ตลอดอายุ 18 ปีของ โรซาเรีย เครสเซนเทีย นางกล้าพูดได้ว่าตนเติบโตอย่างสมบูรณ์พร้อม โรซาเรียเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของดยุกแห่งเครสเซนเทีย ตระกูลเก่าแก่ที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับราชวงศ์คาร์โลไลน์ ราชสกุลที่ปกครองอาณาจักรมาฟิโอเรียมาอย่างยาวนั้น อีกทั้งนางยังมีสัญญาหมั้นหมายกับองค์รัชทายาทตั้งแต่เยาว์วัย แม้จะถูกเลี้ยงดูอย่างเข้มงวด แต่ก็นับว่านางไม่เคยได้รับสิ่งใดขาดตกบกพร่อง หากนางเอ่ยปากว่าปรารถนาสิ่งใด ไม่เคยมีสักครั้งที่จะไม่ได้มาครอง
แต่คงเพราะทวยเทพคงเห็นว่าชีวิตของนางเพียบพร้อมเกินไปก็เป็นได้ นับจากวันเกิดอายุครบ 18 ปีเมื่อหลายเดือนก่อน หลายสิ่งหลายอย่างที่นางเคยเป็นผู้มีสิทธิ์ครอบครองก็ทยอยถูกพรากไปทีละอย่าง สองอย่าง
เริ่มจากเรื่องแกนพลังเวทของนางที่เสียหายจากการถูกลอบสังหารเมื่อหลายเดือนก่อน จนทำให้นางสูญเสียความสามารถในการใช้เวทมนตร์ไปจนหมดสิ้น บุตรสาวของขุนนางผู้ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ จะนับว่ามีคุณค่าใดได้อีก หลังจากเกิดเรื่อง โรซาเรียทราบดีว่านางถูกลดความสำคัญในตระกูลลง
แต่เพราะเป็นเรื่องที่นางทำความเข้าใจได้ จึงไม่คิดที่จะทวงถามหาความเห็นใจจากบุพการี เกียรติภูมิแห่งตระกูลเครสเซนเทียที่แบกไว้บนบ่า นางไม่อาจใช้ความอ่อนแอของตนทำให้มัวหมอง และถึงแม้สูญเสียความสามารถด้านเวทมนตร์ไปก็ช่างเถอะ อย่างไรนางก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้มันมากนัก
เดิมตั้งแต่เล็กจนโต เป้าหมายในการดำเนินชีวิตของนางมีเพียงการได้ขึ้นเป็นราชินีของอาณาจักรแห่งนี้เท่านั้น และตัวนางก็ยึดมั่นกับเป้าหมายนี้มาโดยตลอดตั้งแต่รู้ภาษา แม้ต้องผ่านการฝึกอบรมที่เข้มงวด แม้นางต้องแลกเวลาเล่นสนุกในวัยเยาว์ไปกับการเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากมาย แต่เพื่อให้ได้ยืนอยู่ในตำแหน่งสูงสุดบนแผ่นดินบ้านเกิดด้วยความภาคภูมิ นางยินดีที่จะแลกช่วงเวลาเหล่านั้น
ทว่า...บททดสอบสำหรับว่าที่ราชินีเช่นนาง บางครั้งก็มีตัวแปรที่นางไม่อาจแก้ไขอยู่
"เจ้ามีจิตใจโหดเหี้ยมนักโรซาเรีย ไลอาทำสิ่งใดผิด ไยต้องสั่งลงโทษนางรุนแรงเช่นนี้"
น้ำเสียงต่อว่าของบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นกับนาง เขาเป็นชายร่างสูงรูปงาม ผู้เป็นเจ้าของผมสีบลอนด์ทองและดวงตาสีฟ้าสดใส ชายผู้นับเป็นตัวแปรสำคัญในเป้าหมายหลักในชีวิตของนาง ชายที่ชื่อว่า อัสมัล คาร์โลไลน์ องค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรมาฟิโอเรีย คู่หมั้นคู่หมายของนางนั่นเอง
ในอ้อมแขนของเขา กำลังโอบกอดสตรีนางหนึ่งเอาไว้ด้วยท่าทางทะนุถนอม หากมองข้ามใบหน้าบวมช้ำ และริมฝีปากที่ปริแตกจนเลือดไหลซึมนั่นไป หญิงสาวผู้นี้ก็นับว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง
และหากจะถามหาว่าใครเป็นผู้ลงมือทำร้ายร่างกายหญิงงามท่าทางอ่อนแอตรงหน้า นางก็สามารถเอ่ยออกมาได้อย่างภาคภูมิใจเลยว่า คนผู้นั้นคือนางเอง
"หม่อมฉันทำสิ่งใดผิดหรือ...ไม่ใช่ว่าองค์รัชทายาทรู้เหตุผลดีอยู่แล้วหรอกหรือ"
โรซาเรียเอ่ยถามกับพระคู่หมั้นของตนด้วยใบหน้าเรียบเฉย เมื่อสบกับดวงตาที่วาวโรจน์ของชายตรงหน้า นางไม่ได้มีความหวั่นวิตกหรือรู้สึกหวาดกลัวอะไรเลย กลับกันนางค่อนข้างแปลกใจในคำถามของพระคู่หมั้นของนางมากกว่า
วันนี้มีงานเลี้ยงน้ำชาจัดขึ้นในสวนของพระราชวัง เหล่าเลดี้จากหลากหลายตระกูลล้วนเดินทางมาเข้าร่วมตามบัตรเชิญ แน่นอนว่ารวมทั้งตัวนางเองที่เป็นถึงบุตรีของดยุกแห่งเครสเซนเทียที่แม้จะไม่ค่อยมีคนอยากคบค้าสมาคมมากนัก แต่ก็จำเป็นต้องไว้หน้า
และนอกจากนางแล้วก็ยังมีสตรีผู้หนึ่งร่วมงานครั้งนี้ด้วย ไลอา บริสซาเนีย บุตรสาวของบารอนบริสซาเนีย ชู้รักขององค์รัชทายาทคู่หมั้นของนาง
องค์รัชทายาทอัสมัลและคุณหนูบริสซาเนีย ลักลอบคบหากันได้เกือบ 2 ปีแล้ว นับเป็นเวลา 2 ปีที่ตัวของโรซาเรียต้องก้าวขาลงในสงครามความรักที่ชวนให้ปวดหัวไม่น้อย เป้าหมายการเป็นว่าที่ราชินีของนางต้องถูกสั่นคลอนหลายต่อหลายครั้งโดยน้ำมือของสตรีนางนี้
แต่อย่างไรมันก็เป็นการกระทบกระทั่งของหญิงสาว ตัวองค์รัชทายาทที่มีบ่วงรัดคอเป็นสัญญาหมั้นหมาย และยังต้องการที่จะพึ่งอำนาจตระกูลของนางอยู่ เขาจึงพยายามมองข้ามการทะเลาะวิวาทของโรซาเรียและคนรักของตนเสมอ
ทว่า...นับตั้งแต่โรซาเรียสูญเสียความสามารถในการใช้เวทมนตร์ไป ท่าทีขององค์รัชทายาทก็เริ่มเอนเอียงมากขึ้นอย่างชัดเจน และคงเพราะแบบนั้น คุณหนูไลอา บริสซาเนีย ผู้ที่ชอบสวมหน้ากากสตรีอ่อนแอเสมอถึงได้ปีกกล้าขาแข็ง คิดกำแหงกับนางในที่สาธารณะ
ในระหว่างงานเลี้ยงน้ำชา คุณหนูไลอา บริสซาเนียไม่รู้ว่าซุ่มซ่ามหรือแกล้งทำ จึงได้สะดุดล้มแล้วสาดน้ำชาใส่นางที่นั่งอยู่เฉย ๆ พอนางสั่งให้คุกเข่าขอโทษนางเสีย อีกฝ่ายก็บีบน้ำตา หาว่านางข่มเหงรังแก ถึงกับกล้ากล่าววาจาว่า
‘เลดี้โรซาเรียก็เป็นแค่สตรีผู้ไร้เวทมนตร์เท่านั้น ถึงเป็นลูกสาวดยุกก็ไม่นับว่าเป็นคนไร้ค่าอยู่ดีหรือ ไยข้าต้องก้มหัวให้ด้วย’
เห็นทีว่าคุณหนูไลอาจะไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจริง ๆ แต่ถึงองค์รัชทายาทจะถือหางข้างนางอย่างไร คุณหนูจากตระกูลบริสซาเนียคนนี้ก็คงลืมไปกระมังว่าตนเองก็เป็นแค่บุตรสาวบารอนตระกูลเล็กๆ ถึงกับกล้าปากดีกับนางที่เป็นธิดาของดยุกจากตระกูลเครสเซนเทีย
ด้วยเหตุนั้นเองนางจึงได้สั่งให้หญิงรับใช้ตบปากลูกสาวบารอนผู้ต้อยต่ำไปจำนวน 30 ครั้ง เท่ากับคำพูดที่พ่นออกมาจากปากพล่อย ๆ ของนาง
งานเลี้ยงน้ำชามีอันต้องล้มเลิก เช่นเดียวกับที่หลังจากแขกเดินทางกลับได้ไม่นาน องค์รัชทายาทก็มาเยือนที่เกิดเหตุด้วยสีหน้าถมึงทึง อีกฝ่ายไม่ถามไถ่มาถึงที่ก็พร้อมชี้หน้าต่อว่านางโดยทันที
“สตรีของพระองค์กล่าววาจาหมิ่นเกียรติหม่อมฉัน”
โรซาเรียเอ่ยย้ำสาเหตุของบทลงโทษของนางกับชายตรงหน้าอีกครั้งด้วยความใจเย็น องค์รัชทายาทอัสมัล หากให้เอ่ยตามตรงก็เป็นหนุ่มรูปงามที่นิสัยมุทะลุ แต่ใช่ว่าเขาจะลุ่มหลงในรักจนเลอะเลือนไปเสียหมด แต่ติดออกจะลำเอียงไปบ้างก็เท่านั้น
"นางเพียงไม่รู้ความเลยไม่ระวังคำพูดไปบ้าง...จำเป็นที่เจ้าต้องทำกับนางถึงเพียงนี้เลยรึ"
"หม่อมฉันไม่เห็นว่าการสั่งลงโทษของหม่อมฉันรุนแรงเกินเหตุตรงที่ใด"
นางย้ำความมุ่งมั่นของตนอีกครั้งด้วยแววตาที่ไม่สั่นคลอน ตัวนางมีเกียรติภูมิของตระกูลต้องรักษา สตรีนางนี้คิดว่าตนเองเป็นใครจึงดูหมิ่นนางได้?
โรซาเรียใช้นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มของตนสบตรงกับเนตรคู่สีฟ้าสดใสของชายตรงหน้า ชายที่นางเลิกหวังหรือทวงถามหาความรักจากเขามาเนิ่นนานแล้ว
ฝ่ายอัสมัลที่เห็นความยึดมั่นในศักดิ์ศรีของผู้มีศักดิ์เป็นคู่หมั้น ถึงจะไม่ชอบใจที่นางลงมือกระทำรุนแรงกับคนรัก แต่อย่างไรครั้งนี้คนรักของตนก็เป็นผู้ผิดจริง เขาจึงมีท่าทีอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย
คุณหนูไลอาที่มองเห็นความนัยผ่านแววตาของคนรักของนาง ก็ได้แต่กดฝังความน้อยเนื้อต่ำใจของตนลงไปในอก แล้วฝืนขยับปากเอ่ยกล่าวโทษสตรีตรงหน้าของนางด้วยใบหน้าบอบช้ำที่นองน้ำตา
"ร้ายกาจนัก...รังแกได้แม้กระทั่งคนไม่มีทางสู้"
เสียงกระซิบที่เหมือนจะเบา แต่ก็ยังได้ยินชัดเจนในระยะที่พวกเขาทั้งสามคนอยู่ องค์รัชทายาทอัสมัลเห็นคนงามน้ำตานองก็ร้อนใจจนทนไม่ไหว เป็นโรซาเรียที่มองคู่รักตรงหน้าด้วยแววตานิ่งเฉย ๆ ไม่ต่างจากการเฝ้ามองละครฉากหนึ่ง
"นี่คือวิธีตอบโต้ของเจ้าหรือคุณหนูบริสซาเนีย นับว่าพัฒนาอยู่บ้างนะ"
"ขะ...ข้า...ข้า"
"เจ็บปากมากไม่ใช่หรือ เช่นนั้นก็หุบไว้เสีย"
เพราะรำคาญท่าทางอ่อนแอลวงโลกนั่นเต็มที นางจึงเอ่ยตัดบทเพียงเท่านั้น แต่คงเพราะเห็นท่าทางเมินเฉยของโรซาเรียกระมัง องค์รัชทายาทอัสมัลจึงรู้สึกราวกับว่าคนรักของตนไม่ได้รับความเป็นธรรม เขาโอบกอดร่างอรชรของคนรักที่สั่นเทาแนบอก ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยบางสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจออกไปโดยทันที
"ไยต้องเลือดเย็นต่อนางถึงเพียงนี้...ข้าไม่อาจทนการกระทำของเจ้าได้อีกแล้ว...เลดี้โรซาเรีย ข้าจะยกเลิกสัญญาหมั้นหมายกับเจ้า-"
"แน่ใจแล้วหรือ? "
โรซาเรียที่เดินก้าวขาได้เพียงไม่ถึงครึ่งก้าวหันหน้ากลับมาเอ่ยถามกับคู่หมั้นตั้งแต่เยาว์วัยของตน ในใจที่เคยนิ่งสงบของนางเกิดระลอกคลื่นอารมณ์ลูกหนึ่งโหมพัดในใจ
เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของนาง ยามนี้กำลังจะถูกพรากจากไปเสียแล้ว หากนางไม่ได้เป็นว่าที่ราชินี ชีวิตนางก็ไม่มีสิ่งใดที่มีค่าอีกแล้ว สิ่งที่ทุ่มเท เสียสละทำมาทั้งหมด ดูจะไร้ค่าเหลือเกินในยามนี้ แต่จะให้ทำอย่างไร นางจำเป็นต้องร้องไห้อ้อนวอนอย่างไร้ศักดิ์ศรีหรือ
ในเมื่อตัวแปรของการแย่งชิงในสงครามทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นเช่นนี้ นางจะดึงดันไปเพื่อสิ่งใดอีก
"ที่กล่าวมาองค์รัชทายาทมั่นใจแล้วใช่หรือไม่"
"เราเป็นเชื้อพระวงศ์กล่าวสิ่งใดไม่เคยคืนคำ...ราชวงศ์คาร์โลไลน์จะไม่ผูกสัมพันธ์กับตระกูลเครสเซนเทียอีก...การแต่งงานของเราจะไม่มีวันเกิดขึ้น...สตรีเพียงคนเดียวที่เราจะแต่งงานด้วยคือไลอาเท่านั้น"
ช่างน่าขัน คนที่เพิ่งจะเอ่ยตระบัดสัตย์ในสัญญาหมั้นหมายของเชื้อพระวงศ์ ยังกล้าเอ่ยมาได้ว่าเป็นคนรักษาสัจจะ เห็นนางเป็นคนโง่เง่ามากหรือไร?
"หากพระองค์ยกเลิกการหมั้นหมาย...ย่อมได้...แต่เช่นนั้นแล้ว...องค์รัชทายาทและคุณหนูบริสซาเนียก็จะติดค้างหม่อมฉัน"
โรซาเรียพยักหน้ารับการตัดสินใจของฝ่ายคู่หมั้นที่กำลังจะกลายเป็นอดีตในอีกไม่กี่อึดใจ หลังจากกล่าวจบ ฝ่ายคู่สนทนาของนางมีสีหน้าไม่เข้าใจแสดงชัดเจน
"เราไม่มีสิ่งใดติดค้างกันทั้งสิ้น...นั้นเป็นเพราะเจ้าจิตใจโหดเหี้ยมและร้ายกาจ เราจึงต้องการถอนหมั้น"
องค์รัชทายาทอัสมัลยังคงเชื่อว่าการตัดสินใจของตนเองเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ว่ามองเรื่องที่เกิดขึ้นตรงที่ใดก็ไม่เห็นว่าตนมีสิ่งที่ต้องติดค้างกับสตรีตรงหน้าอีก
เดิมเขาและนางหมั้นหมายกันด้วยผลประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น หาได้มีความรักหรือสัมพันธ์ลึกซึ้งใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนเขาไม่เคยพยายามที่จะเปิดใจให้อีกฝ่าย แต่โรซาเรียกับตนนั้นมองไปก็ไม่ต่างจากน้ำกับน้ำมัน ไม่ว่าเทรวมผสมอย่างไรก็ไม่อาจกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว
โรซาเรียมีเป้าหมายและความยึดมั่นของนาง เช่นเดียวกับเขาก็มีความปรารถนาของตนเช่นกัน เพราะไม่อาจอยู่ร่วมกันได้อย่างสบายใจ เขาจึงเริ่มมองหาสตรีอื่นที่พร้อมจะดูแลหัวใจของเขาแทน
ไลอาเป็นสาวงาม ติดอยู่ที่นางเกิดในครอบครัวบารอนตระกูลเล็ก จึงไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างมีเกียรติมากนักในวงสังคม แต่ทุกครั้งที่อยู่กับนาง เขาสัมผัสได้ถึงความซาบซ่านของการมีชีวิต และฝ่ายโรซาเรียเองถึงจะทราบเรื่องที่เขาปันใจให้ผู้อื่นก็ไม่มีทีท่าหึงหวงใด ๆ ด้วยเหตุนั้นความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงของพวกเขาสามคนที่มักถูกหยิบยกมาเอ่ยถึงในวงสนทนาซุบซิบนินทา จึงดำเนินมาได้กว่า 2 ปี
จนในที่สุด โรซาเรียผู้ที่ไม่เคยมีจุดอ่อนใดให้เขาได้เล่นงาน ก็พลาดท่าจนได้ ความสามารถในการใช้เวทมนตร์ของนางถูกทำลายลงไปจากเหตุการณ์ลอบสังหาร ความจริงข้อนี้เริ่มทำให้เสียงสนับสนุนที่มีต่อว่าที่ราชินีผู้เพียบพร้อมเริ่มสั่นคลอน แต่เพราะถึงอย่างไรนางก็ยังมีสกุลเครสเซนเทีย การจะเขี่ยนางให้พ้นทางรักย่อมไม่ง่ายดาย
แต่วันนี้...ในที่สุดตัวเขาก็ตัดสินใจยุติสัญญาได้อย่างเต็มปาก โรซาเรียเป็นคนจิตใจโหดเหี้ยม ลงมือทำร้ายคนไม่มีทางสู้ได้ลงคอ ทั้งยังไร้ความเมตตาสงสารต่อผู้อื่น เรื่องนี้เขาใช้เป็นข้ออ้างยกเลิกการหมั้นหมายได้แน่
ทว่า...เมื่อสบกับเนตรสีน้ำเงินเข้มที่แสนเยือกเย็นของอีกฝ่าย ความลังเลใจก็เกิดขึ้นในอก
"ถึงพระองค์จะชี้หน้าว่ากล่าวหม่อมฉันเช่นไรก็ไม่สำคัญ...องค์รัชทายาทอาจลืมไป...ตามกฎในสัญญาหมั้นหมายระหว่างเราแล้ว หากพระองค์เป็นฝ่ายผิดสัญญาและประกาศถอนหมั้นเอง...องค์รัชทายาทจะไม่สามารถแต่งตั้งพระคู่หมั้นได้ใหม่ทันที...และยิ่งการเลือกคุณหนูบริสซาเนียที่เป็นเพียงลูกสาวบารอนแล้ว เรื่องนี้ต้องรอจนกว่าจะผ่านความเห็นชอบจากองค์ราชาและราชินี...ซึ่งแน่นอนหากใช้ดุลพินิจแล้ว...นั้นย่อมใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี จนกว่าจะถึงช่วงเวลาที่ตระกูลบริสซาเนียของคุณหนูได้อวยยศขึ้นเป็นไวเคานต์ หรือหากโชคดีพระองค์ผลักดันให้มีความดีความชอบเข้าพระเนตรองค์ราชาบ้าง ก็อาจได้อวยยศเป็นท่านเอิร์ล...แต่ก็ต้องถามองค์รัชทายาทกับคุณหนูบริสซาเนียว่ารอได้หรือไม่ ...และในระหว่าง 5 ปีนั้น ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะไม่มีการแต่งตั้งพระคู่หมั้นคนใหม่จากตระกูล ดยุกท่านอื่น...เช่นนี้แล้ว...ยังไม่นับว่าองค์รัชทายาทจะต้องติดค้างการตัดสินใจของหม่อมฉันหรือ"
น้ำเสียงเรียบนิ่งที่อธิบายความเป็นจริงออกมาจากปากของหญิงสาวผู้ที่กำลังถูกถอนหมั้น สีหน้าไร้ความหวั่นเกรงและท่าทางหยิ่งทะนงของนางสั่นสะเทือนความมั่นคงในใจคนฟังจนสั่นคลอน
โรซาเรียแน่ใจว่ามองเห็นความวูบไหวในดวงตาทั้งสองคู่ของคู่รักตรงหน้า แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมัน นางเพียงต้องการเอ่ยย้ำอย่างชัดเจนให้ได้ข้อยุติของการเจรจาถอนหมั้นในวันนี้เท่านั้น
“หากให้เป็นฝ่ายหม่อมฉันยกเลิกการหมั้นหมายเอง...แม้ทางหม่อมฉันจะเสียเปรียบบ้าง...แต่แน่นอนว่าท่านทั้งสองย่อมได้ประโยชน์ที่สุด...องค์รัชทายาทจะเล่นบทโศกอันใดก็ได้ หรือคุณหนูบริสซาเนียจะสวมหน้ากากคนดีเข้าช่วยเหลือก็คงไม่มีใครค่อนขอดได้กระมัง”
ทางเลือกที่นางเสนอให้ทำให้คนรักทั้งสองมองสบตากันด้วยความลังเล แน่นอนว่าคำกล่าวของนางคือความจริงที่พวกเขาไม่อาจปฏิเสธ หากพวกเขาไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ คนทั้งคู่ก็ต้องจับมือกันก้าวผ่านมรสุมพิสูจน์รักแท้อย่างไม่จบไม่สิ้นต่อไป ยิ่งนานวันก็รั้นแต่จะทำให้ตกเป็นเรื่องขำขันของคนในสังคมเสียเปล่า ๆ
แต่เพราะว่าข้อเสนอนี้ถูกเอ่ยออกมาจากปากของนาง ผู้ที่นับว่าเสียเปรียบในข้อตกลงนี้ที่สุด การที่พวกเขาจะลังเลก็ไม่แปลกนัก
“ว่าอย่างไร...เพียงพวกท่านเอ่ยออกมาว่าติดค้างหม่อมฉัน...เรื่องนี้หม่อมฉันจะรับบทเป็นนางร้ายให้พวกท่านก็ย่อมได้”
โรซาเรียเอ่ยถามย้ำ แล้วเฝ้านับถอยหลังในใจ
3....
2...
1..
“ตกลง...เราติดค้างเจ้า...หากต้องการสิ่งใดให้เอ่ยออกมาเถอะ”
และคำตอบที่นางต้องการก็หลุดออกมาจากปากชายหนุ่มเสียที องค์รัชทายาทอัสมัลแม้จะมีความลังเลอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่มีทางปล่อยข้อเสนอของโรซาเรียทิ้งไปได้
ทั้งนี้ตัวของชายหนุ่มเอง ยังเชื่อว่าฝ่ายของว่าที่อดีตคู่หมั้นนั้น ไม่มีทางเรียกร้องอะไรที่เกินกว่าความสามารถที่เขาจะหามาให้ได้เป็นแน่ โรซาเรียมีความจงรักภักดีกับราชสกุลคาร์โลไลน์ เช่นเดียวกับที่นางคำนึงถึงผลประโยชน์ของอาณาจักรเป็นที่ตั้งเสมอ ด้วยเหตุนี้นางจึงถูกเลือกเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดในการเป็นว่าที่ราชินี
จะโทษก็ต้องโทษที่ตระกูลเครสเซนเทียเลี้ยงดูสั่งสอนนางมาแบบนี้ สองบ่าเล็กที่ตั้งตรงแบกรับเกียรติภูมิของตระกูล เลือดที่ไหลเวียนในร่างยึดมั่นในเจตจำนงที่จะปกป้องอาณาจักรให้ธงแห่งมาฟิโอเรียยังคงโบกสะบัดสืบไป
“ลมปากของพระองค์หม่อมฉันไม่คิดเชื่อถือ...เพียงพระองค์ลงนามในสัญญาเวทมนตร์ให้หม่อมฉันก็เพียงพอแล้ว...เอาไว้วันใดที่หม่อมฉันต้องการการชดใช้ของพระองค์หม่อมฉันจะร้องขอเอง”
แม้จะรู้สึกไม่ชอบใจในถ้อยคำค่อนขอดที่หญิงสาวเอ่ยออกมาบ้าง แต่เมื่อคิดถึงผลลัพธ์ที่จะได้ องค์รัชทายาทอัสมัลก็พยายามมองข้ามความหงุดหงิดใจของตนไป อีกทั้งความเชื่อที่มีอยู่เต็มอกว่าโรซาเรียไม่มีทางที่จะร้องขอเรื่องร้ายแรงจนกระทบกับอาณาจักรแน่ องค์รัชทายาทอัสมัล จึงไม่รีรอที่จะเสกหนังสือเวทมนตร์ออกมาฉบับหนึ่งพร้อมลงนามและประทับด้วยโลหิตตนโดยทันที
โรซาเรียรับม้วนกระดาษเวทมนตร์มาถือในมือ ก่อนจะจ้องมองมันด้วยความรู้สึกว่างเปล่า แต่เพียงครู่ต่อมา นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มก็เหลือบขึ้นมองหญิงสาวอีกคนที่ตอนนี้ปกปิดความดีใจเอาไว้ไม่มิด
สีหน้าของคนที่คิดว่าตนชนะแล้วคงเป็นเช่นนี้นั่นเอง...กับสตรีเช่นนี้....ตัวนางเองก็ต้องทำให้มั่นใจว่ามงกุฎตำแหน่งว่าที่ราชินีที่นางกำลังจะส่งต่อจะถูกวางอยู่ในมือของคนที่เหมาะสมและไม่เป็นภัยต่ออาณาจักร
“ส่วนคุณหนูไลอา บริสซาเนีย...ตลอดหลายปีที่ผ่านมายอมรับว่าการต่อสู้กับท่านทำให้ตัวข้าสนุกขึ้นบ้างไม่น้อย...แต่การสวมหน้ากากเผชิญหน้ากับท่านก็ทำให้ข้ารำคาญใจในบางครั้งเช่นกัน...ถึงจะหยิบยกเรื่องความรักลึกซึ้งของพวกท่านมาเอ่ยอย่างไร ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าท่านคือคนที่แย่งคู่หมั้นไปจากข้า...ครั้งนี้ข้ายอมถอยเพราะมองไม่เห็นประโยชน์อันใดในการแย่งชิงนี้...ท่านอยากเป็นนางเอกผู้พิชิตหรือ...ย่อมได้...แต่ถึงอย่างไรท่านก็ติดค้างข้า”
โรซาเรียเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มบางเบา นางเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวที่เริ่มแนบตัวลงในอ้อมแขนของเจ้าชายหนุ่มมากขึ้นด้วยท่าทางน่าหวาดหวั่น
“จะ...จะทำอะไร”
ไลอาเอ่ยถามเสียงสั่น ช่างเป็นสตรีใจเล็กขวัญอ่อนง่ายนัก ไม่รู้จะหวาดกลัวสิ่งใดมากมายนัก โรซาเรียมั่นใจว่าทุกขณะที่นางเอ่ยพูดแล้วเดินเข้าใกล้ นางแย้มยิ้มอย่างเป็นมิตรให้เสมอ
“แกนเวทมนตร์ไม่จำเป็นต่อท่านอีก...ท่านจะได้เป็นราชินี...เรื่องนี้ข้ามั่นใจว่าท่านย่อมสามารถเป็นได้...แต่ท่านจะไม่สามารถเป็นสิ่งใดได้อีกนอกจากราชินี...นี้คือสิ่งที่ท่านต้องชดใช้ให้ข้า”
ไม่ปล่อยให้ลูกสาวบารอนผู้ต่ำต้อยได้หลีกหนี แม้โรซาเรียจะไม่อาจใช้เวทมนตร์ชั้นสูงทำสิ่งใดได้อีก แต่แค่การกระชากแกนพลังเวทของผู้อื่นนั่น ไม่ได้กระทบกับแกนเวทมนตร์ที่เสียหายของนางเสียหน่อย เวลาเพียงพริบตา นางก็ดึงกระชากแกนพลังเวทมนตร์สีเขียวอ่อนออกมาจากร่างของอีกฝ่ายมาถือไว้ในมือ ท่ามกลางความตกตะลึงของคู่รักทั้งสอง
เร็วกว่าความคิดที่จะห้ามปราม เลดี้จากตระกูลเครสเซนเทียได้บดขยี้แกนพลังของผู้อื่นทิ้งไปด้วยใบหน้านิ่งเรียบไร้อารมณ์ เพียงเท่านี้แม้หญิงสาวตรงหน้าจะได้เป็นว่าที่ราชินี แต่นางก็จะไม่อาจใช้เวทมนตร์ของตนเรียนรู้หรือทำสิ่งใดได้อีก เมื่อใดก็ตามที่ไลอา บริสซาเนีย กลายเป็นภัยต่อราชวงศ์และอาณาจักร นางก็ไร้หนทางหลบหนีเอาตัวรอดแล้ว
แววตาของผู้ชนะที่แท้จริงเป็นเช่นไร จงจ้องมองดูเอาเถิดหนา
โรซาเรียคิดเช่นนั้นในขณะที่ริมฝีปากแย้มยิ้มมากขึ้นเข้าไปทุกที
แต่ส่วนลึกในใจก็มีความวูบโหวงหนึ่งเกิดขึ้น ความจริงที่ว่านางได้สูญเสียเป้าหมายในการใช้ชีวิตของตนไปจนหมดสิ้นแล้วยังคงย้ำเตือนอยู่ในใจ
ขากลับไปคฤหาสน์วันนี้ นางจำเป็นต้องร่างหนังสือถอนหมั้นแล้วส่งมอบให้กับทางราชวัง คงใช้เวลาเพียงหนึ่งคืนเท่านั้นประกาศถอนหมั้นจึงมีผล
น่าขันนัก...เวลาเพียงหนึ่งราตรี นางถึงกลับสูญสิ้นทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเกียรติยศชื่อเสียง หรือคู่หมั้นที่นางรักยิ่ง แม้กระทั่งพลังเวทมนตร์ที่นางเคยภาคภูมิใจ ทุกสิ่งล้วนพังทลายลงในชั่วข้ามคืน
แกนพลังเวทมนตร์ที่เสียหายของนาง ตำแหน่งคู่หมั้นที่ถูกยกเลิก กับตระกูลของนางที่มองแต่ผู้ยอดเยี่ยม ตัวนางที่ไม่มีประโยชน์อันใดให้พวกเขาแล้วจะยังสามารถทำสิ่งใดได้อีก
ผู้คนครหาว่านางเป็นคนร้ายกาจ หยิ่งผยอง ถึงขนาดถูกชี้นิ้วตราหน้าว่าเป็นหญิงชั่วร้ายจิตใจเหี้ยมโหด แต่แล้วอย่างไร...ในเมื่อนางไม่เคยเสียใจในการกระทำของตนเอง
“กะ...แก! ..แกมันผู้หญิงร้ายกาจเป็นนังแม่มด!”
น้ำเสียงสั่นเทาของไลอา บริสซาเนียลอยเข้าโสตประสาทของนาง ใบหน้าซีดเผือด และแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวระคนคับแค้นใจนั่น ทำให้นางอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะแย้มยิ้มให้กว้างขึ้นไปอีก
ในระหว่างที่กำลังครุ่นคิดถึงเป้าหมายต่อไปที่จะใช้ดำเนินชีวิตที่ย่อยยับนี้ โชคยังดีที่อย่างน้อยก็มีผู้ชี้ทางสว่าง
มาคิดดูหลังจากสิ้นบทบาทนางร้ายที่อีกฝ่ายพยายามยัดเยียดให้นางมาเสมอลง การหาบทบาทใหม่ทำก็นับว่าสามารถตั้งเป็นเป้าหมายใหม่ให้นางใช้ดำเนินชีวิตต่อไปได้กระมัง
อ่า...เป็นแม่มดก็ฟังดูไม่เลวเลย
“ค่ะ...ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะไปเป็นแม่มดก็แล้วกัน”
โรซาเรียคิดเช่นนั้นก่อนจะตอบรับออกไปเสียงเบา