“พายุ เดี๋ยวสิลูก”ร่างเล็กของผู้เป็นแม่แกะมือของลูกชายตัวน้อยที่ตอนนี้สองขวบกว่าแล้วออกจากชุดเดรสเปิดไหล่สีครีมของตนเอง
“พายุอยากไปหาป้าขวัญง่า”เอ่ยถึงเพื่อนรักของมารดา รัตติกาลยิ้มน้อย ๆ ให้กับความงอแงของลูกชาย “แต่ขอเวลาแม่แต่งตัวก่อน โอเคนะครับ”
“ก็ได้ครับ พายุอยากเห็นแม่จ๋วยเหมือนทุกวัน”พูดเเล้วก็เขย่งเท้าจุ๊บแก้มนิ่ม ๆ ของมารดา
“ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปเล่นกับน้าก่อนนะครับ”พูดถึงน้องชายวัยสิบเก้าปี
“โอเช~”พอได้รับคำสั่งก็รีบวิ่งออกไปหาผู้เป็นน้าที่นั่งดูทีวีอยู่ด้านล่าง
“พี่จะไปไหนอะ”อาทิตย์ถามขึ้นในขณะที่อุ้มเจ้าหมูน้อยไว้ในอ้อมอก
“พี่จะไปเตรียมงานแต่งงานช่วยขวัญหน่อยน่ะ เลี้ยงหลานด้วยอย่าหนี ไม่งั้นฟ้องแม่”เธอพูดเองเออเองเสร็จสรรพ น้องชายแทบจะแทรกออกมาไม่ได้
“โอเค ๆ ได้ครับ แล้วพี่จะกลับกี่โมง พายุต้องกินนมพี่นะ”
“ไม่กี่ชั่วโมงก็กลับ แล้วก็ไม่ต้องห่วงพี่ปั๊มนมไว้เเล้ว ทำเหมือนเดิมนั่นแหละ พายุรักแกจะตาย”พูดจบก็เดินมาหาน้องชายและควักธนบัตรแบงค์เทาสองใบให้
“คิดไงมาให้”
“เก็บไว้ อาทิตย์หน้าแกก็ต้องไปอยู่หอแล้ว”
“ไม่เอาอะ อยู่บ้านสบายกว่า ไม่ไปหรอก”
“แกคิดว่ามหา’ลัยแกมันอยู่ใกล้ที่นี่นักเหรอ”
“มันก็ดีกว่าไปอยู่คนเดียวแหละ”
“งั้นก็ตามใจ แต่เก็บไว้ถือว่าเป็นค่าขนมที่พี่ลืมจ่ายแกเมื่อสองอาทิตย์ก่อน”รัตติกาลวางแบงค์เทาลงบนโต๊ะพร้อมกับเดินมาหอมแก้มนิ่มของลูกชายและบอกลา
อาทิตย์มองพี่สาวที่เดินออกไปกับธนบัตรที่วางอยู่บนโต๊ะสลับกันไปมาด้วยความแปลกใจ ที่ผ่านมารัตติกาลไม่เคยให้เงินเยอะขนาดนี้ เพราะตัวอาทิตย์เองไม่ค่อยออกจากบ้าน เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ ไม่เที่ยวเสียด้วยซ้ำยกเว้นว่าจะไปเรียนพิเศษ แต่เดี๋ยวนี้เขาไม่ได้เรียนพิเศษแล้ววันหยุดหรือปิดเทอมก็นอนอยู่บ้านเลี้ยงหลานอย่างเดียว
แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยผ่านไปและบอกว่าตนคิดมากไปเอง
พอมองกลับมาที่ใบหน้าของหลานชายก็นึกถึง 'อดีตพี่เขย' ของตนขึ้นมาทันที
อยากจะโกรธก็โกรธไม่ได้
อยากจะเกลียดก็เกลียดไม่ลงเพราะเขาเป็นหลานแถมยังหล่อเหลาเหมือนพ่อเสียด้วย
“จะให้แพรวเอาหมูโสร่งกับพล่ากุ้งไปไว้โต๊ะไหนคะ”เด็กในร้านเอ่ยถาม ทำให้หญิงสาวหันมามองในขณะที่กำลังดูที่ออแกไนซ์เซอร์ทำงานอยู่
“ไว้โต๊ะนั้นเลยจ้ะ ต้องให้เจ้าของงานเขาชิมก่อนว่าโอเครึเปล่า”พูดถึงเพื่อนรัก
เมื่อได้คำตอบสาวเจ้าก็เดินไปที่โต๊ะอีกฝั่งที่โล่งอยู่ แต่อาหารอีกหลายอย่างที่จัดเรียงกันอยู่บนโต๊ะยาวอีกตัว
“ขอบคุณนะคะคุณไนท์ ที่จัดเตรียมอาหารให้ทีมงาน อาหารร้านคุณไนท์สุดยอดมากค่ะ ดิฉันเคยไปทานมาแล้วอร่อยม๊ากมาก”ออแกไนซ์เซอร์ของงานเดินมาหาและพูดขอบคุณอยู่หลายครั้ง
‘ร้านกลิ่นจันทร์’ ร้านอาหารของเธอใคร ๆ ก็รู้จักไม่ว่าจะต่างชาติหรือคนไทย ทั้งเซเลปไฮโซ ดารา แม้แต่คนธรรมดาก็ชื่นชอบทั้งนั้น เพราะเป็นอาหารไทยโบราณที่หาทานได้ยากมากในปัจจุบัน แถมขนมไทยที่เอาไปมิกซ์แอนด์แมทกับขนมนอกของหลาย ๆ ประเทศ และก็มีชื่อเสียงในหมู่คนรักของหวานมากอีกด้วย แต่น้อยคนนักที่จะได้เห็นหน้าเจ้าของร้านที่เขาล่ำลือกันว่าทั้งสวยทั้งเก่ง สาเหตุคือเธอไม่ค่อยมีเวลามาดูแล เพราะเธอเองต้องดูแลลูกชายวัยเพียงสองขวบ ร้านก็ต้องให้แม่ดูแลไปในระหว่างที่เธอไม่อยู่
ร้านนี้เป็นร้านที่เธอรักมากเพราะเป็นคนสร้างขึ้นมาเองกับมือ แค่เด็กอายุยี่สิบสองสามารถทำงานเลี้ยงตัวเองได้มากขนาดนี้พ่อแม่ก็ภูมิใจและดีใจกับเธอด้วย
“ขอบคุณมากเลยนะคะที่อุดหนุน งานแต่งงานเพื่อนรักทั้งที เขาขอให้ช่วยก็ช่วยค่ะ”รัตติกาลยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร “งั้นพวกเราขอบคุณอีกครั้งนะคะ พวกเราจะทำงานอย่างเต็มที่เลยค่ะ จะทำออกมาให้สุด ๆ ไปเลยค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ”พอพูดคุยกันเสร็จออแกไนซ์เซอร์ก็ขอตัวไปดูงานต่อ ส่วนรัตติกาลก็เดินออกมาเข้าห้องน้ำที่ติดกับห้องจัดงานของโรงแรมหรู
“งานก็เรียบร้อยดีเเล้วนี่ มึงจะให้กูช่วยอะไรอีก”ร่างสูงเอามือท้าวสะเอวตนเองและมองไปรอบ ๆ
“ก็มึงเชี่ยวชาญด้านเครื่องดื่ม กูอยากได้เเบบที่สุดยอด ๆ ไปเลย ทำได้ไหม”
“เรื่องพวกนั้นกูลืมหมดแล้ว”
“ได้ไง มึงบาร์เทนเดอร์ตัวพ่อเลยนะ อย่าทำเป็นลืม แม่มึงก็บ่นให้กูฟังว่าดื่มเหล้าทุกวัน”
อัคนีเงียบเพราะเถียงไม่ออก มันคือความจริงที่ว่าเขาเป็นนักชงแอลกอฮอล์ตัวพ่อ ไม่ว่าจะแบบไหนก็ทำได้ถ้าไม่มีใครรู้ว่ารวยคงคิดว่าเขาทำงานเป็นบาร์เทนเนอร์เเน่ ๆ
แต่ตอนนี้เขาหักดิบทุกอย่างไม่ว่าจะบุหรี่หรือเรื่องเที่ยว แต่เรื่องเหล้าก็นาน ๆ ที ไม่ได้ทุกวันอย่างที่มารดาพูดกับเพื่อนรัก
คงจะเป็นเพราะว่านายเมฆาหรือบิดาของตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับของพวกนี้ อีกทั้งยังมี นายนทีธรผู้เป็นน้องชายไม่ยุ่งเกี่ยวกับของพวกนี้เขาเลยกลายเป็นลูกนอกคอกในสายตาของคุณนายจันทรา “เออ ๆ ก็ได้ ว่าแต่ไอ้พวกเครื่องดื่มอยู่ไหนล่ะ”
“กำลังมา นี่ส่งมาจากลาสเวกัสเลยนะ เกรดพรีเมียมทั้งนั้น”อัคนีพยักหน้าพลางเข้าใจ
“คุณกรนวัติคะ”เสียงเลขาของกรนวัติเเทรกเข้ามาในบทสนทนา ทำให้ทั้งคู่หันไปมอง “ว่ายังไงคุณนี”
“อาหารที่นำมาให้แขกทานอยู่ทางด้านนู่นค่ะ เจ้าของร้านบอกให้ลองชิมก่อน”เมื่อเลขาเหลือบตามองคนที่ยืนอยู่ด้วย ก็รู้ทันทีว่าเป็นเพื่อนรักของเจ้านาย
ก่อนหน้านี้เธอถูกสั่งห้ามไม่ให้เอ่ยถึงชื่อของรัตติกาลให้เพื่อนรักของเจ้านายได้ยิน ถึงจะสงสัยแต่ก็ทำได้แค่ทำตามคำสั่งของเจ้านาย
กรนวัติพยักหน้าและเดินตามไปและชวนให้อัคนีไปทานด้วยเพราะยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่ขึ้นเครื่องมา
“แล้วขวัญล่ะ”ถามถึงเจ้าสาว
“คุณทรายขวัญไปกับคุณหญิงแก้วแล้วค่ะ”
“โอเค งั้นทานเลยดีกว่า”
อัคนีมองอาหารไทยหลายรสที่อยู่บนโต๊ะ ก็นึกเอะใจว่าทั้งทรายขวัญกับกรนวัติเปลี่ยนรสนิยมเเล้วหรือ ปกติไม่เห็นจะเคยแตะหรือไม่ก็นาน ๆ ที
"หมูโสร่งอร่อยนะเนี่ย"
"มึงเปลี่ยนรสนิยมตั้งแต่เมื่อไร"
คำถามของอัคนีทำให้กรนวัติชะงักแต่ก็แค่ครู่เดียวก็ทานต่อ
"กูก็กินได้หมดอ่ะ ไม่มีหรอกนิยงนิยม อย่ามัวแต่สงสัย กิน ๆ เดี๋ยวจะเย็นชืดซะก่อน"
เมื่อรัตติกาลออกมาจากห้องน้ำก็ถูกทรายขวัญดึงมาที่ร้านงามตา เป็นร้านเสริมสวยเกรดดีในห้างสรรพสินค้าชื่อดังและเจ้าของร้านก็เป็นพี่สาวของทรายขวัญเอง “ฉันยังจัดการงานให้แกไม่เสร็จเลยนะ ลากไปลากมาอยู่นั่น แถมตอนเช้ายังจะไม่อยู่อีก ปล่อยให้รอตั้งนาน”
“โธ่ คุณแม่อย่าบ่นนักเลย ฉันก็พามาง้อแล้วนี่ไง”
“ร้านพี่งามตา? ง้อแบบไหนกันเนี่ย”
“ก็พามาเสริมสวยไง อย่าลืมสิ ว่าแกเป็นเพื่อนเจ้าสาวน้า”
“แต่..”
“เอาเถอะลูก หนูเป็นซิงเกิลมัม มีโอกาสได้มาทำอะไรเเบบนี้ก็ดีไม่น้อยเลยนะ”คุณหญิงแก้วบอกกับเพื่อนของลูกสะใภ้
ทรายขวัญจับไหล่ทั้งสองข้างของรัตติกาลและดันเบา ๆ ให้เข้าไปในร้าน
ทรายขวัญฝากให้เด็กในร้านของพี่สาวช่วยแปลงโฉมคุณแม่ลูกหนึ่งให้สุดฝีมือ ส่วนตนกับแม่สามีก็ขอไปทำธุระที่ห้องลองชุดก่อนเเล้วค่อยมารับ
กว่าจะแปลงโฉมเสร็จก็เกือบสามชั่วโมง รัตติกาลดูนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าตอนนี้เกือบสามทุ่มเเล้วอีกไม่กี่ชั่วโมงห้างก็จะปิด แต่ยังไม่เห็นวี่แววของเพื่อนรักและมารดาของกรนวัติเลย ทำให้เธอยกโทรศัพท์โทรบอกว่าเดี๋ยวจะกลับบ้านก่อน เพราะนึกขึ้นได้ว่ารีบออกมานานมากแล้ว
ที่นึกขึ้นได้เพราะเห็นการแจ้งเตือนที่อาทิตย์ผู้เป็นน้องโทรมาหาถึงสิบสี่สาย
ป่านนี้คงจะร้องไห้กระจองอแงท่าเดียวเเล้วล่ะ
“หิวหม่ำ ๆ นีโน่!พายุหิวจาหม่ำ!”เสียงของจ้าวพายุดังออกมาถึงนอกบ้าน ร้องบอกผู้เป็นน้าชายที่กำลังเล่นด้วยอยู่
นีโน่เป็นชื่อเรียกเฉพาะที่มีแต่จ้าวพายุเท่านั้นที่เรียกน้าของตนแบบนี้ได้
“เดี๋ยวก่อนซิพายุ~ เดี๋ยวแม่ก็กลับเเล้ว รอก่อนนะ”
“นานแย้วนะ”เดี๋ยวความที่ยังพูดไม่ชัดและหน้าตาน่ารัก ทำให้ผู้เป็นน้ากดโทรหามารดาแทบไม่ทัน เพราะสงสารหลานที่ทนรอไม่ร้องไห้งอแงเเต่โวยวายแทน
“กลับมาแล้วครับ”รัตติกาลเปิดประตูเข้ามาในบ้านอย่างรวดเร็ว พายุที่นอนดูการ์ตูนอยู่ก็เดินเข้าไปหาด้วยความสะลึมสะลือเพราะง่วงนอนเต็มทีแล้ว
“แม่~”เสียงของลูกชายและตัวพากันเข้ามากอดผู้เป็นเเม่
“พี่ทำไมไม่รับโทรศัพท์เนี่ย”
“ขอโทษนะ พอดีพี่ปิดเสียงไว้ ไม่ได้ดู ว่าแต่พายุร้องไห้หรือเปล่า”
“ไม่ร้องเลยสักแอะ”
พอได้คำตอบก็อุ้มลูกชายขึ้น
“หม่ำ ๆ ”มือเล็กขยี้ตาและซบลงที่อกแม่
รัตติกาลพาลูกชายเข้ามาในห้องนอนและจัดการให้เด็กน้อยดื่มนมทันที
ระหว่างนั้นเธอก็ร้องเพลงโยกเยก กล่อมไปด้วยจนเด็กน้อยหลับ เมื่อเห็นว่าลูกชายหลับแล้วจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำอาบท่า จัดการกับตัวเองและไปทำบัญชีร้านต่อจนเกือบเช้า
“แม่~ ยายมณีมา”มือน้อย ๆ ตีเบา ๆ ที่เเขนของมารดาที่นอนอยู่ฟุบอยู่กับโต๊ะทำงาน
เสียงของลูกทำให้เธอตื่นขึ้นทั้ง ๆ ที่เพิ่งนอนไม่กี่ชั่วโมง
“เพิ่งได้นอนหรือลูก พักบ้างก็ได้”คุณมณีเดินตามหลานชายเข้ามาเห็นลูกสาวคนโตนอนฟุบอยู่ ก็นึกเห็นใจที่ต้องทำงานหนักกว่าคนอื่นเพราะเป็นเสาหลักของบ้านเเล้วในเวลานี้
ลูกก็มี น้องก็ต้องเลี้ยงแถมยังมีพ่อเลี้ยง แม่ ตาและยายอีก
ที่ว่ามีพ่อเลี้ยงนั้น คือ มารดาหย่ากับบิดาแท้ ๆ ของเธอ ตั้งแต่เธออายุสิบปีเท่านั้น ทั้งบิดาและมารดาต่างก็แต่งงานใหม่ เธอกับน้องยังโชคดีที่พ่อเลี้ยงให้ความรักและเมตตาอยู่เสมอเหมือนลูกแท้ ๆ คงเพราะท่านไม่มีลูกและไม่เคยแต่งงานมาก่อนจึงรักเธอและน้องเหมือนลูก
ผิดกับพ่อที่เป็นพ่อแท้ ๆ ต่างกันราวฟ้ากับเหว บางทีเธอก็เคยคิดว่าดีแล้วที่พ่อและแม่แยกทางกัน แม่คงหมดเวรหมดกรรมแล้ว
ถึงจะเหนื่อยยังไงแต่เธอยินดีจะเลี้ยงพวกท่านจนกว่าจะตายจากกัน
“ถ้าพักแล้วใครจะทำล่ะคะแม่”
“ก็แม่เนี่ยแหละจะช่วย ศุกร์ตอนเย็น เสาร์อาทิตย์ก็เอาหลานไปไว้กับแม่ วันไหนหยุดก็เอามา”บ้านเธอกับบ้านที่เธอสร้างไว้ให้ไม่ได้ห่างกันนัก แค่สองซอยก็ถึง คุณมณีไม่ได้คิดว่าการเลี้ยงหลานเป็นปัญหาสำหรับตนเลยสักนิด ลำบากมามากกว่านี้ก็ยังเคย
รัตติกาลยิ้มให้มารดา
“ขอบคุณนะคะแม่ งั้นเอาเป็นว่า หนูจะให้พายุไปอยู่กับแม่แล้วกันนะ”
“ต้องอย่างนั้นสิถึงจะเรียกว่าบริหารเวลาเป็น หนูเองจะได้มีเวลาพักผ่อนบ้างแม่เป็นห่วงนะลูก”คุณมณีลูบหัวลูกสาวด้วยความอ่อนโยน หญิงสาวส่งยิ้มสู้เต็มที่ไปให้กับมารดา
พอมารดาออกจากห้องไปเธอก็รีบไปทำธุระส่วนตัวอาบน้ำทานข้าว แล้วมานั่งจดบันทึกสิ่งที่ได้ทำมาทั้งวัน เธอทำอย่างนี้จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน
พอเสร็จเธอก็นำสมุดเล่มนั้นเอากลับเข้าไปในลิ้นชักเหมือนเดิม แต่แล้วก็ดันมีรูปภาพใบหนึ่งหล่นออกมา มือบางอีกรูปมันขึ้นมาและพลิกดูทำให้เธอสะอึก เมื่อรูปนั้นเป็นรูปของผู้ชายที่เธอไม่เคยลืมเลยแม้แต่วินาทีเดียว
และเขาก็เป็นพ่อของลูก พ่อของเด็กชายพายุ พรหมภักดี
“คุณอัคนี”