บทที่ 1 สร้างปัญหา 1

1279 Words
เสียงเพลงดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณและมีนักท่องราตรีทั้งหลายกำลังมีความสุขเต้นโยกย้ายกันไปตามจังหวะเสียงเพลง แต่ใช่ว่าทุกคนที่มาเที่ยวที่นี่จะมีความสุขไปซะหมดยังมีบางคนที่มีความทุกข์แต่เลือกที่จะมาดื่มเหล้าเพื่อให้ลืมความทุกข์ชั่วครั้งชั่วคราว “ตกลงเงินที่ผมให้คุณไปหาได้ไหม” เสียงชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งถามขึ้นพร้อมกับยกแก้วขึ้นแล้วสาดเหล้าสีเข้มเข้าปาก “แรมยังไม่เจอเขาเลย เห็นว่าช่วงนี้งานเยอะกว่าจะกลับก็มืดค่ำแถมไม่เป็นเวลาอีกต่างหาก” หญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ พูดขึ้นมา “แล้วไม่มีคนอื่นให้ไปเอาแล้วหรือไง ช่วงนี้ผมกำลังมือขึ้นเลยอยากรีบกอบโกยจะได้มีเงินมาใช้หนี้ที่บ่อนสักที” “นี่ยังจะเอาเงินไปเล่นอีกเหรอ แรมคิดว่าถ้าได้เงินก้อนนี้มาพีจะเอาไปใช้หนี้เสียอีก” “โธ่ แรมครับผมสัญญาว่าเงินก้อนนี้จะเป็นก้อนสุดท้ายที่จะรบกวนคุณ ผมเอาไปต่อทุนครั้งนี้เราอาจจะได้กำไรมาใช้หนี้ทั้งหมดเลยก็ได้ ถ้าได้กำไรมาผมจะพาคุณไปเที่ยวเมืองนอกดีไหมครับ” พีรพลพูดเสียงอ้อนแล้วกอดเอวหญิงสาวที่อายุมากกว่าเขาสามปี จันทร์แรมเองตอนแรกก็เสียงแข็งอยู่ แต่พอโดนอ้อนก็ทำตัวอ่อนเหมือนขี้ผึ้งลนไฟเลย สุดท้ายเธอก็แพ้ลูกอ้อนของคนรักเลยพยักหน้ารับไป และต้องยิ้มกว้างเมื่อได้รางวัลเป็นหอมแก้มสองฟอดใหญ่ การแสดงความรักอย่างเปิดเผยทำให้สาว ๆ คนอื่นที่ถูกตาชอบใจในตัวพีรพลเกิดความอิจฉาแกมหมั่นไส้หญิงสาวคนนั้น “คืนนี้ไปนอนห้องแรมกันนะ” เธอกระซิบบอกแฟนหนุ่มเบา ๆ “ได้สิครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะดูแลแรมเป็นอย่างดี” พีรพลพูดเสียงแหบพร่าแต่สายตากลับมองไปที่หญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ไกลพร้อมกับส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายที่ทั้งสองคนรู้ดี เดิมทีเขาก็มีอาชีพดูแลสาว ๆ อยู่แล้วเพราะฉะนั้นเรื่องแบบนี้เลยเป็นของถนัด ... เช้าวันหยุดเป็นวันที่พนักงานเงินเดือนทุกคนใฝ่ฝันถึง หนึ่งในนั้นก็คือทัดดาวที่วันนี้ตื่นสายกว่าทุกวันหลังจากที่ตื่นนอนแล้วเธอก็เริ่มงานทำความสะอาดห้องของตัวเองอย่างมีความสุข ห้องนี้มีขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไปอยู่คนสองคนก็ถือว่าไม่อึดอัด ห้องนี้ในตอนกลางวันไม่ต้องเปิดแอร์เลยเพราะเป็นห้องที่ลมพัดผ่านทั้งวัน ภายในตกแต่งด้วยสีฟ้าอมเขียวสลับกับสีขาว ของตกแต่งมีไม่กี่ชิ้นเพราะเธออยากให้ห้องดูโล่ง ๆ เพื่อจะได้ทำความสะอาดง่าย ห้องครัวเป็นแบบเปิดมีขนาดกลาง แต่เธอก็ใช้ประโยชน์จากห้องครัวไม่น้อยกว่าห้องอื่นเลย ระหว่างที่กำลังทำงานบ้านในช่วงบ่ายออดหน้าห้องก็ส่งเสียงบ่งบอกให้รู้ว่ามีคนมาหาทำให้ต้องวางมือจากงานแล้วเดินไปส่องดูก็เห็นว่าเป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักกันในระดับหนึ่ง “อ้าวแรมมีอะไรหรือเปล่า” “นุ่มทำงานบ้านอยู่เหรอ” จันทร์แรมเอ่ยถามเพื่อนบ้านที่อยู่ในชุดอยู่บ้านสบาย ๆ “อืม มีอะไรหรือเปล่า” เธอถามอย่างแปลกใจ เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอหน้าหญิงสาวคนนี้เลย “ขอเข้าไปหน่อยได้ไหมฉันมีเรื่องอยากคุยด้วยหน่อยน่ะ” จันทร์แรมเอ่ยปากขอ พอเห็นว่าทัดดาวมีสีหน้าลังเลก็พูดต่อมาอีก “ฉันมีเรื่องทุกข์ใจจริง ๆ นะ ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใครแล้ว” ปากพูดไปน้ำตาก็เออคลอเบ้าทำให้คนที่เห็นอดจะใจอ่อนไม่ได้ สุดท้ายเลยเปิดประตูให้กว้างขึ้น จันทร์แรมแอบยิ้มแล้วเดินเข้ามาในห้องพักซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่กว่าของเธอมากนัก ห้องของเธอเป็นห้องเช่ารายเดือน แต่ของทัดดาวเป็นห้องที่ซื้อขาดไปแล้วตอนแรกก็ว่าจะซื้อแต่พอเห็นราคาแล้วไม่กล้าเลย “แรมมีอะไรก็พูดมาเถอะ” ทัดดาวถามแล้วนั่งลงที่โซฟาอีกตัว แต่ถ้าให้ทายก็คงไม่พ้นเรื่องเดิม ๆ ที่เคยเจอมา “ฉันรู้นะว่าไม่สมควรมารบกวนเวลาพักผ่อนวันหยุดแบบนี้ แต่ฉันไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปหาใครแล้ว” จันทร์แรมพูดแล้วร้องไห้ออกมา “มีอะไรค่อย ๆ พูดก็ได้” เธอพูดแล้วส่งกระดาษทิชชู่ให้เพื่อนบ้านสาว “แม่ฉันเข้าโรงพยาบาลน่ะอาการไม่ค่อยดีต้องผ่าตัดพรุ่งนี้ แต่ฉันไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าผ่าตัด ไปยืมใครก็ไม่มีใครให้ยืมเลย...นุ่มพอจะช่วยฉันได้ไหม ฉันสัญญาว่าจะหามาคืนให้และจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะขอความช่วยเหลือแบบนี้อีก” จันทร์แรมยกอ้างเหตุผลเพราะรู้ว่าทัดดาวขี้สงสาร ที่ผ่านมาเธอก็ใช้บิดามารดามาอ้างเพื่อขอยืมเงินอยู่บ่อย ๆ ทัดดาวนั่งนิ่งมองหน้าเพื่อนบ้านที่มาขอยืมเงินเป็นประจำ ถ้าจำไม่ผิดเมื่อเดือนที่แล้วจันทร์แรมก็เพิ่งมายืมเงินบอกว่าจะเอาไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลบิดาที่ป่วยหนักก้อนนั้นยังไม่ได้คืนเธอเลยด้วยซ้ำ มาวันนี้มาบอกว่ามารดาป่วยหนักอีกแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะให้ยืมแต่เมื่อสองอาทิตย์ก่อนเธอบังเอิญไปรู้มาว่าบิดามารดาของของจันทร์แรมเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อนแล้ว ซึ่งมันก่อนที่เธอจะรู้จักหญิงสาว “เรื่องนี้ฉันเองก็อยากช่วยอยู่หรอกนะ แต่ฉันไปรู้มาว่าพ่อแม่เธอเสียชีวิตไปหมดแล้ว หรือว่าเธอมีพ่อแม่หลายคน” เธอพูดเสียงเรียบนิ่ง และแน่นอนว่าคำพูดของเธอทำให้คนที่กำลังเล่นละครร้องไห้อยู่ต้องหยุดชะงักไปทันที “เธอไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน ฉันไม่ได้โกหกนะใครจะกล้าเอาเรื่องพ่อแม่ป่วยมาเป็นข้ออ้างล่ะ” จันทร์แรมพูดแล้วคิดว่าไอ้อีตัวไหนมันเอาเรื่องนี้มาบอกทัดดาว โดยที่เจ้าตัวคงลืมคิดไปว่าตัวเองเคยเอาเรื่องพ่อแม่ไปพูดกับคนอื่นมาแล้ว “ฉันไปเอาเรื่องนี้มาจากไหนไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือฉันคงให้เธอยืมเงินไม่ได้เพราะก้อนเก่าเธอยังไม่คืนฉันเลย” “เงินแค่ห้าหมื่นเดี๋ยวฉันคืนให้เธอพร้อมดอกเบี้ยก็ได้ ไม่เห็นต้องพูดอ้างนู้นอ้างนี่ไม่อยากให้ยืมก็พูดมาเถอะ ฉันไม่คิดเลยนะว่าเธอจะแล้งน้ำใจแบบนี้” จันทร์แรมพูดอย่างไม่พอใจที่อีกฝ่ายไม่ยอมให้เธอยืมเงินแถมยังพูดทวงเงินที่ยืมไปก่อนหน้านี้อีก “น้ำใจมีให้สำหรับคนที่เห็นค่านะ ความจริงถ้าเธอบอกฉันตรง ๆ ว่าจะเอาเงินไปทำอะไรฉันอาจจะให้ก็ได้ไม่เห็นต้องเอาพ่อแม่ที่เสียไปแล้วมาอ้างเลย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่ผิดจากหน้าตาเท่าไร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD