“พี่ปวดหัวน่ะเลยไม่ไปทำงาน ว่าแต่ตามีอะไรหรือเปล่าถึงมาหาพี่” ศรีตลาถามน้องสาวที่มักจะนำเรื่องไม่เป็นเรื่องและร้อนใจมาให้บ่อยๆ
“ก็ต้องมีสิคะ ไม่งั้นตาจะมาหาพี่ศรีทำไมล่ะ” ศรุตาตอบพี่สาวด
“งั้นไปคุยกันที่ห้องรับแขกเถอะ เดี๋ยวเอาของว่างๆไปเสิร์ฟคุณตาด้วยนะ"” ศรีตลาพูดกับน้องสาวและสั่งสาวใช้ก่อนจะไปล้างมือแล้วเดินนำน้องสาวไปที่ห้องรับแขกอยากรู้ว่าน้องสาวมีธุระอะไรกับเธอ
"พี่ศรีรู้เรื่องมูลนิธิของคุณหญิงป้าได้รับการอนุมัติแล้วหรือยัง" ศรุตาถามพี่สาวตามที่เธอได้ข่าวมาว่ามูลนิธิของคุณหญิงพิมลวรรณได้รับการอนุมัติแล้วเหลือแต่เปิดอย่างเป็นทางการเท่านั้น
“คุณเกริกบอกพี่แล้วล่ะ"
"รู้แล้วแต่พี่ยังเฉยนี่นะ พี่ศรีบ้าหรือเปล่าคุณหญิงหันกลับไปจูบปากกับเมียเก่าของพี่เกริกเดี๋ยวถ่านไฟเก่าก็ลุกพรึ่บพรั่บแล้วจะหาว่าน้องไม่เตือนนะคะ" ศรุตาว่าพี่สาวที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวทั้งที่สามีกลีบไปติดต่อเมียเก่าและช่วยเหลือสร้างบ้านให้เด็กกำพร้าเสียเงินอีกนับสิบล้านยังใจเย็นอยู่ได้ทั้งที่รู้ว่าสามียังไม่ลืมเมียเก่า
“แล้วเธอจะให้พี่ทำยังไงล่ะ” ศรีตลาย้อนถามน้องสาวเธอรู้อยู่แก่ใจว่าสามียังไม่ลืมเมียเก่าหากเขาจะคืนดีกันก็คืนดีไปนานแล้วเธอไม่เก็บมาใส่ใจตราบใดที่สามียังซื่อสัตย์และให้เกียรติเธอ เธอก็จะไว้ใจเขาและเชื่อใจเขาเช่นกันแม้เขาจะไม่ได้รักเธอแต่อยู่ด้วยกันมานานเธอก็รู้ใจสามีดี
“พี่ศรีก็เข้าไปมีส่วนร่วมด้วยสิคะ เดี๋ยวฉันจะไปช่วยด้วย” ศรุตาบอกพี่สาวเธอก็อยากทำงานการกุศลเพื่อหน้าตาทางสังคมถึงไม่ได้บริจาคเงินมากมายแต่ขอมีส่วนร่วมในมูลนิธิที่คุณหญิงพิมลพรรณเป็นประธานเพราะไม่มีใครไม่รู้จักท่านแค่ก่อตั้งมูลนิธิก็เป็นข่าวดังแล้วหากวันเปิดมูลนิธิก็จะต้องมีนักข่าวมาทำข่าวและมีนักธุรกิจคนดังมาร่วมงานกันมากมายทำให้เธอมาคุยกับพี่สาวเพื่อขอเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของมูลนิธิ
“พี่ให้คุณหญิงแม่ถามคุณพักต์แล้วว่าพี่อยากช่วยเหลือหาทุนสนับสนุนมูลนิธิไม่รู้ว่าคุณพักต์แต่ว่าพี่ไม่ขอยุ่งเกี่ยวเรื่องงานในมูลนิธิ” ศรีตลาตอบน้องสาวเธออยากทำบุญเท่านั้นไม่คิดจะไปก้าวก่ายในมูลนิธิ
“ได้ยังไงคะพี่ศรี พี่เป็นลูกสะใภ้คุณหญิงป้านะคะก็ต้องมีตำแหน่งในมูลนิธิสิถ้าคนอื่นรู้เขาจะว่ายังไงที่คุณหญิงป้าเอาอดีตลูกสะใภ้มาเชิดหน้าชูตาแทนที่จะเป็นพี่ศรีน่ะ” ศรุตาไม่พอใจพี่สาวที่ยังใจเย็นอยู่ได้
“ถ้าเธอจะมาพูดเรื่องนี้ก็พอเถอะตา พี่ไม่มีความคิดจะไปยุ่งเกี่ยวด้วยแต่เรื่องเงินทุนการศึกษาของเด็กๆพี่อยากช่วยจริงๆ” ที่ผ่านมาชีวิตของเธอก็มีความสุขดีเพราะเธอรับรู้มาตั้งแต่แต่งงานกับเกริกวิทย์แล้วว่าเขายังรักพักต์พริ้งและเธอก็รับได้หวังว่าสักวันเขาจะลืมเมียเก่าและรักเธอบ้างสักนิดก็ยังดี
“พี่ศรีคิดว่าพี่เกริกเขาจะเห็นความดีของพี่หรือไง ขนาดเขาให้ความช่วยเหลือเมียเก่ายังไม่บอกพี่เลย ฉันไม่อยากเห็นพี่ถูกหลอกนะ” ศรุตาพูดกับพี่สาวด้วยความหงุดหงิดที่ยุไม่ขึ้นไม่ได้ดั่งใจเธอจริงๆพี่เขยร่ำรวยมหาศาลกินใช้ทั้งชาติก็ไม่หมดทำไมไม่เป็นเธอที่ได้เป็นสะใภ้ตระกูลวัฒนสิริสรณ์ไม่งั้นเธอกับลูกสบายไปแล้ว
“พี่ไม่ได้โง่นะตา พี่อยู่อย่างนี้ก็มีความสุขดีเธอน่าจะสงบใจบ้างและสนใจเรื่องของตัวเองก็พอไม่ต้องมายุ่งเรื่องของครอบครัวพี่ พี่ดูและจัดการได้” ศรีตลาพูดกับน้องสาวอย่างเหลืออด เธอรู้เรื่องที่สามีช่วยเหลืออดีตภรรยาเพราะเกริกวิทย์เล่าให้ฟังและคิดว่าไม่มีความจำเป็นเล่าให้คนอื่นฟังแม้แต่น้องสาวมันเป็นเรื่องในครอบครัวของเธอ
“นี่พี่ศรีหาว่าฉันยุ่งเรื่องของพี่เหรอ ที่ฉันพูดก็เพราะเป็นห่วงพี่นะ” ศรุตาพูดเสียงดังขึ้นด้วยความไม่พอใจที่พี่สาวว่าเธอยุ่งเรื่องครอบครัว
“ขอบใจที่เป็นห่วงพี่นะตา แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ก็แล้วแต่ว่าคุณหญิงแม่พี่นวลและคุณพักต์จะจัดการ สำหรับพี่ยังไงก็ได้” เธออยู่แบบี้มีความสุขดีและสามีก็ไม่เคยนอนกลู่นอกทางเกริกวิทย์ก็ทำหน้าที่สามีและพ่อของลูกได้ไม่ขาดตกบกพร้่องและเธอก็ไม่เคยเอาเรื่องพักต์พริ้งมาพูดให้เขาขัดเคืองใจเพราะเป็นเรื่องของพวกเขาสองคนเธอเลือกอยู่กับปัจจุบันมีสามีและลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์แค่นี้ก็พอแล้ว
“ก็ตามใจพี่ศรีก็แล้วกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน งั้นฉันกลับนะ” ศรุตาพูดจบก็คว้ากระเป๋าแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องรับแขก
“เฮ้อ..” ศรีตลามองตามหลังน้องสาวแล้วถอนหายใจนับวันศรุตาก็ยิ่งเยอะขึ้นทุกวันสนใจแต่เรื่องคนอื่นแต่เรื่องของตัวเองกลับไม่รู้และไม่สนใจจะแก้ไขทำให้พี่น้องระอาก่อนจะกลับเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารให้สามีกับลูกสาวส่วนลูกชายไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา
ที่บริษัท KPS พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน)
ตั้งอยู่กลางกรุงเทพมหานครเป็นตึกสูงยี่สิบชั้นมีบริษัลลูกนับสิบบริษัทที่อยู่ตกเดียวกันแต่สำหนังงานของKPSฯจริงๆก็ตั้งแต่ชั้นสิบขึ้นไปจนถึงชั้นสิบเก้าส่วนชั้นยี่สิบเป็นห้องพักของผู้บริหารตระกูลวัฒนสิริสรณ์ จุลภัทรออกจากห้องประชุมเกือบสิบหกนาฬิกาหลังจากคุยโปรเจคใหม่ห้าพันล้านของนักธุรกิจชาวฝรั่งเศสเพื่อสร้างโรงแรมหรูที่เขาใหญ่บนเนื้อที่ห้าร้อยกว่าไร่ที่จัดเป็นโซนโรงแรมที่จำลองมาจากเมืองโบราณของฝรั่งเศสมีโรงแรม ทะเลสาบ ไร่องุ่น ทุ่งดอกไม้ ที่ต้องช่วยกันคิดและออกแบบมาให้ลูกค้าเลือกและต้องพาทีมงานไปดูสถานที่จริงก่อนจะออกแบบตอนนี้ยังสรุปไม่ได้
“เย็นนี้กินข้าวกับพ่อที่บ้านมั้ยลูก” เกริกวิทย์ถามลูกชายเมื่อเดินออกมาจากห้องประชุมด้วยกัน
“ผมว่าจะแวะไปหาแม่ก่อนแล้วจะเลยไปบางแสนเลยครับ เอาไว้เจอกันที่เขาใหญ่ละกันครับพ่อ” ชายหนุ่มตอบพ่อเขาจะต้องไปจัดการงานที่บางแสนให้เสร็จก่อนแล้วจะไปดูสถานที่ก่อสร้างโรงแรมของลูกค้าที่เขาใหญ่
“ดูแลตัวเองด้วยนะลูก”
“ครับพ่อ ผมไปนะ” จุลภัทรบอกพ่อแล้วเดินไปที่ห้องทำงานของเขาเพื่อเก็บเอกสารและจะไปกินข้าวกับแม่ก่อนไปบางแสน
“ก๊อกๆๆ..”
“ขออนุญาตค่ะท่านรอง”
“ว่าไงครับคุณอัม”
“เอกสารที่ท่านรองต้องเซ็นค่ะ” อัมพิกาอีกคนที่ดูแลงานที่บริษัทส่วนสาวิตนั้นเป็นเลขาส่วนตัวติดตามเจ้านายไปทุกที่
“มีอีกมั้ยครับคุณอัม เดี๋ยวเย็นนี้ผมจะไปบางแสนแล้วเลยไปเขาใหญ่กว่าจะกลับมาก็สามสี่วัน” ชายหนุ่มบอกเลขาวัยสี่สิบปีที่เป็นผู้ช่วยเลขาของป้านวลมาก่อนทำงานเก่งรับผิดชอบงานดีมากและซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ของตัวเองขนาดเขายังต้องเกรงใจ
“ไม่มีแล้วค่ะ หากมีงานด่วนดิฉันจะโทรแจ้งท่านรองนะคะ” อัมพิกาตอบเจ้านายแล้วยิ้มก่อนจะเดินออกไปจากห้องแล้วยกกาแฟกับน้ำส้มเย็นเจี๊ยบพร้อมกับมินิแซนด์วิชจากร้านดังที่เจ้านายชอบมาเสิร์ฟเพราะตอนกลางวันเห็นกินข้าวไปนิดเดียว
“ขอบคุณครับคุณอัม แล้วนายวิตล่ะครับ”
“คุณวิตไปตามเอกสารที่เลขาของท่านประธานค่ะ” อัมพิกาตอบเจ้านายก่อนจะหันหลังกลับออกไปจากห้องทำงานใหญ่ที่เรียบหรูจัดพื้นที่ใช้สอยให้มีประโยชน์และเป็นส่วนตัวไม่ต้อนรับแขกที่ห้องนี้แต่มีห้องรับแขกและต้อนรับลูกค้าส่วนกลางสองห้องมีขนาดสิบคนและห้าคนที่ตกแต่งอย่างหรูหราสมกับบริษัทก่อสร้างออกแบบตกแต่งชื่อดังติออันดับหนึ่งในสามของประเทศ
เมื่อเลขาสาวใหญ่ออกไปแล้วจุลภัทรก็ตรวจเอกสารและเซ็นชื่ออนุมัติเอกสารทั้งหมดกองใหญ่สลับกับดื่มกาแฟน้ำส้มและกินแซนด์วิชไปด้วยจนอิ่มและงานก็เสร็จพอดี
“ตู้ดดๆๆ..”
“สวัสดีครับคุณแม่”
“สวัสดีจ้ะลูก แม่โทรมากวนจุลหรือเปล่าลูก” พักต์พริ้งถามลูกชายอย่างเกรงใจ
“ไม่กวนครับ คุณแม่อยู่บ้านหรือเปล่าครับ”
“แม่อยู่บ้านลุงภพจ้ะ ลูกจะแวะมากินข้าวเย็นด้วยกันมั้ยพอดีแม่มีเรื่องจะคุยกับลูกเรื่องบ้านของเด็กๆนิดหน่อยจ้ะ” พักต์พริ้งถามลูกชายที่ไม่ได้เจอกันมาสองอาทิตย์และยังไม่ได้ไปดูงานก่อสร้างบ้านพักของเด็กๆด้วยกันเลย
“ผมตั้งใจจะไปกินข้าวเย็นกับคุณแม่พอดีครับ กะว่าเลิกงานแล้วจะโทรหาแต่คุณแม่โทรมาหาผมก่อนครับ” ชายหนุ่มตอบแม่เขายังไม่ทันโทรหาท่านแต่ท่านโทรมาหาก่อน
“ดีเลยลูก แม่จะเข้าครัวช่วยป้าสุทำอาหารให้ลูกนะเดี๋ยวเจอกันนะลูก” พักต์พริ้งบอกลูกชายแล้ววางสายทันทีโดยไม่ฟังคำตอบจากลูกชาย
“ครับคุณแม่ แล้ว.. อ้าว..วางสายไปซะแล้ว” จุลภัทรมองโทรศัพท์แล้วยิ้มขำแม่ที่ดูจะดีใจที่เขาจะไปกินข้าวด้วยและรู้ว่าตัวเองพักนี้ไม่ได้เจอแม่เลยเขาต้องหาเวลาพาท่านไปพักผ่อนด้วยกันสักหน่อยแล้วที่ไหนดีล่ะ ก็บางแสนไงจะได้ทั้งงานและได้อยู่กับแม่ ชายหนุ่มคิดแล้วก็เคลียร์งานบนโต้ะต่อให้เสร็จจะได้ไม่มีงานค้าง
พักต์พริ้งวางสายจากลูกชายก็ส่งข้อความไปชวนฝนสุดากับลูกสาวมากินข้าวด้วยกันที่บ้านของพี่ชายเย็นนี้และไม่ต้องรอคำตอบยังไงฝนสุดากับชาครียาต้องมาแน่เพราะรู้จักสนิทสนมกันมากินข้าวด้วยกันประจำก่อนจะชวนพี่สะใภ้เข้าครัวทำอาหารเย็นรอลูกชายกับเพื่อนรุ่นน้องคนสนิท
“วันนี้คุณพักต์อารมณ์ดีนะคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” สุมนถามน้องสาวของสามีที่ปกติก็เป็นคนอารมณ์ดีอยู่แล้วแต่วันนี้ถึงกับร้องเพลงเบาๆมันผิดปกติไปนิดหนึ่ง
“พักต์ก็อารมณ์ดีแบบนี้ทุกวันนี่คะพี่สุ”
“เหรอคะ”
“ถูกต้องแล้วค่า..” พักต์พริ้งตอบยิ้มๆแค่คิดถึงแผนการที่จะให้ลูกชายมาเจอกับชาครียาก็อารมณ์ดีมีความสุข
“งั้นวันนี้พี่จะตำน้ำพริกอ่องจิ้มผักสด แกงคั่วไก่หน่อไม้ดอง ปลาทอดสมุนไพรแต่แกงฮังเลคงทำไม่ทันแล้วล่ะคุณพักต์จะทำอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ” สุมนมีเมนูอยู่ในหัวเพราะสามี ลูกสาว น้องสาวและหลานชายของสามีชอบทานอาหารเหนือเหมือนกันแต่ต้องไม่เผ็ดมาก
“ไม่ค่อยจะเห่อเลยนะคะพี่สุ พอรู้ว่าหลานชายจะมากินข้าวด้วยนี่ทำของโปรดไว้รอเลยนะคะ” พักต์พริ้งแซวพี่สะใภ้ที่รู้ว่าลูกชายของเธอชอบกินอาหารเหนืออย่างแกงฮังเล น้ำพริกอ่อง ไส้อั่ว แคบหมู ลาบและอีกหลายอย่างที่ไม่เผ็ดและชอบกินฝีมือของป้าสุ
“ก็นานๆหลานจะมากินข้าวด้วยกัน พี่ก็อยากทำของที่หลานชอบให้กินบ้างสิคะ” สุมนตอบน้องสาวของสามีแล้วเตรียมของสดออกมาจากตู้เย็น
“พี่สุมีปลาอีกมั้ย พักต์จะทำปลานึ่งมะนาวกับแกงเลียงกุ้งสด” พักต์พริ้งมองอาหารสดในตู้เย็นที่พี่สะใภ้หยิบออกมาวางบนเคาน์เตอร์ทำอาหาร
“มีสี่ตัวพอมั้ยคะ พี่เพิ่งไปจ่ายตลาดมาเมื่อเช้านี่เองค่ะ”
“พอค่ะ งั้นทำเลยนะคะพอทุกคนมาถึงก็เสร็จพอดี” พักต์พริ้งพูดจบก็จัดการเตรียมวัตถุดิบในการปรุงอาหาร
หลังจากเตรียมวัตถุดิบไว้แล้วสองสาวใหญ่ก็ทำอาหารที่ตัวเองถนัดใช้เวลาชั่วโมงครึ่งอาหารทุกอย่างก็ก็เสร็จพร้อมจะตั้งโต้ะรอแค่จุลภัทรกับสาวิตและฝนสุดากับชาครียามาถึงเท่านั้นและสองหนุ่มก็มาถึงก่อน
“สวัดดีครับลุงภพ” จุลภัทรยกมือไหว้ลุงและสาวิตที่เดินตามหลังมาก็ยกมือไหว้ลุงของเจ้านาย
“สวัสดีตาจุล ตาวิตไม่ได้เจอกันนานเลยนะหลานชาย” พิภพตบไหล่หลานชายกับสาวิตเบาๆ
“ผมงานยุ่งมากเลยครับลุง เดี๋ยวมีโปรเจคใหม่ผมจะส่งรายละเอียดให้ลุงนะครับจะได้มีเวลาเตรียมของไว้แต่เนิ่นๆ งานนี้ลุงรับเละแน่ครับ” คนเป็นหลานบอกลุงที่เป็นผู้ดูแลเรื่องต้นไม้ดอกไม้ประดับเวลาเขาไปสร้างบ้านสร้างคอนโดหรือโรงแรมให้ลูกค้าก็จะให้ร้านของลุงดูแลเรื่องต้นไม้ดอกไม้ประดับตดแต่งสวนตามที่ลูกค้าต้องการ
“ขอบใจมากหลานชาย ป่ะเข้าบ้านกันเถอะ” พิภพชวนสองหนุ่มเข้าบ้าน
“แล้วน้องอ่อนกับนายตรีไม่อยู่เหรอครับลุงภพ” สาวิตมองหาลูกสาวของลุงภพปกติมาที่นี่เขาก็จะเจอกันทุกครั้ง
“เดี๋ยวก็มาแล้วล่ะ วิตไม่ได้คิดอะไรกับลูกของลุงใช่มั้ย” พิภพหยุดเดินมองเลขาส่วนตัวของหลานชาย
“ไม่ได้คิดครับ ก็ปกติผมกับคุณจุลมาที่นี่ก็จะเจอน้องอ่อนกับนายตรีตลอดก็เลยถามหาครับ” สาวิตรีบปฏิเสธกลัวลุงภพจะเข้าใจผิด ทั้งที่จริงลุงภพเข้าใจถูกแล้วแต่ใครจะกล้าตอบล่ะว่าชอบลูกสาวของลุงภพ สราลีอายุน้อยกว่าเขาเกือบรอบ
“ไม่ชอบสักนิดเลยเหรอ”
“ชอบครับ ชอบเหมือนน้องครับ” ลุงภพจะถามทำไมเนี่ยจะลองภูมิเขาล่ะสิไม่มีทางหรอกเขาไม่หลงกลแน่นอน
“เสียดายจัง ลุงชอบวิตนะถ้าได้เป็นลูกเขยก็ดีสิแต่อย่างว่าแหละลูกสาวลุงยังเด็กอยู่ วิตคงไม่ชอบเด็กหรอกจริงมั้ย” พิภพพูดกับสาวิตยิ้มๆ
“เอ่อ..ครับ” สาวิตยิ้มแหยๆก็เล่นพูดดักคอเขาเสียขนาดนี้จะทำอะไรได้
“ไปๆเข้าบ้านกันป่านนี้สองสาวนั่นทำอาหารเสร็จแล้วมั้ง” พิภพพูดกับสองหนุ่มแล้วเดินนำเข้าบ้านที่อยู่หลังออฟฟิศ
“ฉันเพิ่งรู้ว่าแกไม่ชอบเด็ก” จุลภัทรตบไหล่เลขาคนสนิทเบาๆแล้วเดินตามลุงเข้าไปในบ้าน
“ใครว่าไม่ชอบเด็กล่ะ” หนุ่มหล่อพูดคนเดียวเบาๆแล้วเดินตามเข้าไปในบ้าน
ฝ่ายฝนสุดาก็โทรหาลูกสาวบอกว่าเลิกงานแล้วให้ไปกินอาหารเย็นที่บ้านของลุงภพด้วยกันแต่ลูกสาวตอบกลับมาว่าคืนนี้เธอควงเวรต่อเพราะเพื่อนของแลกเวรทำให้ฝนสุดาต้องไปบ้านของพิภพคนเดียว
"เอาไว้คราวหน้าชาร์มไม่พลาดแน่นอนค่ะแม่ ฝากขอโทษป้าพักต์ป้าสุลุงภพด้วยนะคะ" ชาครียาก็เสียดายที่ไม่ได้ไปกินอาหารเหนือฝีมือป้าสุ
"จ้ะลูก งั้นแค่นี้นะจ้ะ แล้วอย่าลืมกินข้าวเย็นด้วยนะลูก" คนเป็นแม่บอกลูกสาวด้วยความเป็นห่วงเพราะชาครียามักจะทำงานเพินจนลืมทานอาหารบ่อยๆ
"ค่ะแม่"
"งั้นแค่นี้นะลูก"ฝนสุดาวางสายจากลุกสาก็ขับรถตรงไปบ้านของพิภพ
ฝ่ายชาครียาวางสายจากแม่แล้วก็ไปทำงานต่อดูคนไข้ที่ห้องพักเพื่อตรวจวัดความดันวัดไข้และดูอาการต่างๆพร้อมกับหัวหน้าพยาบาลซึ่งอยู่ในโซนห้องพิเศษหากคนไข้อการผิดปกติกก็ต้องแจ้งคุณหมอเจ้าของไข้ ฝ่ายฝนสุดาก็ไปถึงบ้านของพิภพเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาสี่สิบนาทีพอจอดรถก้เดินผ่านออฟฟิศเข้าไปที่บ้านของพิภพ
“สวัสดีคะพี่ภพ พี่สุ พี่พักต์ คุณจุล คุณวิต” ฝนสุดายกมือไหว้เจ้าของบ้านและเพื่อนบ้านรุ่นพี่แล้วยิ้มให้หนุ่มหล่อทั้งสองและเธอรู้จักสาวิตตอนที่ประสานงานเรื่องบ้านพักของเด็กๆ
“สวัสดีครับคุณน้า” สองหนุ่มหล่อยกมือไหว้ผู้มาใหม่พร้อมกัน
“ทำไมฝนมาคนเดียวล่ะ” พักต์พริ้งถามฝนสุดาเพราะเธอหวังจะให้ชาครียาเจอกับลูกชาย
“พอดียัยชาร์มเข้าเวรแทนเพื่อนเลยมาไม่ได้ค่ะพี่พักต์”
“อ่อ..ไม่เป็นไรจ้ะ” เธออุตส่าห์วางแผนไว้สุดท้ายก็พลาดอีกแล้วแต่ไม่เป็นไรยังมีเวลาอีกเยอะตราบใดที่ลูกชายของเธอยังไม่แต่งงาน
“ยัยอ่อนกับนายตรีมาแล้ว พี่ไปตั้งโต้ะก่อนนะคุณพักต์กับคุณฝนคุยกับหนุ่มไปก่อนนะคะ” สุมนพูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปในครัวเพื่อให้แม่บ้านช่วยจัดโต้ะอาหาร
เมื่อทุกคนรับประทานอาหารเย็นด้วยกันอิ่มแล้วสุมนกับลุกๆทั้งสองก็ไปช่วยกันล้างถ้วยชาม ส่วนพักพริ้งก็ชวนลูกชายพี่ชาย สาวิตและฝนสุดาไปคุยกันที่หน้าบ้านทั่วไปก่อนจะคุยเรื่องบ้านพักของเด็กๆที่มีความคืบหน้าไปมาก
“เรื่องเฟอร์นิเจอร์ในห้องพักของเด็กๆที่ตาวิตส่งมาให้แม่ดู แม่กับน้าฝนและครูแววเลือกแล้วนะลูกเดี๋ยวแม่ให้คนเอาไปให้ที่บริษัทนะจ้ะ” พักต์พริ้งบอกลูกชายที่ส่งแคตตาล็อคเฟอร์นิเจอร์ประเภทตู้เตียงนอนโต้ะหนังสือให้พวกเธอเลือกที่เหมาะสำหรับเด็กๆ
“ได้ครับคุณแม่ อาทิตย์นี้ผมคงไม่ได้ไปดูงานที่สามพรานนะครับ พอดีมีงานที่โคราชคุณแม่มีอะไรก็โทรหาผมได้เลยไม่งั้นก็แจ้งพ่อหรือวิศกรที่ดูแลงานได้นะครับ” จุลภัทรบอกแม่เขาก็อยากไปดูงานแต่โปรเจคใหญ่ที่เขาใหญ่ด่วนกว่าเขาจึงสั่งงานวิศวกรผู้ดูแลควบคุมงานก่อสร้างไว้แล้วและยังมีพ่อของเขาคอยช่วยดูแลรวมถึงป้านวลที่จะไปดูกับแม่
“จ้ะลูก แล้วนี่จุลจะไปบางแสนเลยเหรอแม่ว่านอนที่นี่สักคืนก่อนมั้ยแล้วพรุ่งนี้ค่อยไปตอนเช้าดีกว่านะลูก” คนเป็นแม่ก็ห่วงลูกชายที่จะเดินทางตอนกลางคืนแม้จะเสียดายที่ไม่ได้เจอชาครียาแต่โอกาสหน้ายังมี
“ไม่เป็นไรครับแม่ ขับรถไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้วครับ”
“แล้วเมื่อไหร่จะพาแฟนมาแนะนำให้ลุงรู้จักบ้างล่ะตาจุล” พิภพแซวหลานชายที่มีแฟนแต่ไม่พามาแนะนำให้ใครรู้จักเลย
“ผมโสดครับลุงภพ” คนโสดตอบลุงด้วยท่าทางสบายๆ
“จริงเร้อะ แล้วไอ้ข่าวที่ออกมาล่ะ” เขาเองก็ติดตามข่าวของหลานชายตลอดว่ารักใครชอบใคร
“จริงครับลุงภพ ผมกับปุ้มเราเลิกกันแล้วครับ”
"โสดแต่ไม่สดครับลุงภพ" สาวิตล้อเจ้านายที่บอกว่าโสดสนิททั้งที่เพิ่งยุติความสัมพันธ์กับพัชรียาเมื่อเช้านี่เอง
“เฮ้อ..หนุ่มสาวมมัยนี้คบๆเลิกๆเหมือนกับเป็นเรื่องสนุกเลยนะ แล้วที่ฝ่ายหญิงบอกว่าจะแต่งงานล่ะหมายความว่ายังไงหรือจุล” คนเป็นลุงถามหลานชายเพราะเห็นฝ่ายหญิงให้ข่าวว่าจะแต่งงานเร็วๆนี้
“พ่อแม่ของเธออยากให้แต่งงานครับ แต่ผมยังไม่พร้อมครับลุงภพก็เห็นว่าผมงานยุ่งมากกก แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลครอบครัวล่ะครับ เอาไว้ทุกอย่างลงตัวก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องแต่งงานก็ยังไม่สายนี่ครับ จริงมั้ยครับคุณน้าฝน” ชายหนุ่มหาพวกเพราะแม่กับลุงก็อยากให้เขาแต่งงานไม่ต่างจากย่ากับป้า
“แต่น้าว่าคุณจุลแต่งงานวันนี้กำลังดีนะคะ” ปลายฝนตอบแล้วยิ้ม
“อ้าว..ผมลืมไปว่าคุณน้าฝนเป็นพวกเดียวกับคุณแม่ หุหุๆๆ..” ชายหนุ่มพูดหยอกเพื่อนของแม่อย่างอารมณดีเพราะมาบ้านลุงทีไรเขารู้สึกอบอุ่นเต็มไปด้วยความรักและห่วงใยที่มีให้เขาถึงพ่อแม่จะเลิกกันเขาก็ไม่รู้สึกขาดอะไร
“ลูกเลิกกับแฟนแล้วจริงเหรอจ้ะ” พักต์พริ้งถามลูกชายแล้วมองสบตากับเพื่อนบ้านคนสนิทอย่างรู้กัน
“ครับคุณแม่ แต่อย่าเพิ่งพาลูกสาวเพื่อนๆของคุณแม่มาแนะนำให้ผมรู้จักนะครับ” ชายหนุ่มพูดขึ้นก่อนที่ผู้เป็นแม่จะเสนอลูกสาวหลานสาวของเพื่อนๆให้เขา
“ฮ่าๆๆ...” สาวิตอดขำไม่ได้แค่คุณหญิงย่าหาให้เจ้านายของเขาก็หลบหลีกแทบไม่ทัน
"หัวเราะอะไรวะ"
"เปล่าครับ" สาวิตกลั้นยิ้มขำเจ้านาย
“แม่ไม่ได้คิดเหมือนคุณหญิงย่าของลูกนะจ้ะ แม่ยังไงก็ได้ถ้าจุลอยากมีแฟนอยากแต่งงานเมื่อไหร่ก็ตามความพอใจของลูกเลยจ้ะ” พักต์พริ้งค้อนลูกชายที่พูดดักคอเธอไว้ก่อนที่จะพูดเรื่องสาวๆ
“ขอบคุณครับคุณแม่” ชายหนุ่มยิ้มให้แม่อย่างรู้ทันเช่นกัน “งั้นผมกับนายวิตขอตัวกลับก่อนนะครับ ไว้คราวหน้าผมจะมากินข้าวฝีมือของคุณแม่กับป้าสุอีกนะครับ” ชายหนุ่มบอกแม่ตอนนี้ก้สองทุ่มแล้วกว่าจะไปถึงบางแสนก็คงเกือบสี่ทุ่ม
“ตามสบายเถอะหลายชาย ขับรถกันดีๆล่ะ” พิภพพูดกับหลานชายที่ยังขับรถไปไหนมาไหนเองไม่มีคนขับรถส่วนตัวส่วนมากก็ไปกับสาวิตเพราะทำงานด้วยกันตลอด
“ครับลุงภพ สวัสดีครับ” จุลภัทร์ยกมือไหว้ลาทุกคน
"สวัสดีครับ" สาวิตก็ยกมือไหว้ทุกคนตามเจ้านาย
แล้วทั้งสองหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่ลานจอดของร้านขายต้นไม้แล้วสาวิตก็ขับออกไปจากบ้านของพิภพจึงไม่รู้ว่าแม่มองค้อนตามหลังทำให้พิภพกับฝนสุดาอดขำไม่ได้ที่พักต์พริ้งกับลูกชายรู้ทันกัน