“สบตากันครั้งแรก”

1457 Words
หลังจากมาหยุดต่อแถวรับป้ายชื่อ วีนัสก็ยืนมองแถวด้านหน้าที่ทอดยาวไปเกือบถึงโต๊ะลงทะเบียน คนยืนเบียดกันเต็มพื้นที่ ลมร้อนอบอ้าวของเช้าสาย ๆ พัดเข้ามาจนเส้นผมของเธอปลิวไปข้างแก้ม วีนัสปัดผมเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้ามองตามแนวแถวไป เพียงเสี้ยววินาที เธอก็เห็น เขา ร่างสูงในเสื้อนักศึกษาขาวสะอาด พับแขนขึ้นจนเห็นท่อนแขนแข็งแรง กางเกงดำเข้ารูปกับสรีระช่วงไหล่ที่กว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งเล็กน้อยเหมือนเพิ่งใช้มือเสย และเหงื่อบาง ๆ ที่ซึมตรงท้ายทอยยิ่งทำให้เขาดูโตขึ้นกว่าเดิม แม้จะเห็นแค่ด้านหลัง แต่เธอจำแผ่นหลังนี้ได้แม่นยิ่งกว่าตัวหนังสือในตำราเรียนเสียอีก วิศวะ คนที่เคยเดินจับมือกันกลับบ้าน คนที่เคยหัวเราะให้เธอในโรงอาหาร คนที่เธอเป็นฝ่ายบอกเลิก…ด้วยเหตุผลโง่ ๆ จนวันนี้ยังรู้สึกผิด วีนัสยืนนิ่ง มองแผ่นหลังใหญ่ ๆ นั้นนานจนรู้สึกเหมือนเวลาแถวยาวทั้งโลกถูกกดปุ่มหยุดไปชั่วครู่ หัวใจเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว มือที่กำลังถือโทรศัพท์อยู่ยังเผลอกำแน่นขึ้นนิดหนึ่ง จนกระทั่ง— กึก มีปลายนิ้วแตะที่ไหล่เธอเบา ๆ วีนัสสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวกลับไป เป็นผู้หญิงร่างบาง รูปร่างเพรียว ผิวขาวอมชมพูเหมือนคนที่ไม่เคยโดนแดดแรง ๆ ในชีวิต ใบหน้าน่ารักแบบหวานจัด แต่งตัวเรียบร้อย เสื้อเชิ้ตนักศึกษาพับแขนอย่างประณีตจนดูสะอาดตา เป็นภาพที่ดูขัดกับบรรยากาศลุย ๆ ของคณะวิศวะจนวีนัสต้องเลิกคิ้วเล็กน้อย ผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้ ยิ้มแบบจริงใจจนสัมผัสได้ทันทีว่าเป็นคนนิสัยดีโดยธรรมชาติ “หวัดดี… เราบัวนะ เธอชื่ออะไรหรอ?” น้ำเสียงอ่อนโยนจนทำให้ความเกร็งในอากาศหายไปหน่อยหนึ่ง วีนัสตอบสั้น ๆ แต่สุภาพ “วีนัส” บัวเบิกตานิด ๆ ก่อนยิ้มกว้างขึ้น “อ้อ วีนัส… ชื่อเพราะมากเลยนะ” “ขอบคุณนะ” เธอยิ้มตอบ แต่ดวงตาแอบเหลือบกลับไปยังแผ่นหลังใหญ่ด้านหน้าทุกครั้งที่มีโอกาส บัวขยับเข้ามาใกล้อีกเล็กน้อย เธอดูตื่นเต้นแบบเด็กปีหนึ่งทั่วไป “เราเพิ่งย้ายมาจากต่างจังหวัด ยังไม่รู้จักใครเลย…” เธอเม้มปาก ก่อนพูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ “เราขอเป็นเพื่อนกับวีนัสได้ไหม?” วีนัสเงยหน้ามองบัว รอยยิ้มซื่อ ๆ ของเด็กผู้หญิงคนนั้นทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นแปลก ๆ ทั้งที่ใจอีกครึ่งหนึ่งกำลังจดจ่ออยู่กับผู้ชายที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่คน เธอพยักหน้าช้า ๆ “อืม…ได้สิ” “แล้วคนนั้นเพื่อนวีนัสหรอ?” บัวเอียงหน้าเล็กน้อย มองแผ่นหลังของวิศวะที่ยืนอยู่หัวแถว “เราเห็นวีนัสมองผู้ชายคนนั้นนานแล้วอ่ะ” คำถามนั้นทำเอาวีนัสหัวใจสะดุดวูบ เธอรีบเบือนสายตาออกจากวิศวะทันทีเหมือนถูกจับได้คาหนังคาเขา “อ่อ… คนหน้าเหมือนอ่ะ ไม่มีอะไรหรอก” วีนัสตอบพร้อมยักไหล่กลบเกลื่อน น้ำเสียงดูสบาย ๆ แต่ปลายนิ้วกลับกำสายกระเป๋าแน่นกว่าปกติ บัวพยักหน้าช้า ๆ เหมือนจะเชื่อ แต่ก็ยังแอบมองผู้ชายคนนั้นอย่างสงสัยอยู่ดี วีนัสสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามดึงสติกลับมา ไม่ให้สายตาเผลอวกกลับไปทางเดิมอีกครั้ง แต่หัวใจกลับเต้นแรงไม่ยอมฟังคำสั่งเลยสักนิด ผ่านไปไม่นาน แถวขยับเร็วขึ้นจนถึงคิวเธอ รุ่นพี่ผู้หญิงในสโมคณะก้มเขียนชื่อด้วยลายมือหวัด ๆ ก่อนยื่นป้ายชื่อให้ บนป้ายเขียนว่า “น้องวีนัส” วีนัสยื่นมือไปรับ มองชื่อนั้นที่เธอเคยเขียนเคียงกับใครอีกคนเสมอ แต่วันนี้…ต้องเริ่มใหม่ในฐานะเฟรชชี่ที่ต้องยืนอยู่หลังเขาอีกครั้ง ไม่นาน เสียงตะโกนของรุ่นพี่ก็ดังแทรกขึ้นมาจากลานด้านหน้า ทำเอาเฟรชชี่ทั้งหมดหยุดคุยและเริ่มขยับตัวเข้าแถวโดยอัตโนมัติ เหมือนระบบมันสั่งให้เดินเองยังไงอย่างนั้น “เอาละครับน้อง ๆ ” เสียงทุ้มของรุ่นพี่ผู้ชายปีสามดังชัดผ่านโทรโข่ง “วันนี้เป็นวันแรกของการรับน้องนะครับ กิจกรรมสบาย ๆ ไม่ซีเรียส ไม่จริงจังมาก เอาแค่ทำความรู้จักกันเฉย ๆ พอเนอะ?” เฟรชชี่ทั้งลานตอบกลับพร้อมกัน “ครับ/ค่ะพี่ป๊อป!” บรรยากาศคึกคักขึ้นทันที เสียงหัวเราะ เสียงคุยจอแจผสมกับแดดบ่ายจนแทบมองหน้าใครไม่ชัด รุ่นพี่คนเดิมกวาดสายตาดูเฟรชชี่ทั้งหมดก่อนพูดต่อ “ทีนี้เดี๋ยวพี่จะให้จับกลุ่มกัน กลุ่มละห้าคนนะครับ” เขาชูนิ้วห้าไปด้วยแบบประกอบคำพูด “หน้าที่ของกลุ่มคือ…ออกไป ‘ล่าลายเซ็นรุ่นพี่คณะวิศวะ’ ให้ครบหนึ่งร้อยลายเซ็นภายในหนึ่งอาทิตย์!” เสียงอื้ออึงดังขึ้นทันที “ร้อยลาย?!” “เห้ยเยอะไปปะพี่!” “โห เลือกคณะถูกหรือเปล่าวะเนี่ย…” รุ่นพี่ยิ้มแบบกวน ๆ “กลุ่มไหนเก็บมาไม่ครบ…” เขาทำเสียงลากยาวจนทุกคนเงียบ “…จะโดนทำโทษนะครับ” เฟรชชี่หลายคนกรี๊ดเสียงหลง บางคนถึงกับเอามือปิดปากตัวเองเหมือนกลัวล่วงรู้ชะตากรรม รุ่นพี่หัวเราะก่อนรีบต่อ “ส่วนจะทำโทษเป็นอะไร พี่ขอเก็บไว้ก่อนนะ เดี๋ยวไม่ลุ้น!” เขาตบมือดังปั้ก “โอเค เพื่อไม่ให้เป็นการเสียนาฬิกา เอ้ย! เสียเวลา! เออ ถูกแล้วแหละ” เสียงเฟรชชี่หัวเราะลั่นกับความติดบัคของรุ่นพี่ทันที “งั้นตอนนี้! น้อง ๆ ทุกคนเริ่มจับกลุ่มกันได้เลยครับบบ!” เสียงฮือฮาดังกระหึ่มไปทั้งลานทันที เฟรชชี่หลายคนรีบคว้าคนข้าง ๆ บางคนหันซ้ายหันขวากำลังหาเพื่อน บัวเองก็มองหน้าวีนัสพร้อมยิ้มตาใส ๆ ส่วนวีนัส… สายตาเธอดันไปหยุดอยู่ที่ แผ่นหลังของวิศวะ อีกครั้ง และตอนนี้เขาเองก็กำลังหันซ้ายมอง ขวาเลือกคนเข้ากลุ่ม… และทันใดนั้น… ก็มีผู้ชายร่างใหญ่ ผิวสองสี ไม่ขาวจัด ไม่คล้ำมาก เดินเข้ามาแตะไหล่บัวเบา ๆ วีนัสกับบัวหันไปตามแรงสัมผัส ผู้ชายคนนั้นยืนตัวตรง สีหน้าเรียบนิ่งจนแทบอ่านไม่ออก น้ำเสียงก็เรียบพอ ๆ กัน “เธอ ๆ … เราขออยู่กลุ่มด้วยนะ” บัวชะงักนิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มกว้างด้วยความเฟรนด์ลี่ “ได้สิ! เราบัวนะ ส่วนนี้วีนัส เพื่อนเราเอง” “อืม… เรากายนะ” เขาตอบสั้น ๆ พลางพยักหน้าทักทาย วีนัสก็พยักหน้ารับกลับ “อืม หวัดดีกาย” กายเหลือบตามองทั้งสองคนก่อนถามตรง ๆ “แล้วนี่คนครบกันยัง?” “ยังอ่ะ ขาดอีกสองคน” วีนัสตอบ พลางมองไปยังกลุ่มคนกำลังจับกลุ่มกันวุ่นวายรอบลาน กายกวาดตามองรอบ ๆ เหมือนกำลังจะช่วยหาคนเพิ่มให้ ท่าทางนิ่ง ๆ แต่วางตัวดี ทำให้ดูเป็นคนที่น่าจะพึ่งได้ในกลุ่ม แต่ทันใดนั้น— เสียงผู้ชายอีกฝั่งของวีนัสก็ดังขึ้นอย่างตื่นเต้น “เห้ย! นั่นไงไอวิศวะ! กลุ่มนั้นขาดสองคนพอดี!” ทุกคนในกลุ่มหันไปตามเสียงนั้นพร้อมกัน และตามเสียงนั้นมาไม่กี่วินาที ก็มีผู้ชายร่างสูงสองคนเดินตรงเข้ามา คนแรกเป็นผู้ชายผิวเข้มหน่อย ตัวใหญ่ ใบหน้าเปิดเผย ยิ้มกว้างแบบโคตรเฟรนด์ลี่ เขาชะโงกหน้ามาทักทันที “หวัดดี! กูจีโน่นะ” เขาชี้ไปด้านข้าง “ส่วนนี้ วิศวะ กูสองคนขออยู่กลุ่มด้วยนะ!” วิศวะโดนจีโน่ลากมาชนิดที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ใบหน้าเขาดูเรียบนิ่ง แต่แววตาบอกชัดว่าไม่ได้เข้าใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าเท่าไหร่ จนกระทั่ง… สายตาเขาเผลอเลื่อนไปเจอ ดวงตาของวีนัส วีนัสเองก็ยืนมองเขาอยู่ก่อนแล้ว แววตาเธอสั่นวูบในเสี้ยววินาที แต่รีบเก็บอาการแทบไม่ทัน สายตาทั้งคู่เกี่ยวกันสั้น ๆ …แค่ไม่กี่วินาที แต่มากพอให้หัวใจเต้นแรงจนแทบไม่ได้ยินเสียงคนรอบข้างอีก จีโน่ยังคงคุยเสียงดังสนุกสนาน บัวยิ้มต้อนรับสมาชิกใหม่ กายก็พยักหน้าให้แบบผู้ชายนิ่ง ๆ แต่สำหรับวีนัสและวิศวะ โลกมันเงียบลงทันที เหลือแค่คน ๆ เดียวในสายตาอีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD