ตอนที่ 7

3981 Words
“โอเคๆ ไม่ถามก็ได้” ธนภรณ์พูดจบแล้วยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่มดับความอยากรู้และหงุดหงิดจึงยกแก้ววิสกี้ดื่มถี่ขึ้นตาก็มองไปที่ประตูมองว่าเมื่อไหร่จุลภัทรจะมาสักที ส่วนจุลภัทรกับทัศน์เดินไปเข้าห้องน้ำเมื่อเสร็จธุระแล้วก็แวะสูบบุหรี่ที่ระเบียงด้านข้างห้องน้ำที่ทางคลับจัดไว้เป็นที่สูบบุหรี่สำหรับลูกค้าวีไอพีแต่ก็สูบในห้องได้เพราะมีเครื่องฟอกอากาศสำหรับควันบุหรี่และสามารถสูบที่ระเบียงได้เช่นกัน “เดี๋ยวกูกลับเลยนะ แล้วค่อยนัดกันใหม่” จุลภัทร์บอกเพื่อนเขาไม่อยากกลับไปดื่มอีกเพราะรำคาญธนภรณ์ ทั้งที่เขาได้พูดชัดเจนแล้วว่าให้ได้แค่ความเป็นเพื่อนอย่าล้ำเส้นเพราะเขาจะไม่ไว้หน้า แต่เธอก็ยังมาตามเขาและใช้ข้ออ้างว่ามาคุยกับเพื่อนและเหมือนนกรู้หากเขาไม่มาเธอก็ไม่มาและถ้าเขามาเธอก็มาราวกับรู้ความเคลื่อนไหวของเขาทุกอย่าง “หรือว่าเชอรี่ให้คนตามกูวะ” จุลภัทร์ไม่เคยสงสัยเลยตั้งแต่กลับมาเมืองไทยเขาก็มีแฟนหลายคนและคบกับพัชรียานานกว่าใครทำให้เข้าไม่ถึงตัวเขาและตั้งแต่ห่างกับพัชรียาเขาก็เจอเชอรี่ทุกครั้งที่นัดกับเพื่อน “ก็ไม่แน่นะ พักหลังนี่เชอรี่มาทุกครั้งแล้วกูกับไอ้โยไอ้ทัศน์ไม่ได้โทรบอกนะแล้วนางรู้ได้ยังไงถ้าไม่ให้คนตามมึง” ทัศน์ก็คิดตามที่เพื่อนพูดตอนที่จุลภัทรมีแฟนก็มาเหมือนกันแต่ไม่ทุกครั้งซึ่งพวกเขาก็ไม่ค่อยได้ชวนยกเว้นธนภรณ์จะโทรหาใครสักคนในกลุ่มและคนนั้นก็คือเขา “เดี๋ยวกูจัดการเอง จะได้รู้ว่าที่ผ่านมามีคนติดตามสอดแนมชีวิตกูหรือเปล่า ไปนะ บอกไอ้วิตด้วยว่าตามสบายถ้ามันเมามึงก็พามันไปส่งที่เพนท์เฮ้าส์ด้วยละกัน” จุลภัทรบอกเพื่อนแล้วขยี้บุหรี่ทิ้งลงขยะแล้วเดินลงบันไดไปชั้นล่างแล้วออกไปหน้าคลับแจ้งพนักงานว่าเขาจะกลับไม่ถึงห้านาทีรถซุปเปอร์คาร์สุดหรูก็มาจอดตรงหน้า “ขอบคุณมากน้อง” หนุ่มหล่อขอบคุณพนักงานยื่นทิปให้พนักงานด้วยธนบัตรใบสีม่วงแล้วขึ้นรถขับออกไปกลับเพนท์เฮ้าส์ของตัวเองเพื่อพักผ่อนเพราะไม่อยากกลับบ้านจะไปบ้านแม่ก็ดึกแล้วเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรหาเพราะเขาจะไปดูบ้านพักของเด็กที่กำลังสร้างและคืบหน้าไปสี่สิบเปอร์เซ็นต์และเขาแค่รูปที่วิศวกรที่ดูแลควบคุมการก่อสร้างส่งไปให้ดูเท่านั้น เมื่อถึงห้องก็อาบน้ำนอนทันทีและไม่ได้สนใจโทรศัพท์ที่เขาปิดเสียงไว้จึงไม่รู้ว่าพัชรียาโทรหานับสิบสาย วันถัดมา จุลภัทรก็ตื่นนอนตามเวลาปกติคือหกนาฬิกครึ่งแล้วออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายหนึ่งชั่วโมงก่อนจะไปอาบน้ำเพื่อไปทำงานเพราะเขาเข้าบริษัทแปดนาฬิกาครึ่งไม่เกินเก้านาฬิกาหากไม่มีเหตุจำเป็นหรือธุระที่ไหนอะไร “ตู้ดดๆๆ..” เสียงโทรศัพท์ของจุลภัทรดังขึ้นขณะที่เขากำลังแต่งตัวอยู่ในห้องแต่งตัวจึงเดินออกมาดูว่าใครโทรมาเพราะคนสำคัญในครอบครัวเขาจะตั้งเป็นเสียงเดียวกันเพื่อนสนิทก็อีกเสียงหนึ่งส่วนเรื่องงานก็ใช้อีกเครื่องอยู่กับสาวิตก่อนจะหยิบขึ้นมาดูเห็นเป็นเบอร์โทรของแฟนสาวจึงกดรับสาย “ว่าไงปุ้ม” เสียงห้าวถามไฮโซสาวที่คบหากันมาเกือบสองปีและตอนนี้เขากับพัชรียาต่างก็ต้องเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง “จุลทำอะไรอยู่คะถึงไม่รับสายปุ้มหรือโกรธปุ้มที่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆคะถึงไม่ยอมรับโทรศัพท์” พัชรียาถามแฟนหนุ่มเสียงแหลมตราบใดที่เธอกับเขายังไม่ได้เลิกกันเธอก็มีสิทธิ์โทรหาเขาและเมื่อคืนเพื่อนของเธอเห็นเขาไปดื่มกับเพื่อนมีไฮโซสาวไปด้วยแล้วเธอรู้ว่าธนภรณ์ชอบจุลภัทรมากกว่าเพื่อนทั้งที่ปากบอกว่าเป็นเพื่อนแต่การแสดงออกยังกับเป็นแฟนแต่เธอไม่สนใจเพราะจุลภัทรไม่ได้สนใจธนภรณ์ “ผมเพิ่งกลับมาจากชลบุรีน่ะ ปุ้มมีอะไรหรือเปล่าเอาไว้ค่อยคุยกันได้มั้ยผมจะไปทำงานแล้ว” เสียงห้าวตอบแฟนสาวเขาไม่ชอบสียงแหลมๆของพัชรียาที่พักหลังเธอจะถามซอกแซกว่าเขาไปไหนทำอะไรทั้งที่เขาไม่เคยถามเธอเลยว่าเที่ยวที่ไหนไปกับเพื่อนคนไหน “เพิ่งกลับมาแต่ไม่โทรหาปุ้มและไม่รับสายของปุ้มด้วยหมายความว่ายังไงคะจุล” พัชรียาเสียงดังขึ้นด้วยความไม่พอใจที่แฟนหนุ่มไม่โทรหาและไม่รับสายแต่ไปเที่ยวกับเพื่อนได้ “แล้วคุณจะโวยวายทำไมล่ะ ทีคุณผมยังไม่ถามเลยถ้าโทรมาเรื่องแค่นี้ผมวางสายนะผมมีประชุมเช้า” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบอย่างไม่พอใจที่พัชรียาเหวี่ยงใส่แต่เขาเช้าทำให้อารมณ์ดีๆเสียจนได้ “เดี๋ยวค่ะจุล อย่าวางสายนะคะไม่งั้นคราวรั้เราได้เลิกกันจริงๆแน่” พัชรียาพูดเสียงดังใส่แฟนหนุ่มที่ไม่สนใจเธอตั้งแต่เขาออกจากคอนโดในคืนนั้นที่เธอบอกเลิกเขาและจุลภัทรก็ยังให้เงินเธอไปเที่ยวกับเพื่อนแต่ไม่ค่อยรับสายของเธอจะตอบข้อความทางไลน์มากกว่า “คุณพูดเองนะปุ้มว่าเลิกกับผม” จุลภัทรถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเพราะเขาไม่ชอบผู้หญิงที่เอะอะก็บอกเลิกและเขาก็เลิกตั้งแต่พัชรียาพูดครั้งแรกแล้วถึงได้ปล่อยให้เธอทำตามความต้องการของตัวเองไม่สนใจว่าจะไปไหนกับใครเพราะถือว่าเธอเป็นฝ่ายขอเลิกกับเขา “จุล...” พัชรียาเรียกแฟนหนุ่มที่ไม่คิดจะง้อเธอทั้งที่เขาเป็นฝ่ายไม่มีเวลาให้แท้ๆและคราวนี้เธอคงต้องตัดสินใจเด็ดขาดในเมื่อเขาไม่ง้อเธอก็ไม่ง้อเหมือนกันเพราะยังมีผู้ชายที่หล่อรวยชาติตระกูลดีกว่าเขามาชอบเธอ “งั้นเราไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีก ผมขอให้คุณโชคดีนะ” ชายหนุ่มพูดจบก็วางสายแล้วถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายก่อนจะออกจากห้องแล้วโทรหาสาวิตแล้วไปทำงาน “จุลคะ จุลอย่าวางสายนะ จุลล..” ฝ่ายพัชรียาก็เรียกแฟนหนุ่มที่กำลังจะกลายเป็นอดีตด้วยความไม่พอใจที่จุลภัทรไม่ง้อและบอกเลิกเธอ “ก็ได้ค่ะจุล เลิกก็เลิกแล้วอย่ามาง้อปุ้มล่ะ” ไฮโซสาวเชิดหน้าขึ้นเธอจะไม่สนใจจุลภัทรอีกต่อไปจะได้คบหากับภัสกรตามที่พ่อต้องการเสียที ที่บ้านวัฒนสิริสรณ์ หลังจากที่คุณหญิงพิมลพรรณได้ให้ทนายความยื่นเรื่องขอก่อตั้งมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้าซึ่งหลักๆคือสานต่อบ้านมาลัยรักที่ถูกไล่ที่จากลูกหลานของผู้อุปถัมภ์และตอนนี้ได้รับการอนุมัติแล้ว เพราะผู้ยื่นคำร้องมีฐานะทางการเงินมั่นคงและแสดงเจตนาในการจัดตั้งมูลนิธิชัดเจนทำให้ได้เจออดีตลูกสะใภ้ที่ไม่ได้เจอกันนานและเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งมูลนิธิซึ่งตุณหญิงพิมลวรรณเป็นประธานกรรมการ นวลพรรณเป็นรองประธานกรรมการ พักต์พริ้งเป็นเหรัญญิก แววตาเป็นเลขาและผู้ดูแลบริหารมูลนิธิ ตอนแรกพักต์พริ้งปฏิเสธไม่อยากยุ่งกับอดีตแม่สามีแต่พอเจอกันคุณหญิงพิมลพรรณก็ลดทิฐิขอโทษอดีตลูกสะใภ้ เมื่อย่าของลูกยอมขอโทษพักต์พริ้งก็ให้อภัยและพูดคุยกันดีขึ้นและวันนี้นัดคุยกันที่บ้านของคุณหญิงพิมลวรรณ "ขอบคุณคุณหญิงมากนะคะที่ช่วยเหลือเด็กๆ" พักต์พริ้งยกมือไหว้ขอบคุณคุณหญิงพิมลวรรณหลังจากทางราชการอนุมัติและวันนี้ก็มาคุยรายระเอียดจัดการวางแผนงานในมูลนิธิให้เป็นระบบและจะจ้างครูพี่เลี้ยงเพิ่มส่วนครูอาสาก็จะเป็นเหมือนเดิมคือมีเด็กนักศึกษามาช่วยในวันเสาร์อาทิตย์และจะมีค่าเดินทางให้แต่ไม่ใช่ค่าจ้างรวมถึงแม่บ้านและแม่ครัวที่ต้องจ้างเพิ่มเพราะเด็กเล็กไม่สามารถดูแลห้องพักของตัวเองได้ "แม่พักต์ยังไม่หายโกรธแม่อีกเหรอ" คุณหญิงขอโทษพักต์พริ้งแล้วแต่เธอยังเรียกท่านว่าคุณหญิง "พักต์ไม่ได้โกรธคุณหญิงแล้วจริงๆค่ะ ยังเคารพนับถือเหมือนเดิมเพียงแต่ว่าตอนนี้พักต์ไม่ได้เป็นลูกสะใภ้ของคุณหญิงและไม่อยากให้ครอบครัวของคุณเกริกมีปัญหา พักต์ขอเรียกคุณหญิงนะคะ" พักต์พริ้งบอกเหตุผลที่เธอเรียกย่าของลูกว่าคุณหญิงเพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกันและไม่อยากมีปัญหากับภรรยาของอดีตสามีและที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีแต่ก็เจอกันตามงานบ้างก็แค่ยิ้มให้กันตามมารยาทสำหรับเธอเกริกวิทย์เป็นคนอื่นไปแล้วแต่จุลภัทรเป็นลูกชายเป็นสายเลือดของเธอ "ตามใจละกัน แล้วถ้าแม่ศรีเขาอยากจะมาช่วยหาทุนการศึกษาให้เด็กๆด้วยล่ะจะได้มั้ย" คุณพูดหญิงพิมลวรรณเกริ่นขึ้นเพราะลูกสะใภ้บอกว่าอยากช่วยหาทุนการศึกษาให้เด็กๆท่านไม่อยากตัดสินใจแทนพักต์พริ้งจึงรับปากจะถามให้ "ก็ดีสิคะ พักต์ไม่มีปัญหาทุกคนสามารถมาช่วยเหลือเด็กๆได้ค่ะ” ก็เธอไม่ได้สนใจเรื่องในอดีตแล้วหากภรรยาของเกริกวิทย์จะมาช่วยเหลือเด็กๆก็เป็นเรื่องน่ายินดีมากกว่าถึงยังไงศรีตลาก็อยู่ในแวดวงสังคมไฮโซ "ขอบใจนะแม่พักต์ ถ้ามีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกนะ" คุณหญิงพิมลวรรณพูดกับอดีตลูกสะใภ้ด้วยความรู้สึกผิดกว่าเธอคิดได้ทุกอย่างมันก็สายจึงพยายามชดเชยความรักให้หลานชายและไม่กีดกันแม่ลูกเจอกันและพักต์พริ้งก็ไม่เคยมายุ่งวุ่นวายท่านและลูกชายของท่านคือเลิกแล้วเลิกเลยตัดขาดทุกอย่างยกเว้นลูกชายที่พักต์พริ้งไม่ยอม "ค่ะคุณหญิง" พักต์พริ้งก็ไม่ได้ติดใจเรื่องเก่าก่อนที่ผ่านมายี่สิบกว่าปีทุกคนก็ต้องมีชีวิตของตัวเองก็แล้วแต่ว่าจะดำเนินไปไทางไหนเท่านั้นในเมื่อเธอเลือกแล้วก็มีความสุขกับมันมาจนถึงทุกวันนี้ “พักต์เจอตาจุลบ้างหรือเปล่า” นวลพรรณถามแม่ของหลานปกติสองแม่ลูกจะนัดเจอกันกินข้าวด้วยกันตลอดแต่ตอนหลานชายยังเด็กเธอก็จะพาไปเพระตอนนั้นแม่ยังโกรธพักต์พริ้งแต่ยังดีที่ไม่ห้ามแม่ลูกเจอกันเพราะรักหลานชายและไม่เห็นด้วยที่แม่จะให้ภรรยาคนปัจจุบันของน้องชายมาร่วมงานกับอดีตภรรยาที่เกริกวิทย์ยังรักใคร่ห่วงหาอยู่ในใจตลอดเวลา “พักนี้ไม่ได้เจอตัวค่ะพี่นวล แต่ก็โทรมาหาตรมปกติแหละค่ะ” เธอกับลูกชายไม่ได้เจอกันก็ไม่เป็นไรก็ลูกชายทำงานก็ยุ่งเป็นธรรมดาแต่ก็โทรหากันมิเคยขาด “แล้วรู้เรื่องแฟนของตาจุลหรือเปล่าล่ะแม่พักต์” คุณหญิงได้ทีก็ถามอดีตลูกสะใภ้เพื่อหาพรรคพวกสนับสนุนตัวเองหาคู่ให้หลานชายคนโปรด “ก็พอรู้ค่ะ แต่ตาจุลบอกพักต์ว่าแค่คบหากันเท่านั้นยังไม่คิดถึงเรื่องแต่งงานค่ะ” คนเป็นแม่ก็ห่วงลูกชายเรื่องนี้จึงอยากจับคู่ลูกชายกับชาครียาแต่ทำโจ่งแจ้งไม่ได้และจนป่านนี้ทั้งสองก็ยังไม่เจอกันเลยตอนแรกเธอคิดว่าจะให้ชาครียามาช่วยงานที่มูลนิธิแต่หญิงสาวก็ติดงานเพราะช่วงนี้มีโรคระบาดจนแทบไม่ได้พักส่วนลูกชายก็ยุ่งกับโปรเจ็คใหญ่ที่บางแสนก็ยังปลีกเวลามาดูการก่อสร้างบ้านพักของเด็กๆแล้วไม่ได้เจอชาครียา “ตอนนี้ตาจุลจะสามสิบเอ็ดปีแล้วแม่ว่าสมควรแต่งงานได้แล้วนะ แม่พักต์คิดว่ายังไงล่ะ”คุณหญิงถามแม่ของหลานท่านอยากให้หลานชายแต่งงานมีครอบครัวแต่ไม่ชอบแฟนของหลานชายคนนี้และจุลภัทรก็ไม่ได้พามาบ้านแต่ก็เจกันตามงานก็เข้ามาไหว้ท่าเท่านั้นและนั่นทำให้ท่านเชื่อว่าพัชรียไม่ได้สำคัญกับหลานชายหากจุลภัทรรักพัชรียาจริงท่านเองก็ไม่ขัดขวางถึงแม้ไม่ชอบแต่เพื่อความสุขของหลานชายท่ายอมทุกอย่าง “เรื่องนี้คุณหญิงต้องถามตาจุลค่ะ พักต์ตอบแทนลูกไม่ได้หากลูกรักใครชอบใครพักต์ก็จะรักตามค่ะ” เธอไม่บังคับแต่จะเป็นกามเทพแทนแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้แผงศรใส่ลูกชายกับลูกสาวของฝนสุดาเพราะทั้งสองคลาดกันไปคลาดกันมา “คุณแม่เพิ่งนัดลูกสาวของเพื่อนพี่มากินข้าวด้วยกันเมื่อวานนี้เอง แล้วแทนที่จะได้กินข้าวกับตาจุลแต่ที่ไหนได้หลานชายพี่วิ่งแจ้นออกจากบ้านแทบไม่ทัน ก็เหมือนทุกครั้งนั่นแหละ” นวลพรรณพูดแล้วยิ้มขำแม่ที่พยายามจับคู่ให้หลานชายแต่อีกฝ่ายรู้ทันจึงซิ่งหนีทุกครั้งและแม่ของเธอก็ทำอะไรหลานชายไม่ได้ “แต่ตาจุลมีแฟนแล้วนะคะทำแบบนี้จะดีเหรอคะ” พักต์พริ้งถามความเห็นย่าของลูกที่นัดสาวมาให้หลานชายดูตัวทั้งที่ลูกชายของเธอมีแฟนอยู่แล้ว ซึ่งเธอเองก็อยากให้ลูกชายรู้จักสนิทสนมกับชาครียา “มันก็ไม่ดีหรอก แต่แม่ก็อยากให้ตาจุลแต่งงานก็อยากแนะนำลูกหลานของเพื่อนให้รู้จักเท่านั้นเผื่อจะคิดจริงจังขึ้นมาบ้าง” คุณหญิงไม่ได้พูดว่าไม่ชอบแฟนของหลานชายแต่ทำแบบนี้ใครๆก็ดูออกว่าท่านไม่ปลื้มพัชรียาถึงแม้จะเป็นลูกหลานไฮโซผู้ดีเก่าที่เหมาะสมกันทางสังคมฐานะชาติตระกูลแต่ทำอะไรไม่เป็นนอกจากอวดร่ำอวดรวยทั้งที่ตอนนี้ข้างในกลวงโบ๋เพราะพ่อของเธอทำธุรกิจขาดทุนแต่ปิดข่าวไว้และท่านเองก็ได้ข่าววงในที่ใกล้ชิดพ่อของพัชรียา “เรื่องนี้ให้ตาจุลตัดสินใจเองเถอะค่ะคุณหญิง ถึงเวลาเมื่อไหร่ก็คงเจอเนื้อคู่เองค่ะ” พักต์พริ้งพูดขึ้นและไม่บอกว่าเธอก็อยากให้ลูกเจอผู้หญิงที่ดีมีกิริยามารยาทเรียบร้อยอ่อนน้อมถ่อมตนไม่จำเป็นต้องรวยขอแค่รักลูกชายของเธอจริงๆก็พอใจแล้วและที่เห็นก็มีแต่หนูชาร์มของเธอที่เข้าตาที่สุดและคิดว่าคนอย่างลูกชายจะอยู่กับผู้หญิงอย่างหนูชาร์มของเธอได้แน่นอนแค่รอให้เขาเจอกันก่อนเท่านั้น “ก็คงต้องปล่อยไปก่อนนั่นแหละ เอาไว้วันเปิดมูลนิธิแม่จะเชิญสาวๆมาร่วมงานเผื่อจะถูกตาตาจุลสักคนก็ได้” คุณหญิงพิมลวรรณอยากมีหลานและอยากเห็นหลานชายมีความสุขก่อนตายและไม่คิดจะบังคับหากหลานชายไม่ชอบลูกหลานเพื่อนของท่านและเพื่อนของนวลพรรณกลัวจะเป้นเหมือนตอนอยากให้อดีตลูกสะใภ้มีลูกสุดท้ายทำให้ครอบครัวของลูกชายแตกแยก “นวลไม่ยุ่งด้วยนะคะคุณแม่” นวลพรรณออกตัวก่อนใครและที่ผ่านมาก้ไม่ได้ให้ความหวังเหล่าสาวๆก็แค่แนะนำให้รู้จักกันไว้เท่านั้นส่วนหนุ่มสาวจะสานสัมพันธ์กันหรือไม่ก็อยู่ที่พวกเขา “พักต์ก็ไม่ยุ่งเหมือนกันค่ะ” พักต์พริ้งก็ออกตัวตามป้าของลูกชายเพราะรู้จักนิสัยของลูกชายของเธอดี “เฮ้อ..ช่างเถอะเธอสองคนก็ตามใจตาจุลจนลูกหลานมันถึงไม่กลัว” คุณหญิงว่าลูกสาวกับอดีตลูกสะใภ้ที่ไม่ส่งเสริมเห็นดีเห็นงามกับตัวเอง “คุณแม่ขานวลว่าอย่าไปยุ่งกับหลานเลยค่ะ แค่นี้ก็แทบไม่เห็นหน้าหลานแล้วค่ะ” “ย่ะ แม่ไม่ยุ่งกับตาจุลก็ได้” คนเป้นแม่ค้อนลูกสาวที่ตามใจหลานชายทำให้ทุกคนอมยิ้ม "งั้นวันนี้พักต์กับเพื่อนขอตัวก่อนนะคะ” “ตามสบายเถอะแม่พักต์ คุณฝน ครูแวว มีอะไรก็โทรมาหาแม่หรือแม่นวลได้ตลอดเวลานะ” คุณหญิงพูดกับสามสาวใหญ่ซึ่งน้อยนักที่จะพบเจอคนที่ทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทนในสังคมทุกวันนี้ก็แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นแข่งขันกันหาคนจริงใจได้ยาก “สวัสดีค่ะคุณหญิง พี่นวล" " พักต์พริ้งบอกลาย่ากับป้าของลูกชายและยกมือไหว้อีกครั้ง "สวัสดีค่ะ/ค่ะ" ฝนสุดากับแววตายกมือไหว้ คุณหญิงรับไหว้ทั้งสามสาวใหญ่และยิ้มให้เพราะตอนนี้ท่านรู้แล้วว่าไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับความสุขในใจที่ได้ทำในสิ่งที่ได้ติดค้างกับอดีตลูกสะใภ้เพราะไม่สามารถย้อนกลับไปได้แต่ได้ขอโทษพักต์พริ้งแล้วก็สบายใจและหลานชายก็จะได้สบายใจไปด้วย “เดี๋ยวพี่ไปส่งจ้ะ” “ไม่เป็นไรค่ะพี่นวล พักต์กับฝนและครูแววไปกันเองได้ค่ะ” พักต์พริ้งพูดกับป้าของลูกแม้เวลาจะผ่านไปยี่สิบกว่าปีแล้วแต่บ้านหลังนี้ก็ยังสวยงามเหมือนเดิมเพราะเจ้าของบ้านดูแลอย่างดีและเธอเองก็รู้จักทุกซอกทุกมุมดีแล้วก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องรับแขกพร้อมกับฝนสุดากับแววตา คุณหญิงพิมลวรรณมองอดีตลูกสะใภ้กับเพื่อนเดินออกไปจากห้องรับแขกแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกและปลอดโปร่งในใจที่ได้ขอโทษพักต์พริ้งหลังจากที่มันอึกอัดแน่นในอกมานมนาน “คุณแม่จะให้ศรีตลามาช่วยจริงๆเหรอคะ” “มันก็ไม่เสียหายไม่ใช่เหรอลูก แม่พักต์เองก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา” คุณหญิงตอบลูกสาวที่ผ่านมาทั้งพักต์พริ้งและศรีตลาก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยววุ่นวายกันแม้จะเจอกันตามงานบ้างก็ยิ้มให้กันแต่ไม่ได้พูดคุยกันเท่านั้น “นวลว่าอย่าให้ศรีตลามายุ่งเรื่องนี้เลยดีกว่านะคะ คุณแม่อย่าลืมว่าคนของเราก็ยังรักและไม่ลืมพักต์และยังช่วยเหลือจัดการเรื่องนี้ให้อีก นวลกลัวศรีตลาจะลำบากใจหากเห็นท่าทีนายเกริกแสดงที่ต่อพักต์ค่ะ” นวลพรรณบอกแม่เธอไม่ได้สนิทกับศรีตลาเมียของน้องชายเหมือนกับพักต์พริ้งเพราะทำงานมาด้วยกันสนิทกันก่อนที่จะแต่งงานกับน้องชายพอเป็นน้องสะใภ้ก็สนิทกันมากกว่าเดิมเพราะเป็นคนในครอบครัวเดียวกันถึงจะเลิกกับน้องชายไปแล้วก็ยังเจอกันเพราะเธอเป็นคนดูแลหลานชายและพาไปหาแม่บ่อย “แม่นวลพูดถูกลูก แม่ลืมไปได้ยังไงกันแต่แม่ศรีเขาขอช่วยแม่ก็บอกว่าเดี๋ยวจะถามแม่พักต์ก่อนแล้วจะบอกอีกที” คุณหญิงพูดกับลูกสาวที่พูดถูกว่าลูกชายของท่านยังรักพักต์พริ้งอยู่แต่ศรีตลาก็รู้อยู่แล้วว่าสามียังไม่ลืมเมียเก่าและยอมแต่งงานด้วยหวังว่าตัวเองจะเอาชนะใจสามีได้แต่ก็ไม่ทั้งหมดเพราะลูกชายของท่านก็แต่งงานและมีลูกให้ตามหน้าที่ลูกที่ดีของแม่ถึงไม่ได้รักมากเหมือนอดีตภรรยาแต่ก็ให้เกียรติภรรยาคนปัจจุบัน “งั้นคุณแม่ก็บอกไปเลยค่ะว่าขอให้ช่วยงานอื่นละกัน ส่วนเรื่องที่เหลือเดี๋ยวนวลจัดการเองค่ะ” นวลพรรณบอกแม่และเข้าใจดีว่าท่านเป็นคนกลางและที่ผ่านมาก็ทำผิดกับอดีลูกสะใภ้กับลูกชายแต่ก็ยุติธรรมให้ทั้งอดีตภรรยาและภรรยาคนปัจจุบันอย่างเป็นกลางและศรีตลาก็ไม่ได้เป็นมือที่สามและแต่งงานหลังจากเลิกกับพักต์พริ้งได้สองปีและในตอนนั้นจุลภัทรอายุหกขวบก็พอจะเข้าใจ “ได้ลูก แม่นวลช่วยพูดกับแม่ศรีหน่อยละกัน แม่นั่งนานๆชักจะเมื่อยจะไปเอนหลังสักหน่อยนะลูก” คุณหญิงพิมลวรรณพูดกับลูกสาวเพราะนั่งนานๆก็ปวดหลังปวดเอวตามประสาคนแก่ยังดีที่ไม่เป็นโรคอะไรร้ายแรงหรือมีโรคประจำตัวนอกจากความดันเป็นไข้เท่านั้น “งั้นไปค่ะ เดี๋ยวนวลจะไปซื้อของที่ห้างสักหน่อย” นวลพรรณบอกแม่แล้วลุกขึ้นประคองท่านเดินไปที่ห้องพักผ่อนและเรียกเด็กมาอยู่เป็นเพื่อนก่อนจะอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่เพื่อไปเดินห้างหรูกับคนรับใช้คนสนิท ที่บ้านของเกริกวิทย์ อยู่ห่างจากบ้านของแม่ไปไม่ไกลและอยู่ในหมู่บ้านเศรษฐีไฮโซหลังจากแต่งงานกับศรีตลาเขาก็ซื้อบ้านแยกมาอยู่ด้วยกันเพื่อไม่ให้กระทบความรู้สึกของลูกชายเพราะบ้านของแม่นั้นมีความทรงจำระหว่าเขากับอดีตภรรยาและลูกชายที่อยู่ด้วยกันก่อนจนกระทั่งเลิกกันเขาไม่อยากให้ใครมาซ้ำรอยและลูกชายในตอนนั้นก็เข้าใจดีแล้วเขาเองก็ไม่เคยละเลยลูกชายดูแลเอาใจใส่ทุกอย่างเหมือนเดิมไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่จุลภัทรต้องมาก่อนเสมอและศรีตลาเองก็เข้าใจจึงทำให้เขายอมรับเธอเพราะตลอดระยะเวลาสองปีที่เลิกกับพักต์พริ้งเขาก็ตามง้ออดีตภรรยาแต่เธอใจแข็งเหลือเกินจึงทำให้เขาตัดสินใจแต่งงานจนถึงตอนนี้ก็ยี่สิบกว่าปีแล้วก็ยังรักเหมือนเดิม “พี่ศรีอยู่มั้ย” ศรุตาได้ข่าวเรื่องคุณหญิงก่อตั้งมูลนิธิขึ้นและยังทำร่วมกับอดีตลูกสะใภ้ก็ร้อนใจจึงไปหาพี่สาวที่บริษัทแต่พี่เขยบอกว่าไม่สบายเธอก็เลยมาหาพี่สาวที่บ้านด้วยความอยากรู้และไม่พอใจที่แม่สามีไม่ไว้หน้าพี่สาว ตั้งแต่แต่งงานพี่สาวก็มาช่วยงานบริษัทของสามีแต่ก็ยังไปช่วยงานของครอบครัวบ้างและตอนนี้ธุรกิจก็ย่ำแย่เพราะแต่ละคนต่างก็แก่งแย่งกันหากไม่ได้พี่เขยช่วยไว้ป่านนี้เจ้งไปแล้ว “คุณศรีอยู่ในครัวค่ะ” “ขอบใจ” ศรุตาเดินเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคยเพราะเธอมาหาพี่สาวบ่อย “พี่ศรีทำอะไรอยู่คะ วันนี้ตาไปหาที่บริษัทพี่เกริกบอกว่าพี่ศรีไม่สบายเป็นอะไรคะ” คนเป็นน้องถามพี่สาวทันทีที่เจอหน้า (ปล.คุณจริญญา คุณ Ketwalai แจ้งที่อยู่และเบอร์โทรให้ไรท์ด้วยค่า )
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD