ห้องประชุม
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูห้องประชุมดังแทรกขึ้นมาระหว่างการประชุมประจำสัปดาห์ทำให้หัวหน้าฝ่ายบัญชีอย่าง ‘คุรุกิ’ ที่กำลังรายงานผลประกอบการของธุรกิจในเครือของแบล็กสกอร์เปี้ยนประจำไตรมาสแรกจำต้องหยุดชะงักการรายงานลงในทันที
เธอและทุกคนในห้องประชุมพร้อมใจกันมองไปที่บานประตู ก่อนจะเหลือบสายตามองกลับไปที่ ‘โอยามะ’ เจ้าของตำแหน่งประธานแบล็กสกอร์เปี้ยน ผู้ชายที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะประชุมด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย
เสียงถอนหายใจหนักๆ ของโอยามะบ่งบอกว่าเขารู้สึกไม่ชอบใจที่ถูกขัดจังหวะ แต่อีกใจกลับคาดเดาได้ว่าเรื่องจากคนด้านนอก คงจะต้องเป็นเรื่องด่วนที่สำคัญ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครหน้าไหนกล้ามาขัดจังหวะในการประชุมของเขาแน่
“เข้ามา”
แม้ลางสังหรณ์จะบอกว่าไม่ใช่เรื่องดี แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะสามารถปฏิเสธการรับรู้ได้
สิ้นเสียงอนุญาตจากผู้ที่มีอำนาจสูงสุด บานประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดเข้ามาโดย ‘ริโกะ’ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ก้มหน้าก้มตาเดินเข้ามา สีหน้าและท่าทางของเธอในเวลานี้ไม่สู้ดีนัก และถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดหรือรายงานเหตุผลที่ทำให้เธอกล้าเดินมาขัดขวางการประชุมออกมา แต่นั่นก็มากพอจะเพิ่มเติมน้ำหนักให้กับลางสังหรณ์ของโอยามะได้ดี
“ปิดประชุม เอาไว้ฉันจะเรียกประชุมใหม่อีกที” โอยามะสั่งออกไปด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดก่อนจะปิดแฟ้มสีดำตรงหน้าลงในฉับพลัน ดวงตาคมคายวาววับช้อนมองเด็กผู้หญิงตรงหน้าที่เดินเข้ามาด้วยเหตุผลบางอย่างที่อีกไม่กี่นาทีเขาคงจะได้รู้ ในมือเล็กๆ ของเธอถือซองเอกสารสีน้ำตาลและจับมันเอาไว้แน่น สายตาที่เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองเขามีประกายของความว้าวุ่นใจฉายชัดออกมา
ริโกะคือเด็กผู้หญิงที่เขารับซื้อมาจากนักพนัน ซึ่งก็คือพ่อกับแม่แท้ๆ ของเธอตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน เธอทำงานตอบแทนให้กับเขามานานนับตั้งแต่วันนั้น นั่นทำให้เขามั่นใจว่าเธอไว้ใจได้ และเพราะเหตุผลนี้เขาถึงได้ยังนั่งนิ่งเพื่อรอฟังเหตุผลของเธออย่างพยายามที่จะใจเย็น
“มีอะไร” โอยามะเอ่ยปากถามหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันออกไปจากห้องประชุมจนหมด เหลือเพียงตัวเขา ริโกะ และ ‘คิราวะ’ บอดี้การ์ดคนสนิทของเขาเท่านั้นที่ยังคงอยู่ภายในห้อง
“เอ่อ คือว่า...”
ท่าทีอึกอักของริโกะทำให้ก้อนเนื้อในอกของโอยามะเริ่มเต้นหนักขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเห็นว่าเธอกำลังมองหน้าเขาสลับกับมองไปที่คิราวะและแสดงอาการประหม่าออกมาชัดเจน มันก็ยิ่งทำให้เขารับรู้ได้ถึงสัญญาณอันตราย
“คือว่าเมื่อครู่นี้ริโกะลงไปข้างล่างแล้วบังเอิญเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณหกขวบ มีท่าทางลับๆ ล่อๆ ไม่น่าไว้ใจ ริโกะก็เลยเดินเข้าไปถามว่ามาหาใครค่ะ เด็กคนนั้นมองริโกะด้วยสายตาหวาดๆ ก่อนจะยัดเอกสารนี่ใส่มือริโกะมา จากนั้นก็วิ่งหนีไปเลยค่ะ” ริโกะอธิบายพร้อมกับเดินเข้าไปวางซองเอกสารสีน้ำตาลในมือของเธอลงบนโต๊ะ ก่อนจะค่อยๆ ดันมันส่งให้กับโอยามะด้วยมือเล็กๆ ที่กำลังสั่นระริก
โอยามะเหลือบมองซองเอกสารนั่นอย่างไม่คิดจะไว้ใจ เขาสังเกตได้ถึงความผิดปกติทันทีที่เห็นว่าด้านหน้าซองเอกสารนั่นไม่มีข้อความที่เขียนจ่าหน้าหรือระบุผู้รับ
ตุ้บ!
“ริโกะขอโทษค่ะคุณโอยามะ”
ยังไม่ทันที่โอยามะจะได้เอื้อมมือไปหยิบเอกสารนั่นขึ้นมา ริโกะก็คุกเข่าลงตรงหน้าแล้วเอ่ยปากบอกด้วยเสียงสั่นเครือ
ความแปลกใจก่อตัวขึ้นในอกของโอยามะในฉับพลันอีกครั้ง เขาหันไปสบตากับคิราวะครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปหยิบซองเอกสารนั่นขึ้นมา แล้วดึงเอกสารด้านในออกมาตรวจดู
คำถามที่เกิดขึ้นทันทีที่เห็นว่าริโกะคุกเข่าลงตรงหน้า ไม่ใช่เรื่องที่เธอกล้าเปิดซองเอกสารนั่นก่อนจะนำมันมาให้เขา ด้วยเหตุผลอย่างที่บอกว่าด้านหน้าซองเอกสารไม่ได้จ่าหน้าหรือระบุตัวผู้รับ ดังนั้นการที่เธอจะเปิดมันออกเพื่อตรวจดูของหรือเอกสารที่อยู่ด้านในก่อนจะส่งถึงมือเขา จึงถือเป็นเรื่องหน้าที่และเป็นสิ่งที่เธอสมควรทำ ดังนั้นจึงเหลือเหตุผลอีกเพียงเรื่องเดียวที่มันผิดปกติ นั่นก็คือ...
“ตามคัตซึมาพบฉันเดี๋ยวนี้” โอยามะสั่งออกไปในขณะที่สายตายังคงจ้องมองเอกสารในมือราวกับอยากจะอ่านมันให้ทะลุปรุโปร่ง น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาฟังดูเยียบเย็นกว่าปกติ ซึ่งมันแฝงเอาไว้ด้วยความอันตราย
คิราวะก้มหัวรับคำสั่งก่อนจะรีบเดินออกไปตาม ‘คัตซึ’ หัวหน้าแผนกไอทีของแบล็กสกอร์เปี้ยนในทันที
จากประสบการณ์การทำงานของคิราวะที่ทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้กับโอยามะมานาน มันทำให้เขาพอจะคาดเดาถึงเหตุผลที่โอยามะต้องการจะพบตัวคัตซึได้ตั้งแต่แรก ซึ่งเหตุผลก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการสั่งให้คัตซึตรวจเช็กกล้องวงจรปิดทุกตัวที่ติดตั้งไว้รอบตึกแบล็กทาวน์ เพื่อตามหาตัวเด็กผู้ชายที่เป็นคนนำเอกสารมาส่งให้ริโกะ รวมไปจนถึงการค้นหาเบาะแสอย่างอื่นเพิ่มเติมจากภาพเหล่านั้น
ในห้องประชุม
“ลุกขึ้นริโกะ”
“คือว่า...”
“ฉันสั่งให้ลุกขึ้น” โอยามะย้ำอีกครั้ง ก่อนจะโยนเอกสารในมือลงบนโต๊ะแล้วจ้องมองริโกะด้วยสายตาคมปลาบ ซึ่งถึงแม้ว่าเธอจะลุกขึ้นยืนตัวตรงดิก สองมือประสานกันเอาไว้ด้านหน้าในท่าทีสุภาพเรียบร้อยตามคำสั่งแล้ว แต่จนถึงตอนนี้เธอก็ยังเอาแต่ก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเองอยู่อย่างนั้นเพราะไม่กล้าที่จะเงยหน้ากลับขึ้นมาสบตากับโอยามะแม้แต่เพียงเสี้ยววินาที
“รู้ใช่มั้ยว่าต้องทำยังไง”
“ระ...ริโกะทราบค่ะ” ริโกะบอกตะกุกตะกัก
ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่สองคำสั้นๆ ที่พูดออกไป แต่เธอกลับไม่สามารถควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติได้เลย สองมือที่ประสานกันอยู่ด้านหน้ายังคงจับกันเอาไว้แน่น ฉายชัดได้ถึงความหวาดกลัวต่อสิ่งที่เธอบังเอิญรับรู้เข้าโดยไม่ควร แม้ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
“คัตซึมาแล้วครับ” คิราวะเดินกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับคัตซึที่มีสีหน้าไม่สู้ดีไม่ต่างกัน
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอครับคุณโอยามะ”
“เปิดระบบวงจรปิดรอบตึกให้ริโกะดู”
“ครับ” คัตซึรับคำโดยไม่เอ่ยปากถามอะไรต่อ เพราะไม่ว่าจะในเวลานี้หรือเมื่อไหร่ ความต้องการของคนตรงหน้าก็ต้องมาก่อนคำตอบอื่นใดเสมอ
คิราวะปิดประตูห้องประชุมลงพร้อมกับกดล็อก ในขณะที่คัตซึเดินปรี่ไปนั่งอยู่ด้านหลังคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ด้านหลังห้องประชุม เขารีบจัดการเปิดระบบวงจรปิดทั้งหมดด้วยการเข้ารหัสส่วนตัว จากนั้นก็สั่งแสดงผลบนหน้าจอที่ทุกคนกำลังจ้องมองกันอยู่
ริโกะยังคงยืนตัวตรงดิกอยู่ที่เดิม เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาของเธอจ้องมองไปที่ภาพของตัวเองบนหน้าจอ รวมไปถึงภาพของเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ที่อายุน่าจะประมาณหกถึงเจ็ดขวบที่โอยามะกำลังต้องการตัว!
“เด็กนั่นใช่มั้ยริโกะ”
“ชะ ใช่ค่ะ” เธอตอบตะกุกตะกัก และอดจะลอบมองไปที่คิราวะเพื่อขอความช่วยเหลือไม่ได้ หากแต่สิ่งที่คิราวะแสดงตอบกลับมาคือการส่ายหัวเพื่อปฏิเสธ นั่นหมายความว่าเธอไม่ควรพูดหรือทำอะไรนอกเหนือจากคำสั่ง ซึ่งในเวลานี้ก็คือการตอบคำถามของโอยามะอย่างตรงไปตรงมา แต่จนถึงตอนนี้โอยามะก็ยังคงจ้องมองไปที่ใบหน้าของเด็กผู้ชายคนนั้นอย่างไม่ละสายตา
“ที่จอด้านล่าง ขวามือของคุณโอยามะ จะเห็นว่าเด็กผู้ชายคนนั้นลงมาจากรถยนต์สีดำ ก่อนจะเดินมาเจอคุณริโกะที่หน้าตึกครับ ระยะเวลาห่างกันประมาณยี่สิบนาที”
“ทะเบียน”
“20-46 ครับ เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล” คัตซึรายงานพร้อมกับดึงภาพจากจอเล็กทางด้านขวามือขึ้นจอใหญ่อย่างรู้หน้าที่
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องประชุมอีกครั้งเมื่อทุกคนกำลังช่วยกันสังเกตภาพบนจอเพื่อมองหาเบาะแสหรือตัวคนบงการ หรือก็คือเจ้าของเอกสารที่ยังคงวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าโอยามะ
“เช็กจากทะเบียนรถแล้วครับคุณโอยามะ เป็นรถของ...เอ่อ...กระเรียนทองกรุ๊ป”
คำตอบจากปากของคัตซึทำให้โอยามะกำหมัดแน่น แววตาคมปลาบวาววับขึ้นมาในฉับพลัน
“ริโกะ”
“คะคุณโอยามะ”
“ฉันอยากได้รายงานผลประกอบการของกระเรียนทองกรุ๊ป และรายงานความเคลื่อนไหวของฮิมาวาริในสามเดือนที่ผ่านมา”
“ได้ค่ะ ริโกะจะรีบจัดการให้ค่ะ” ริโกะรับคำสั่งทันที
สิ่งที่โอยามะต้องการไม่ยากเกินกว่าที่เธอจะทำได้ เพราะบ่อยครั้งที่เธอต้องทำรายงานความเคลื่อนไหวของบุคคลที่โอยามะต้องการจับตาดู แต่นั่นก็หมายถึงว่าใครคนนั้นคือคนที่กล้าลองดีกับโอยามะซึ่งมักจะมีจุดจบไม่ดีนัก
“คัตซึ”
“ครับคุณโอยามะ”
“นายช่วยริโกะหาข้อมูลเพิ่มเติม รายงานฉันทันทีที่คิดว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากล ระหว่างนี้เฝ้าระวังทั้งแบล็กทาวน์และแบล็กวิลล์”
“ครับคุณโอยามะ”
“ส่วนคิราวะไปเตรียมรถ ฉันจะไปกระเรียนทองกรุ๊ป”
“ครับคุณโอยามะ” คิราวะรับคำสั่งอย่างแข็งขัน แม้ภายนอกโอยามะจะยังดูนิ่งเฉยแต่คิราวะกลับสัมผัสได้ถึงความมาคุในอกของเจ้านายคนนี้ได้เป็นอย่างดี
ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่เห็นว่าเอกสารที่ริโกะได้รับมาคืออะไร และภายนอกโอยามะจะยังดูเหมือนปกติ แต่ในดวงตาคู่นั้นกลับวาววับอย่างเห็นได้ชัด นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าเขาจะต้องเตรียมตัวเพื่อรับงานหนักอีกครั้ง
ฟุ่บ!
โอยามะลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับยืดตัวเต็มความสูง ทุกคนรีบถอยห่างจากเขาเพื่อเว้นระยะห่างให้เขาได้เดินนำออกไป หากแต่เจ้าของร่างสูงกลับยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ
โอยามะเอื้อมมือกลับไปหยิบเอกสารบนโต๊ะนั่นมาถือเอาไว้ ก่อนที่เขาจะกวาดสายตามองไปที่ทั้งสามคนนิ่งๆ แต่สื่อความหมายว่าต้องการจะย้ำเตือน
“ฉันอยากให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ ห้ามให้คนอื่นรู้เด็ดขาด โดยเฉพาะ...ฮานะ”
น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่กลับแฝงเอาไว้ด้วยความเด็ดขาดทำให้ริโกะถึงกับลอบกลืนน้ำลาย เพราะถ้าพูดกันตามตรง ตอนนี้เธอเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ว่าเอกสารในมือของโอยามะคืออะไร
“ครับ/ค่ะ”
“ถ้ามีอะไรผิดพลาด ฉันจะให้ทุกคนรับผิดชอบร่วมกัน”