๊บหนึ่งได้มั้ย ชาร์มจะลงไปเอาชุดก่อนวันนี้เข้าเวรดึกพอดี”
“ได้สิ แกไปเถอะเกล้าไม่ทำอะไรโง่ๆหรอก” กวินตาบอกเพื่อนเบาๆ
“เดี๋ยวมานะ” ชาครียาพูดจบก็เดินออกจากห้องพิเศษแล้วฝากเพื่อนรุ่นพี่ให้ช่วยดูเพื่อนให้หน่อยก่อนจะลงไปเอาชุดทำงานที่รถมาเปลี่ยนเพื่อเข้าเวรดึกและจะต้องมาดูแลเพื่อนด้วยซึ่งกวินตายังไม่พร้อมจะเจอใครไม่ว่าพ่อแม่หรือแฟนหนุ่ม
ณ.คอนโดหรูกลางกรุงเทพมหานคร
ชายหนุ่มร่างสูงหล่อสมาร์ทหุ่นนายแบบลงจากรถซุปเปอร์คาร์สุดหรูเดินเข้าไปในคอนโดที่เขาซื้อไว้เพื่อนัดพบเจอกับแฟนสาวและที่ผ่านมาก็มีหลายคนเพราะเขาไม่นิยมเปลี่ยนคู่นอนบ่อยซึ่งทุกคนเป็นแฟนหมดแต่ไม่ใช่คนรักเพราะเขายังไม่คิดจะแต่งงานก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ขึ้นไปห้องพักที่แฟนสาวมาอาศัยอยู่ พอเข้าไปในห้องพักแล้วสาวสวยหุ่นนางแบบใส่ชุดนอนซีทรูสีดำตัดกับผิวขาวราวกับหยวกก็โผเข้ากอดด้วยความคิดถึงเพราะเธอไม่ได้เจอแฟนหนุ่มมากว่าสองอาทิตย์และที่ผ่านมาก็เจอกันกินข้าวด้วยกันแป๊บเดียวเขาก็กลับไปทำงานทำให้เธอเหงาจึงไปเที่ยวกับเพื่อนช้อปปิ้งและรับงานเดินแบบกิตติมศักดิ์และออกงานสังคมตามประสาสาวไฮโซ
“คิดถึงจุลที่สุดเลยค่ะ นี่ถ้าปุ้มไม่โทรหาจุลก็คงไม่มาใช่มั้ยคะ” เสียงหวานแหลมพูดออดอ้อนออเซาะแฟนหนุ่มที่บ้างานไม่มาหาเธอเกือบสองอาทิตย์จนต้องโทรตามเพราะตอนนี้พ่อแม่ของเธอแนะนำหลานชายของหม่อมเจ้าคนดังให้เธอเพื่อจะได้สานต่อธุรกิจของครอบครัวในเมื่อจุลภัทร์ไม่พร้อมจะแต่งงานกับเธอทั้งที่คบกันมาเกือบสองปีและย่าของเขาก็ไม่ชอบเธอทำให้ความสัมพันธ์งคาราคาซังไปไม่ถึงไหน
“ช่วงนี้ผมงานยุ่งจริงๆ ปุ้มเบื่อก็ไปเที่ยวกับเพื่อนๆได้นี่นา” ชายหนุ่มพูดกับแฟนสาวและปล่อยให้เธอดึงไปที่เตียงและถอดเสื้อผ้าออกจากกายแกร่ง
“จุลพูดจริงเหรอคะ” ไฮโซสาวถามแฟนหนุ่มด้วยความดีใจเพราะเธออยากไปเที่ยวแต่มันก็ต้องช้อปปิ้งด้วยยังขาดพ็อกเก็ตมันนี่ติดตัวไม่งั้นต้องอายเพื่อนแน่
“จริงสิ ช่วงนี้ผมไม่มีเวลาพาคุณไปเที่ยวส่วนค่าใช้จ่ายเดี๋ยวผมจัดการให้เพื่อชดเชยให้คุณละกัน” จุลภัทรใจป้ำเสมอแต่พัชรียาก็ได้จากเขาไปมากเช่นกันและช่วงหลังมานี้เรียกร้องมากขึ้นถึงเขาจะรวยแต่ก็มีลิมิตในการใช้จ่ายเพื่อความสุขของตัวเอง
“ดีเลยค่ะจุลขา เพื่อนของปุ้มจะไปเที่ยวเกาหลีกันอาทิตย์หนึ่งงั้นปุ้มไปกับเพื่อนนะคะ” พัชรียาถามแฟนหนุ่มด้วยความดีใจตอนแรกเธอก็คิดหาวิธีเพื่อให้ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนเพราะมีหนุ่มหล่อไปด้วยสามคนและหนึ่งในนั้นคือภาสกรหนุ่มหล่อทายาทตระกูลเก่าแก่ย่าเป็นหม่อมราชวงค์นักสังคมสงเคราะห์ชื่อดังที่พ่อแม่ของเธออยากให้ลงเอยด้วยแต่เธอคบกับจุลภัทรมานานจะว่าเป็นผัวเมียกันก็ได้และเขาก็บอกว่ายังไม่พร้อมจะแต่งงานทำให้เธอเริ่มไขว้เขว
“หืมม..ได้ตามที่คุณต้องการเลยปุ้ม” จุลภัทร์ตอบแฟนสาวแล้วครางออกมาเบาๆด้วยความเสียวปลายยอดแก่นกายอวบที่ปลายนิ้วเธอถูไถและบีบเค้นเบาๆอย่างรู้ใจเขาว่าทำยังไงให้เขาถึงจุดสุดยอด
“ขอบคุณค่ะจุล” พัชรียาปล่อยมือจากแก่นกายอวบแล้วลงจากตียงมานั่งคุกเข่ากับพื้นตรงหน้าเขาจับแก่นกายใหญ่ไว้เต็มสองมือแตะปลายลิ้นลงปลายยอดแก่นกายอวบเลียรอบยอดที่ฉ่ำเยิ้มแล้วรูดแก่นกายอวบใหญ่ของเขาขึ้นลงลากลิ้นเลียตามจังหวะมือที่รูดไม่หยุดจนมันพองขยายใหญ่ขึ้นเต็มสองมือ