4
- ตรวจสุขภาพ –
วันนี้ทางโรงพยาบาลที่ฉันประจำการอยู่ได้รับเชิญให้ส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในแต่ล่ะอย่างเข้าไปเป็นวิทยากรให้คำปรึกษากับนักศึกษาแพทย์ที่กำลังจัดโครงการสวัสดิการตรวจสุขภาพประจำปีของมหาลัยแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าน้อง ๆ นักศึกษาแพทย์จะเป็นผู้ลงมือปฏิบัติ ส่วนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเข้าไปให้คำแนะนำ และตรวจสอบเบื้องต้นให้ว่า เคสไหนสามารถให้นักศึกษาแพทย์ทำได้ หรือเคสไหนควรส่งต่อให้กับทางโรงพยาบาล
แน่นอนว่าทั้งฉัน และ แพรวต่างก็เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับมอบหมายในครั้งนี้ร่วมกับแพทย์คนอื่น ๆ อีก 6 คน รวมเป็น 8 คน
พวกเรามาถึงมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงพยาบาลนัก ก็ที่มาคาเฟ่แมวนั่นแหละนะ
เมื่อยังไม่ถึงเวลาที่เราจะเข้าไปอบรมนักเรียนแพทย์ ทั้งฉันกับแพรวก็ของปลีกตัวไปหาอะไรทานกันก่อน แน่นอนว่าสายตานักศึกษาหลาย ๆ คนต่างจับจ้องมาที่พวกเรา ไม่รู้มองเพราะอะไร แต่ที่แน่ ๆ รอยยิ้มของนักศึกษาตามรายทางก็ทำให้ฉันและแพรวกระชุ่มกระชวยกันพอควร
“ไหน ๆ ก็มาถึงมหาลัยแล้วก็หาซะเลยสิ” ยัยแพรวหันมากระซิบก่อนจะเบือนหน้าไปยิ้มให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ฉันเองก็เช่นกัน อิอิ
“เป็นความคิดที่ดี เด็กเอ๊าะ ๆ คงทำเข็ดฟัน ฮ่า”
“อิบ้า ฉันหมายถึงให้แกไปส่องอาจารย์ผู้ชาย ไม่ได้ให้ไปส่องเด็ก” ยัยแพรวหันมาค้อนฉัน
“อ้าวเหรอ แต่ถ้าให้ฉันเลือกละก็ ฉันเลือกเด็กหนุ่มมากกว่านะ ฮ่า...” จริง ๆ ฉันก็แกล้งหยอกไปงั้น ก็ดูสภาพฉันสิ วัยทำงานขนาดนี้ เด็ก ๆ ที่ไหนจะอยากคบเป็นแฟนจริงมั้ยล่ะ
หลังจากที่เราสองคนหาอะไรรองท้องกันเสร็จ ก็กลับไปจัดเตรียมข้อมูลที่จะเริ่มอบรมให้นักศึกษาแพทย์เฉพาะทางของตัวเอง
บุคลิกของฉันกับแพรว แม้ดูจะสะดีดสะดิ้ง แรดนิ่ง ๆ เจ้าชู้หน่อย ๆ แต่พออยู่ในโหมดคุณหมอก็วางตัวดีไม่ได้ทำกิริยาไม่งามนะ เราสองคนรู้อยู่เต็มอกว่าอะไรควรไม่ควร
อย่างเช่นตอนนี้ที่ฉันกำลังเป็นวิทยากรอยู่นั้น ก็จะสุขุม พูดจาฉะฉาน ใบหน้ายิ้มแย้ม ใครถามมา หรือต้องการคำปรึกษา ก็จะเต็มใจให้ความช่วยเหลือเต็มทีดังนั้น
“ใครมีอะไรสงสัยอีกมั้ยคะ” ฉันที่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้องประชุมเอ่ยถามนักศึกษาแพทย์คณะทันตแพทยศาสตร์
“ผมครับ” มีนักศึกษาหนุ่มยืนขึ้นถามฉัน
“เชิญค่ะ” ฉันยิ้มรับ
“คุณหมอสุดสวยมีแฟนรึยังครับ” สิ้นคำเสียงนักศึกษาแพทย์ในห้องประชุมก็โฮ่ร้องกันเซ็งแซ่กึกก้อง ทำเอาฉันอดยิ้มไม่ได้
“หมอโสดค่ะ” ฉันตอบนักศึกษาไปแบบไม่คิดมา แต่เสียงในห้องประชุมกับร้องดังกันมากขึ้น ทำเอาฉันอดยิ้มร่าไม่ได้ เนี่ยแหละนะชีวิตวัยมหาลัย นึกถึงตอนฉันเรียน ฉันเองก็คึกคักแบบนี้เหมือนกัน
หลังจากการบรรยายผ่านไปได้ด้วยดี ฉันก็กลับมายังห้องพักรับรองที่มหาวิทยาลัยจัดไว้ให้ ดูเหมือนแพทย์บางท่านจะขอตัวกลับกันก่อน แต่ที่ฉันยังไม่กลับเพราะอยากรอแพรวจึงยังนั่งเอ้อระเหยลอยชายอยู่ในห้องนี้
“นานจัง...” ฉันบ่นเพราะเมื่อเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าผ่านไปราวเกือบชั่วโมงได้ จนพบว่ามีข้อความไลน์ส่งมาเมื่อ ครึ่งชั่วโมงก่อน
แพรว : ออย ฉันกลับก่อนนะ พี่เจเดนมารอรับฉันบอกไม่อยากไปเขาก็ลากฉันขึ้นรถเฉย ขอโทษเพื่อน ไว้คุยกัน
“...” ฉันนั่งนิ่งอ่านข้อความที่เพื่อนส่งมา “แล้วนี่ฉันนั่งรออะไรอยู่” ฉันลุกขึ้นส่ายหัวอย่างเสียอารมณ์ก่อนจะคว้ากระเป๋าของตัวเองเดินออกจากห้องรับรอง
ฉันเดินสัมผัสบรรยากาศยามเย็นในมหาลัย นักศึกษาเบาบางลงไปมาก ไม่ได้พลุ่งพล่านเหมือนช่วงบ่าย
“หูย...กล้ามแน่น ๆ” ฉันที่กำลังเดินผ่านสนามบาสก็ไม่พลาดที่จะมองไปยังเหล่านักศึกษาชายรวมตัวกันเล่นบาส ไม่ใช่แค่ฉันที่มองหรอก เพราะสาว ๆ มหาลัยก็เกาะขอบรั้วตะแกรงเหล็กมองกรี๊ดกร๊าดไม่ต่างกัน พอนึก ๆ ดูแล้วสมัยก่อนฉันก็ทำแบบนี้ พูดแล้วก็ขำตัวเองฮ่า...
ฉันยืนมองอยู่ใต้ต้นไม้ถอยออกมา ยิ่งมองยิ่งเพลิน ถ้าไม่ติดว่าอายุ 27 แล้วเนี่ยคงตะโกนเรียก ‘รุ่นพี่คะ หันมาทางนี้หน่อยค่า’ แน่นอน
“กรี๊ด.........นั่นมันพี่เวย์วิศวะคอมคนหล่อหาตัวจับยากนินา”
“ไหน ๆ เฮ้ยจริงด้วยไม่คิดว่าพี่เวย์จะมาเล่นบาส ข่าวด่วน มึงรีบถ่ายรูปรีบโพสต์เลย”
ฉันที่ได้ยินเสียงสนทนาของเหล่านักศึกษาสาว อวดอ้างสรรพคุณหนุ่มหล่อในมหาวิทยาลัย ก็พาลทำให้อยากเห็นขึ้นมา จึงเดินเข้าไปรวมตัวกับสาว ๆ มหาลัยคงเนียนอยู่ล่ะมั้ง เริ่มแรกก็ทำเนียนตีสนิทน้อง ๆ ทำเป็นไม่ได้สนใจคนในสนามมากนัก เมื่อคุยกันจนถูกคอจึงเอ่ยถามพอเป็นพิธี
“ว่าแต่น้อง ๆ คะ คนไหนชื่อน้องเวย์เหรอ พอดีพี่เห็นทุกคนบอกว่าหล่อ”
“คนนั้นค่ะพี่สาว พี่เวย์ วิศวะคอมปี 4 หล่อมากเลยค่ะ” เด็กสาวชี้ไปทางผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังรวมอยู่กับเพื่อน ๆ ข้างสนามบาส ฉันเพ่งสายตามองอย่างพินิจ ก็หล่อสมคำร่ำลือจริง ๆ แค่ยืนรวมกับเพื่อนออร่าก็โดดเด่นออกมามากกว่าใคร รูปร่างก็ดีสุด ๆ แต่......
“ทำไมคุ้นหน้าจังแหะ” นั่นคือความคิดที่ผุดตามออกมา
‘กรี๊ด.........พี่เขาเดินมาทางนี้ด้วย’
เสียงกรี๊ดของสาว ๆ ที่เกาะขอบรั้วตะตะแกรงเหล็กดังขึ้นแรงอีกครั้ง ทำเอาฉันหลุดจากภวังค์ความนึกคิดของตน จวบจนเห็นน้องผู้ชายคนที่กำลังอยู่ในความคิดเดินข้ามสนามบาสมาฝั่งที่พวกเรายืนอยู่
‘ยิ่งเข้ามาใกล้ยิ่งหล่อจริง ๆ และก็ยิ่งคุ้นตา’
เขายืนอยู่ตรงหน้าสาว ๆ ที่มีรั้วตะแกรงเหล็กกั้นอยู่ (และมันก็ตรงกับที่ฉันยืนอยู่ด้วย) ทำเอาฉันอดยิ้มไม่ได้ว่า
ตอนนี้ฉันจึงกอดอกรอดูว่าน้องผู้ชายคนนี้จะทำอะไร หรือแค่มาทำให้หัวใจสาวน้อยเหล่านี้เต้นโครมครามเล่น ๆ เท่านั้น ถ้าเป็นแบบนั้นตอนนี้มันคงสำเร็จแล้วล่ะ เพราะน้อง ๆ ผู้หญิงที่เกาะรั้วตะแกรงเหล็กตอนนี้เงียบเฉียบใบหน้าแดงก่ำกันอย่างมิได้นัดหมาย นี่ขนาดน้องผู้ชายไม่ได้ปริปากพูดอะไรสักคำนะ
“พี่มาหาผมเหรอ” จากที่ทุกคนเงียบตอนนี้ยิ่งเงียบไปกว่าเดิมเมื่อ แม้แต่ฉันเองที่กำลังอมยิ้มอยู่ก็ต้องพล้อยเงียบไปด้วย นัยน์ตาคมคายคู่นั้นมองจากดาวอังคารก็รู้ว่ามองฉันอยู่ จนทำให้เด็กสาวรอบ ๆ สนามบาส ต่างก็มองมาที่ฉันอย่างเคลือบแคลงใจ ว่าเหตุใดหนุ่มหล่อมหาลัยคนนี้ถึงเอ่ยทักพี่สาวต่างวัยราวกับรู้จักกันมาก่อน
“พี่???....” ฉันพูดพลางชี้หน้าตัวเองเพื่อยืนยันคำตอบของเขา
“ใช่..ในนี้มีใครแก่จนผมเรียกพี่ได้บ้างล่ะ” ใช่ค่ะและนั่นคือคำตอบที่ทำให้ฉันแทบหน้าหงาย
“เหอะ...เรียกให้มันดี ๆ หน่อยแล้วเรารู้จักกันรึไงหนุ่มน้อย” แม้หน้าตาจะหล่อปานฟ้า แต่พอเจอเรียกแก่ ก็พาลเอาเซ็งได้จริง ๆ นะ
“จำกันไม่ได้แล้วเหรอ เมื่อคืนยัง....” ฉันที่ได้ยินคำว่าเมื่อคืน จู่ ๆ ภาพในบาร์โฮสนั้นก็ลอยแว๊บเข้ามาในสมอง
“หรือว่านายคือ......” ฉันจ้องมองน้องเขาตาไม่กะพริบ
“ทีนี้จะเดินมาคุยกับผมได้รึยัง” รอยยิ้มมุมปากนั้นแถมยังเอียงคอมองมาอย่างตั้งใจ ทำเอาสาว ๆ ในนั้นรัวชัตเตอร์กันไม่พัก กรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่ ในขณะที่ฉันเริ่มจะกรอกตาบนด้วยความหมั่นไส้
ฉันปลีกตัวออกมาคุยกับน้องเขาที่ม้าหินอ่อนห่างจากคนอื่นๆ พอประมาณ ก็รู้แหละว่าสายตาจำนวนมากของคนรอบสนามจดจ้องมาทางเราทั้งคู่อยู่ แถมเพื่อน ๆ ของน้องเขาในสนามก็มองกันมาอย่างยกใหญ่
ถามว่าฉันอายมั้ย ก็ไม่นะ ดีไม่ดีคนเหล่านั้นอาจกำลังจะคิดว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันซะมากกว่า
“อยากคุยเรื่อง...” ฉันเริ่มเปิดประเด็นก่อนพลางจ้องหน้าผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่หลบสายตาใด ๆ
“มาทำอะไรที่นี่...มาตามผม???” แค่คำพูดแรกของชายตรงหน้าเอ่ยออกมา ก็ทำเอาฉันหลุดขำ
“ฮ่า...ตามน้องมาเนี่ยนะถามจริ๊ง...พี่จะตามมาได้ไงคะเมื่อคืนขนาดชื่อยังไม่รู้ด้วยซ้ำ”
“แล้วที่มา มหาลัยผมนี่คืออะไร มาหาเหยื่อเหรอ” ตอนแรกฉันก็ขำอยู่หรอก แต่เมื่อเจอคำพูดที่ดูเหมือนยัดเหยียดให้ฉันเป็นคนร่าน ๆ แล้วเริ่มชักหงุดหงิดแล้วแหะ
“ไม่มีอะไรดี ๆ จะพูดกับผู้ใหญ่แล้วรึไง คิดอะไรตื้น ๆ พี่มาทำงานค่ะน้อง...”
“ใครจะรู้ เห็นเอาแต่ยิ้มเรี่ยราดไปทั่วมหาลัย”
“เห็นพี่เหรอ??? …แล้วจะให้พี่ทำหน้าหมาไม่รับประทานเหมือนน้องเหรอคะ”
“...” สิ้นคำที่ฉันพูด ชายตรงหน้าก็กอดอกคิ้วขมวด น้องเขาจะต่อยหน้าฉันรึเปล่าเนี่ย
“ว่าแต่พี่เห็นคนเขาเรียกน้องว่า เวย์ ชื่อเวย์เหรอเราอ่ะ”
“อืม....เวย์”
“ใช้ได้ ชื่อสอดคล้องกับใบหน้าอยู่นะ”
“ยังไง..” ใบหน้าหล่อคมคายจ้องมองมาที่ฉันนิ่ง ยิ่งมองเข้าไปใน นัยน์ตาคู่นั้นก็ทำเอาใจคนแก่กว่าอย่างฉันสั่นไหวได้นะเนี่ย
“ชื่อดี หน้าก็หล่อ”
“เต๊าะ???”
“ตลอดไป...”
“เหอะ....พูดแบบนี้ไปแล้วกี่คนละ”
“คนแรกจะเชื่อพี่รึเปล่าคะน้อง”
“ใครเชื่อก็โง่แล้ว....” น้ำเสียงน้องเขาหนักแน่นมาก ทำเอาฉันเกือบหลุดขำ
“งั้นก็ลองมาพิสูจน์สิ”
“พิสูจน์???” น้องเขาเลิกคิ้วมองมา ฉันได้ทีก็ยื่นมือถือให้ไป
“แอดไลน์ ให้เบอร์ด้วยยิ่งดี” มือหนาของน้องเขารับไปก่อนจะกดยุกยิกที่มือถือแล้วส่งคืนฉันมา แต่ฉันไม่วางใจหรอกเพราะน้องเขาอาจจะแกล้งใส่เบอร์คนอื่น ไม่ก็เมมเบอร์ปล่อยเงินกู้ตามเสาไฟฟ้าก็ได้ ฉันจึงต้องทดสอบโดยการส่งไลน์ไปต่อด้วยกดเบอร์โทรออกทันที
‘Line!!!’ ‘เสียงมือถือดังขึ้น’
น้องเขาหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะโชว์มันให้ฉันดูว่านั่นคือมือถือของเขาพลางยกยิ้มมุมปากยิ้มร้าย