ตอนที่ 2 ผมจะดูแลคุณ

2259 Words
ตอนที่ 2 ผมจะดูแลคุณ ในวันธรรมดาที่ทุกอย่างยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ ตามครรลอง แต่วันนี้ปฐพีต้องหัวเสียแต่เช้าตรู่ เมื่อคนงานไปพบศพหญิงสาวนิรนามที่ถูกนำมาทิ้งไว้ในสวนปาล์มของเขา แน่นอนว่าชายหนุ่มต้องมาเกี่ยวพันกับคดีฆาตกรรมนี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะสถานที่พบศพมันคือพื้นที่ของเขา ซึ่งตำรวจจะต้องตามมาสืบหาร่องรอยเพื่อไปประกอบการทำคดีอยู่แล้ว “ทำไมซวยแบบนี้นะ ที่อื่นตั้งเป็นพันๆ ไร่ไม่เอาไปทิ้ง ทำไมต้องมาเป็นสวนของเราด้วย” ชายหนุ่มบ่นอุบขณะยืนอยู่ใกล้ๆ พื้นที่เกิดเหตุ เพื่อรอตำรวจมาสอบปากคำเพิ่มเติม “ถ้าสอบปากคำแล้วไม่มีอะไร ตำรวจคงจะไม่มาวุ่นวายกับเราหรอกค่ะ” “พี่กลัวว่าเขาจะสงสัยคนงานของเรา ถ้าหากมันทำจริงเดือดร้อนมาถึงพี่แน่ๆ” “ใครจะกล้าทำแล้วทิ้งศพไว้ในสวนให้มัดตัวเองแบบนี้” “มันก็ไม่แน่หรอก คนเราหากขาดสติ ขาดความยับยั้งชั่งใจ ก็สามารถทำอะไรที่คาดไม่ถึงได้เหมือนกัน” เหมือนความหมายในคำพูดจะสะกิดใจสองดวงให้ต้องฉุกคิดถึงเรื่องราวในอดีต สายตาสองคู่จึงสบประสานกันอย่างบังเอิญ ราวกับรู้ว่าต่างฝ่ายต่างคิดอะไรอยู่ในใจ แต่ไม่มีใครยอมพูดอะไรออกมา “เอ่อ…สวัสดีครับ คุณปฐพีหรือเปล่าครับ” เสียงทักทายที่แทรกขึ้นปลุกทั้งสองให้ตื่นจากภวังค์ รอยยิ้มเฝื่อนของคนถูกทักส่งไปให้ชายหนุ่มตรงหน้าในทันใด เพราะคิดเอาว่าคงจะทันมาเห็นภาพเมื่อสักครู่เต็มสองตาแน่นอน “ผมสารวัตรแทนไท ลงมาทำคดีนี้ครับ” “สวัสดีครับสารวัตร” “ครับ แล้วเอ่อ…” “พิมพ์ณารา ภรรยาผมครับ” ปฐพีชิงพูดขึ้นมา เมื่อสายตาของนายตำรวจหนุ่มจับจ้องมายังคนข้างกายของเขาชนิดไม่เกรงใจกันเอาเสียเลย ด้านพิมพ์ณาราก็ช่างน่าตีนัก กับการโปรยยิ้มหวานไปให้ผู้ชายคนอื่นทั้งๆ ที่เขายืนอยู่ทั้งคน รอให้ตำรวจสอบปากคำแล้วกลับกันไปให้หมดเสียก่อน เขาจะจัดการกับเธอให้สาสม ชายหนุ่มคิดพลางปรายตามองหญิงสาวข้างกายอย่างไม่พอใจ บอกตามตรง พี่ไม่ชอบหน้าตำรวจขี้เก๊กนั่นเลยจริงๆ” ปฐพีเปรยขึ้นมาหลังจากเสร็จเรื่องที่สวนปาล์ม กลับบ้านมายังไม่ทันจะนั่งให้หายร้อน ชายหนุ่มก็เปิดประเด็นขึ้นมาทันที “ทำไมคะ เขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้เราสักหน่อย” “ไม่ชอบหน้าก็คือไม่ชอบเข้าใจมั้ยครับ ไม่ต้องมีเหตุผล ก็คนมันไม่ชอบ” “แต่เขามาช่วยเรานะคะ” “นั่นก็ต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจอยู่แล้ว พี่เองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องการให้ใครมาช่วยทั้งนั้น นี่เขาคงขี้โม้อะไรมากับน้องเพื่อนใช่มั้ย ถึงได้มองสารวัตรราวกับเป็นฮีโร่เช่นนี้” “พี่ปราบต์ไม่มีเหตุผลเพื่อนไม่คุยด้วยล่ะ ไปดีกว่า…จะไปหัดทำแกงใต้กับป้าพรเสียหน่อย” “เดี๋ยวสิ ยังคุยไม่จบ” เสียงนั้นฟังดูห้วนแกมไม่พอใจ จนพิมพ์ณาราต้องชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับไปมองด้วยความงุนงง “จะยังไงก็แล้วแต่ ถ้าหากสารวัตรเขาแวะเวียนมาอีก ซึ่งพี่ก็เชื่อว่าเขาอาจจะแวะมาเพื่อหาเบาะแสเพิ่ม น้องเพื่อนต้องอยู่ห่างๆ หมอนี่เข้าไว้ หรือไม่ก็โทรตามพี่ ถ้าหากวันนั้นพี่ไปธุระในเมือง” “ขอเหตุผลด้วยค่ะ ว่าทำไมต้องห้ามกันขนาดนี้ด้วย” “ก็ไม่ชอบ นั่นแหละเหตุผล” “เพื่อนก็นึกว่าพี่ปราบต์หึง เลยห้ามเสียยกใหญ่” เหมือนถูกฮุคด้วยหมัดหนักๆ เข้าที่ใบหน้าจนไปไม่เป็น คนฟังอึ้งไปชั่วครู่เพราะเขากำลังหลอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่การหึง ไม่ใช่การหวง แต่เขาแค่ไม่ชอบหน้าสารวัตรแทนไทอย่างไม่ทราบสาเหตุเท่านั้น “ปะ เปล่า…ไม่ได้หึง ทำไมต้องหึงด้วยล่ะ” ประโยคสั้นๆ แต่ช่างบาดลึกไปในใจคนฟังจนเจ็บแปลบ ทำให้พิมพ์ณาราเริ่มฟาดงวงฟาดงาไปทั่วเพราะความน้อยใจ กับการที่เขาพยายามปฏิเสธว่าคิดเช่นไรกับเธอ “แต่ก็อย่างว่า พี่ปราบต์จะมาหึงเพื่อนทำไม ในเมื่อทุกวันนี้พี่ก็ยัง…ไม่ลืม…” “ไม่ลืมอะไร” “เพื่อนรู้นะคะ พี่ปราบต์เสียใจแล้วก็คิดถึง…คิดถึงน้องตุลย์ที่พ่อของเขารับไปเลี้ยงดู แววตาของพี่ปราบต์มันฟ้องว่าทุกวันนี้ยังมีแต่ความอาลัยอาวรณ์…” “น้องเพื่อนกำลังพาลรู้ตัวบ้างมั้ย ลากคนอื่นมาเกี่ยวทำไม” “พี่ปราบต์ยังคงคิดถึงแพงอยู่ทุกคืนวัน เพื่อนถามจริงๆ ตัวพี่ปราบต์อยู่ที่นี่ แล้วใจอยู่กับใคร” “……” “ที่เงียบนี่คือไม่ปฏิเสธใช่มั้ยคะ” “ที่เงียบเพราะพี่ไม่อยากทะเลาะ ไม่อยากจะรื้อฟื้น ไม่เข้าใจว่าน้องเพื่อนจะขุดเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาทำไม รื้อฟื้นแล้วได้อะไรขึ้นมา พี่ถามหน่อย…” ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ก่อนเดินไปรั้งร่างบางเข้ามากอดเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่งเขาเองก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าหัวใจที่เคยมีพิมพ์มาดานั้น ได้แบ่งมาให้คนในอ้อมกอดนี้บ้างหรือยัง แต่ที่รู้คือเขาพยายามประคับประคองชีวิตคู่เอาไว้ไม่ให้พังครืนลงมา เพราะเขาเองก็ไม่อยากทำร้ายใครให้ต้องเจ็บปวดอีก “ปล่อยค่ะ” หญิงสาวสะบัดกายจนหลุดพ้น เพราะยามที่เขากอดเธอคราใด ความเจ็บปวดก็ถาโถมเข้ามาเล่นงานเสียทุกครั้ง เพราะมันช่างเป็นอ้อมกอดที่เหน็บหนาวสิ้นดี ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา คำว่ารักเธอก็ไม่ได้ยินออกมาจากปากของคนที่เธออยากฟังแม้สักคำเดียว “ถ้าบอกว่าหวง แล้วน้องเพื่อนจะหายพยศหรือเปล่าล่ะครับ” “ไม่หายค่ะ เพราะเพื่อนรู้ทันว่าพี่ปราบต์พูดเพราะต้องการจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น” “ก็เป็นซะอย่างนี้” “พี่ปราบต์ไม่ต้องมาแคร์กันก็ได้นะคะ เพราะเพื่อนชินเสียแล้ว กับการที่นอนเตียงเดียวกันแต่ไม่มีอะไรกัน รักก็เป็นรักหลอกๆ เพราะพี่ปราบต์ไม่อาจแบ่งใจมารักใครได้อีก นอกจาก…” “หยุดลากคนอื่นเข้ามาเสียที” “เพื่อนคงเห็นแก่ตัวจริงๆ ที่แย่งของน้อง และน้องก็ยังเสียสละหลีกทางให้ ก็สมแล้วล่ะค่ะ ที่ต้องมานั่งรับกรรมอยู่อย่างนี้” พูดแล้วน้ำตาพานจะไหลออกมา เธอเกลียดตัวเองที่ไม่เลิกเป็นคนอ่อนแอ ถ้อยคำของเธอนั้นกระแทกใจคนฟังให้ต้องนิ่งอึ้ง เพราะไม่คิดว่าเธอจะคิดเช่นนั้นและพูดมันออกมา “แล้วพี่ถามจริงๆ ตอนนั้นน้องเพื่อนไปเล่าให้คุณตฤณฟังทำไม ในเมื่อเรื่องนี้มันคือปัญหาของเราสองคน” ‘เขารู้’ หญิงสาวใจหายวาบ ไม่คิดว่าเขาจะรู้ว่าเธอเคยไปหาคนที่แอบอ้างถึง หรือคุณตฤณจะเล่าให้เขาฟัง พิมพ์ณาราคิดไปเรื่อยเปื่อย “เพื่อน…ก็แค่” “พี่ไม่โกรธหรอกนะหากจะทำเช่นนั้น เพราะพี่คงไม่ปฏิเสธว่าส่วนหนึ่งคงมาจากตัวพี่เอง แต่อย่าทำแบบนี้อีกมันไม่ดี ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า น้องเพื่อนน่าจะรู้ความหมายดี” “……” หญิงสาวนิ่งเงียบ เพราะที่เขาพูดนั้นก็มีส่วนถูก แต่เพราะความ ร้อนรุ่มใจทำให้เธอขาดสติ ถึงได้กระทำลงไปเช่นนั้น มาถึงวันนี้ถึงได้รู้ว่าในอดีตเธอช่างทำตัวเหมือนเด็กไร้ความคิดสิ้นดี “เคยคิดบ้างมั้ยว่าคุณตฤณเขาจะมองยังไง ผู้ชายไม่ใช่ฝ่ายเสียหาย แต่เราเป็นผู้หญิงมีแต่เสียกับเสีย แล้วคุณตฤณเขาจะพานเข้าใจคนอื่นผิดเอาได้” “หากพี่ปราบต์จะห่วงแพง นั่นคือสิ่งที่ดี…” หญิงสาวทำหน้าเศร้าเพราะเธอไม่อาจเรียกร้องอะไรได้ การที่เขาจะห่วงน้องสาวของเธอ…เธอก็ยินดีเพราะถึงอย่างไรก็ผูกพันกันมานาน “พี่ก็ห่วงทั้งสองคนนั่นแหละ แต่ ณ เวลานี้ความห่วงอาจจะมาจากความรู้สึกคนละอย่าง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่ก็ต้องดูแลน้องเพื่อนอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว” เขาทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยคำพูดกำกวมแล้วเดินหนีไป ปล่อยให้คนฟังยืนนิ่งเพราะกำลังครุ่นคิดกับถ้อยคำของเขา เขาห่วงเธอแบบไหนนั้น คือคำตอบที่อยากจะได้ยินออกมาจากปากของเขายิ่งนัก “แค่พูดใครจะเชื่อ การกระทำต้องควบคู่กันไปด้วย” หญิงสาวตะโกนไล่หลังตามไป เหมือนอีกฝ่ายจะได้ยินเพราะเธอเห็นเขาหันกลับมามองแต่ไม่พูดอะไร ก่อนเขาจะเดินตรงไปยังบ้านพักคนงานเพื่อคุยเกี่ยวกับเรื่องคดีที่เพิ่งเกิดขึ้น ยามนี้ยากจะเดาว่าเขาคิดอะไรอยู่ภายในใจ แต่สิ่งหนึ่งที่พิมพ์ณาราพอจะเดาออกคือ เขาทำเหมือนแสลงใจเมื่อมีการเอ่ยถึงพิมพ์มาดาขึ้นมา และพยายามหลีกเลี่ยงเสียทุกครั้งที่จะไม่พูดถึง เสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้าน ทำให้พิมพ์ณาราแง้มม่านออกไปมอง เพราะคิดว่าเป็นปฐพีที่อาจลืมเอกสารแล้วย้อนกลับมา แต่แล้วรถยนต์ที่ไม่คุ้นตา ก็ทำให้หญิงสาวต้องวางหนังสือเล่มโปรดในมือไว้บนโต๊ะ แล้วเดินออกไปหน้าบ้าน เพราะอาจเป็นแขกของปฐพีที่มาโดยไม่นัดแนะกันไว้ก่อน “อะ อ้าว สารวัตร” ชายหนุ่มที่ลงมาจากรถกลับไม่ใช่ใครอื่น เป็นสารวัตรแทนไทที่มาเยือนถึงหน้าบ้านโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว เขามาพร้อมรอยยิ้มกว้าง ก่อนทักทายราวสนิทสนมคุ้นเคยกันมานาน “สวัสดีครับ คุณพิมพ์” “สวัสดีค่ะสารวัตร เอ่อ นัดพี่ปราบต์ไว้เหรอคะ” “อ๋อ ไม่ได้นัดไว้ครับ พอดีผมว่างก็เลยแวะมาหาเบาะแสเพิ่มเติม” “อะ อ้าว เหรอคะ” หญิงสาวยิ้มเฝื่อน เมื่อคำพูดของปฐพีแว่วเข้ามาในหู เขาเคยบอกเอาไว้ว่าไม่ให้สารวัตรแทนไทเข้าใกล้ แล้วอีกฝ่ายกลับโผล่มาจริงๆ ครั้นจะไล่กลับไปก็กระไรอยู่ แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไป หญิงสาวคิดด้วยความว้าวุ่นใจ “แล้วนี่…คุณปฐพีไปไหนเหรอครับ ผมว่าจะแวะมาคุยเสียหน่อย” “ไปธุระค่ะ หากรอเกรงว่าจะนานน่ะค่ะ” “ถ้าอย่างนั้น…คุณพิมพ์พอจะมีเวลามั้ยครับ เพราะผมว่าจะไปดูร่องรอยที่สวนเพิ่มเติม เลยอยากให้ไปด้วยกัน” “เอ่อ…” พิมพ์ณารายืนหันรีหันขวาง หวังที่จะให้คนงานไปกับเธอสักคน เพราะดูท่าแล้วจะปฏิเสธก็ใช่ที่ แต่วันนี้วันหยุดเธอเองก็ไม่อยากรบกวน เพราะเข้าใจว่าทุกคนก็อยากจะพักผ่อนให้เต็มที่กันทั้งนั้น “สะดวกมั้ยครับ” หญิงสาวละล้าละลัง แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นตำรวจและขอความร่วมมือมาเช่นนี้ เธอเองในฐานะเจ้าของพื้นที่ จะปฏิเสธก็คงจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่นัก “สารวัตรรอสักครู่นะคะ เพื่อนไปหยิบหมวกก่อน” หญิงสาวตกลงที่จะไปกับสารวัตรแทนไท ขณะคิดหวาดหวั่นอยู่ในใจ หากปฐพีรู้เข้าคงจะต้องโกรธที่เธอไม่เชื่อฟังแน่นอน แต่อีกใจหนึ่งเธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะมีท่าทีอย่างไร หากได้รู้ว่าสารวัตรแวะมาจริงๆ บรรยากาศภายในสวนปาล์มวันนี้เงียบสงัดจนดูวังเวงพิลึก เนื่องจากไร้เงาของคนงานเพราะเป็นวันหยุด สารวัตรแทนไทเดินนำพิมพ์ณาราเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุ ขณะหญิงสาวเดินตามเข้าไปติดๆ ความเงียบงันทำให้เธอเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเสียดื้อๆ จนต้อง เดินหันรีหันขวางเพราะความหวาดระแวง “กลัวเหรอครับ” หญิงสาวสะดุ้งจนสุดตัว เมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา “กะ กลัวค่ะ เงียบจังเลยนะคะ” “วันนี้วันหยุดพอดี ก็เลยเงียบหน่อย” “เมื่อก่อนเพื่อนไม่กลัวนะคะ พอมีคนตายทำไมมันดูน่ากลัวขึ้นขนาดนี้ก็ไม่รู้” แทนไทจับจ้องดวงหน้าหวาน แลเห็นความหวาดวิตกฉายอยู่ในแววตาของเธอ ก่อนเขาจะส่งยิ้มอบอุ่นกลับมา “คุณพิมพ์ไม่ต้องกลัวนะครับ หากเกิดอะไรขึ้นผมจะดูแลคุณเอง” “สารวัตร…” ถ้อยคำของเขาทำให้คนฟังถึงกับนิ่งอึ้ง รอยยิ้มและท่าทีของเขาทำราวกับว่าเธอคือคนรักก็ไม่ปาน ทั้งๆ ที่เขาเองอาจพูดออกมาโดยไม่คิดอะไร แต่เธอกลับรู้สึกแปลกๆ อยู่ในหัวใจ ความเป็นสุภาพบุรุษของชายหนุ่มตรงหน้า กำลังทำให้เธอมองเขาด้วยสายตาชื่นชม หากรอยยิ้มและคำพูดหวานหูเปลี่ยนเป็นมาจากปากของปฐพีก็คงจะดี หญิงสาวคิดพลางหลุบตาลงต่ำ เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่จับจ้องใบหน้าของเธอโดยที่ไม่ยอมละสายตา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD