ยัยเด็กน้ำฟ้า

2618 Words
ตอน ยัยเด็กน้ำฟ้า “สวัสดีค่ะ” น้ำฟ้าเข้ามาในห้องของผมพร้อมกับความสดใส เธอถือปิ่นโตมาด้วย วันนี้เธอใส่กางเกงขายาวกับเสื้อยืดเหลืองสดใส​ มีกระเป๋าเป้สะพายด้านหลังสีดำ โจเซฟมองเธอแล้วยิ้ม เมื่อเธอดูจะทำตัวสดใสตลอดเวลา ตอนอยู่เกาหลี ผู้หญิงหลายคนที่พบเจอก้มีความสดใจ แต่งตัวน่ารัก ร่าเริง แต่มันไม่เท่าน้ำฟาอย่างไรเล่า เธอเหมือนถูกปรุงแต่งด้วยความร่าเริ่งเอาไว้ตลอด ภาพในหัวของผม... คิดไม่ออกเลยด้วยซ้ำ หากน้ำฟาเสียใจ เธอจะร้องไห้หรือเปล่า ไม่แน่ว่าเธออาจจะหัวเราะออกมาก็ได้ “น้ำฟ้าอายุเท่าไหร่...” ผมถามเป็น​ประโยค​แรก​ และเธอดูตกใจมาก “พูดไทยได้ ไหนคุณท่านบอกว่าพูดไม่ได้ ยังคิดอยู่เลยว่าจำผิดไหมที่เคยได้ยินคุณพูดไทย พูดไทยได้นี่...แล้วทำไมไม่พูด​ แล้ว​ทำไม..... ” “พูดไม่เก่ง..” ผมรีบพูดแทรก รุ้สึกมึนหัวกลับการพูดรัวเร็วของน้ำฟ้า คุณพ่อเชเคยพูดกับผมครั้งหนึ่ง ตอนนั้นมีเพื่อนของคุณพ่อมาเที่ยวที่บ้าน พวกท่านดื่มกันไปพอสมควร ไม่ถึงกับเมา แต่คิดว่าคุณพ่อเชน่าจะมึน ๆ เท่านั้น เพื่อนของพ่อเชเล่าว่า... เมื่อครั้งที่พาอเชไปเมืองไทย จากนั้นก็กลับมาพร้อมกับภรรยาชาวไทย ทุกคนก็คิดว่าสมหวังแล้ว ตอนนั้นผมตกใจและแปลกใจ คำพูดมันดูแปลก ๆ พยายามแยกแยะว่าที่พวกเขาพูดคือความจริง เรื่องเล่น หรือเพราะกำลังเมานะ จนพ่อเชพูดว่า เคยมองหาผู้หญิงหลาย ๆ แบบ หลายประเทศด้วย ผู้หญิงหลายคนอยู่กับความโลภ ไม่ได้รักกันจริง แต่พ่อเชอยากได้ผู้หญิงที่มองข้ามเรื่องพวกนี้ จนไปเจอเพื่อนคนหนึ่งที่มีภรรยาเป้นคนไทย พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้ร่ำรวย แต่พวกเขารักกันดีมาก อยู่ในห้องแคบ ๆ แต่ก็มีความสุข พ่อเชจึงอยากมีความรักแบบนั้นบ้าง จากนั้นก็ปักธงเอาไว้ที่ประเทศไทย คิดว่าจะต้องมีภรรยาเป้นคนไทยที่รักจริงให้ได้ แต่ก็แอบคิดเอาไว้ว่า ผู้หญิงไทยด้วยกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะเหมือนกันไปทุกอย่าง พ่อเชเผื่อใจเอาไว้เสมอ ครั้นเมื่อพ่อเชได้เจอแม่ พ่อเชก็รักแม่ทันที และพ่อเชก็เลือกแม่ตั้งแต่แรกเห็น แม้ว่าแม่จะมีผมอยู่ก่อนแล้ว การที่ผมได้เห็นรอยยิ้มของน้ำฟ้า มันทำให้ผมพุดคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ราวกับจะบอกว่าเธอก็อาจจะเป็นธงเล็ก ๆ ในใจของผม มันก็แค่ความรู้สึกชั่วครู่ที่พุดเข้ามาในหัวเท่านั้น เป็นไปไม่ได้หรอก ตอนนี้ผมยังไม่มีความคิดเรื่องผู้หญิงเลย "เก่ง" เธอเถียง “ร... ชัดเป๊ะๆ ขนาดนี้ ต้องเรียกว่าเก่งแล้วแหละค่ะ” “.....” ผมยิ้ม ก็ผมจะทำอะไรได้มากกว่านี้เล่า เธอนั่งลงกับพื้นขณะที่ผมนั่งบนโซฟา หันมองภายในห้องก็เห็นว่ามีโซฟาว่างอยู่ แล้วเธอจะไปนั่งกับพื่้นทำไมกัน “นั่งกับพื้นทำไม ขึ้นมานั่งดีๆ” “อ้าว...” ทำเสียงเหมือนไม่ใช่เรื่องปกติไปได้ แต่ก็ลืมไปว่า เธออยู่ในบ้านหลังนั้น บ้านที่เหมือนจะมีการแบบยศฐาบรรดาศักดิ์ซะเหลือเกิน เธอก็ยอมนั่งข้างบนดีๆ วันนี้ผมเธอม้วนกลมๆไว้บนหัว และตอนนี้ก็ทำหน้างงใส่ผม​ ดู​แล้ว​น่ารัก​เข้า​กับ​เธอ​ดี “อายุเท่าไหร่...” “18 ค่ะ ปีนี้จะจบม.6แล้ว” เธอดูเด็กกว่าที่ผมคิดเอาไว้มาก เท่ากับเธอห่างกับผมและโจเซฟแค่สามปี “นี่เป็นอาหารฝีมือแม่ อร่อยมาก แม่รู้ว่าทำมาให้ลูกคุณท่าน แม่ตั้งใจทำมาก และยัง..” “เรียนที่ไหน...” โจเซฟมองหน้าผมที่ขัดจังหวะการพูดของเธอ แม้ปกติจะชอบพูดขัดเพื่อน ๆ บ้าง แต่ก้ต้องยอมรับว่าสนิทจริง ๆ เท่านั้น ส่วนน้ำฟ้าเหมือนผมต้องการแกล้งเธอเสียมากกว่า ผนวกกับตอนนี้ต้องการรู้บางเรื่อง จึงทำเป็นไม่สนใจท่าทีของโจจเซฟไปด้วย “เรียนที่โรงเรียนของคุณท่าน ไม่เสียค่าเทอม และก็ไม่เสียค่าชุด และยังมีงานทำด้วย คุณท่านบอกว่าขอแค่น้ำฟ้าตั้งใจเรียน ให้น้ำฟ้าเป็น...” “แล้วจะเรียนอะไรต่อ...” ขัดอีกแล้ว แต่หากไม่ขัดเธอก็จะพูดยืดยาวไปเรื่อย ถามสามคำตอบสามชั่วโมง อันนี้ไม่เกินจริงเลยสักนิด “คุณท่านบอกว่าเรียนเกี่ยวกับโรงแรม แล้วจะให้มาทำงานที่โรงแรมนี้” พูดเก่งขนาดนี้ผมจะให้อยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ แขกที่มาพักคงฟังจนหลับ “คุณท่านดี๊ดีมากเลยนะคะ ทั้งส่งให้เรียน และยังมีงานรอ...” “อยู่กับพ่อเรามานานหรือยัง” แอบเห็นคนถูกพูดขัดถอนหายใจออกมาเบา ๆ แต่เธอทำได้อย่างแนบเนียนมาก ซึ่งน่าแปลก ที่เธอมีความถอนหายใจขณะที่ยังยิ้มได้อยู่ เธอต้องไม่ใช่เด็กปกติแน่ ๆ เลย “ตั้งแต่เกิด แม่บอกว่า...” “หิวข้าวแล้ว” ผมขัดเธออีกครั้ง แต่ครั้งนี้โจเซฟหัวเราะออกมา ก่อนที่เขาจะเดินถือแก้วกาแฟไปอีกด้าน ส่วนน้ำฟ้าก็หยุดพูดและยิ้มแห้งๆ “ยังสงสัยเรื่องไหนอีกไหมคะ น้ำฟ้ายินดีตอบทุก ๆ เรื่องเลยค่ะ” คนตัวเล็กยังไม่วายพูดต่อ สิ่งที่ผมมอยากจะถามลำดับต่อไป ก็คงไม่พ้นคำว่า เมื่อไรเธอจะหยุดพูดนั่นแหละ คนอะไรพูดเก่งได้ขนาดนี้ “ไม่มีแล้ว จะไปกินข้าวได้หรือยัง” “ได้แล้วค่ะ แฮะ ๆ” น้ำฟ้ายิ้มน้อย ๆ ก่อนที่จะถือปิ่นโตออกไปทาง​โต๊ะ​อาหาร​ ...อาหารที่น้ำฟ้าเอามาน่ากินมาก เป็นอาหารไทยที่คุ้นตา ทว่าก็ไม่ได้กินบ่อย ๆ เพราะวัตถุดิและเหตุผลปัจจัยต่าง ๆ หาได้ยาก ชีวิตของผมกลับแม่จึงปรับไปกินอาหารเกาหลีแทน นานครั้งเราจะไปทานอาหารไทย หรือไม่ก็ทำอาหารไทยกินที่บ้าน แต่ก็ต่อเมื่อได้วัตถุดิบที่ดีจริง ๆ พ่อเชค่อนข้างเน้นเรื่อองนี้ ท่านอยากให้ผมกับแม่มีสุขภาพที่ดีนั่นเอ เธอจัดโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ เธอดูเป็นเด็กที่สะอาดสะอ้าน ทำทุกอย่างเรียบร้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทำอยู่ในบ้านคุณพ่อหรือเปล่า ตอนที่ผมมาถึงโรงแรม ทางโรงแรมรู้ว่าผมเป็นลูกคุณพ่อก็ดูแลอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารหรอที่พัก ในความเป็นจริงน้ำฟ้าไม่ต้องเอาอาหารมาให้ด้วยซ้ำ ที่นี่ก็มีมากมายแล้ว น้ำฟ้าตักข้าวให้ผมกับโจเซฟ จากนั้นเธอก็ไปยืนข้างๆ เธอไม่กินข้าวกับเรา แต่ทำไมกันนะ ความรู้สึกของผมมันจึงมีความแตกต่าง ราวกับจะบอกว่า น้ำฟ้าเธอก็อยากจะกินข้าวกับพวกผมด้วยเช่นกัน เพราะครั้งแรกที่เราเจอกัน เธอกินไอศกรีมหรือเปล่านะ? แต่ก็นั่นแหละ มันทำให้ผมถามเธอออกไปว่า “กินข้าวแล้วเหรอน้ำฟ้า” “กินข้าวเหนียวหมูปิ้งตอนขึ้นรถเมล์แล้วค่ะ” ตอบโดยที่สายตายังมองอาหาร และตอบโดยที่ยังมีรอยยิ้ม จะเชื่อดีไหมเนี่ย “อิ่มไหม...” “อิ่ม....ค่ะ” ดูเหมือนเธอจะไม่อิ่ม เพราะเธอพูดว่าแม่เธอทำอาหารอร่อย แต่เธอต้องกินข้าวเหนียวหมูปิ้ง “กินอีกไหม...” “ได้ไหมคะ” น้ำเสียงดีใจมากจนผมแทบจะหลุดขำออกมา “เดี๋ยวพวกคุณกินเสร็จ เดี๋ยวน้ำฟ้ากิน อยากกิน แม่นะตักมาหมดเลยไม่เหลือไว้ให้ลูก แม่น่ะเอาใจแต่คุณๆๆ” “นั่งกินด้วยกัน...” “หูยยยย..ใจดีจัง” และเธอก็วิ่งไปหยิบจานและช้อนอย่างไว ขณะที่ผมกับโจเซฟอดไม่ได้ที่จะยิ้มกับความน่ารักในแบบของเธอ และเธอก็กินข้าวไปพร้อมๆกับเรา เธอรู้มารยาทบนโต๊ะอาหาร แต่เธอกินเก่งมาก กินจนไม่เหลืออาหารบนโต๊ะเลย เหลือเพียงจานเปล่าเลยก็ว่าได้ เธอกินข้าวถึงสองจานพูนที่ไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็กๆกินได้ “โห...แม่นี่เอากับข้าวมาพอดีเลยนะคะ ไม่มีอะไรเหลือสักอย่างเลย พอดีเปะ!!!” “.....” ผมกับโจเซฟยิ้ม ... พอดีตัวเธอซะมากกว่า ++++++++ ในค่ำคืนที่ควรแค่แกการนอนอย่างที่สุด ผมกำลังคิดอะไรบางอย่าง มรดกที่ย่าให้จะจัดการยังไงดี มันอยู่ที่ไทย ขณะที่ตัวผมอยู่เกาหลี การดูแลที่ดีก็ต้องการจัดการด้วยตัวเอง แต่การจ้างคนดูแลแทนก็สร้างความสะดวกสบาย มันก้มีขอดีและขอเสียแตกต่างกันไป ผมจึงพยายามมองหาวิธีการที่ดีที่สุด พร้อมทั้งพยายามศึกษางานไปด้วย ในห้องนอนเวลานี้จึงมีเอกสารทางกฎหมายหลายอย่าง ผมโตที่เกาหลี กฎหมายหลายอย่างใช้ร่วมกันไม่ได้ แต่ก็มีความคล้ายกันได้บ้างเรื่อง ในเมื่อจะได้รับทรัพย์สินก็ต้องพยายามศึกษาอย่างดี “ยังตัดสินใจไม่ได้เหรอ” โจเซฟเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับกาแฟ หันไปปมองก็พบว่าเจ้าตัวกำลังนั่งอยู่บนเตียง มือหนึ่งจับพลิกเอกสารฉบับต่าง ๆ ไปเรื่อย “กำลังคิดอยู่” “ลองไปดูสถานที่ ให้คนที่คุ้นชินช่วยก็ดีนะ” “นั่นก็กำลังคิดอยู่เหมือนกัน” เดินกลับไปหาเพื่อนที่นั่งอยู่บนเตียง เมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ โจเซฟก็ยื่นส่งกาแฟมาให้ โดยที่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา “ไปนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากันต่อ ไม่ได้รีบร้อนอะไรมากอยู่แล้ว แค่ศึกษาเรื่องของกฎหมายเท่านั้นเอง” “อย่าเครียดมากละกัน” “อืม” โจเซฟออกไปจากห้องแล้ว แต่ผมยังกวาดสายตาไปทางเอกสาร จะว่าเครียดก็ไม่ใช่ จะว่าไม่เครียดก็ไม่เชิง ++++++++ ผมช่วยงานพ่อเชที่เกาหลีอยู่บ่อย ทำให้เข้าใจการทำงานต่าง ๆ มากกว่าคนทั่วไป ธุรกิจของพ่อเชมีมาก และท่านก็พยายามแนะนำผมหลาย ๆ เรื่องด้วย การรับโรงแรมและโรงเรียนที่ต้องมาบริหารต่อก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆสำหรับคนอายุ 22 ปีอย่างผม สำหรับคนอื่นการได้อะไรมาง่ายมักไม่รู้จักรักษา แต่ไม่ใช่สำหรับผมกับแม่ เพราะจะให้เทียบจริงๆ การได้มาซึ่งมรดกนี้แลกมาด้วยความรักของคนสองคนที่เป็นพ่อและแม่ที่ต้องแตกแยกกัน ตัวผมเองอยากทำมันออกมาให้ดีที่สุด อย่างน้อยก็เพื่อแม่ แม้ตอนนี้ความรักในใจของแม่จะเปลี่ยนไปจากเดิม มันไปอยู่ที่พ่อเชแล้ว แต่เพราะความทรงจำดี ๆ ความรู้สึกดี ๆ การที่แม่ให้ผมได้หลับมารับมรดกชิ้นนี้ทั้งที่ไม่จำเป็น ผมคิดว่าแม่น่าจะต้องการแบบนี้ ต้องการให้ลูกชายทำทุกอย่างออกมาด้วยดีนั่นเอง ข้อความหนึ่งในจดหมายที่ย่าเขียนให้กับผม แต่ทุกคนเข้าใจว่าผมอ่านภาษาไทยไม่ได้ พ่อจึงอ่านให้ฟังต่อหน้าทุกคน ซึ่งมีใจความว่าย่าเสียใจกับเรื่องราวในอดีต ให้มันเป้ฌนข้อผิดพลาดที่ไม่มีวันย้อนกลับไปแก้ไขได้ และรู้ดีว่าสิ่งมากมายแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง หรือของราคาแพงแค่ไหนที่มอบให้ ก็ทำให้สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นจางหายไปไม่ได้ มันเป็นแผลแห่งความรู้สึก ติดตัวผมที่บิดามารดาแยกทางกัน และติดอยู่ในใจของย่า เมื่อท่านเนสาเหตุของความรู้สึก ...แม่บอกกับผมเสมอว่าทุกการกระทำของอดีตมีเหตุผลของมัน โดยมีโชคชะตะและเวรกรรมเป็นตัวกำหนด แม่ให้ผมคิดว่านั่นคือกรรมเก่า ที่เราสมควรที่จะชดใช้ แม่ผมเป็นคนดี และน่ารักเสมอ แม่ไม่เคยว่าร้ายคุณย่าสักครั้ง ที่ผมรู้มาก็ได้ยินจากคนอื่น ๆ ทั้งหมด “โรงแรมนี้มีการบริหารที่ดี ไม่ต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยก็ว่าได้ นายอยากดูเกี่ยวกับที่โรงเรียนไหม เราจะติดต่อให้” โจเซฟพูดขณะที่ผมกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว ผมหันไปมองหน้าเพื่อนแล้วเหมือนจะคิดอะไรได้บางอย่าง ความจริงเราอาจไม่ต้องหาใครก็ได้ เพราะว่ามีคนที่สามารถช่วยได้อยู่แล้ว “น้ำฟ้า...” ผมเรียกขณะที่เธอกำลังเขียนอะไรบางอย่างลงในสมุด เธอเงยหน้าขึ้นมาและยิ้มมายังผมและโจเซฟเป็นสิ่งแรก “คะ” “ทำอะไร” “วาดรูปค่ะ” ไม่เพียงพูดเปล่า เมื่อเจ้าตัวผลิกรูปที่วาดเอามาให้ดูด้วย “สวยไหม” รูปที่เธอหันมาเป็นรูปผมที่กำลังนั่งไขว่ห้าง มีโจเซฟยืนอยู่ข้างๆ จากรูปที่วาด ในสายตาของผมก็ยังไม่จัดว่าสวย แต่ก็ไม่จัดว่าแย่ ประเด็กสำคัญคือ นี่มันกิจกรรมยามว่างของเด็กส่งกับข้าวอย่างน้ำฟ้าหรือ นี่เธออายุสิบแปดจริงใช่ไหม “วาดรูปสวย หัดอีกหน่อยมืออาชีพเลยนะน้ำฟ้า..” “จริงเหรอคะ น้ำฟ้าชอบวาดรูป แม่กับพ่อบอกว่าถ้าทำอะไรที่ตั้งใจจะทำออกมาได้ดี นี่ตั้งใจวาดมากเลยนะคะ ให้ค่ะ....” “.......” ผมมองกระดาษตรงหน้า เธอให้กับผมงั้นเหรอ ผมรับมันอย่างงงๆ “อยากได้งานทำไหม” “ยากไหม.. ถ้าไม่ยาก อยากทำ” “พาเรากับโจเซฟทัวร์โรงเรียนและโรงแรม” "ทำ!!" หลังจากที่เธอรับปากจะทำ เราก็เริ่มกันที่โรงแรมที่เธอพาเดินและแนะนำเจื้อยแจ้วราวกับเป็นพนักงานที่นี่เลยก็ว่าได้ ข้อมูลถูกหรือเปล่าไม่รู้แต่มันทำให้ได้ดูอะไรรอบๆโดยไม่ใช่คนในพาเดิน ...จนเราเดินมาถึงโซนต้อนรับที่มีชายคนหนึ่งหน้าตาหล่อเหลายิ้มมายังน้ำฟ้า “แฟนเหรอ..” “ไม่ใช่ค่ะ พี่ฐาเป็นสุดหล่อประจำโรงแรมเราค่ะ หน้าก็หล่อ ใจก็หล่อค่ะ..” เธอยิ้ม แต่ผมดูออกว่านั้นไม่ใช่ยิ้มของความเขิน “นั่นไงภรรยาพี่ฐา....” “......” เธอชี้ไปยังผู้หญิงคนหนึ่งที่ค่อนข้างที่จะอ้วนมาก พอผู้หญิงคนนั้นเดินมาผู้ชายที่ชื่อฐาก็เข้าไปกอดอย่างรักใคร่ ดูแล้วทั้งสองคนจะรักกันมาก “พี่ฐามีผู้หญิงมาจีบเยอะมากกกกก แต่พี่ฐารักเดียวใจเดียว สาวๆแถวนี้เขายอมกันหมดค่ะ” “เธอเลยชอบ....เขา” “ชอบความหล่อที่ใจค่ะ สุดยอด พี่ฐาบอกว่าตอนคบกันใหม่ๆฐาโดนรถชน ทำงานไม่ได้ประมาณหนึ่งปี แฟนพี่ฐาไม่เคยทิ้งและทำงานหาเลี้ยงพี่ฐาไม่เคยบ่น พอได้ทำงานสร้างฐานะด้วยกันพี่ฐาจึงไม่คิดที่จะทิ้งไป เป็นไงคะ...หล่อมากกกก” ผมและโจเซฟได้แต่ยิ้มๆ ตลอดทางเธอก็พาพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องตลอดทางอยู่แล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD