13

1137 Words
เช้าวันใหม่ ก๊อก ๆ ๆ ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูที่ติดกันถี่ ๆ ทำให้ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนที่นอน ต้องตะเกียกตะกายลุกขึ้นมานั่งอย่างไม่สบอารมณ์ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านที่ฮ่องกง คนที่เคาะก็คงไม่ใช่ใคร นอกจากหญิงสาวหรือปู่ของเธอ เขาจึงรีบเดินไปเปิดประตู “ปู่เป็นอะไรก็ไม่ทราบค่ะคุณฟิลลิป ตัวร้อนแล้วก็เพ้อด้วยค่ะ” เพียงแค่เปิดประตูเขาก็ถึงกับตกใจ เมื่อเห็นใบหน้าที่เคยเรียวได้รูปและงดงามตรึงใจนั้นบวมเขียวไปทั้งซีกขวา แต่ก็ไม่มีเวลาแสดงความเป็นห่วงเป็นใย เมื่อได้ยินเรื่องที่เธอบอกเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและหวาดวิตก.. คงเป็นเพราะหกล้มเมื่อคืนนี้แน่ ๆ เขาก็ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย “รีบไปโทรเรียกรถพยาบาล เดี๋ยวฉันจะรีบตามออกไป” เขาปิดประตูแล้วรีบจัดการทำธุระส่วนตัว ไม่ถึงสิบนาทีก็ไปถึงห้องนอนของอุดม “ปู่ครับ ปู่ได้ยินผมไหม” เขาเขย่าร่างบอบบางของชายชราที่นอนเพ้ออยู่บนเตียง ภายในใจเต็มไปด้วยความกังวลอย่างมาก เพราะรู้สึกไม่ดีตั้งแต่เมื่อวานที่เห็นเขาล้มแล้ว ชายชราค่อย ๆ ลืมตาอย่างยากลำบาก เมื่อได้ยินเสียงกระซิบคุ้นหูที่ตั้งใจรอคอย มองชายหนุ่มผู้มีพระคุณแล้วน้ำใส ๆ ก็ไหลออกมาจากตา แล้วเหลือบไปมองหลานสาวสุดที่รักที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ กับเขา ยิ่งทำให้น้ำตาไหลรินมากขึ้นกว่าเดิม แต่ไม่ใช่เพราะความรู้สึกเสียใจแต่อย่างใด “หยินลูก” เสียงแผ่ว ๆ ดังออกจากปากของเขา “จ๋าปู่” หญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปีขานรับด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอกลัวจับใจกับอาการป่วยของปู่ เพราะท่านไม่เคยต้องล้มหมอนนอนเสื่อแบบนี้มานานหลายปีแล้ว “ปู่มีความสุขมาก ที่เห็นหลานเติบโตมาอย่างดีแบบนี้” ชายชราพยายามจะบอกความในใจที่เก็บเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะมีโอกาสได้พูดอีกไหม “ให้สัญญากับปู่อย่างหนึ่งได้ไหม” เด็กสาวพยายามกลั้นน้ำตา เมื่อได้ยินคำพูดที่เหมือนเป็นลางร้ายของปู่ “หนูให้ปู่ได้ทุกอย่าง แต่เราค่อยมาคุยกันหลังจากปู่หายป่วยดีกว่านะจ๊ะ” “หยิน ลูกเอ๊ย...” มือที่เหี่ยวย่นเอื้อมไปแตะใบหน้าที่บวมช้ำด้วยความเจ็บปวดใจ “ถ้าไม่มีคุณฟิลลิปก็ไม่มีเราในวันนี้ หนูจะต้องกตัญญูต่อท่าน ต้องอดทนและเข้มแข็งให้มาก ๆ ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร หนูรับปากปู่ได้ไหมลูก ว่าหนูจะไม่ทิ้งท่านไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” “ปู่อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยครับ หายดีแล้วค่อยมาคุยกันอีกทีดีกว่า” ฟิลลิปเห็นอาการเหนื่อยหอบของชายชรา ที่กำลังถ่ายทอดคำพูดเหมือนสั่งเสียก็ห้ามเอาไว้ “อย่าห้ามปู่เลยนะ เพราะปู่รู้ตัวดีว่าปู่คงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ขอให้ปู่ได้สั่งเสียเป็นครั้งสุดท้ายเถอะนะคุณท่าน” อุดมจับมือของชายหนุ่ม มองเขาด้วยสายตาเลื่อมใสศรัทธา “ปู่ขอฝากหลานสาวของปู่ไว้กับคุณท่านด้วยนะ ไม่ต้องรักเธอเท่ากับที่ผมรักก็ได้ แต่ขอให้เมตตาเอ็นดูเธอ สงสารเธอให้มาก ๆ ก็พอ” เขารู้ว่าชายหนุ่มคนนี้รักหลานสาวของเขามาตลอด แต่เขาก็ไม่รู้ว่าความรักนั้นจะหมดลงเมื่อไหร่ “ครับปู่ ผมจะดูแลหนูหยินอย่างดี ผมสัญญา” เห็นแววตาฝ้าฟางที่มองมาอย่างมีความหวัง เขาก็พยักหน้าตอบรับพร้อมกับบีบมือท่านแรงขึ้นเล็กน้อย “รถพยาบาลมาแล้วค่ะ” เด็กสาวเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงไซเรน และกำลังจะวิ่งออกไปต้อนรับเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาล แต่ผู้เป็นปู่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ “เดี๋ยวฉันออกไปเอง” ฟิลลิปบอกกับหญิงสาวแล้วปล่อยให้ปู่กับหลานได้อยู่ด้วยกัน อุดมเริ่มหายใจโรยรินลงเรื่อย ๆ รู้ซึ้งดีกว่าใครว่าร่างกายของตนนั้นเป็นอย่างไร “หยิน” “จ๋าปู่” หญิงสาวเริ่มน้ำตาไหลเมื่อเห็นอาการสูดลมหายใจแรง ๆ ของปู่ “หนูต้องรักและเคารพคุณฟิลลิปเขาให้มาก ๆ ให้สมกับที่เขารักและเอ็นดูหนูนะลูก รับปากปู่สิ” “ปู่อย่าเพิ่งพูดเลยนะ หายแล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่นะจ๊ะ” เด็กสาวไม่ตอบเพราะกลัวว่าสิ่งที่คิดจะเป็นเรื่องจริง “รับปากปู่สิลูก ปู่อยากได้ยินตอนที่ปู่ยังรู้สึกตัว” “จ้ะปู่ หนูรับปากก็ได้จ้ะ แต่ปู่สัญญากับหนูก่อนนะว่าจะต้องรักษาตัวให้หาย อย่าทิ้งหนูไป” “ปู่จะพยายาม” อุดมรับปากพร้อม ๆ กับที่แพทย์และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเข้ามาถึงในห้อง หลังจากนั้นเขาก็ถูกจับตรวจร่างกาย และถูกอุ้มใส่เปลไปขึ้นรถพยาบาล ทุกอย่างที่เกิดในเวลาอันรวดเร็วนั้นเขารู้สึกตัวตลอด หลังจากนั้นอีกหนึ่งวัน เขาก็มีไข้ขึ้นสูงกว่าเดิมจนถึงขั้นเพ้อและไม่รู้สึกตัวอีกเลย แต่เขากลับเห็นภรรยา ที่มาพร้อมกับลูกชายและลูกสะใภ้ มายืนรายล้อมอยู่ข้างเตียง ไม่ยอมพูดยอมจาแต่มีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม สิบห้าวันแล้วที่อาการของปู่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา ท่านหายใจได้ก็เพราะมีเครื่องช่วยหายใจ แต่เวลานี้ร่างกายก็เริ่มจะไม่ตอบสนองต่อเครื่องช่วยหายใจแล้วเช่นกัน หมอบอกให้เธอทำใจ เพราะปู่น่าจะอยู่กับเธอได้อีกไม่เกินหนึ่งหรือสองวันนี้เท่านั้น แม้จะทำใจมาตั้งแต่วันแรก ๆ แต่เธอก็ยังไม่อาจยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้ ตลอดชีวิตของเธอมีเพียงปู่เท่านั้นที่คอยดูแลเอาใจใส่ จะอดหรืออิ่มก็ยังยิ้มและมีความสุขกันตามอัตภาพ เธออยากจะเอาชีวิตของเธอต่อชีวิตให้ท่านไปอีกสักยี่สิบ สามสิบปี ให้ท่านได้อยู่ดูความสำเร็จของเธอ ให้เธอได้ตอบแทนบุญคุณของท่านบ้าง ไม่ใช่ทิ้งกันไปแบบนี้ ฟิลลิปเห็นหญิงสาวที่นั่งปาดน้ำตาอยู่หน้าห้องไอซียูแล้วรู้สึกหดหู่ใจเหลือเกิน เขาไม่อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้เลย เขาอยากให้เธอมีความสุขและร่าเริงเหมือนตลอดห้าปีที่ผ่านมา แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะคนที่เธอรักมากที่สุดกำลังจะจากเธอไป “หนูหยิน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD