CHAPTER 1
CHAPTER 1
กานต์ กันต์ดนัย เพชรมณีธารินทร์: TALK
บ้านหรือนรกไอ้สัส (5)
08.15 A.M
การก่านก้านก๊านก๋าน: ใครอยู่บ้าน
การก่านก้านก๊านก๋าน: ตอบ
การก่านก้านก๊านก๋าน: ตอบหน่อยไอ้สัส
(Read 4)
การก่านก้านก๊านก๋าน: อ่ะอ่านกันหมดไม่ตอบกู
การก่านก้านก๊านก๋าน: ตอบโว้ย
การก่านก้านก๊านก๋าน: @เกรย์แล้วไง
เกรย์แล้วไง: อยู่มอแล้วไอ้ห่า
การก่านก้านก๊านก๋าน: ไสหัวมึงไปเลย
เกรย์แล้วไง: ไอ้เวร
ONE ONE: กูอยู่ ไอ้พี่ข้ามก็อยู่ มึงมีไร
การก่านก้านก๊านก๋าน: ใครอีกบอกมา
FFฟ้า: จะเอาอะไรไอ้สัสก็มีอยู่แค่ 5 คนรวมมึงเนี่ย
Dew_P: ใช้อะไรพวกกูอีก
การก่านก้านก๊านก๋าน: ไอ้พี่ดิวเอา For get me not ออกมาตั้งรับแสงแดดยามเช้าให้หน่อยดิ
ONE ONE: เดี๋ยวกูเอาออกให้เอง
การก่านก้านก๊านก๋าน: อย่าแม้แต่จะแตะต้องให้ไอ้พี่ดิวทำ
การก่านก้านก๊านก๋าน: พี่มึงมือหนักเดี๋ยวดอกไม้กูซ้ำตายห่าพอดี
การก่านก้านก๊านก๋าน: ไอ้พี่ดิวมึงได้ยินมั้ย!
การก่านก้านก๊านก๋าน: ให้มึงทำนะ
การก่านก้านก๊านก๋าน: เลี้ยงกาแฟหนึ่งแก้ว
Dew_P: เออ
ONE ONE: Sent a photo
การก่านก้านก๊านก๋าน: สัสๆ อย่าทำกับลูกกูแบบนั้นนะ
การก่านก้านก๊านก๋าน: ไอ้วันคนเหี้ย
ONE ONE: ควย บายจ่ะ
สัส สัสจริงๆ
ผมขมวดคิ้วก่อนวางโทรศัพท์ลงด้วยความหงุดหงิดใจสีหน้าและท่าทางในตอนนี้หนักหน่วงกว่าใครหลายคนหลายเท่าตัว ความกวนตีนของพี่พวกนั้นมันทำให้น่าหงุดหงิดใจจริงๆ นั้นแหละยิ่งถ้าเอาของรักของหวงของผมไปก็ยิ่งไปกันใหญ่ไม่ใช่ไม่ชอบทว่ามันมีนิดหนึ่งความรู้สึกไม่ค่อยอยากให้ใครจับ
วันนี้ผมรีบออกจากบ้านจนลืมเอาดอกไม้ออกปรับแสงแดดจากระเบียงบ้านจึงสั่งผ่านไลน์กลุ่มแทนแล้วนึกตามว่าบ้านที่มีผู้ชายเช่าทั้งห้าคนใครมันจะเป็นฝ่ายทำให้ผมถ้าไม่ใช่ไอ้พี่ดิว พี่ดิวมันอ่อนโยนมากสุดและก็เคยพาดอกไม้ของผมออกมารับแสงแดดหลายครั้งจึงค่อนข้างวางใจได้ ฉะนั้นจุดมุ่งหมายที่ถามจี้ในไลน์ก็เพื่อจี้ให้ไอ้พี่ดิวมาตอบ
ไอ้พี่ดิวเสียอย่างเดียวอ่ะไม่ชอบตอบไลน์ถึงต้องจี้รัวๆ
แล้วก็สำเร็จแต่ก็ยังไม่สบอารมณ์กับไอ้พี่วันอีก
วันนี้มันวันซวยอะไรนักหนาวะ
“ทำหน้าหิวตีนอะไรของมึงไอ้สัส” ‘ไอ้กุน’ เดินมาพร้อมกับจานข้าวในมือมันนั่งลงตรงข้ามผมในแคนทีนของคณะ ตรงหน้าไอ้กุนคือจานข้าวส่วนตรงหน้าผมมีแค่กาแฟแก้วเดียวนอกนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากโทรศัพท์เครื่องเดียว “เอาเรื่องตั้งแต่เช้าอย่าบอกนะว่าเรื่องต้นไม้ดอกไม้มึง”
“เปล่า”
“หึ... ทุกครั้งมึงทำหน้าเหี้ยๆ แบบนี้ไม่เรื่องไอ้ดอกไม้มึงก็เรื่องฟอร์เก็ต”
“…” ฉลาดจังวะ ฉลาดสัสๆ
“เอาจริงนะย้ายคอนโดไปอยู่อย่างเดิมมั้ยว่ะ”
“ไม่”
“งั้นก็ตามใจมึงเลยไอ้สัส” ประโยคปฏิเสธออกมาจากปากผมไอ้ห่ากุนก็ซัดประโยคนี้กลับมาอย่างรวดเร็วอีกทั้งยังส่ายศีรษะไปมาแล้วยัดข้าวใส่ปากเช่นเดิม เกือบสองเดือนแล้วที่ย้ายออกจากคอนโดมาแชร์เช่าบ้านหลังใหญ่อยู่กับอีกห้าคนรวมผมเข้าไปด้วย มันไม่ได้มีปัญหาอะไรมากขนาดนั้นแค่มีการกวนตีนตามประสาผู้ชายเกิดขึ้นก็เท่านั้นเองส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่มีหรอก “แล้ววันนี้เรียนเต็มแถมต้องคุมน้องใครดูฟอร์เก็ต”
“หมายถึงดอกไม้หรือแมว?”
“ควาย ยังมาชื่อเหมือนกันอีก”
“อย่ามาว่าลูกๆ กู”
เอางี้นะผมจะอธิบายให้ฟัง ดอกไม้ต้นที่ผมปลูกและเลี้ยงดั่งเช่นลูกคือดอก For get me not ซึ่งเป็นพืชส่วนอีกอย่างคือฟอร์เก็ตซึ่งเป็นแมวขนสั้นสีขาวตัวอ้วน
สรุป For get me not = ดอกไม้
ฟอร์เก็ต = ชื่อแมว
“เหอะ” ไอ้สัสกุนมันเงยหน้าขึ้นแล้วยกยิ้มมุมปากเพื่อเยาะเย้ยผม “ชอบเนาะชื่อแนวๆ พืชเนี่ย”
“เรื่องของกู สาระแน”
“ครับเพื่อนกานต์ ตามสบายเลยครับ”
“ไอ้สัสกวนตีนกูแล้วมึงอ่ะ แดกเข้าไปแล้วหุบปากซะ”
“แนะนำนะถ้าบินไปจีนเอาดอกเหมยมาปลูกเลยจะได้ครบเลยทีเดียว”
แล้วไอ้กุนก็โดนผมเตะเข้าหน้าแข้งอย่างไม่สนใจความเจ็บปวดที่ปากมันแหกร้องออกมา วันนี้ผมมีควิชแต่เช้าก็เลยต้องหอบสังขารมาอย่างหลีกเลี่ยงและก็โดดไม่ได้ การมาเรียนของผมขึ้นอยู่ตามตัวเงินที่ใครบางคนส่งเสริมให้อยากมีการศึกษาเพิ่มขึ้นแต่รอยหยักในสมองอาจลดลงเพราะมันหนักเกินไปจนรับไม่ไหวอันนี้ก็ค่อนว่ากันอีกทีหนึ่ง
เรียนเอาวุฒิไปงั้นๆ แหละสำหรับผมมันใช้ได้จริง
เพราะไม่ได้ใส่ใจอะไรกับวุฒิทั้งนั้น
เรียนก็ได้ไม่ได้เรียนก็ได้
“เลิกแล้วไปไหนอีกวะ”
“กลับ”
“ไรวะ” เราเดินออกจากห้องเรียนออกมาเรื่อยๆ โดยใช้บันใดแทนการใช้ลิฟต์ในเวลานี้คนค่อนข้างใช้งานมากจะรออะไรให้เสียเวลาแค่ชั้น 4 เดินลงก็ได้ “จะชวนไปแดกเล้งแซบเสียหน่อย”
“ชวนเมียมึงเหอะไอ้สัส”
“ถ้าปลาว่างก็จะชวนมึงเหรอถามโง่ๆ” ไอ้กุนเดินเคียงแนบผมมาผ่านคนเดินสวนขึ้นกลุ่มหนึ่งที่คงเป็นพวกปี 1 ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก “แล้วลงน้องอ่ะ”
“โดด”
“แล้วแต่มึงเลย” พูดเสร็จไอ้กุนถอนหายใจใส่หน้าผมอีกครั้งหนึ่ง มันเบื่อขี้หน้าผมผมก็เบื่อขี้หน้ามันเช่นกันนั้นแหละแต่ทำไงได้เสือกมาอยู่ในกลุ่มเดียวกันตามเวรตามกรรมมันต้องอยู่กันไปจนจบนั้นแหละ “มึงหยุดร้านขายน้ำปั่นแป๊บกูอยากแดก”
ใช่ผมกับมันหยุดตรงหน้าร้านขายน้ำมันที่ตั้งช่วงต่อของอาคาร
“มึงอยู่รับน้องเหรอ?”
ผมเดินถอยหลังมานั่งบนโต๊ะม้าหินอ่อนพร้อมทั้งถามไอ้กุนขึ้นเพราะมันเดินเข้ามาหลังจากสั่งน้ำเรียบร้อยแล้ว ไอ้กุนยกยิ้มเล็กน้อยแล้วยกมือเท้าเอวท่าทางที่โคตรกวนจีนมากเอาจริง
“อยู่ให้โง่เหรอ มึงโดดกูโดด”
“เพื่อนตายจริงๆ”
“ถ้ากูโดนด่าอัดหน้าจะลากมึงไปด้วยเนี่ยแหละ”
“ไอ้สัส” ผมยกยิ้มเล็กน้อยกับคำพูดของมัน คงเพราะไอ้กุนมีพี่รหัสมั้งส่วนผมนั้นบอกเลยว่าไม่เอาอะไรเลยสักอย่างที่ทุกคนมี “กูไม่หารกับมึง”
“ไม่ๆ เพื่อนรักกูโดนอะไรมึงต้องโดนด้วย”
“นมสดปั่นได้แล้วจ้า”
“ครับๆ ป้า” ไอ้กุนแยกไปเอานมสดปั่นของมันจากนั้นเราสองคนก็เดินมุ่งหน้าไปที่จอดรถซึ่งบอกเลยว่าไม่ได้จอดด้วยกัน ผมมาช้าจึงแยกไปจอดอีกอาคารหนึ่ง “กูไปล่ะ”
“เออ”
พอไอ้กุนแยกเดินห่างออกไปผมก็เดินไปอีกทางบ้าง วันนี้ผมจอดรถไว้ตรงทางเชื่อมอาคารระหว่างคณะมนุษยศาสตร์ซึ่งถ้าถามว่าไกลไหมมันก็พอใช้ได้แหละอีกทั้งเวลานี้คนก็เยอะพอสมควรด้วยเนื่องจากเด็กปี 1 พึ่งเข้ามาด้วยจึงค่อนข้างพลุกพล่านพอสมควรและผมไม่ค่อยชอบด้วย
การเดินผ่านคณะมนุษยศาสตร์ด้านหน้าที่จัดเป็นซุ้มที่นั่งนั้นมีกลิ่นดอกไม้ชนิดหนึ่งปล่อยกลิ่นออกมาให้ได้กลิ่นทุกครั้งเคยเข้าไปมองใกล้ๆ ในตอนเย็นจะเห็นว่ามันเป็นกลีบเรียวยาวสีออกเหลืองนวลหน่อยคล้ายไปทางขาวขุ่นก็สวยแหละสวยเป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์ของมัน ผมมองดูดอกไม้ชนิดนี้เป็นประจำทุกครั้งเพราะเมื่อก่อนมักมาคณะนี้บ่อยสุดจนได้รู้ว่าดอกไม้ชนิดนี้ไม่จำปีก็จำปาเนี่ยแหละ
“อีเอมมี่!”
กึก...
และแล้วเท้าของผมก็หยุดชะงักไปตามเสียงเรียกซึ่งดังมาจากบันใดชั้นสอง เสียงนี้ดังแหลมหนักหน่วงไม่น้อยกระทั่งร่างเพรียวเดินลงมาพร้อมกับสาวสองที่สวยเช่นผู้หญิงผู้ซึ่งได้ชื่อเป็นเพื่อนสนิทของเธอเอง “อีปลาไปไหน”
“ไปกับผัว ทิ้งคนไม่มีผัวให้กลับเอง”
“อยากโดนตบปากฉีกเหรอ”
ก็ดีแล้ว...
เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว
“มาสิๆ กูตบสวนนะอีเหมย”
“เสียมือชิบหาย” สองคนนั้นกอดแขนกันเดินไปอีกทางแต่ยังส่งเสียงคุยดังลั่น “วันนี้ไปช้อปเครื่องสำอางใหม่นะ กูต้องการสูบเครื่องสำอางออกใหม่มาลองเทสหน้าตัวเอง”
“กูคบมึงก็เพราะเรื่องนี้แหละ ฮ่าๆ”
“กูก็เช่นเดียวกันกับมึง”
แล้วเธอก็ลับสายตาผมออกไปเรื่อยๆ กระทั่งหายไปจากระยะการโฟกัสของสายตาผมเรื่อยๆ ห่างออกไปโดยที่ยังมีรอยยิ้มแย้มแล้วก็เสียงหัวเราะไม่ขาดหาย
ยังชอบชอบเครื่องสำอางเหมือนเดิมเลยสินะ ยังเป็นเหมือนเดิมเลยสินะ
ผมเค้นยิ้มออกมาก่อนหันปลายเท้าไปอีกทางหนึ่งเป็นเส้นทางตรงข้ามกันกับอีกราวกับว่าเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันจบสิ้น มีต่อไปเรื่อยๆ และสุดท้ายก็ไม่มีทางบรรจบกันได้มั้งหรือไม่ก็อาจมีใครเข้ามาช่วยรวบเส้นขนานสองเส้นนี้เข้ามามัดรวมกันแบบนี้จะมีโอกาสกว่า
“แอบดูแฟนเก่าเหรอไงวะ”
“ใช่ที่ไหนเฮียฟ้า” ‘สายฟ้า’ เป็นชื่อเต็ม กลุ่มเดียวกันกับผมแหละและนี่มารอเมียมั้ง “ไม่ใช่หรอก”
“งั้นก็ยิ้มหน่อยดิวะไอ้สัสกานต์ มีความสุขหน่อย”
“มีด้วยหรอเฮียฟ้า ไอ้คนแบบผมไม่มีหรอก”