ตอนที่ 1 เหตุการณ์ที่ไม่เคยลืม(1)
๑
-เหตุการณ์ที่ไม่เคยลืม-
“พี่เพลิง..”เสียงที่แทบสิ้นใจเรียกคนที่รักพร้อมกับน้ำตาไหลรินลงมาจากดวงตาสวย รัตติกาลมองคนที่นอนอยู่ด้วยหัวใจที่แตกสลาย เขากล้าทำเเบบนี้กับเธอได้ยังไง..
ดวงตาสวยพร่ามัวเพราะน้ำตาที่พากันพรุพลั่งออกมา เธออยากจะให้สิ่งที่เธอเห็นเป็นเพียงแค่ความฝัน ร่างบางแทบจะทรุดลงพื้นด้วยความอ่อนแรง เเต่มีทรายขวัญเพื่อนสาวช่วยพยุงไว้อยู่ ทรายขวัญเม้มปากโกรธแทนเพื่อนที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เรื่องเจ้าชู้เล็กเจ้าชู้น้อยรัตติกาลก็ยังให้อภัยผู้ชายเฮงซวยแบบนี้อยู่เพราะความรักที่มีให้เขา
แต่ครั้งนี้ทรายขวัญคิดว่ามันมากเกินไปจริง ๆ
“ไนท์!!!”คนที่เพิ่งฟื้นจากรสรักของหญิงอื่นก็เด้งตัวขึ้นอย่างตกใจว่าคนรักมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
พอเห็นว่าคนทางนั้นตื่นก็รีบวิ่งออกจากคอนโดหรูไปอัคนีรีบใส่เสื้อผ้าและวิ่งตามออกมา แต่กว่าจะออกมาได้ก็ต้องฝ่าด่านของทรายขวัญที่ห้ามไม่ให้ตามไป
พอกลับมาถึงคอนโดหรูใจกลางเมืองก็พบว่าไม่มีใครอยู่ เเม้กระทั่งเสื้อผ้า ของใช้ต่าง ๆ ของสาวคนรัก ไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว
อัคนีคุกเข่าลงพร้อมกับเอามือปิดหน้าตัวเอง เขาเม้มปากด้วยความสมเพชตัวเอง หยดน้ำใส ๆ ไหลรินออกมา
“อย่าทิ้งพี่ไป..”
“อย่าไป!!!”เสียงทุ้มตะโกนออกมาท่ามกลางความมืด ดวงตาคมเปิดออก หายใจแรงจนได้ยินเสียง เหงื่อตกพลั่ก ๆ ทั้ง ๆ ที่ในห้องยังเปิดเครื่องปรับอากาศ เเต่เมื่อตั้งสติได้ก็ลุกขึ้นนั่งเอามือลูบหน้า ผ่อนลมหายใจออกอย่างเช่นทุกครั้ง
“ฝันอีกแล้ว”อัคนีบ่นกับตัวเองเเละหันไปมองนาฬิกาตั้งโต๊ะที่วางอยู่บนหัวเตียง ตั้งแต่เธอทิ้งเขาไป เขาก็ฝันเเบบนี้วน ๆ ซ้ำ ๆ เหมือนเป็นภาพติดตา
ภาพที่เขาทำผิดต่อคนรัก..
ภาพที่เธอทิ้งเขาไป..
แต่เมื่อหลายปีก่อนเขาหยุดฝันไปและฝันถึงเด็กผู้ชายหน้าตาละหม้ายคล้ายกับเขาอย่างกับถ่ายเอกสารออกมา เขารู้สึกผูกพันธ์กับเด็กชายคนนั้นเสียเหลือเกิน
ในฝันนั้นเจ้าอ้วนกลมมานอนบนอกเขาหลับปุ๋ย ฝันว่าได้เล่นด้วยกันทุกวัน เป็นฝันที่บรรเทาความเศร้าของเขาไปได้เป็นอย่างมาก แต่พอเวลาผ่านไปย่างเข้าเดือนที่เก้าที่ฝันถึง เด็กคนนั้นก็ไม่มาอีกเลย และเขาก็กลับไปฝันถึงความทรงจำที่เจ็บปวดเช่นเดิมรวม ๆ เเล้วเป็นเวลาถึงสองปี
“เจ้าอ้วนอยู่ไหนนะ ไม่มาเลย”
พอนอนคิดได้สักพักก็หลับไปอีกครั้งจนถึงรุ่งสร่าง
“สวัสดีครับคุณแม่”กรนวัติไหว้คุณนายของ ไร่แสงตะวัน ที่มีชื่อเสียงที่สุดของภาคเหนือ
“สวัสดีจ้ะพ่อกร มาได้ยังไงแล้วมากับใครน่ะ สวยจังเลยนะ” มองผ่านเพื่อนรักของลูกชายไปที่หญิงสาวคนสวยราวกับนางเอกในละครที่เคยดู
"สวัสดีค่ะ"ทางฝ่ายนั้นสวัสดีผู้หญิงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
คุณนายจันทรายิ้มให้และรับไหว้
"ว่าที่ภรรยาครับแม่"กรนวัติตอบ
“จริงเหรอจ๊ะ แม่ดีใจด้วยนะ จะได้เมียเป็นตัวเป็นตนเเล้ว แตกต่างกับพ่อเพลิงไม่เอาใครเลย”บ่นถึงลูกชายทำให้กรนวัติอดขำไม่ได้
“เดี๋ยวก็มีครับ เผลอ ๆ ได้หลานด้วย”
“ว่ายังไงนะพ่อกร”
“เปล่าครับไม่มีอะไร นี่ทรายขวัญ เจ้าสาวของผมครับ"เปลี่ยนเรื่องทันทีที่โดนถามทำเอาทรายขวัญถึงกับหน้าเสียไปด้วยแต่พอกรนวัติแก้สถานการณ์ได้ก็แอบโล่งใจอยู่ลับ ๆ
“แม่ดีใจด้วยนะ พ่อกรเขาเป็นคนดี”หันมาพูดกับว่าที่เจ้าสาว
“ขอบคุณนะคะคุณแม่”ทรายขวัญยิ้มรับและไหว้ด้วยความนอบน้อม เธอไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นแม่ของคนที่ทำร้ายจิตใจเพื่อนรักของตัวเองได้ครั้งเเล้วครั้งเล่า เท่าที่ฟังมาจากกรนวัติ เธอแทบจะไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำเพราะท่านดูใจดีผิดกับลูกชายอย่างยิ่ง
คุณนายของบ้านพาทั้งสองเข้ามานั่งข้างในและเรียกให้สาวใช้เอาน้ำและขนมมาเสิร์ฟ “คำมิ่ง พ่อเลี้ยงทำอะไรอยู่”ถามถึงลูกชาย
“พ่อเลี้ยงยังไม่กลับจากบ้านหลังนู่นเลยครับ”คำมิ่งลูกน้องของอัคนีตอบ
“นายตัวเองเเท้ ๆ ไปตามมาด้วยนะ บอกเขาให้มาเร็ว ๆ ”พอบ่นเสร็จก็สั่ง คำมิ่งจึงพยักหน้ารับเละรีบขับรถอีแก่ไปบ้านไม้หลังงามอีกหลังหนึ่งที่อยู่ในไร่ ไม่ห่างจากบ้านคุณนายจันทรามากนัก
“ถ้าอย่างนั้นแม่ขอตัวนะ”พอบอกถึงธุระที่ตนต้องไปทำเเล้วก็รีบไปทันที
“เกือบไปแล้วนะพี่กร”พอเห็นคุณนายจันทราเดินออกไปก็หันกลับมาตีบ่าของคนรักเบา ๆ
กรนวัติลูบแขนปอย ๆ
"พี่ไม่ได้ตั้งใจนี่น่า แต่เราก็ตั้งใจจะบอกเขาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ"
"แล้วขวัญบอกเหรอว่าเราจะบอกพี่เพลิง ขวัญแค่บอกว่าจะทำให้พวกเขาเจอกันต่างหากล่ะ"เพราะเห็นว่าอัคนีไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วจึงเริ่มใจอ่อนและสงสารเขาที่ถูกเพื่อนรักตนทิ้งไปและอีกอย่างเธอรู้ดีว่ารัตติกาลยังรักอัคนีอยู่ จึงหาทางจะช่วยให้สองคนนี้ได้พบกันและได้ปรับความเข้าใจกันในที่สุด
"อ๋อ ที่แท้ก็เป็นเเบบนี้นี่เอง"
“พ่อเลี้ยงง!”เสียงของคำมิ่งทำให้อัคนีเอาหมอนมาปิดหูตัวเองไว้ แต่มันดันปิดไม่มิด ยังมีเสียงเล็ดลอดเข้ามาอีก
“อะไรคำมิ่ง”เปล่งเสียงออกมาด้วยความหงุดหงิด
“เพื่อนพ่อเลี้ยง เขามาจากกรุงเทพฯครับ คุณนายจัน ท่านบอกให้มาตามไปบ้านนู่น”
“ใครมา”
“คุณกรนวัติครับ”
“อืม เดี๋ยวไป ไม่ต้องรอ” บอกกับลูกน้องเสร็จก็ยีหัวตัวเองรอบหนึ่งและลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวขับรถอีแต๋นที่ใช้เอาไปไร่บ่อย ๆ ไปบ้านใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ กับทางเข้าไร่
“มาทำไม”เสียงต้อนรับของพ่อเลี้ยงอัคนีดังขึ้นด้านหลังของกรนวัติและทรายขวัญ “แหมไอ้นี่ นี่เพื่อนนะโว้ย ต้อนรับขับสู้ดี ๆ หน่อย”พอกรนวัติหันไปก็โวยใส่ยกใหญ่ ทำเอาทรายขวัญหัวเราะตาม
“สวัสดีค่ะพี่เพลิง”ยกมือไหว้เพื่อนของว่าที่สามี
อัคนีรับไหว้เเล้วยิ้มให้ ร่างสูงเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามของคู่รัก
“เเล้วสรุปมาทำไมวะตั้งไกล มาเที่ยวเหรอ”
“เปล่า ไม่ได้มาเที่ยว มาแจกการ์ดมึงเนี่ยแหละ”
“การ์ด? การ์ดไรวะ”ทรายขวัญหยิบการ์ดในซองสีชมพูพาสเทลให้อัคนี มือใหญ่คว้ารับมาเปิดดูและเลิกคิ้วขึ้น “เเน่ใจหรือขวัญว่าจะแต่งงานกับมัน”
“เอ้า ไอ้นี่ มึงควรดีใจกับกูสิ ไปพูดให้เมียกูเขวได้ไง”
“ขวัญยังไม่ได้คิดเลยพี่เพลิง รู้อีกทีเขาก็จับขวัญไปลองชุดแล้ว”
“หนีได้นะ เดี๋ยวเตรียมรถให้”
“พอ ๆ ชงซะข้นเลยมึง”กรนวัติยกมือห้ามว่าที่ภรรยาและเพื่อนสนิทที่พูดหยอกล้อตน
“ว่าแต่ไม่เจอกันตั้งนานเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเชียว หนวดเนี่ยโกนบ้างเถอะ กูไหว้ล่ะ โคตรเหมือนโจร”พอมองดูสภาพของเพื่อนก็อดบ่นไม่ได้ อัคนีไม่ได้ดูแลตนเองมานานมากแล้ว หนวดก็ไม่โกน ผมก็ไม่ตัด เขาบอกหลายรอบเเล้ว แต่คนอย่างอัคนีหรือจะฟัง
“ไม่ตัด ไม่โกน”นั่นไง! ผิดจากที่คิดซะที่ไหน
“แต่นี่งานแต่งกูนะโว้ย มึงต้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว”
“เอาน่า กูมีวิธีของกูเเล้วกัน”
“วิธีพิเรนท์น่ะสิมึง”
“เออ ขวัญพี่ถามอะไรหน่อยสิ”พอพูดกับเพื่อนรักไม่รู้เรื่องก็เบี่ยงประเด็นมาที่คนรักของเพื่อนแทนที่
“ว่าไงคะ”
“คือว่า..เพื่อนเจ้าสาวมีใครบ้างเหรอ..”ถามด้วยน้ำเสียงแผ่วจนทำให้คนฟังใจตกวูบทั้งคู่
“จะว่ายังไงดีล่ะ คนที่พี่อยากเจอเขาไม่มาหรอกค่ะ เขาบอกว่าเขางานยุ่งน่ะ แต่ขวัญเข้าใจนะ”คำตอบของทรายขวัญทำให้ทั้งบ้านตกอยู่ในความเงียบ แววตาผิดหวังฉายออกมาอย่างชัดเจน
“กำหนดการอีกสองวันข้างหน้า มึงไปกับกูวันนี้เลยก็ได้ จะได้ไปเตรียมงานช่วยกู”เมื่อเห็นว่าเงียบ กรนวัติก็เปลี่ยนเรื่องพูดทันที อัคนีพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยและบอกให้คำมิ่งไปเก็บของให้ตนเพื่อที่จะได้เข้ากรุงเทพไปกับเพื่อนรัก