“ว่าแต่เธอชื่ออะไรอ่ะ เธอยังไม่บอกชื่อเราเลยนะ”
จีโน่พูดเสียงนุ่มกว่าปกติทันทีที่เห็นคนสวยแบบวีนัส ยิ้มก็หวาน แววตาก็สนใจแบบออกหน้าออกตา
วีนัสตอบเรียบ ๆ
“วีนัส”
“โอเค~ ครบห้าคนแล้วเนอะ!” จีโน่ตบมือเบา ๆ ด้วยความตื่นเต้น “งั้นไปล่าลายเซ็นกัน!”
หลังจากนั้น พวกเขาห้าคนก็เริ่มเดินตระเวนไปตามจุดของรุ่นพี่เพื่อขอลายเซ็น
กลุ่มไหนก็กลุ่มนั้น มีตั้งแต่ให้เต้นท่าตลก ๆ ร้องเพลงผิดคีย์จนเพี้ยนทั้งกลุ่ม หรือโชว์ความสามารถอะไรก็ได้ตามใจเพื่อแลกกับลายเซ็นหนึ่งลาย
บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงโห่แซว และความโกลาหลแบบสนุกสนานของเฟรชชี่
จนดูเหมือนว่าทุกอย่างกำลังราบรื่น
แต่ถ้ามันราบรื่นอย่างเดียว…
ชีวิตคงง่ายไปจริง ๆ
เพราะตอนนี้กลุ่มที่หลาย ๆ คน “ไม่กล้าเข้าใกล้ที่สุด” ก็คือ…
กลุ่มพี่ทิศเหนือ
ชื่อเท่ห์เหมือนพระเอกซีรีส์ แต่คนลือกันว่าพี่ทิศเหนือนี่นิสัยอาจจะไม่เท่ตามชื่อ
เฟรชชี่ส่วนใหญ่ยืนมอง ๆ แล้วเลี้ยวหนี ไม่กล้าเดินเข้าไปขอลายเซ็นง่าย ๆ
แต่พวกวีนัสห้าคน… ดันเดินพุ่งเข้าไป เหมือนพวกไม่รู้ชะตากรรมล่วงหน้า
ทันทีที่พวกเขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า กลุ่มพี่ทิศเหนือที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ก็หยุดบทสนทนา
ทุกสายตาหันมามอง
ก่อนจะลุกขึ้นย้ายท่านั่งใหม่เป็นแนวหันหน้าตรงมาทางพวกวีนัสทั้งห้าคนพร้อมกัน
บรรยากาศเงียบลงทันที เหมือนอากาศรอบ ๆ หนักขึ้นครึ่งระดับ
รุ่นพี่คนหนึ่งยิ้มมุมปากก่อนถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม
“มีอะไรหรือเปล่าครับ น้อง ๆ”
จีโน่เป็นคนตอบไปก่อน
“พวกผมมาขอลายเซ็นพวกพี่ครับ”
รุ่นพี่อีกคนหัวเราะเบา ๆ แบบกวน ๆ
“ง่ายไปป่ะครับ? ลองทำอะไรให้พวกพี่ดูก่อนสิ…แลกกับลายเซ็น”
เสียงแซวจากด้านหลังดังแทรกขึ้นทันที
“เห้ย ๆ ไอทิศเหนือ ดูดิ ๆ น้องคนนี้สเป๊กมึงเลยนี่ ขาว น่ารัก ตัวเล็ก…นมใหญ่ด้วย!”
คำพูดหยาบโลนหลุดมาแบบไม่เกรงใจ และทุกสายตาในกลุ่มรุ่นพี่ก็หันมามอง “สองคน” ที่โดนแซว
สายตาทิศเหนือหยุดลงตรงวีนัสแบบจงใจ ชัดเจนจนรู้สึกเหมือนกำลังจะถูกกลืนเข้าไป
แต่ไม่ทันให้ทิศเหนือมองนาน
วิศวะ ที่ยืนอยู่ด้านหลังวีนัส ก็ขยับตัวก้าวออกไปหนึ่งก้าว แล้วขยับยืนบังหน้าวีนัสอย่างแนบเนียน ราวกับสัญชาตญาณทำงานโดยไม่ต้องคิด
แผ่นหลังใหญ่ของเขาปิดทัศนียภาพของพี่ทิศเหนือได้พอดี จนคนอื่นในกลุ่มเผลอมองด้วยความอึ้ง
เขาไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้หันมามองวีนัส แค่ยืนบังไว้เฉย ๆ แต่สำหรับวีนัส หัวใจเธอแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ
เพราะผู้ชายคนนี้…
แม้จะเคยเป็นแค่ “แฟนเก่า” แต่วันนี้ยังคงเป็นคนที่เธอไม่เคยลืมได้เลยจริง ๆ
“อยากได้ลายเซ็น… ก็เอาไลน์มาแลกสิครับ”
พี่ทิศเหนือพูดช้า ๆ ชัด ๆ แบบตั้งใจให้ได้ยินกันทั้งกลุ่ม
จากนั้นเขาลุกขึ้นเต็มความสูง มือหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างสบาย ๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าวิศวะ
เขาออกแรงผลักไหล่ “เบา ๆ” แต่แรงพอให้วิศวะต้องขยับหลบไปครึ่งก้าว เหมือนต้องการบอกว่า มึงหลบไป กูจะดูน้อง
ทันทีที่วิศวะขยับตัวพ้นทาง
สายตาของทิศเหนือก็ได้เห็นเธอเต็ม ๆ
สาวน้อยตัวเล็ก ผิวขาวจัด หน้าสวยสะดุดตา ความเรียบร้อยปนความน่าดึงดูดที่ทำให้สายตาผู้ชายส่วนใหญ่หลุดฟอร์มกันมานักต่อนัก
และยิ่งเธอใส่เสื้อนักศึกษาที่แนบเข้ากับรูปร่างมากเกินจะเมินเฉย…
เธอเลยยิ่ง “สะดุดตา” ขึ้นเป็นเท่าตัว
ทิศเหนือก้มลงเล็กน้อย สายตาเลื่อนไปยังป้ายชื่อที่ห้อยลงตรงช่วงหน้าอกซึ่งเด่นพอให้สังเกตได้ชัด
ไม่ได้หยาบโลน…แต่จงใจให้วีนัสรู้ว่าเขามอง
เขาอ่านช้า ๆ
น้ำเสียงทุ้ม นิ่ง แต่โคตรหล่อ
“…น้องวีนัส”
ชื่อเธอหลุดออกจากริมฝีปากของเขาแบบได้ยินชัดทุกพยางค์ จนเพื่อนในกลุ่มถึงกับกลืนน้ำลายดัง เอื๊อก
ส่วนวิศวะ แววตาเขาเปลี่ยนไปทันที เหมือนสัญชาตญาณปกป้องมันพุ่งขึ้นมาโดยไม่ต้องคิด
และวีนัส…
หัวใจเต้นแรงจนแทบลืมหายใจ
เพราะครั้งสุดท้ายที่มีผู้ชายเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงแบบนี้…
มันคือ วิศวะ คนเดิมของเธอเมื่อหลายปีก่อน
“ว่าไงครับ…”
ทิศเหนือเอนตัวลงมานิดหนึ่ง ยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้าวีนัส
น้ำเสียงทุ้ม นิ่ง แต่กดดันสุด ๆ
“ไลน์แลกกับลายเซ็น… เอาไหมครับ?”
วีนัสชะงักไปหนึ่งวินาที
ใจเธอไม่อยากเลยสักนิด แต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนในกลุ่มเดือดร้อนถ้าไม่ได้ลายเซ็นชุดนี้
เธอจึงค่อย ๆ ยื่นมือไปทีละนิดอย่างลังเล
แต่ยังไม่ทันได้แตะโทรศัพท์—
พรึ่บ!
มือของใครบางคนคว้าโทรศัพท์นั้นไปก่อนทันที แรงพอให้ทิศเหนือเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ
ไม่ต้องเดา
วิศวะ
เขายืนข้างวีนัสเหมือนเดิม แต่คราวนี้แววตาเย็นกว่าเดิมหลายเท่า
คิ้วขมวดเล็กน้อย เสียงต่ำลงจนแทบเป็นฟึดฟัด
“ให้ไม่ได้หรอกครับ” เขาพูดนิ่ง ๆ แต่ทุกคำฟังชัดราวกับมีดกรีดลงบนโต๊ะ “แม่ยายนี่ส่งมาเรียน… ไม่ได้ส่งมามีผัว”
ทั้งกลุ่มถึงกับอึ้ง แม้แต่ทิศเหนือก็ชะงัก
วิศวะไม่สนสายตาใคร
เขากดอะไรบางอย่างลงบนหน้าจอของทิศเหนือรัว ๆ ก่อนยื่นคืนให้แบบไม่ไหวติง
“เอาเบอร์ผมไปแทนแล้วกันครับ” น้ำเสียงนิ่งกริบ แต่กดดันจนทั้งอากาศแน่นไปหมด “มีอะไร…ติดต่อผมดีกว่า”
ทิศเหนือรับโทรศัพท์คืนไป มองเบอร์ที่ถูกบันทึกไว้โดยไม่ได้ขอ มุมปากกระตุกขึ้นนิด ๆ เหมือนเจอคู่แข่งที่ถูกใจ
วีนัสยืนอึ้ง แก้มร้อนวูบโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นแรงจนเหมือนโลกทั้งกลุ่มเงียบสนิท
ส่วนวิศวะ…
ยังยืนข้างเธออยู่ เหมือนเป็นตำแหน่งที่เขา “คุ้นเคย” มาตลอดหลายปี
“แล้วมึงเสือกเหี้ยไรด้วยวะ”
เสียงของทิศเหนือกดต่ำ ดุจนคนรอบข้างเผลอชะงัก สายตาคมกริบหันจ้องวิศวะเต็ม ๆ ไม่หลบ ไม่เกรง ไม่ยอม
วิศวะตอบกลับทันที น้ำเสียงเรียบ แต่แฝงแรงกดดันเหมือนกัน
“ผมแค่เป็นห่วงเพื่อน”
ทิศเหนือหัวเราะหึ ๆ เบา ๆ เหมือนคำว่า เพื่อน มันตลกสิ้นดี
เขาก้าวเข้ามาอีกครึ่งก้าวจนระยะห่างระหว่างสองคนเหลือไม่ถึงคืบ
“แน่ใจนะ…ว่าแค่เพื่อน?”
ทิศเหนือกวาดสายตามองท่าทางของวิศวะ ที่ยืนบังวีนัสอยู่เล็กน้อย
“ออกหน้าออกตาขนาดนี้ หรือว่า…ถ่านไฟเก่ามันกำลังลุกกันวะ?”
เพียงประโยคนั้น
วิศวะชะงักไปเสี้ยววินาทีเหมือนถูกแทงจุด แต่คนที่สะท้านชัดกว่าคือ วีนัส หัวใจเธอเหมือนถูกบีบแรง ๆ จนหายใจไม่ทั่วท้อง
เพราะคำว่า ถ่านไฟเก่า มันตรงเกินกว่าที่เธอจะเก็บสีหน้าได้
ทิศเหนือตาไว…
เห็นจังหวะเล็ก ๆ นั้นทั้งหมด มุมปากของเขาจึงยกขึ้นอย่างพออกพอใจเหมือนจับได้
เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงกวน ๆ แต่คมมาก
“อ๋อ…แฟนเก่าสินะ”
สายตาเขาเลื่อนไปที่วิศวะแล้วหยุดที่วีนัส แล้วจงใจกระตุกยิ้มใส่แบบคนที่รู้ว่าเพิ่งแทงถูกแผลลึก
“แล้วไง…หวงก้างอยู่หรือไง?”
คำว่า หวงก้าง ทำให้พื้นที่รอบตัวเหมือนมืดแปดด้าน
อารมณ์ตึงเครียดจนจีโน่กับกายยังต้องกลืนน้ำลาย บัวเองก็ยืนตัวแข็งไม่กล้าหายใจดัง
แต่มีเพียงสองคน
ที่ไม่ละสายตากันแม้เสี้ยววินาที
วิศวะ ที่กำมือแน่นข้างลำตัว และ วีนัส ที่หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
ทั้งคู่ไม่พูดอะไร
แต่ความเงียบตรงนั้น…ดังยิ่งกว่าเสียงตะโกนของใครทั้งหมด