....เพดานที่ไม่คุ้นเคย...แชนเดอเรียที่ดูหรูหราและฟุ่มเฟือย....เดี๋ยวนะที่นี่ที่ไหนเนี่ย
“เอะ เเอ้” เอะเเอ้!? เสียงฉันเป็นอะไรไป
“------,--------!” ชายใส่ชุดเเปลกๆ กำลังพูดอะไรบางอย่างเเละทำหน้าปลื้มปิติ
คนพวกนี้มันอะไรฟร่ะ ใส่เสื้อผ้าอย่างกับหลุดออกมาจากยุคปฏิวัติฝรั่งเศสอย่างไงอย่างงั้น....เเล้วคนพวกนี้มันพูดอะไรกัน ฉันฟังไม่รู้เรื่องเลย
“------------------?” หญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวกำลังจ้องมองมาที่ฉัน ก่อนจะเอามือมาจับที่เเก้มของฉัน
“------------,-------” ผู้ชายใส่ชุดเเปลกๆ กำลังห้ามหญิงสาวไม่ให้จับเเก้มของฉัน
“เเอ้!! เเอะ เเอ้~” อ่า..ฉันก็ทำได้เเค่นี้เเหละนะ เเสดงว่าฉันในตอนนี้ ได้มาเกิดใหม่เป็นเด็กทารกสินะ น่าตกใจจริงๆ ..
“------------” หญิงสาวในชุดเดรสสีขาว ผมยาวสีฟ้าอ่อนดวงตาสีเหลืองดั่งทองคำ เอื้อมมือมาหาเด็กทารกที่กำลังนอนอยู่บนเปล
อ๊ะ มีผู้หญิงมาอุ้มฉันไปเเล้ว..จะเอาฉันไปไหนน่ะ
“--------------------~” เธอพูดอะไรบางอย่างก่อนจะฮัมเพลงออกมาด้วยเสียงเล็กๆ นั้น เธอเดินเข้าไปในห้องหนึ่งก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่ดูหรูหรา เเละเธอก็เริ่มปลดเปลื้องผ้าส่วนบนออก
“เเอ้!! อุ้เเอ้!!” อะไรกันเนี่ยย!!! ไม่นะถึงฉันจะเป็นทารกเเต่จิตวิญญาณของฉันอายุก็ปาไปยี่สิบเเล้วนะ!! ไม่เอาาา!! ฉันไม่กินน
ฉันเอามือเล็กๆ ของฉันผลักไปที่ภูเขาเล็กๆ ทั้งสองลูก มันนุ่มนิ่มเเละขยับไปมา
“-------,-------” หญิงสาวพูดอะไรบางอย่างพลางหัวเราะด้วยสีหน้าที่มีความสุข
อึก...ไม่นะฉัน...ควบคุมตัวเองไม่ได้!! เจ้าภูเขาสองลูกนั้นมันกำลังดึงดูดฉันเข้าไปหามัน ไม่นะ!!
ไม่อ้าววววว!!!
................................
........................
...................
..............
...........
.....
1เดือนผ่านไป ใช่เเล้วละ เวลาได้ผ่านล่วงเลยไป1เดือนเต็ม ฉันได้เเต่ร้องอ้อเเอ้ๆ ก็เท่านั้น ฉันยังไม่สามารถออกเสียงให้เป็นประโยคได้เลย
ฉันต้องคอยให้คนที่เเต่งตัวเเปลกๆ มาคอยดูเเลฉันตลอดเวลา เเละบางทียัยหัวฟ้าที่คาดว่าน่าจะเป็นเเม่ของฉัน ชอบอุ้มฉันเข้าไปในห้องเเล้วก็ให้ฉันดื่มนมจากภูเขานั่น
เอ่อ...ฉันก็ไม่ได้ชอบภูเขาทั้งสองลูกนั่นอะไรขนาดนั้นหรอกนะเเต่ช่วยไม่ได้ มันคืออาหารอย่างเดียวที่ในตอนนี้ที่สามารถกินได้....เเละในตอนนี้เจ้าภูเขานั่นฉันก็กำลังดูดมันอยู่...
“-----------------” หญิงสาวมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่อบอุ่น เเละฉันไม่รู้สึกชอบมันเลยสักนิด
เเละใช่ ฉันยังไม่รู้ภาษาของโลกนี้ ฮึ! ใครมันจะไปเรียนรู้ภาษาได้เร็วเหมือนในตัวเอกในนิยายละ ในบางทีฉันอาจจะต้องใช้เวลาถึง6ปีในการเรียนภาษาของโลกนี้ก็เป็นได้ เเต่ก็นะฉันก็ยังพออ่านสีหน้าออกละนะ มันค่อนข้างลำบากเลยละ
“เจ้าตัวน้อยของเเม่ กินนมเก่งจังเลยนะ~” (ภาษาที่โคโกะไม่เข้าใจ)
เฮ้อ~ ฉันไม่เข้าใจที่เธอพูดสักคำ เเต่ฉันพอจะจับใจความได้ว่า「ฟิโอน่า」น่าจะเป็นชื่อใหม่ของฉันละมั้ง...คิดว่านะ
“อิโอ เเอ้~” ฉันอยากจะพูดชื่อฉันออกไป เเต่ปากของฉันมันไม่ขยับไปตามใจฉันเลย
“นี่!! ที่รัก มาดูลูกของเราสิ เธอพยามที่จะพูดชื่อตัวเองด้วยล่ะน่ารักจังเลยน๊า~” หญิงสาวหั่นไปทางผ้าม่านสีดำที่ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น (ภาษาที่ฟิโอน่าไม่เข้าใจ)
จู่ๆ ก็มีชายร่างใหญ่ค่อยๆปรากฏกายขึ้นมาจากผ้าม่านสีดำ
เอื๊อก!!
อะ...ไอหนุ่มน่ากลัวนั่นมันยืนอยู่ตรงนั้นตั้งเเต่เมื่อไหร่!! ฉันไม่ทันสังเกตเลย...หืม? เเต่ก็หล่อใช้ได้เเฮะ
ผู้ชายผมเงาสีดำขลับ นัยน์ตาสีดำสนิท เขาสูง182เซนติเมตร เขาใส่เสื้อผ้าขุนนางสีดำมีเถาวัลย์ตามขอบตะเข็บของเสื้อผ้า มีผ้าคลุมไหล่สีดำพาดลงไปถึงหัวเข่ากับรองเท้าเงาวับ สายตาของเขาจับจ้องไปที่เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมอกของเเม่
“อืม....ก็น่ารักดี...” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาราวกับน้ำเเข็งเเละมองฉันด้วยสายตาที่น่ากลัว
“นี่ที่รัก~ จะทำตัวเเข็งทื่อไปถึงเมื่อไหร่คะ ลูกของเราออกจะน่ารักขนาดนี้” หญิงสาวกล่าวว่าชายหนุ่มเเละทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนจะหันมามองทารกที่อยู่ในอ้อมอกของเธอเเละส่งสายตาที่อบอุ่น
“เเอ้ๆ ~” มองไร จะมองอะไรนักหนา หน้าฉันมีอะไรติดอยู่รึไงกัน
บางทีชีวิตใหม่นี้มันอาจจะดีกว่าที่ฉันคิดก็ได้ ฉันได้ตั้งปณิธานเอาไว้ว่า ชาตินี้ฉันจะไม่ฆ่าใครอีก ฉันจะไม่กลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน ฉันจะเเก้ไขในสิ่งที่ฉันทำลงไปในชาติที่เเล้ว ฉันจะเปลี่ยนแปลงตัวเองซะใหม่
ฉัน...อยากให้เธอมาเกิดใหม่มาเป็นเพื่อนของฉันอีกสักครั้งจังเลย ฮินะ...
ใช่..ฉันคิดไว้เเบบนั้นว่าชีวิตใหม่นี้ มันจะดีขึ้น เเต่นั่นไม่ใช่เลย
.....................................
[9ปีผ่านไป]
ฉันได้รู้เกี่ยวกับตระกูลของฉัน
ฉันมีครอบครัวที่ประกอบไปด้วย
「พามาร์ ฟาริเอล อายุ--เจ้าตระกูลดยุคฟาริเอล」เป็นท่านพ่อของฉันเเละยังเป็นคนที่ฉันไม่ชอบหน้าสักเท่าไหร่ ฉันเห็นท่านพ่อไม่บ่อยนัก เหมือนว่าท่านพ่อพยามที่จะหลบหน้าฉัน
「มาเร่น่า ฟาริเอล อายุ28ปี ดัชเชชฟาริเอล」เป็นท่านเเม่ที่ฉันรักเเละหวงที่สุด ในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา ท่านคอยดูเเลฉันอยู่เสมอเเละมักจะพาฉันไปที่สวนดอกไม้ที่ฉันชอบที่สุด เเต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมท่านเเม่หลังจากที่ท่านพ่อไปรบก็ไม่เคยมาหาฉันอีกเลย
「ฮาริมอล ฟาริเอล อายุ-- ลูกชายคนโตตระกูลฟาริเอล」เอิ่ม...ฉันไม่เคยเห็นหน้าเขาเลย เขาเป็นพี่ชายของฉันเเละยังเป็นต้นเหตุที่ฉันต้องใช้ชีวิตเเย่ๆเเบบนี้
「ชาลฮาเลน ฟาริเอล อายุ16ปี ลูกชายคนที่2เเละเป็นน้องชายของฮาริมอล」ฉันเจอเขาอยู่บ่อยๆ เขาคอยดูเเลฉันบ้างเป็นบางครั้งเขาเป็นคนที่น่ารักเเละนิสัยดี เขาติดนิสัยชอบลูบหัวฉันด้วยละ
เเละคนสุดท้ายก็คือ
「ฟิโอน่า ฟาริเอล อายุ9ปี ลูกสาวคนเล็กของตระกูลฟาริเอล」ใช่ฉันเองเเหละ ฉันคือน้องเล็กสุดของบ้านนี้ เเละฉันน่ารักสุดๆ ไปเลยละ
ตระกูล ฟาริเอล เป็นตระกูลที่รับใช้จักรพรรดิมาอย่างยาวนาน เเต่ ทางราชวงศ์เเทบจะไม่สนใจตระกูลของเราเลยสักนิด
เเละในสถานการณ์ปัจจุบันที่ย่ำเเย่เข้าขั้นวิกฤต ถึงเเม้จะเป็นถึงตระกูลดยุคผู้ยิ่งใหญ่ เเต่ก็มีปัญหามากมายมารุมเร้าจนเกือบทำให้ตระกูลฟาริเอลเกือบล่มสลาย
ส่วนฉันเองก็ต้องเป็นคู่หมั้นกับ ฮาร์ทเรย์ ฟอตินา ที่เป็นลูกชายของตระกูลมาร์ควิส ฟอตินา อย่างไม่เต็มใจ อย่างไรก็ตามฉันก็ยังไม่เคยเจอเจ้าฮาร์ทเรย์อะไรนั่นเลยสักครั้ง เหมือนว่าฉันจะถูกจับหมั้นเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองสินะ
“ชีวิตนี้มันจะมีอะไรดีๆ ที่ยั่งยืนบ้างไหมเนี่ย?” ฉันบ่นตัดพ้อตัวเองก่อนจะไปยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่เท่าตัวของฉัน
ฉันส่องกระจกเพื่อดูรูปร่างหน้าตาของตัวเอง ผมสีฟ้าอ่อนยาวเป็นลอนเเละนัยน์ตาสีดำสนิทกับร่างกายที่เเสนจะบอบบางราวกับตุ๊กตา
บางที่ฉันก็คิดว่าตัวเองน่ารักเหมือนกันนะ
....นี่ก็ผ่านมา....กี่ปีละฉันไม่รู้...ฉันไม่รู้ว่าต่างโลกนี้เขานับเวลากันยังไง เเต่ที่รู้ๆ คือตอนนี้ฉันอายุได้9ขวบเเล้ว ฉันสามารถเดินไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวเองเเละใช่ฉันใช้ชีวิตตลอดเจ็ดปีมาอย่างสงบสุขและสนุกสนานตามวัยของฉัน
ทำไมถึงเจ็ดปีน่ะหรือ?
นั่นก็เพราะว่าหลังจากที่ท่านพ่อของฉันที่ฉันแทบจะไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเลยสักครั้งได้ออกไปรบในสงครามเมื่อสองปีก่อน ชีวิตในวัยเจ็ดขวบของฉันก็เปลี่ยนไป อยู่ดีๆ เหล่าคนใช้ก็เริ่มหันมากลั่นเเกล้งฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา เเต่ฉันก็ต้องอดทนมาตลอดสองปีจนฉันอายุได้เก้าขวบ
งานวันเกิดก็ไม่ได้จัด มันน่าเศร้าจริงๆ ที่ไม่มีเค้กในงานวันเกิดของฉัน มันมีเเต่ความว่างเปล่า
ในตอนนี้ท่านเเม่ก็ไม่ได้มาหาเราตั้งเเต่ตอนที่ท่านพ่อออกไปรบ คนที่คอยมาดูเเลเราเปลี่ยนไปเป็นเเม่นม ที่มีชื่อว่า โซเฟีย
.....ชื่อโหลๆ ที่หาได้ตามนิยายเเฟนตาซีสินะ จริงๆ ฉันก็เคยอ่านผ่านตามาบ้างเเล้ว เเต่ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องมาอยู่ที่เเห่งนั่นจริงๆ
ฉันเดินไปที่เตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอน
เฮ้อ~ เตียงนี่มันนุ่มจริงๆ อย่างน้อยๆ ก็มีเจ้าเตียงนี้เเหละที่ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย
จริงๆ เเล้วนี่ไม่ใช่โลกในนิยายแต่อย่างใด ใช่เเล้ว หมายความว่าฉันไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับโลกนี้เลยยังไงละ
*ปึ้ง!!* เสียงผลักประตูอย่างเเรง
“คุณหนูคะ อาหารมาเเล้วค่ะ” คนใช้โผล่พรวดออกมา พร้อมทำสีหน้าไม่สบอารมณ์
“ค่ะ......” ฉันตอบด้วยเสียงเล็กๆของฉัน
สาวใช้วางถาดอาหารลงบนโต๊ะอย่างเเรง ซุปกับขนมปังกระเด็นออกมา
“เเค่นี่เเหละฉันไปก่อนนะคะ” สาวใช้เดินออกไปโดยไม่สนใจเด็กสาวที่อยู่ในห้อง ก่อนจะปิดประตูห้องอย่างเเรง
ฉันหยิบขนมปังเเข็งๆ ขึ้นมากิน
เเต่มันเเข็งมากๆ จนกินไม่ได้เลยละ ฉันต้องเอาไปจุ่มกับซุปผักเย็นๆ จืดๆ เพื่อให้ขนมปังมันอ่อนตัวลง จนพอจะกินได้ ฉันต้องทนกินขนมปังเเฉะๆ เพื่อต่อชีวิตของฉัน
“อุ๊บ!...” ฉันเอามือปิดไปที่ปากของตัวเองเพื่อไม่ให้คายออกมา รสชาติมันเเย่เกินกว่าจะบรรยายได้ นี่ใช่ซุปผักจริงๆเหรอ
“อึก..ไม่อร่อยเลย..” ฉันต้องทนกระเดือกสิ่งนี้ลงคอไปเพื่อให้ฉันได้มีเเรงเพื่อที่จะได้มีชีวิตรอดต่อไป
ฉันต้องกินซุปผักกับขนมปังเเข็งๆ เเบบนี้มาตลอดสองปี ไม่อยากจะคิดเลยถ้าฉันต้องกินอาหารเเบบนี้ไปจนโตตัวฉันจะเป็นอย่างไร
หรือไม่เเน่บางที ผลกรรมที่ฉันเคยทำเอาไว้มันเริ่มย้อนกลับมาหาตัวฉันเเล้วสินะ...
เฮ้อ~
ไปเดินเล่นที่สวนดีกว่า
ฉันเดินออกไปจากห้อง ฉันเดินตามโถงทางเดินขนาดใหญ่ เเละเหล่าสาวใช้ที่กำลังซุบซิบนินทาเหมือนอย่างเคย
ฉันเดินตรงไป เเต่เเล้วฉันก็สะดุดตากับเเจกันใบนึง มันใหญ่กว่าตัวฉันซะอีก...ก็น่ะจะเอาอะไรกับเด็กอายุ9ขวบอย่างฉันละ ฉันลองไปจับมันดู...จู่ๆ เเจกันมันก็ไถลตกลงมา
*เพล้ง!!!*
เสียงเเจกันเเตกดังสนั่น จู่ๆหัวหน้าสาวใช้ก็โผล่พรวดออกมาจากไหนก็ไม่รู้มาจับที่ข้อมือฉันอย่างเเรง
“คุณหนู!! รู้ไหมนี่มันเเจกันประจำตระกูลดยุคเลยนะ!! ทำไมคุณหนูถึงมือซนเเบบนี้!!” สาวใช้ทำสีหน้าโกรธจัด เธอก้มหน้าลงมาดุฉันพร้อมทำท่าทางเหมือนจะตีฉัน
เดี๋ยวนะฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันยังไม่ได้สัมผัสมันเลยด้วยซ้ำ อยู่ดีๆ มันก็ล้มลงมาเเตกเอง
“หนูเเค่..” ฉันมองไปที่สาวใช้ด้วยสายตาที่น่าสงสาร น้ำตาของฉันมันไหลออกมาเพราะความเจ็บปวดที่ข้อมือ
ในความเป็นจริงความเจ็บปวดเเค่นี้ฉันสามารถอดทนได้ เเต่ร่างกายเเละภายในสมองของฉันมันเป็นเพียงเเค่ของเด็กเก้าขวบเท่านั้น มันทำให้ความรู้สึกนึกคิดของฉันในบางครั้งก็ทำอะไรเหมือนเด็กๆ
“อย่ามาโกหกนะคุณหนู!! เเบบนี้ต้องลงโทษเเล้วละ” สาวใช้ตะโกนเสียงดังก่อนจะลากฉันไป
ลงโทษ?! เดี๋ยวนะตั้งเเต่ฉันอยู่ที่นี่ฉันยังไม่เคยถูกลงโทษเลยนิ
ใช่เเล้วถึงเเม้ฉันจะถูกกลั่นเเกล้งเเต่นั่นก็เป็นเเค่การเเกล้งเล็กน้อยๆ (ถ้าไม่นับเรื่องเอาอาหารห่วยๆ มาให้ฉันละนะ) ฉันยังไม่เคยถูกลงโทษเลยสักครั้ง
สาวใช้พาฉันไปข้างนอก เธอลากฉันออกไปอย่างกับลากสัตว์ป่าอย่างไงอย่างงั้น ฉันไม่สามารถขัดขืนเเรงเธอได้เลย
ฉันได้เเค่สงสัยว่าทำไม ฉันเป็นถึงคุณหนูตระกูลดยุคเลยนะ ทำไม่สาวใช้พวกนี้ทำอย่างกับฉันเป็นสามัญชนจนๆ คนนึงอย่างงั้นเเหละ
“คุณหนูไปสำนึกผิดในห้องนี้ซะ!!” สาวใช้ผลักฉันเข้าไปในห้อง นั่นทำให้ฉันล้มลงไปชนกับเศษไม้ที่อยู่เเถวนั้น
“มะ...ไม่เอา!!หนูไม่เอา!! หนูกลัวความมืด!” ฉันตะโกนออกไปด้วยความหวาดกลัว ฉันวิ่งไปจับที่ชายกระโปรงของสาวใช้ เเต่ฉันก็ถูกตบอย่างเเรงจนต้องล้มลงไปอีกครั้ง
ภายในห้องนั้นมืดมากก็จริงเเต่พอมีรูหน้าต่างที่เล็กเท่ากับขนมปังหนึ่งเเถวให้พอเเสงลอดช่องผ่านมาได้
“สำนึกผิดอยู่ในห้องนี้นะคะคุณหนู” สาวใช้มองด้วยสายตารังเกียจ
*ปั้ง!* (เสียงปิดประตู)
“ไม่เอานะ!! คุณสาวใช้ปล่อยหนูออกไป!!” ฉันทุบประตูเสียงดัง เลือดที่ออกมาจากเเผลที่ได้มาจากตอนที่ฉันล้มลงไปทับกับเศษไม้....เจ็บเหลือเกิน
ไม่นะๆ!! ไม่เอาความมืด!! ไม่เอาๆ ข้อร้องง!!ได้โปรดใครก็ได้!!ช่วยหนูที!!
ฟิโอน่าได้เเต่ทุบประตูด้วยความรู้สึกเก่าๆ ที่หวนกลับมา ความหวาดกลัวของฟิโอน่ากำลังจะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ความทรงจำที่เลวร้ายมันกลับมาทำร้ายเธอ
“เเม่คะหนูเจ็บ!! หนูขอโทษ หนูจะไม่ทำเเบบนี้อีกเเล้ว” เสียงของเด็กสาวที่กำลังกล่าวขอโทษคุณเเม่ทั้งน้ำตา
เด็กสาวที่อายุเพียง13ปี ใบหน้าเเละร่างกายของเด็กสาวมีเเต่ร่องรอยของการถูกทุบตี เลือดที่ไหลออกมาทางจมูกเเละปากนั้นมันไม่ควรเกิดขึ้นกับเด็กน้อยเเบบนี้เลย
“เเกมานี่เลย!! ที่ที่เเกสมควรอยู่คือห้องนี้!!” ผู้เป็นเเม่ดึงมือเด็กสาวไป เธอลากเด็กสาวไปที่ห้องห้องหนึ่ง ภายในห้องนั้นมีเเต่ข้าวของวางระเกะระกะฝุ่นเกาะตามผนักเเละเพดาน เเละไม่มีหน้าต่างที่จะสามารถให้เเสงลอดผ่านได้เลย ผู้เป็นเเม่กระชากผมของเด็กสาวเเล้วโยนไปในห้องนั้น
“อยู่ในห้องนี้จนกว่าเเกจะสำนึกผิดที่เเกเกิดมาซะ!! ไอลูกปีศาจ!!” เธอตะโกนออกมาพร้อมส่งสายรังเกียจใส่เด็กสาว
“เเม่คะ!!หนูขอโทษ!!”
*ปั้ง!!*
เสียงประตูที่ดังสนั่น จิตใจของเด็กน้อยที่กำลังหวาดกลัว ภายในห้องกลับมาสู่ความมึดสนิท ในห้องมีเเต่เสียงคร่ำครวญของเด็กสาว
เด็กสาวที่กำลังทุบประตูด้วยความสิ้นหวัง ความมืดเริ่มกัดกินจิตใจของเธออย่างช้าๆ
“เเม่คะหนูกลัว!! เอาหนูออกไปเถอะหนูสำนึกผิดเเล้ว! เเม่คะ!! หนูขอโทษ! เอาหนูออกไปเถอะนะคะ!!” เด็กสาวยังคงทุบประตูต่อไปเเบบนั้นไปเรื่อยๆเธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ที่กำลังหวาดกลัวสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในห้องได้
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เธอเอาเเต่นอนกอดเข่าอยู่ในห้องที่มืดสนิท น้ำตาของเธอไหลออกมาไม่หยุด ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเธอให้ตื่นจากฝันร้ายนี้ได้เลย ความเจ็บปวดของเธอมันฝังลึกลงไปถึงจิตใจ มันถูกสลักเอาไว้ที่ก้นบึ้งของจิตใจของเธอ เเละไม่มีวันที่จะถูกบรรเทาลงได้
.......................................
เวลาได้ผ่านล่วงเลยไปจนถึงช่วงเวลาในยามราตรีฟิโอน่าได้เเต่นอนกอดเข่าของตัวเองพร้อมน้ำตาที่ยังคงไหลริน
อึก...ทะ...ทำไม...ฉันต้องมาเจออะไรเเบบนี้ด้วย...ฉันกลัวเหลือเกิน...ฉันเจ็บเหลือเกิน....ฉัน...
ฆ่ามันซะ
......
ฆ่ามันซะ นั่นคือสิ่งที่เเกต้องการมาตลอด
......
ฆ่ามัน ให้มันต้องทนทุกข์ทรมาณ
......
ฆ่ามันให้หมด
....ฉันทำไม่ได้...ฉันพอเเล้ว
ฉันไม่สามารถทำอะไรเเบบนั้นได้อีกเเล้ว
ฉันสัญญากับตัวเองว่าจะไม่เลือกทางที่ผิดอีก
ฉัน..
....
ฉัน...
จริงสิ.....ใช่....ใช่!!...ใช่เเล้ว!!! นั้นไงละ!! ฮ่าฮ่าฮ่า!!!!! ฉันรู้เเล้ว!! มันเป็นอย่างงี้นี่เอง!! ทำไม ทำไมฉันถึงเพิ่งมาคิดได้เอาป่านนี้!!
ฟิโอน่าเอามือกุมหัวตัวเองเเละหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
นั่นสินะ!!ฉันเข้าใจเเล้วละ...เเค่ไม่ฆ่าใครก็พอสินะ!! เเค่ไม่ฆ่าใครฉันก็ไม่ผิด!! เเค่ไม่ให้มันตายก็พอ ใช่~ นั่นเเหละฉันรู้เเล้วละว่าฉันควรจะทำยังไง
เเสงของพระจันทร์ยามราตรีที่สาดส่องเข้ามากระทบกับรอยยิ้มที่น่ากลัวของเด็กสาว เสียงหัวเราะเบาๆ ที่น่าขนลุก เรื่องราวที่น่าเศร้ากำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง.....รึเปล่านะ? :)
..........
[จากความปรารถนาที่ลึกที่สุดมักจะมาจากความเกลียดชังที่อันตรายที่สุด]
เฮโย้วาทซาบเเม้น