บทที่ 02 : ท่านทุกคนล้วนติดค้างข้า

4524 Words
เมื่อสิ้นสุดการเจรจา โรซาเรียตัดสินใจเดินทางกลับคฤหาสน์โดยทันที นางไม่สนเรื่องที่ทิ้งไว้เบื้องหลังอีก ต่อจากนี้ฝ่ายองค์รัชทายาทและว่าที่พระคู่หมั้นคนใหม่คงต้องพยายามกันเองต่อแล้ว พวกเขาจะเล่นบทละครเช่นไรก็เป็นเรื่องของพวกเขา นางเพียงให้พวกเขาหยิบยืมชื่อเพื่อแสดงบทตัวร้ายก็เท่านั้น ส่วนตัวนางก็ต้องรีบกลับมาสะสางขั้นตอนต่อไป เพื่อเป้าหมายใหม่ในการเป็นสุดยอดแม่มด ด้วยเหตุนั้นโรซาเรียจึงใช้เวลาระหว่างเดินทางกลับด้วยรถม้าให้เป็นประโยชน์ โดยการร่างหนังสือถอนหมั้นกับองค์รัชทายาทอัสมัล ร่างเล็กของคุณหนูตระกูลใหญ่นั่งขุดคูอยู่กับพื้นรถม้าโดยสาร กระดาษถูกกางออกวางไว้บนเบาะคนนั่ง หญิงสาวบรรจงใช้ปากกาขนนกจรดถ้อยคำบรรยายความเสียใจสุดพรรณนาด้วยใบหน้านิ่งเรียบไร้ความรู้สึกอย่างที่สุด แม้จะพยายามรักษาน้ำหนักมือและความมั่นคงในการเขียน แต่เพราะความโคลงเคลงของการเดินทางที่ไม่สะดวกเท่าใด จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริง ๆ ที่ตัวอักษรแต่ละบรรทัดที่ขีดเขียน จะมีบางช่วง บางตอนที่เส้นอักษรขะยึ่กขะยือไปบ้าง หากถามว่าเหตุใดนางต้องเร่งรีบเขียนจดหมายในรถม้าแคบ ๆ แห่งนี้ด้วย? นั่นย่อมเป็นเพราะหากเท้าของนางเหยียบลงที่หน้าพื้นคฤหาสน์เครสเซนเทียเมื่อใด หากไม่มีจดหมายอยู่ในมือแล้วคงไม่ทันการแน่ เมื่อประเมินสถานการณ์ดูแล้ว อย่างไรก็ต้องเขียนให้เสร็จก่อนเข้าเขตรั้วคฤหาสน์ แม้ตัวอักษรจะไม่งดงามไปบ้าง แต่ก็หวังว่าเหล่าเชื้อพระวงศ์และท่านพ่อผู้เป็นที่รักของนางจะมองข้ามปัญหาข้อนี้ไป และให้คิดว่าเป็นเพราะระหว่างที่เขียน จิตใจของนางอ่อนไหวสับสนเลย ไม่อาจรักษาน้ำหนักมือเอาไว้ได้อีกก็แล้วกัน ในที่สุดล้อเกวียนหยุดลงที่หน้าประตู หญิงสาวผู้มีศักดิ์สูงสุดในคฤหาสน์หลังนี้ก้าวเดินลงมาด้วยท่าทางสง่างาม เส้นผมสีดำสนิทพลิ้วไหวเล็กน้อยยามเมื่อมีสายลมบางเบาพัดผ่าน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มหลุบต่ำลงหลบซ่อนความนัยจนไม่มีผู้ใดคาดเดาได้ถึงความรู้สึกนึกคิดของเจ้าตัว โรซาเรีย เครสเซนเทีย นับเป็นสาวงามผู้เพียบพร้อม แต่อาจเป็นเพราะบรรยากาศเยือกเย็น และท่าทีไว้ตัวของนางที่แสดงออก ผู้คนรอบข้างจึงไม่รู้สึกสนิทใจเท่าใดนักยามเมื่ออยู่ใกล้ ข้ารับใช้บริเวณนั้นเมื่อเห็นคุณหนูของบ้านกลับมาถึง ต่างก็ก้มทำความเคารพด้วยความนอบน้อม โรซาเรียไม่ได้สนใจท่าทางยำเกรงของเหล่าคนรับใช้ นางเพียงเอ่ยถามหาคนผู้ที่นางต้องการพบตัว “ท่านพ่อกลับมาแล้วหรือยัง” “นายท่านอยู่ที่ห้องหนังสือค่ะคุณหนู” โรซาเรียพยักหน้ารับเล็กน้อยกับคำตอบจากสาวใช้นางหนึ่ง ก่อนจะเหลือบสายตาไปเห็นว่า ที่บริเวณไม่ไกลนัก มีรถม้าประจำตำแหน่งของใครบางคนอยู่ด้วย “รถม้าของท่านพี่...พวกเขากลับมาจากนอกเมืองแล้วหรือ” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม ดยุกคนปัจจุบันแห่งตระกูลเครสเซนเทีย ลาซารัส เครสเซนเทีย นั้น มีบุตรธิดารวมทั้งสิ้น 3 คนด้วยกัน แต่ละคนก็นับว่าเป็นผู้โดดเด่นในอาณาจักรแห่งนี้ ลูกชายคนโต โลเวลล์ เครสเซนเทีย คุณชายใหญ่ของบ้านผู้เข้มงวด เดิมนั้นเจ้าตัวถูกทาบทามให้เข้ากระทรวงเพื่อรับตำแหน่งทางราชการหลายต่อหลายครั้ง ด้วยความที่เป็นคนฉลาด ทั้งยังสุขุม รอบคอบ มีแววเป็นขุนนางอนาคตไกล แต่คุณชายท่านนี้ไม่คิดเอาดีทางด้านราชการ ปัจจุบันเขาจึงกำลังอยู่ในช่วงศึกษางานเพื่อรับช่วงต่อในการดูแลและบริหารธุรกิจส่งออกพืชผลทางการเกษตรของครอบครัว ลูกคนรอง คือบุตรีเพียงคนเดียวของตระกูล โรซาเรีย เครสเซนเทีย (อดีต) คู่หมั้นขององค์รัชทายาทแห่งอาณาจักร นางและโลเวลล์ อายุห่างกันถึง 8 ปี อีกทั้งด้วยการลูกเลี้ยงดูที่เข้มงวดตั้งแต่เด็ก โรซาเรียจึงไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับพี่ชายของตนเท่าใดนัก แม้ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ แต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าสนิทสนม ลูกชายคนสุดท้อง เลนนอล เครสเซนเทีย คุณชายเล็กของบ้าน หากกล่าวว่าความสัมพันธ์ฉันพี่น้องของโรซาเรียและโลเวลล์ห่างเหินมากแล้ว กับน้องชายผู้นี้ โรซาเรียขอจำกัดความที่คำว่าค่อนข้างอธิบายยาก เลนนอลอายุห่างจากนาง 5 ปี ตอนที่เขาเกิดนางก็เริ่มเข้ารับการฝึกอบรมเพื่อเป็นว่าที่ราชินีแล้ว ในขณะที่เลนนอลได้ออกไปวิ่งเล่นหรือต่อตีและแข่งฟันดาบ ตอนนั้นนางก็ถูกครูพี่เลี้ยงขังอยู่ในห้องหนังสือและเรียนคัดลายมือ การเจอหน้ากันตลอดหลายปีมานี้แทบจะนับครั้งได้ ปัจจุบันเลนนอลเข้ารับการฝึกฝนเพื่อเตรียมบรรจุเข้ากองอัศวินแห่งอาณาจักร เขาเป็นเด็กหนุ่มอนาคตไกล ที่มีพละกำลังและฝีมือการต่อสู้ไม่ธรรมดา ทั้งนี้ไม่รู้ว่าความผิดพลาดในการดูแลความสัมพันธ์ในครอบครัวนั้นปัญหาอยู่ที่นางรึไม่ เพราะเท่าที่ทราบคุณพี่ชายและน้องชายของนางนั้น พวกเขาต่างสนิทสนมกันดี มีเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่พวกเขาไม่ค่อยให้ความสนิทสนมเท่าใดนัก เรื่องนี้มานึกดูก็น่าเศร้าใจไม่น้อยเลย “คุณชายใหญ่และคุณชายเล็กอยู่ในห้องหนังสือกับนายท่านค่ะ” “อืม...เตรียมน้ำชาสักหน่อย...ข้าคงต้องไปทักทาย” “เข้ามา” เสียงตอบรับนิ่งเรียบดังมาจากภายในห้อง หลังจากที่นางเคาะเรียกขออนุญาตเข้าพบ โรซาเรียลอบสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด ก่อนที่จะหมุนลูกบิดประตูแล้วก้าวเท้าเข้าไปในห้องที่เริ่มดูไม่ต่างจากสมรภูมิรบในจินตนาการของนางเท่าใดนัก ภายในห้องกว้าง มีคน 3 คนปรากฏอยู่ในครรลองสายตาของนาง คนแรกคือน้องชายคนเล็ก เลนนอลกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้นวมกลางห้อง ข้างกายของเขาคือ โลเวลล์ ผู้เป็นพี่ชายใหญ่ บัดนี้ทั้งคู่ต่างก็กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอะไรบางอย่างในมือตน ทำราวกับไม่รับรู้การมีอยู่ของนางที่ก้าวเข้ามาในบริเวณห้อง ส่วนคนอีกผู้หนึ่งคือผู้ที่นางต้องการพบเขาที่สุดในเวลานี้ บิดาผู้เย็นชาของนาง เขาก็มีท่าทีไม่ต่างจากเหล่าพี่ชายน้องชายทั้งสองเท่าใดนัก ท่านพ่อยังคงก้มหน้าขีดเขียนอะไรบางอย่างลงในเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา “มีเรื่องอะไร” ดยุกลาซารัสเอ่ยถามโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบตา โรซาเรียค่อนข้างคุ้นเคยกับท่าทีเหล่านั้นของเขาอยู่แล้ว นางจึงไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไร อันที่จริงในใจนางคิดเพียงมาพบเพียงเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ เรื่องนอกเหนือจากนั้นไม่จำเป็นต้องคิดให้มากความ “ลูกมีเรื่องต้องแจ้ง” “หากเป็นเหตุทะเลาะวิวาทของสตรี...ข้าไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องสนทนาเรื่องนี้” โรซาเรียไม่สนใจท่าทีเมินเฉยของพวกเขา อันที่จริงครอบครัวของนางมีนิสัยที่คล้ายกันอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นคือภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย มักหลบซ่อนความรู้สึกนึกคิดและแผนการเอาไว้มากมาย และน่าขันที่นางเลือกจะเดิมพันกับความใส่ใจของพวกเขา โรซาเรียพาตัวเองมานั่งลงที่เก้าอี้นวมฝั่งตรงข้ามกับเหล่าพี่ชายและน้องชาย นานมากแล้วที่ไม่ได้ใช้เวลาเพื่อเผชิญหน้ากับพวกเขาเช่นนี้ นางลงมือรินชากุหลาบที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่วทั้งห้องลงในแก้วกระเบื้อง ก่อนยกขึ้นจิบด้วยท่าทางสบายอารมณ์ไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งผ่านเรื่องทะเลาะวิวาทรุนแรงมาสักนิด “เกิดเรื่องเช่นนี้ยังนั่งสบายใจอยู่ได้...น้องสาวคงใจเย็นมาก” เป็นพี่ชายของนางที่เอ่ยขึ้นมาก่อน โลเวลล์วางเอกสารในมือของตนลงในที่สุด นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเช่นเดียวกับนางหลังกรอบแว่นมีแววตำหนิอย่างชัดเจน เขาเป็นคนเข้มงวดเช่นนี้เสมอ ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด คนที่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงและเกียรติภูมิของตระกูลที่สุดก็คือเขา เพราะแบบนั้น ยามที่โลเวลล์เอ่ยว่าจะไม่รับราชการนั้น ทำให้นางค่อนข้างแปลกใจอยู่ไม่น้อยเลย ส่วนด้านน้องชายอย่างเลนนอล เดิมเขาก็เป็นคนอยู่ไม่สุขอยู่แล้ว การที่จะแสร้งทำเป็นไม่สนใจทั้งที่มีเรื่องที่กระหายใคร่รู้อยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่นิสัยของเจ้าตัวสักนิด “ข่าวมาว่าพี่สาวมีเรื่องตบตีในงานเลี้ยงน้ำชาจริงหรือ” เอกสารที่ถือกลับหัวมาตั้งนานแล้วในมือถูกวางลง พร้อมกับที่เลนนอลเอ่ยปากถาม ไม่แปลกที่คุณชายเล็กของตระกูลจะให้ความสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นมากเช่นนี้ พี่สาวของเขานั้นเป็นที่ทราบดีว่าคือผู้หญิงเย็นชาและหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี ถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่คนโง่ แล้วที่สำคัญนางก็ไม่ได้มีนิสัยชอบลงมือทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไร้เหตุผล เช่นนั้นแล้วการที่อยู่ ๆ พวกเขาได้ทราบข่าวว่าเลดี้โรซาเรียผู้สุขุมเยือกเย็นเสมอ ลงมือทำร้ายร่างกายชู้รักของพระคู่หมั้นจนเลือดตกยางออกด้วยความหึงหวง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่าสตรีตรงหน้าของเขาคิดเล่นตลกอันใดอยู่กันแน่ “หูตาของท่านพี่และน้องชายช่างกว้างไกลนัก...แม้อยู่นอกเมืองหลวงยังทราบข่าว” โรซาเรียไม่ได้ตอบคำถามของน้องชายตนโดยทันที นางก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูดหยอกล้อพี่น้องของตนสักเล็กน้อย ดูเอาเถิดผู้ชายบ้านนี้ถึงกับมีสายสืบคอยติดตามข่าวในเมืองหลวง และก็ไม่แน่ว่าเรื่องที่นางทำลายแกนพลังเวทมนตร์ของคุณหนูตระกูลบริสซาเนียคนนั้น ทั้งยังคิดจะเป็นฝ่ายถอนหมั้นก็คงมาถึงหูท่านพ่อแล้วกระมัง “เราจะไม่คุยกันเรื่องนี้” แต่รู้ไปก็เท่านั้น ท่านพ่อของนางยังคงเป็นคนเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยน หากเรื่องไหนที่เขาเห็นแล้วว่าไม่มีผลประโยชน์ต่อตระกูลเครสเซนเทีย ท่านดยุกลาซารัสก็จะเมินเฉยไม่ให้ความสำคัญใด ๆ ทั้งสิ้น การที่นางตัดสินใจถอนหมั้นเองนั่น เรื่องนี้นับว่าทำให้ตระกูลเครสเซนเทียเสียเปรียบราชวงศ์อยู่บ้าง เช่นนั้นแล้วการที่ดยุกลาซารัสจะปัดตกหัวข้อสนทนาก็ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายของนางเท่าใดนัก “เช่นนั้นก็สนทนากันเรื่องนี้แล้วกันค่ะ” แต่ว่า...เพื่อเป้าหมายการออกเดินทางเพื่อเป็นแม่มดผู้ยิ่งใหญ่ของนางแล้ว...นางยอมแพ้ได้ที่ไหน ถึงแม้ท่านพ่อจะเมินเฉยแล้วทำบ่ายเบี่ยง นางก็จะไม่ยอมปล่อยผ่านโดยเด็ดขาด “เมื่อ 4 เดือนก่อน ระหว่างเดินทางไปงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ท่านเคานต์มอร์แกน...เดิมผู้ที่ต้องอยู่ในรถม้าคันนั้นคือท่านพ่อผู้เป็นผู้นำตระกูล และท่านพี่ผู้สืบทอดตำแหน่งดยุกในอนาคต แต่เพราะท่านพ่อติดภารกิจที่กระทรวงจึงมาล่าช้า และไม่ทราบเกิดอะไรขึ้นพี่ชายและน้องชายจึงนึกอยากนั่งรถม้าด้วยกันขึ้นมา...ข้าผู้เป็นลูกสาวคนรองจึงต้องนั่งรถม้าเพียงลำพัง...และก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน มีมือสังหารเข้าจู่โจมรถม้าของตระกูลเราอย่างอุกอาจ เดิมข้าควรตายไปแล้ว โชคยังดีที่ยังพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่ก็แลกมากับการที่แกนพลังเวทมนตร์ของข้าเสียหายจนไม่อาจใช้พลังได้อีก” โรซาเรียหยิบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อนมาเอ่ยถึง เดิมหลังจากเกิดเรื่อง ข่าวการบาดเจ็บของนางถูกกลบหายไปราวกับว่ามีคนต้องการปกปิดเอาไว้ ซึ่งก็คาดเดาได้ไม่ยากนักว่าคงเป็นฝีมือของเหล่าบุรุษแห่งตระกูลเครสเซนเทียในห้องนี้ แต่หากไม่ได้เป็นเพราะคุณหนูไลอา บริสซาเนียคนนั้นปากสว่าง เรื่องที่นางสูญเสียความสามารถในการใช้เวทมนตร์คงไม่รู้เป็นวงกว้างเช่นทุกวันนี้ “น้องสาวต้องการจะพูดอะไร...มาเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทำไมในเมื่อเรื่องผ่านมานานหลายเดือนแล้ว” โลเวลล์ขยับแว่นกรอบสีทองของตนขณะที่เอ่ยปาก นางทราบดีว่าการรื้อฟื้นเรื่องที่ผู้คนในตระกูลต้องการกลบฝังมันก็เหมือนการกวนน้ำให้ขุ่น แต่หากไม่ใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์ ตัวนางก็ไม่มีสิ่งใดในการต่อรองให้พวกเขาทำตามความต้องการของนางได้อีกแล้ว “ข้าจะไม่เอ่ยถึงเงินส่วนตัวของพี่ชายที่นำไปจับจ่ายอย่างผิดปกติ...หรือไม่สืบสาวหาความกับน้องชายที่วันนั้นกระทำตัวผิดสังเกต...ยิ่งไม่ร้องขอความเป็นธรรมกับท่านพ่อที่ไม่อาจตามล่าหาตัวผู้ที่ลงมือทำร้ายร่างกายพระคู่หมั้นขององค์รัชทายาท...สิ่งที่ข้าต้องการพูดมีเพียงพวกท่านทุกคนในห้องนี้ล้วนติดค้างข้า” โรซาเรียเอ่ยปากขณะที่จ้องมองน้ำชาที่เริ่มเย็นชืดในแก้วกระเบื้องสีขาว นางจงใจพูดเชิงกล่าวโทษเหล่าพี่ชายน้องชาย และบิดาของนาง แม้ใจจริงจะไม่อยากทำเช่นนี้ เพราะทราบดีว่าส่วนลึกในใจของพวกเขาต่างก็รู้สึกผิดในเรื่องที่เกิดขึ้น พวกเราทุกคนในห้องนี้ ต่างก็มีเส้นผมสีดำสนิทและดวงตาสีน้ำเงินเข้ม โรซาเรียมักจะชอบจ้องมองพวกมันทุกครั้งที่มีโอกาส เนื่องจากสิ่งเหล่านี้คือสัญลักษณ์เพียงอย่างเดียวสำหรับนาง ที่แสดงถึงตัวตนว่าพวกเราล้วนมีสายเลือดเดียวกัน และต่างต้องแบกรับเกียรติภูมิใต้ตราพระจันทร์เสี้ยวแห่งตระกูลเครสเซนเทีย ถึงแม้ความสัมพันธ์ในครอบครัวของเราค่อนข้างห่างเหิน หรือแม้กระทั่งการแสดงออกถึงความห่วงใยก็มีอยู่น้อยนิด แต่เรื่องเหล่านั้นไม่สำคัญเลย ถึงจะไม่แสดงออกแต่อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นพี่น้องและคนในครอบครัว แต่เพราะจำเป็น นางจึงเลือกใช้คำพูดมุ่งร้าย แสร้งทำทีเป็นไม่รับรู้ความจริงที่ถูกซ่อนไว้เบื้องหลังของเหตุการณ์ แล้วกล่าวหาเชิงว่าผู้เป็นพี่ชายและน้องชายของนางนั้นมีส่วนรู้เห็นทำให้เกิดการลอบสังหารครั้งนั้น “เจ้าต้องการจะกล่าวสิ่งใดกันแน่...คิดจะกระทำหมิ่นเกียรติของตระกูลหรือ” ลาซารัสเอ่ยตัดบทอีกครั้ง ครั้งนี้เขายอมละสายตาจากกองเอกสารบนโต๊ะขึ้นมาสบตากับนางตรง ๆ แล้ว นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มคมกริบ ราวกับสามารถส่งมอบความกดดันที่มองไม่เห็น ให้มุ่งตรงไปที่ยังสตรีคนเดียวในห้องได้ "ท่านพ่อโปรดใจเย็นก่อนพี่สาวอาจเพียงอารมณ์ไม่ดี" เลนนอลเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองมาของบิดา แม้เขาจะรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้างที่ถูกกล่าวหาเชิงว่าเป็นคนอยู่เบื้องหลังของการลอบสังหารเมื่อหลายเดือนก่อน แม้จะไม่ได้ทำก็จริงแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตนเองมีส่วนทำให้เรื่องเกิดขึ้น "น้องสาวยังไม่รีบขอโทษท่านพ่ออีก" ฝ่ายพี่ใหญ่เองก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวตักเตือน คำพูดที่โรซาเรียเอ่ยออกจะดูรุนแรงผิดวิสัยของเจ้าตัวอยู่ไม่น้อย แต่อาจเป็นเพราะนางกำลังหงุดหงิดใจอยู่ เขาจึงไม่คิดกดดันนางให้มากความอีก “ตัวลูกในฐานะผู้มีสายเลือดเครสเซนเทีย...กล้าพูดอย่างเต็มปากว่าลูกได้ใช้ทั้งชีวิตนับตั้งแต่เกิดมามอบให้วงศ์ตระกูลและอาณาจักรจนหมดสิ้น...ลูกไม่เคยทำเรื่องใดผิดต่อเกียรติภูมิของตระกูลเรา” แต่โรซาเรียไม่สนใจความห่วงใยที่ถูกหยิบยื่นให้จากพี่น้อง นางจ้องมองสบตรงเข้ากับดวงตาของบิดาอย่างไม่หวั่นเกรง พวกเขาทั้งคู่ต่างแลกเปลี่ยนสายตานิ่งเงียบโดยไร้คำพูดใด ๆ อยู่ชั่วขณะหนึ่ง จนกระทั่งผ่านไปได้หลายอึดใจ ดยุกแห่งเครสเซนเทียก็เป็นฝ่ายหลุบเนตรลงหลบสายตา “พวกเจ้าสองคนออกไปก่อน” คำสั่งออกมาจากปากผู้เป็นใหญ่สูงสุดในห้องนี้ กล่าวกับบุตรชายทั้งสองของตน สิ้นคำสั่งนั้น โรซาเรียบก็เบนสายตาของตนมองที่ถ้วยน้ำชาในมือ พร้อมแย้มยิ้มบางเบา “โรซาเรีย...เจ้าต้องการอะไร” คล้อยหลังประตูไม้ที่ปิดสนิท ในที่สุดผู้เป็นเจ้าบ้านสูงสุดของคฤหาสน์ก็เอ่ยปากถามออกมาตรง ๆ เสียที อย่างที่นางเคยกล่าวเอาไว้ว่าเขาคือผู้ชายเพียงคนเดียวที่นางไม่อาจก้าวข้าม นั่นเป็นเพราะบิดาของนางเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของนางอย่างทะลุปรุโปร่งเสมอ ไม่ว่าแผนการใด การตัดสินใจแบบไหน เขามักจะล่วงรู้ล่วงหน้าก่อนที่นางจะเอ่ยปากทุกครั้งไป กับคนเช่นนี้เรายังมีสิ่งใดที่สามารถปิดบังเขาได้อีก และในทางกลับกัน นางเองก็เข้าใจความนึกคิดของเขาอย่างถ่องแท้เช่นเดียวกัน เคยมีคนบอกว่าในจำนวนลูกทั้ง 3 คน พี่ชายของนางนั้นเหมือนท่านพ่อมากที่สุด แต่ในความจริงแล้ว คนที่มีความคิดใกล้เคียงกับท่านดยุกมากที่สุดก็คือตัวนางเองต่างหากเล่า เมื่อท่านพ่อเอ่ยถามความต้องการของนางอย่างตรงไปตรงมา ก็ไม่มีสิ่งใดให้ต้องปิดบังอีก โรซาเรียล้วงหยิบหนังสือขอถอนหมั้นที่ตนนั่งเขียนเมื่อตอนอยู่ในรถม้าออกมาวางลงตรงหน้าของผู้เป็นบิดา “นี่คือหนังสือถอนหมั้นค่ะ...ลูกต้องการให้ท่านพ่อยื่นต่อองค์ราชาในวันพรุ่งนี้” “การเจรจาของเจ้าทำให้เราเสียเปรียบ...อย่างน้อยไยไม่ให้ฝ่ายองค์รัชทายาทออกปากเอง” “ลูกมั่นใจว่าตระกูลไม่เสียหาย...คนที่เสียเปรียบเพียงคนเดียวดูจะเป็นลูกมากกว่า…. ใช่ว่าลูกจะไม่ทราบว่าท่านพอเริ่มพบปะกับองค์ชายสามที่สมาคมนักตกปลาบ่อย ๆ ” ในทุกราชวงศ์นั้น แม้ฉากหน้าจะดูสามัคคีกลมเกลียว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันจะมีคลื่นใต้น้ำของสงครามการแย่งชิงอำนาจของเหล่าเชื้อพระวงศ์แอบแฝงอยู่เสมอ กับราชวงศ์คาร์โลไลน์ก็เช่นกัน แม้องค์ชายอัสมัล ผู้เป็นองค์รัชทายาทนั่นจะมีเสียงสนับสนุนให้เป็นผู้สืบทอดในบัลลังก์ เนื่องเพราะเป็นองค์ชายที่เกิดจากองค์ราชินี แต่เขาก็ไม่ใช่องค์ชายเพียงองค์เดียวในราชสกุลนี้ นอกจากเขายังมีองค์ชายผู้โดดเด่นอีกคนหนึ่งอยู่ องค์ชายสาม เอเลนเดล คาร์โลไลน์ก็นับว่าเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งว่าที่ราชาคนต่อไปที่น่าจับตามอง และการที่ท่านพ่อผู้เป็นดยุกตระกูลใหญ่ใช้เวลาพบปะกับว่าที่ผู้มีสิทธิ์ในบัลลังก์เช่นนี้ จะให้นางคิดเป็นอื่นได้อย่างไรนอกจากว่า ตระกูลเครสเซนเทียเริ่มเอนเอียงที่จะสนับสนุนองค์ชายสามผู้นี้แล้ว “เจ้าเป็นเด็กฉลาด...แต่ไม่เคยกระทำสิ่งใดโดยให้ตนเองต้องขาดผลประโยชน์เหมือนครั้งนี้” ดยุกลาซารัสไม่ปฏิเสธคำกล่าวของบุตรสาว ระหว่างพวกเขาพ่อลูกไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากใส่กัน เพราะเพียงแค่มองตาพวกเขาทั้งคู่ก็รับรู้แล้วว่าในใจนั้นคิดเช่นไร หลายครั้งที่ลาซารัสนึกเสียดายที่โรซาเรียไม่เกิดมาเป็นบุตรชาย หากเป็นจริง เขาก็พร้อมมอบตำแหน่งผู้สืบทอดให้อีกฝ่ายโดยไม่คิดให้มากความ โลเวลล์แม้เป็นบุตรชายคนโตผู้เข้มงวด แต่เขาก็มีความหยิ่งทะนงในแบบของตนเอง ส่วนเลนนอลเองก็ยังเด็กนัก ทั้งยังนิสัยมุทะลุ การจะให้เป็นผู้สืบทอดก็ยังต้องฝึกฝนอีกมาก ในทางกลับกัน หากโรซาเรียเกิดเป็นบุตรชาย ด้วยนิสัยที่ยึดมั่นในศักดิ์ศรี อีกทั้งยังใจเย็นและเฉลียวฉลาด นางจะกลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการถือครองตราสัญลักษณ์พระจันทร์เสี้ยวของตระกูลเครสเซนเทียคนต่อไปได้อย่างแน่นอน แต่เพราะนางเกิดเป็นสตรี หน้าที่ที่ต้องแบกรับในฐานะของหญิงสาวที่เกิดในตระกูลใหญ่จึงมาในรูปแบบเช่นนี้ นางไม่อาจสร้างฐานอำนาจหรือรับราชการได้เช่นบุรุษ ทางที่นางจะสามารถยืนหยัดอย่างมั่นคงท่ามกลางมรสุมทางการเมืองนี้ได้นั้น มีแต่ต้องกลายเป็นสตรีอันดับหนึ่งของอาณาจักร แล้วตำแหน่งใดจะยิ่งใหญ่ที่สุดหากไม่ใช่ราชินี? ด้วยเหตุนั้นการผลักดันให้นางได้สวมมงกุฎมารดาของแผ่นดินมาฟิโอเรียจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง “หากลูกต้องการ...องค์ชายสามก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว” “ลูกเติบโตมาเพื่อเป็นว่าที่ราชินีก็จริง...แต่บางทีลูกอาจจะเหนื่อยล้ามากแล้ว...สงครามที่ต้องเกี่ยวข้องกับความรักในใจมนุษย์...ไม่สนุกเลยจริง ๆ” คำตอบที่ออกมาจากปากหญิงสาวทำให้คนฟังได้แต่ยิ้มแบบขมขื่น ใบหน้างดงามยังคงนิ่งเรียบทว่าก็แฝงความอ่อนล้าออกมาให้เห็นดังเช่นคำพูดที่เพิ่งกล่าว แต่เมื่อมองสบกับนัยน์ตาหวานแล้ว เขามองเห็นเพียงความมุ่งมั่นในการตัดสินใจของตน ดยุกแห่งเครสเซนเทียจึงเลือกที่จะไม่เอ่ยทัดทานสิ่งใดอีก แต่เล็กจนโตบุตรสาวของเขานั้นไม่ใคร่ร้องขอหรืออ้อนเอาสิ่งใด นางจะปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด วางตัวสุภาพเรียบร้อยสมกับตำแหน่งธิดาดยุก ตัวเขาผู้เป็นพ่อก็ทำเพียงมองดูการเติบโตของลูกสาวเพียงคนเดียวของตน ในวันนี้นางถึงกับกล้าที่จะเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับเขาเพื่อร้องขอบางสิ่ง บิดาเช่นเขาจะใจดำปฏิเสธได้อย่างไร เป็นเช่นที่นางกล่าว...พวกเขาทุกคนล้วนติดค้างนาง “ถ้าเจ้าเป็นฝ่ายถอนหมั้น...ราชวงศ์ไม่อาจปล่อยให้คนที่หมิ่นเกียรติขององค์รัชทายาทอยู่ในเมืองหลวงได้อีก...นี่คือความต้องการของเจ้าหรือ” หลังจากสิ้นคำถามนั้น ลาซารัสมั่นใจว่าตนมองเห็นว่าบุตรสาวของตนนั้นฉีกยิ้มกว้างขึ้น นางยังคงจ้องมองที่แก้วกระเบื้องในมือของตน ราวกับว่าแก้วใบนั้นน่าสนใจนักหนา “ลูกทราบมาว่าที่เมืองฟาร์ลัส (Farust Town) มีบ้านพักเล็ก ๆ อยู่...ลูกอยากไปพักผ่อนที่นั่น” บนแผ่นดินแถบนี้มีอาณาจักรอยู่ทั้งสิ้น 8 อาณาจักร อาณาจักรมาฟิโอเรียนับเป็นอาณาจักรที่มีพื้นที่เยอะที่สุด ทั้งยังมีภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์อย่างมาก มีสภาพแวดล้อมหลากหลาย ทั้งภูเขา ป่าไม้ แม่น้ำ และชายฝั่งทะเล และด้วยความหลากหลายเช่นนี้ทำให้มาฟิโอเรียมีศักยภาพด้านการเกษตรเหนือกว่าอาณาจักรอื่น ๆ เป็นอย่างมาก สถานที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่กันตอนนี้ คือเมืองหลวงของอาณาจักร นครเมเลโทเนีย อันเป็นที่ตั้งของราชวัง และเป็นจุดศูนย์กลางการบริหาร แต่นอกจากเมืองหลวงแล้ว ก็ยังมีเมืองท่าและเมืองอื่น ๆ อีก 6 เมืองกระจายออกไปตามแต่ละทิศของอาณาจักร เมืองฟาร์ลัสที่นางเอ่ยถึงคือเมืองข้างเคียงที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของเมืองหลวง แม้ไม่นับว่าเป็นเมืองใหญ่แต่ก็เจริญอย่างมาก ธุรกิจการค้าส่งออกอาหารอบแห้งของตระกูลเครสเซนเทียมีศูนย์กลางการผลิตอยู่ที่นั่น แต่นอกจากเมืองฟาร์ลัสแล้ว ตามหัวเมืองอื่น ๆ อิทธิพลของตระกูลเครสเซนเทียก็แทรกซึมไปถึงเช่นเดียวกัน “ฟาร์ลัสไม่ใช่เมืองท่า…มีอะไรให้สนใจ...เลยไปอีกหน่อยคือเมืองเกร์เต้ (Getae Town) ที่นั่นคงมีเรื่องให้เจ้าทำฆ่าเวลามากกว่า” เมืองเกร์เต้ เป็นเมืองที่อยู่ถัดออกไปอีก ด้วยความเป็นเมืองที่อยู่ติดทะเล จึงมีความเจริญรุ่งเรืองด้านการค้าอย่างมาก ชายหาดแถบนั้นมักเต็มไปด้วยเรือสำเภาลำใหญ่เทียบท่าเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าอยู่เสมอ การที่ท่านพ่อของนางเสนอเมืองนี้ เขาคงคิดกระมังว่านางอาจจะอยากออกไปทำการค้า เช่นเดียวกับที่ลูกหลานคนอื่นทำ ใจลูกเลือกแล้วว่าจะไปเป็นแม่มดผู้ยิ่งใหญ่ แผนการเรื่องทำธุรกิจการค้าในใจของท่านพ่อ ลูกคงต้องพับเก็บลงกรุแล้ว ขออภัยจริง ๆ แต่แน่นอนว่าโรซาเรียไม่ได้เอ่ยปากบอกความในใจของตนให้ผู้เป็นพ่อฟัง นางเพียงรับฟังข้อเสนอของเขาแล้วกอบโกยเอาทุกอย่างมาถือครอง “เช่นนั้นลูกขอกุญแจของทั้งสองแห่ง...เอาไว้ลูกตัดสินใจได้ว่าจะพักอยู่ที่ใดลูกจะแจ้งให้ทราบ” “พ่อบ้านจะนำมาให้พรุ่งนี้เช้า” “เช่นนั้นลูกขอตัว” เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ โรซาเรียก็เห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่ออีก นางยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้นวม แล้วเดินมุ่งตรงไปที่ประตูหมายจะจากไป ทว่า ก้าวเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว คำถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งอยู่เป็นนิจของบิดาก็ดังขึ้นฝ่าความเงียบในห้องหนังสือ “โรซาเรีย...ผิดหวังกับครอบครัวเราหรือไม่” มันเป็นคำถามเรียบง่าย ที่ตัวนางเองไม่คาดคิดว่าจะออกมาจากปากของผู้เป็นดยุกของตระกูลคนปัจจุบัน แต่เมื่อได้ฟังมันกลับทำให้ดวงใจของนางที่นิ่งสงบอยู่เสมอ ซาบซ่านไปด้วยความอบอุ่นอันแปลกประหลาด นี่อาจเป็นวิธีแสดงความห่วงใยที่แสนอ้อมค้อม แต่มันก็จริงใจในความรู้สึกสำหรับนางมากนัก ผิดหวังอันใด สำหรับนางแล้วได้เกิดในครอบครัวเช่นนี้มีสิ่งใดให้ผิดหวัง โรซาเรียไม่ได้หันหน้ากลับไปเผชิญหน้ากับคนถาม เพราะนางไม่ต้องการให้เขามองเห็นแววตาที่วูบไหวของนาง มันช่างน่าอายและนางเองก็ทำตัวไม่ถูกนักในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เพียงแค่ความห่วงใยน้อยนิดที่บิดามอบให้ กลับสามารถทำให้นางเป็นไปได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ นางกลัวเหลือเกินว่าหากหันหลังกลับไปมอง บิดาคงต้องมองเห็นสีหน้าประหลาดที่คล้ายจะยิ้มก็ยิ้มไม่สุด จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก ครั้นจะเขินอายก็ทำตัวไม่ถูกของบุตรสาวแล้ว เช่นนั้นนางจะเลือกเอ่ยตอบคำถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่คิดว่ามั่นคงที่สุดว่า “มีเรื่องหนึ่งที่ลูกอยากให้ท่านพ่อรู้ไว้...ว่าลูกไม่เคยนึกเสียใจที่ได้เกิดมาใช้สกุลเครสเซนเทีย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD