“ผมไม่มีแรงไม่ได้ตั้งใจจะลวนลามคุณนะ เมื่อกี้ผมทับไปนึกว่าไม้กระดานซะอีก” วายุพูดเพราะไม่อยากให้หญิงสาวโกรธ แต่หารู้ไม่ว่าคำว่าไม้กระดานทำให้คนที่มีปมเรื่องนี้แทบจะอยากเอาหมอนอุดปากคนป่วยที่ปากดี
“ปากแบบนี้แสดงว่าอาการไม่หนักแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันกลับบ้านเลยนะคะ”
นั่นแหละคนป่วยเลยรีบไอเสียงดังออกมา มารยาของคนป่วยทำให้ทั้งพยาบาลจำเป็นและชายหนุ่มอีกสองคนที่ยืนมองอยู่ด้านหน้าประตูต้องส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ
“หมอกานต์มาแล้วครับนาย” นพคุณเข้ามาช่วยผู้เป็นนายแก้สถานการณ์
“เป็นไงแรมโบ้อย่างคุณวายุป่วยเป็นเหมือนคนอื่นด้วยหรือไง” นิธิกานต์เดินตามลูกน้องของเพื่อนรักเข้ามาที่เตียงนอนใหญ่
ทัดดาวเห็นว่าคุณหมอมาตรวจแล้วเธอก็ลุกขึ้นแล้วหลบไปยืนที่มุมห้องอย่างรู้มารยาทด้วยกลัวว่าตัวเองจะเกะกะในการตรวจรักษาคนป่วยที่แสนจะเจ้าเล่ห์
“ฉันเป็นคนธรรมดาไม่ได้เป็นแรมโบ้นะไอ้หมอ จะตรวจก็รีบมาตรวจไม่ต้องพูดมาก” คนป่วยโวยเพื่อนแต่สายตากับมองไปที่หญิงสาวคนเดียในห้อง
ทัดดาวส่ายหน้าไปมากับความเอาแต่ใจและปากดีของคนป่วย ดูแล้วพวกเขาคงเป็นเพื่อนกันมานาน
...
คุณหมอหนุ่มตรวจคนป่วยกิตติมศักดิ์อย่างละเอียด ดีที่ตอนนพคุณโทรไปเขาถามอาการคร่าว ๆ ไปเลยจัดยามาได้ครบ เพราะคนอย่างวายุคงไม่มีทางไปโรงพยาบาลแน่นอน
“เป็นไข้หวัดธรรมดาดีที่ยังไม่ถึงไข้หวัดใหญ่ ที่นายอาการหนักเพราะพักผ่อนน้อยร่างกายเลยเป็นเยอะ เดี๋ยวฉันจะฉีดยาแล้วจ่ายยาไว้ให้ กินยาให้หมดด้วยล่ะไม่ใช่พอหายก็หยุดกิน ยาบางตัวต้องกินจนกว่าจะหมดเข้าใจไหม แล้วถ้าไม่มีดีขึ้นฉันจะมาฉีดยาให้อีกเข็ม” หมอหนุ่มพูดสั่งออกมายืดยาว เพราะรู้ว่าวายุกินยายากหาก็หมอยาก
“พูดเหมือนฉันอายุห้าขวยเลยนะไอ้หมอ” ถึงจะเจ็บคอแต่ยังอุตส่าห์จะเถียงหมออีกนะ
นิธิกานต์หัวเราะเบา ๆ แล้วหรี่ตามองคนป่วยที่สายตาคอยมองไปที่หญิงสาวที่นั่งอยู่ที่มุมห้อง
“ไม่ยังรู้ว่านายมีพยาบาลส่วนตัวด้วย แต่คนนี้ดูไม่น่าจะใช่สเปกนายนะ”
“ไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิดหรอก ฉันไม่นิยมจอแบน” วายุพูดเบา ๆ
“หึหึ ไม่ชอบจอแบนแต่สายตานี่มองเขาไม่คาดสายตาเลยนะไอ้ลม”
“พูดมากตรวจเสร็จแล้วก็กลับไปได้แล้วไป” วายุไล่เพื่อนรักที่ทำเหมือนจะรู้ทันเขา
“กลับก็ได้ แต่เวลาจะกลืนน้ำลายตัวเองระวังจะเจ็บคอนะไอ้ลม” ก่อนไปยังไม่วายทิ้งระเบิดไว้ให้เพื่อนอีกหนึ่งลูกอย่างหมั่นไส้ และหันไปพูดกับหญิงสาว
“ฝากคุณช่วยดูแลคนป่วยด้วยนะครับ บังคับให้เขาทานข้าวทานยาให้ตรงเวลาด้วยนะครับ ถ้าดื้อก็ตีได้เลย”
ทัดดาวที่โดนฝากฝังให้ดูแลคนป่วยถึงกับหน้าเหวอไป แต่ก็พยักหน้ารับไปอย่างลืมตัวมารู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงปิดประตูห้องแล้วนั่นแหละ สุดท้ายเมื่อไม่มีทางเลือกเลยต้องเดินกลับมาหาคนป่วยที่นั่งทำปากขมุบขมิบ
“คุณอยากทานอะไรคะฉันจะได้ให้คุณนพคุณไปบอกแม่ครัวให้”
“อะไรก็ได้” เสียงแหบห้วนที่พูดออกมาทำให้คนถามต้องเลิกคิ้วสูงขึ้น แต่ก็ไม่สนใจอะไรเธอหันไปดูยาที่คุณหมอจัดไว้ให้ พอบอดีการ์ดหนุ่มเดินกลับเข้ามาเธอก็หันไปพูดกับเขา
“คุณวายุต้องทานข้าวก่อนแล้วถึงทานยาได้ค่ะ ยังไงรบกวนให้แม่ครัวทำเป็นข้าวต้มหมูสับมาให้เจ้านายด้วยนะคะ”
“ได้ครับ แล้วคุณทัดดาวจะทานอะไรครับเดี๋ยวผมให้แม่บ้านยกขึ้นมาให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันกลับไปทานที่ห้องตัวเองดีกว่า” คำตอบของทัดดาวทำให้คนป่วยต้องหันมามองอย่างรวดเร็ว หน้าที่บึ้งอยู่เปลี่ยนเป็นหน้านิ่งสายตาดุทันที
“ที่จริงคุณกลับไปเลยก็ได้นะไม่ต้องทำตามที่เพื่อนผมบอกหรอก ผมดูแลตัวเองได้”
ทัดดาวหันมามองหน้าคนป่วยที่เริ่มแผลงฤทธิ์ได้แล้วหลังจากที่ยาฉีดเข้าไป ไม่รู้ว่าเป็นยาวิเศษหรือยังไงฉีดปุ๊บมีเรื่องหาเรื่องปั๊บเลย นพคุณยิ้มแหย ๆ ให้หญิงสาว
“คุณต้องการอย่างนั้นใช่ไหมคะ” เธอถามเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ หมดหน้าที่แล้วก็กลับไปซะ!” เสียงแหบดังเหมือนตะคอกทำให้ทัดดาวสะดุ้งไปนิดนึง และไม่พูดอะไรออกมาอีกนอกจากเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วเดินออกจากห้องนอนใหญ่ไปทันที
วายุมองตามด้วยความไม่พอใจที่ทัดดาวกลับไปจริง ๆ ตอนที่นิธิกานต์พูดว่าทัดดาวเป็นคนพิเศษของเขามันทำให้รู้สึกเสียหน้า เพราะคนอย่างวายุไม่เคยต้องมาถูกเพื่อนแซวและทำหน้าเหมือนรู้ทันเขาแบบนี้ แถมหญิงสาวก็ไม่ได้มีท่าทางจะพิศวาสเขาสักนิด
“คุณทัดดาวจะกลับจริง ๆ เหรอครับ” นพคุณถามอีกครั้งเพราะรู้แน่ว่าเจ้านายกำลังประชด
“จริงค่ะ ยังไงคุณนพคุณก็ดูให้เจ้านายทานยาต่อด้วยนะคะ ส่วนเรื่องงานถ้ามีเอกสารอันไหนที่สำคัญฉันจะโทรมาให้คุณไปรับที่บริษัทค่ะ อันไหนไม่ด่วนฉันจะแจ้งผู้ใหญ่ท่านอื่นเอง” ทัดดาวพูดเสียงเรียบนิ่งพยายามกดอารมณ์ความไม่พอใจเอาไว้ไม่แสดงออกมา
“ขอบคุณนะครับ เดี๋ยวผมให้คุณธรรมขับรถไปส่งที่คอนโดครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะฉันมาเองได้ก็กลับเองได้” พูดจบทัดดาวก็เดินออกจากห้องไปที่ลิฟต์โดยที่ไม่รอฟังว่าบอดีการ์ดหนุ่มจะพูดอะไร
สองหนุ่มคู่หูหันมามองหน้ากันและก็เป็นคุณธรรมที่พูดขึ้นมา
“แข็งทั้งคู่ไม่รู้จะหวยจะออกทีใครนะ”
“ออกที่เราสองคนนี่ไง” นพคุณพูดและเดินแยกไปบอกแม่ครัวให้เตรียมข้าวต้มไปให้เจ้านาย
วายุนอนลงบนเตียงแล้วยกมือก่ายหน้าผากนึกน้อยใจและรำคาญตัวเองที่เป็นแบบนี้ เพราะแบบนี้เขาถึงไม่อยากป่วยเพราะจิตใจจะอ่อนแอลง เขาเกลียดการที่ตัวเองป่วยแล้วต้องอยู่คนเดียวตามลำพัง ตอนเด็กถ้าบิดามารดาอยู่พวกท่านจะมาคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนเขาเสมอ แต่พอท่านจากไปเขาเลยต้องพยายามไม่ให้ตัวเองป่วยอีก แต่ครั้งนี้มันจนใจเพราะร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ มีบางอย่างที่คนอื่นไม่รู้ว่าเขาเป็นคนขี้เหงาเลยต้องทดแทนด้วยการที่มีสาว ๆ มาอยู่ข้างกายและต้องทำงานให้หนักเพื่อจะได้ไม่มีเวลามานั่งเหงา แต่พออายุมากขึ้นเขาก็อยากมหาใครสักคนที่ให้ความอบอุ่นกับเขาไปตลอดชีวิตสักที
...
ขณะที่คนป่วยกำลังต่อสู้กับอารมณ์เหงาของตัวเอง ส่วนคนที่โดนไล่ก็ขับรถอยู่บนถนนที่การจราจรติดขัดอย่างหนัก ความโมโหทำให้เธอนึกอยากจะลาออกไปอยากทำงานกับคนแบบนี้อีก แต่เพราะรู้คำขู่ของวายุทำให้เธอไม่กล้าจะเห็นแก่ตัวคนเดียว
“คนอุตส่าห์เป็นห่วงยังจะกล้าไล่กันอีก อย่าหวังเลยว่าต่อไปฉันจะทำอะไรแบบนี้อีก ถ้าอยากได้คนดูแลก็โทรหาสาว ๆ ในสต๊อกตัวเองเถอะย่ะ”
++++++