แสงของท้องนภายามค่ำคืนในตอนนี้ช่างแสนสุกสว่างด้วยแสงเรืองรองของจันทร์เพ็ญ ท่าเรือตอนกลางวันมีคนพลุกพล่านเพราะมีการส่งสินค้าและรับสินค้ากันอย่างต่อเนื่อง แต่ช่วงเวลากลางคืนที่แสนเงียบสงบกลับไร้ผู้คน ยามนี้มีเพียงคนกลุ่มหนึ่งกำลังทำอะไรบางอย่าง ท่าเรือซึ่งเป็นจุดจอดรับสินค้าของตระกูลดัง ขณะนี้กำลังมีใครบางคนนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ร่างกายของเขาเอนเอียงไปมาราวกับพร้อมจะล้มลงไปได้ทุกเมื่อ ขาเรียวยาวเตะเสยปลายคางเข้าไปอีกครั้งจนคนผู้นั้นกระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรงและไอโขลกไม่หยุด
“อัก… อึก…”
“บอกมา แกทำงานให้ใคร !?”
“ม… ไม่… กูบอกไม่ได้”
ตุบ ! พลั่ก !!
“อึก !!”
“จะบอกไหม ถ้ายอมบอกมาดี ๆ ฉันจะยอมไว้ชีวิตแก”
“ม… ไม่… ไม่ได้… อึก… ไม่ได้เด็ดขาด !!”
“ชิ ! ดื้อด้านซะจริงนะ ดูซิว่าจะทนไปได้สักกี่น้ำ”
อัศวิน สิงหมนตรี มาเฟียหนุ่มผู้แสนสง่างาม เขามีผิวสีขาวเหลือง ดวงตาคมดุสีน้ำตาล คิ้วหนาเข้ม ร่างสูงอยู่ในชุดทำงาน เสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนและกางเกงทำงานสีเข้ม เป็นลุกที่ใครก็เห็นจนชินตา ชายหนุ่มยืนบังแสงของพระจันทร์ เงาดำทะมึนพาดผ่านจากร่างสูงทำให้ชายที่มีสภาพสะบักสะบอมเพราะการถูกซ้อมจนแทบปางตาย เงยหน้ามองและรู้สึกราวกับพญามัจจุราชกำลังยืนค้ำตัวเขาอยู่ น้ำเสียงเรียบนิ่งและเย็นยะเยือกเอ่ยบอกลูกน้องสั้น ๆ แต่ทำให้ชายคนนั้นรู้ในทันทีว่าหลังจากนี้ชีวิตของตนคงไม่มีลมหายใจอีกต่อไปแล้ว
“พามันไปที่โกดังลับ !”
“ครับ”
การเดินทางไปโกดังลับของกลุ่มใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิด ร่างที่อ่อนปวกเปียกจากการถูกซ้อมปางตายตรงท่าเรือ ถูกโยนเข้าไปในโกดังราวกับเป็นเศษตุ๊กตาหรือผ้าเน่า ๆ เสียงรองเท้าหนังกระทบกับพื้นโกดังใกล้เข้ามาทุกที ความกลัวแล่นเข้ามาจับจิตจับใจ เขาหมอบอยู่ที่พื้น จากนั้นก็ถูกคนของอัศวินลงมืออีกครั้งจนไม่มีโอกาสได้ตอบโต้หรือพูดจาใด ๆ อีก ความทรมานแสนสาหัสกำลังแทรกซึมไปทุกอณู ทำให้คนที่จงรักภักดีรู้สึกกลัวตายขึ้นมาจริง ๆ แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อเขาคิดจะเปิดปากพูด เพียงแค่คิดขึ้นมาถึงชื่อของคนที่สั่งให้เจ้าตัวลอบฆ่าผู้ชายตรงหน้านี้ เขากลับมีอาการราวกับคนหายใจไม่ออก มือที่สั่นเทากุมคอของตัวเองแน่น ลมหายใจขาดห้วง จากนั้นน้ำลายก็เริ่มฟูมปากราวกับคนถูกพิษร้าย เวลาเพียงไม่กี่วินาทีต่อมาร่างที่ไร้ลมหายใจก็หยุดนิ่งอยู่บนพื้น
“ไม่ธรรมดาเลยสินะคนที่ส่งแกมา”
“เอายังไงดีครับนาย”
“ตามหาญาติมัน แล้วจัดการให้เรียบร้อย”
หากใครที่ไม่รู้จักอัศวินดีพอ มาได้ยินประโยคนี้คงจะเข้าใจว่าเขาสั่งให้ไปฆ่าล้างโคตรคนที่เพิ่งตายไปเมื่อครู่เป็นแน่ แต่สิ่งที่ลูกน้องของชายหนุ่มรู้ดีก็คือ ให้นำพาศพของผู้ตายไปส่งให้กับครอบครัวและชดเชยเงินให้ ทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำ แต่นี่แหละ อัศวิน สิงหมนตรี ซึ่งมีมุมที่ใครก็คาดไม่ถึงเสมอ
แสงแดดยามเช้าของวันใหม่ มองไปทางไหนก็มีแต่แสงอาทิตย์แผดจ้าอยู่ทุกอณู ผู้คนที่หลับใหลต่างตื่นขึ้นมาเพื่อดำเนินชีวิต เสียงรถราและผู้คนที่พลุกพล่านดังกระทบผ่านหูไปเรื่อย ๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เสียงและโลกทั้งใบของใครหลายคนหยุดหมุนก็คือ หญิงสาวคนหนึ่ง เธอเดินด้วยท่วงท่าที่มาดมั่น ดูเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก ใบหน้าสวยหวาน ดวงตากลมโตสีดำสนิท ผมถูกดัดเป็นลอนสีน้ำตาลเฮเซลนัต ผิวสีขาวอมชมพูดูสุขภาพดีอยู่ในชุดเดรสสีเข้ม โชว์ไหล่ เผยให้เห็นผิวขาวเนียน ดูก็รู้ว่าเป็นคนที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว มือบางถือแก้วกาแฟร้อนและกำลังมุ่งตรงไปที่รถคันหรู ซึ่งตนเองเป็นคนจอดเอาไว้ก่อนที่จะเข้าไปยังร้านกาแฟแห่งนี้ หญิงสาวต้องการผ่อนคลายสมองของตัวเองก่อนจะไปทำอะไรที่มันน่าปวดหัว การเติมพลังด้วยกาแฟร้อนเป็นอะไรที่ดีที่สุด
ในขณะที่มือบางกำลังแตะประตูเพื่อเปิดมันออก ก็มีคนที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้นพุ่งตรงมาที่เธออย่างรวดเร็ว จนกระทั่งหญิงสาวต้องละมือจากประตูและหันมาหาเขา พลางเลิกคิ้วสูงและเอ่ยถามอย่างคนมีมารยาท
“ขอโทษนะครับ”
“ไม่ทราบว่า… มีธุระอะไรคะ ?”
น้ำเสียงและถ้อยคำที่มีมารยาทจากเธอไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าควรจะมีมารยาทกลับ เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูง หน้าตาดีพอประมาณ แต่การวางท่าโก้หรูและเอาตัวเอนพิงรถหรูทำให้หญิงสาวรู้สึกคิ้วกระตุกแปลก ๆ แต่ก็ยังพยายามข่มใจรอฟังว่าคนคนนี้จะพูดอะไร
“สวัสดีครับ ผมชื่อโก้ครับ ไม่สิ ต้องบอกชื่อจริง ผมชื่ออรุณครับ พอดีผมรู้จักกับคุณพ่อของคุณ ผมจำได้ว่าคุณเป็นลูกสาวของคุณกิตติภพ เรืองเดชสกุล ใช่ไหมครับคนสวย”
“ใช่แล้วค่ะ มีธุระอะไรคะ”
“ผมคิดว่าในวันข้างหน้าเราคงจะมีโอกาสได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ผมจึงอยากฉวยโอกาสนี้เข้ามาทำความรู้จักกับคุณเอาไว้ก่อน เพราะว่าเราจะต้องมีโอกาสได้ทำงานร่วมกันแน่ครับ”
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เมื่อเขาบอกรู้จักพ่อของเธอ หญิงสาวจึงไม่อยากจะเสียมารยาท
“ไม่ทราบว่าพอจะมีเวลาไปกินมื้อเช้ากับผมสักหน่อยไหมครับ หรือถ้ากินมื้อเช้าไปแล้ว ผมขออนุญาตเลี้ยงมื้อกลางวันนะครับ จะเป็นอาหารสุดหรูหรือว่าภัตตาคารที่แพงระดับไหนก็ได้ครับ ผมมีจ่าย”
“ขอโทษนะคะ ฉันคิดว่าแค่ค่าอาหารฉันมีปัญญาจ่ายเองค่ะ คงไม่จำเป็นต้องให้คุณมาจ่ายให้ ขอตัวนะคะ”
ร่างเล็กคิดว่าตนเองทนมามากพอแล้ว ผู้ชายที่ไม่ได้ดูจะมีดีอะไรนักหนา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครนอกจากการแนะนำชื่อและคุยโอ้อวดว่ารู้จักกับพ่อ แถมยังทำท่าทางใหญ่โตอวดอ้าง จะอวดอะไรก็ไม่รู้ ไม่ได้ดูดีเลยสักนิดสำหรับเธอ ผู้หญิงแบบเธอไม่จำเป็นต้องให้ผู้ชายแบบนั้นมาเลี้ยงข้าวเลยสักนิด ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกขนลุก
โดยปกติเธอไม่ใช่คนที่จะดูถูกใคร แต่กับคนบางคนก็ควรจะได้รับการโต้ตอบแรง ๆ ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองไม่ได้ดีเด่นไปกว่าใครเขานัก ต้องได้รับการเตือนสติเสียบ้างเผื่อจะสำนึก หญิงสาวปรายตามองผู้ชายที่ยืนอ้าปากค้างตกตะลึงอยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะเอ่ยด้วยวาจาสุภาพอีกครั้ง
“ขอโทษด้วยนะคะ แต่คุณกำลังขวางทางดิฉันอยู่ ถ้ายังไงรบกวนเอามือออกจากรถของฉันด้วยนะคะ ชิ… เพิ่งล้างมาแท้ ๆ สงสัยต้องเอากลับไปล้างใหม่เสียแล้วสิ”
ผู้ชายคนดังกล่าวถึงกับสะดุ้งแล้วก็รีบขยับตัวออกห่างจากรถหรูของเธอในทันที เขาหน้าชาจนไม่กล้าปริปากพูดอะไรอีก ได้แต่ยืนกำหมัดตัวสั่นอยู่ตรงนั้น ขณะเดียวกันรถหรูอีกคันที่จอดเทียบกันอยู่ โดยที่ไม่ทันมีใครได้สังเกตเห็นแต่คนที่อยู่บนรถคันนั้นยิ้มด้วยความรู้สึกพอใจแปลก ๆ ชายหนุ่มรู้สึกเอ็นดูในสิ่งที่เธอคนนั้นทำเหลือเกิน มันดูน่ารักขณะเดียวกันมันก็แฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งในแบบฉบับของเจ้าตัวเอง เป็นผู้หญิงที่พึ่งพาตัวเองและมีความภูมิใจในตัวเองเต็มร้อยสินะ คนแบบนี้แหละที่เขาตามหา ผู้หญิงที่เห็นคุณค่าในตัวของตัวเอง อัศวินเหลือบมองผ่านกระจกเพื่อจดจำใบหน้าของเธอคนนั้นเอาไว้ ความสวยหวานบวกกับบุคลิกท่วงท่าที่โดดเด่น ตอนที่ร่างเล็กขยับกายเข้าไปนั่งในรถมันดูดีจนเขาติดตาตรึงใจ คิดว่าคงจะจำเธอคนนี้เอาไว้ไปอีกนาน ถ้าหากมีโอกาสเจอกันคราวหน้าเขาคงจะไม่ปล่อยอีกฝ่ายไปเฉย ๆ เหมือนคราวนี้แน่ ถือว่าการเปิดกระจกรับลมในตอนเช้าและความอบอุ่นของแสงแดดแทนที่แอร์เย็น ๆ ในรถวันนี้ประสบความสำเร็จมากกว่าที่เคย เพราะมาเฟียหนุ่มได้เจออะไรดี ๆ เข้า….