บทที่ 1 ยัยเฉิ่มนั่นใคร

1214 Words
“มาช้าอีกแล้วนะมึง กูบอกแล้วว่าเลิกดูแอคเจ้าแมวน้อยสักที” “กูตื่นสายเพราะพวกมึงนั่นแหละ เอาแต่เคาะแป้นพิมพ์ทั้งคืน รายงานก็มีแค่นี้เสือกทำตั้งแต่เลิกเรียนยันตีสาม” พวกเขาทั้งสามอาศัยอยู่เพนท์เฮาส์ชั้นเดียวกัน แต่เซนต์กับไนท์ก็มักจะมาสิงอยู่ห้องมาวินเป็นประจำเวลาที่ต้องทำรายงานหรืองานอะไรก็ตามส่ง พวกมันอ้างว่าห้องเขาทำงานแล้วมีสมาธิสุด ข้ออ้างที่อยากให้เขาช่วยในตอนที่พวกมันอยากได้ที่ปรึกษามากกว่า “ใครจะไปเก่งแบบคุณมึงละครับ เคาะชั่วโมงเดียวก็เสร็จ พ่อคนมือไว” “ไม่ใช่แค่มือกูนะที่ไว เอวกูก็ยังไวด้วย” “เก็บไปบอกน้องส้มของมึงเถอะ มองตาเยิ้มแล้วนะ สภาพหิวโหยขนาดนั้นสงสัยเมื่อคืนอดอยากปากแห้ง ไม่ป้อนอาหารให้หน่อยล่ะ” “ไม่ล่ะ หลวมขนาดนั้นครั้งเดียวพอ” มาวินส่ายหน้า เอือมระอาสุดๆ นิสัยของเขาโดยปกติแล้วเป็นคนปากร้าย เย็นชากับคนไม่รู้จัก และมักจะวันไนท์กับสาวๆ ที่ชอบเสนอตัวให้ แต่ก็ไม่มีใครได้เลื่อนขั้นจากคืนเดียวสักคน “คงไม่มีใครดีเท่าน้องยูมิล่ะสิท่า” “ของมันแน่นอน” ยกเว้นยูมิไว้หนึ่งคน แอคเค่อสาวที่เขาเฝ้าฝันถึงในทุกคืน วันไหนไม่ได้เปย์จะนอนไม่หลับ หัวใจมันกระสับกระส่าย เรียกง่ายๆ ว่าเขาเสพติดเธอชนิดที่เรียกว่าคลั่งรักได้เลย แต่ก่อนจะไปถึงคำว่ารักเขาก็อยากเจอตัวจริงสักครั้งก่อน “เจอตัวยิ่งแล้วไม่สวยอย่าชวนพวกกูวิ่งก็แล้วกัน” “กูว่าสวย” “พนันกันมั้ยล่ะ ถ้ามึงหายูมิเจอแล้วได้จิ้มพวกกูโอนคนละล้าน แต่ถ้าเจอแล้วมึงหนีมึงต้องโอนให้กูคนละล้านเหมือนกัน” เซนต์เสนอ เกมพนันฟันสาวที่พบได้บ่อยในพวกเด็กมหาลัย นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาสามคนเพื่อนสนิทหยิบยกมาเล่นเพราะอยากท้าทายความมั่นหน้าของมาวินโดยเฉพาะ “ได้! รอกูหาเจอก่อนรับรองกูได้จิ้มแน่นอน” “ดิวเพื่อน” ทั้งสามเค้นเสียงหัวเราะในลำคอชอบใจ สายตาคมแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์จับจ้องกันไปมาราวกับรู้ใจกันไปหมด “เอาล่ะ อาจารย์จับกลุ่มให้แล้วอย่าลืมดูรายชื่อแล้วรวมกลุ่มเขียนโปรแกรมมาส่งอาจารย์ด้วย นี่คือโปรเจ็กใหญ่ของวิชานี้ในเทอมนี้ หวังว่าทุกคนจะทำมันอย่างเต็มที่” เวลาเรียนสองชั่วโมงเต็มได้สิ้นสุดลงพร้อมเสียงของอาจารย์ที่เอ่ยปิดคลาส “กลุ่มอะไรวะ” สามเพื่อนสนิทมองหน้ากันด้วยความมึนงง สายตาสอดส่องมองตามเพื่อนร่วมคลาสคนอื่นๆ ที่ทยอยลุกจากเก้าอี้เดินไปดูรายชื่อของตัวเองว่าได้อยู่กลุ่มไหน “เพราะมึงสองตัวนั่นแหละเอาแต่คุย” “มึงก็ด้วยมั้ยไอ้ไนท์ ตัวเริ่มเลยมึงนะ” เซนต์ตวัดสายตาคมมองไนท์มันนั่นแหละตัวเริ่มชวนคุย รู้ตัวอีกทีก็หมดคาบซะแล้ว ดีที่วิชานี้พวกเขาเข้าใจหน่อย “นี่ส้ม…งานกลุ่มอะไรเหรอ” ไนท์เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นวันไนท์ของเพื่อนสนิทกำลังเดินนวยนาดมาทางนี้พอดี “งานเขียนโปรแกรมไง กลุ่มหนึ่งมีสี่คน อิจฉาจังกลุ่มพวกนายมีคนเก่งตั้งสองคน ฉันก็อยากอยู่กลุ่มเดียวกับวินด้วยอะ เสียดายจัง” ส้มกัดริมฝีปากยั่วมาวินอย่างเปิดเผย สงสัยจะของขาดจริง ท่าทางของเธอเหมือนจะอยากลากมาวินออกจากห้องแล้วไปทำอะไรกันในที่ลับสักแห่ง “อาจารย์จัดกลุ่มให้จะเรื่องมากทำไมว่ะ อยู่กลุ่มไหนก็เหมือนกัน” มาวินตอบกลับเสียงเรียบเย็นชา จนคนฟังสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ “ได้ดูมาไหมว่ากลุ่มฉันมีใครบ้าง” เซนต์เอ่ยถาม เขารู้อยู่แล้วว่าแม่สาวขี้ยั่วตรงหน้าคงทำหน้าที่สปายอย่างดีหรือเรียกภาษาบ้านๆ หน่อยว่าเสือกคงรู้อยู่แล้วว่ากลุ่มพวกเขามีใครบ้าง “พวกนายสามคนได้อยู่กลุ่มเดียวกัน ส่วนอีกคน...ก็คนที่ได้เกรดสี่จุดศูนย์ทุกเทอมไง” “ใคร?” พวกเขาทั้งสามมองหน้ากันด้วยความมึนงง รู้อยู่ว่ามีคนได้ที่หนึ่ง ได้เกรดเฉลี่ยสี่จุดศูนย์ทุกเทอมซึ่งห่างจากมาวินเพียงศูนย์จุดห้าเท่านั้น “นี่พวกนายเรียนด้วยกันกับเธอทุกคลาสจนขึ้นปีสามไม่รู้จักเธอเหรอ” ส้มมองหน้าเพื่อนร่วมคลาสด้วยความตกใจ แต่จะว่าไปเธอก็รู้จักแค่ผ่านๆ เท่านั้น ดูเหมือนแม่สาวสี่จุดศูนย์จะไม่ชอบทำตัวเด่น จุดปักหลักสำหรับการนั่งเรียนของเธอคนนั้นเป็นแถวหน้าสุดชิดขอบฝั่งซ้ายเสมอ พอเรียนเสร็จเธอคนนั้นก็เหมือนสาวล่องหนที่หายตัวได้ เพียงแค่เพื่อนคนอื่นในคลาสกำลังเก็บสัมภาระของตัวเองเข้ากระเป๋า หันกลับมาอีกทีเธอคนนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ตัวตน บางคลาสมีคนเคยได้สัมผัสการทำงานกลุ่มกับเธอ ก็บอกว่าเธอเป็นคนที่เงียบมากทำแต่งานเก่ง ไม่ค่อยพูด ถามคำตอบคำ ไม่สังสรรค์กับเพื่อนอีก “เธอ?? เป็นผู้หญิงเหรอ” “อืมใช่…แต่เป็นยัยเฉิ่มนะ นู่นนั่งอยู่ตรงนั้นนะ” “อืม…ขอบใจเธอไปเถอะ” “ว่าแต่ วินไม่สนใจไปกิน…ข้าวกับเราหน่อยเหรอ” ส้มจงใจเว้นวรรคเพื่อสื่อประโยคที่ใครก็รู้กัน “ไม่! ไปหาคนอื่นไป เลิกยุ่งกับกู” “ชิ! ไปก็ได้” ส้มสะบัดตัวออกจากห้องไปด้วยความหัวเสีย “ยัยนั่นเป็นใครวะ ทำไมกูไม่เคยเห็นมาก่อน” มาวินมองทอดสายตาลงไปยังเก้าอี้ตัวแรกของแถว เขาว่าเขาก็มาเรียนออกจะบ่อย ถึงจะหนีบ้างบางคลาสก็เถอะ แต่เท่าที่สมองอันชาญฉลาดของเขาจะจดจำได้มันไม่มีเธอคนนั้นในสมองเอาซะเลย “กูก็ไม่เคยเห็น มึงเคยป่ะไอ้ไนท์” “เท่าที่จำได้ก็คนที่อาจารย์ชอบอวยแต่ก็ไม่เคยเห็นหน้าว่ะ” “ผีรุ่นพี่รึเปล่าว่ะ” สามเพื่อนสนิทหันกลับมามองหน้ากัน ก่อนที่เหตุการณ์ไม่คาดฝันจะเกิดขึ้น ไฟในห้องดับลงมีเพียงแสงจากม่านที่ลอดผ่านหน้าต่างยามเย็นซึ่งมันก็มืดพอตัว “หวัดดี” “เชี่ย!!!” เสียงสบถทั้งสามดังขึ้นพร้อมกัน จนเสียงดังก้องไปทั่วห้องที่เงียบสนิทเพราะเหลือแค่พวกเขาสี่คน ผมยาวสลวยที่ปกปิดใบหน้าเหลือไว้เพียงเสี้ยวดวงตาผ่านแว่นเลนส์หนากรอบสีดำ กำลังใช้สายตามองมายังพวกเขานิ่ง ด้วยความตกใจทำให้ทั้งสามสะดุ้งตัวโยนลุกขึ้นจากเก้าอี้ มองไปยังเธอคนนั้น กำลังพูดถึงผีอยู่ทำไมต้องทำตัวเหมือนผีด้วยว่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD