ห้าชั่วโมงผ่านไป
หลังจากที่คาเทียร์เฝ้าสังเกตอาการของตนเองห้าชั่วโมงผ่านไปเธอก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติในร่างกาย ความร้อนวูบวาบกำลังแทรกขึ้นมาแทนความสงบนิ่งก่อนหน้านี้ การที่ตนเป็นหญิงสาวพรหมจรรย์ก็ใช่ว่าจะไม่รู้อาการโหยหาความใคร่ในร่างกายนั้นเป็นเช่นไร
หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบๆโรงรถด้วยแววตาหวาดวิตกเพราะกลัวว่าจะมีคนเดินเข้ามา ทว่าทุกอย่างกลับเหมือนถูกวางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อโคลินเปิดประตูเดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าที่เคยเรียบเฉยทว่าตอนนี้กลับกระตุกยิ้มท่าทางเหยียดหยัน
"อาการมันเป็นยังไง พอจะอดทนได้มั้ย?" มาเฟียหนุ่มเอ่ยถามขึ้น
"ออกไป! อย่ามายุ่งกับฉัน" คาเทียร์เบือนหน้าหลบสายตาของเขา ในขณะเดียวกันก็มีบอดี้การ์ดเดินเข้ามาสมทบอีกสองคน
"หึ! พูดคำนี้แสดงว่าแทบจะทนไม่ได้แล้วสินะ อยากได้บอดี้การ์ดคนไหนล่ะ ฉันให้เธอเลือกเอามาแก้ขัดไปก่อน อย่างน้อยก็พอจะช่วยให้ฤทธิ์ยามันค่อยๆจางหายไปบ้าง" เขาเหยียดยิ้มมุมปากอีกครั้ง
ร่างสูงกำยำเดินตรงเข้ามาหาคนตัวเล็กที่นั่งคุกเข่าโดยที่มือทั้งสองข้างยังคงถูกแขวนลงมาด้วยโซ่ตรวน
"เธอรู้ใช่มั้ย ว่าฉันปราณีเธอมากแค่ไหน ฉันไม่ฆ่าเธอทิ้งก็ดีเท่าไหร่แล้ว"
"ปล่อยฉันไป!"
"ทำไมฉันถึงต้องปล่อยเธอไปง่ายๆในเมื่อเธอทำงานของฉันพังและเสียหายเป็นสิบๆล้าน ลูกค้าของฉันยกเลิกงานที่ยังไม่ส่งอีกหลายงาน ยาที่ฉันคิดค้นขึ้นมามันก็กำลังจะถูกปฏิเสธจากลูกค้าอีกหลายๆรายเช่นเดียวกัน ทั้งหมดนี่ก็เพราะการกระทำโง่ๆของเธอ"
"ฉันมีความลับจะบอกแก"
"หึ! ความลับอะไร?"
"แกต้องปล่อยฉันไปก่อน!"
"พูดอะไรโง่ๆอีกแล้วนะ ลองบอกมาก่อนสิ เผื่อว่ามันจะมีประโยชน์พอที่จะปล่อยเธอไปได้" เขากดเสียงต่ำและจ้องมองหญิงสาวด้วยแววตาอาฆาตแค้น
"ในมือถือของฉัน สามารถตามจีพีเอสของรถคันที่ช่วยฉันหนีออกมาได้ ผู้ชายคนนั้นจับผู้หญิงสองคนไป" โคลินฟังเช่นนั้นแล้วก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปหาบอดี้การ์ดหนุ่ม
"ไอ้มอริส เอามือถือของมันมา" โคลินเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์มือถือมาจากมอริส วินาทีนี้คาเทียร์จำใจต้องบอกออกไปเช่นนั้นเพราะเหตุผลที่เธอยังคงหวงแหนความบริสุทธิ์ของตนเองอยู่ แม้ว่าจะไม่มีทางรู้เลยว่าเธอจะรอดหรือไม่รอดจากเงื้อมมือมัจจุราชเช่นโคลินทว่าก็จำใจต้องยอมเสี่ยง อีกอย่างก็รู้ดีอยู่แล้วว่าระดับตำรวจสากลจะต้องมีวิธีรับมือกลุ่มมาเฟียเป็นแน่
โคลินเปิดดูตำแหน่งที่จอดรถยนต์คันที่คาเทียร์แอบทำเครื่องติดตามหล่นไว้ในรถก็รู้สึกแปลกใจ หากมันเป็นสถานที่ใดสถานที่หนึ่งในกรุงเทพมหานครเขาคงไม่แปลกใจ ทว่าตำแหน่งของรถยนต์คันนี้กลับจอดอยู่ที่สถานที่ซึ่งเขาคุ้นเคยดีเป็นอย่างยิ่ง
"มึงคิดว่าที่นี่คือคฤหาสน์ของไอ้คาลล์หรือเปล่า?" โคลินยื่นโทรศัพท์มือถือให้มอริสดูเพื่อยืนยันตำแหน่ง
"ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ที่นี่คือคฤหาสน์ของคาลล์ วิลสัน" บอดี้การ์ดหนุ่มยืนยัน
"ใครคือคาลล์ วิวสัน?" คาเทียร์เอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะพวกเขามีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อเอ่ยถึงบุคคลที่สาม
"แล้วไอ้คนที่พาผู้หญิงหนีไปมันเป็นใคร?" หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจที่จะพูดความจริงออกไป
"เขาเป็นตำรวจสากล"
"แล้วตำรวจสากลมันพาผู้หญิงไปหาไอ้คาลล์ทำไม?"
"แล้วไอ้คาลล์มันคือใครล่ะ?" คาเทียร์ตะคอกเสียงถามด้วยความหงุดหงิดเพราะดูเหมือนฤทธิ์ยากำลังเล่นงานเธออย่างหนัก
"มันเป็นมาเฟียตัวร้ายกาจที่เพิ่งกลายเป็นศัตรูของฉัน" โคลินกดเสียงต่ำและยังมีแววตาเกรี้ยวกราดราวกับสัตว์ร้าย
"หมายความว่า...ผู้หญิงสองคนนั้นถูกตำรวจสากลพาไปหาคาลล์" หญิงสาวพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์
"งานกูพังเพราะแผนของไอ้คาลล์นี่เอง" แววตาร้ายกาจของโคลินฉายแววออกมาชัดเจน เขากำลังโกรธจัด
"งั้นก็แปลว่าตำรวจสากลคนนี้ก็กำลังทรยศองค์กรสิครับ" มอริสพูดเสริมขึ้น
"พวกมึงออกไปให้หมด!" มาเฟียหนุ่มออกคำสั่งพร้อมกับจ้องมองมายังคาเทียร์ บอดี้การ์ดทุกคนเดินออกจากโรงรถไปและปิดประตูมิดชิด
"แกจะทำอะไร?" ร่างสูงกำยำเดินตรงเข้ามาหาหญิงสาว เขาประคองให้ร่างอรชรยืนขึ้นและจัดการกับโซ่ตรวนจนมันตึงเพื่อไม่ให้เธอนั่งลงได้อีกครั้ง
"กรี๊ดดดด! ไอ้คนเลว" หญิงสาวกรีดร้องออกมาเมื่อโคลินกระชากเสื้อเชิ๊ตของเธอออกจนขาดวิ่น จากนั้นมือหน้าจึงขยับขึ้นมาปลดตะขอบราเซียออกจนเผยให้เห็นหน้าอกอวบใหญ่
"หึ! นมใหญ่นี่" เขาเหยียดยิ้มมุมปากพร้อมกับนวดคลึงเต้านมอวบใหญ่ทั้งสองข้าง
"ได้โปรด อย่าทำแบบนี้ ฮือ..." หญิงสาวร่ำไห้ออกมาเพราะความรู้สึกว่าร่างกายกับคำสั่งการของสมองกำลังสวนทางกัน
โคลินเอาแต่จ้องมองเรือนร่างงดงามเกินต้านทานอยู่เช่นนั้นก่อนจะขยับมือลงมาเพื่อถอดกางเกงยีนส์ของคาร์เทียออกจนเรือนกายอรชรเปลือยเปล่า
"กรี๊ดดดด!" เสียงกรีดร้องดังลั่นออกจากโรงรถไปจนถึงหูบอดี้การ์ดหลายคนที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอก ความโหยหาและความรู้สึกอับอายกำลังแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของคาเทียร์ในเวลาเดียวกัน
โคลินล้วงถุงยางอนามัยออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ จากนั้นชายหนุ่มจึงปลดกระดุมกางเกงของตนเองและดึงมันลงไปไว้เหนือเข่า มือหนากุมแก่นกายแข็งชันขนาดใหญ่ของตนเองและชักรูดมันขึ้นลง จากนั้นจึงฉีกซองถุงยางอนามัยเพื่อสวมเครื่องป้องกันเข้ากับความใหญ่โตนั้น
ร่างสูงกำยำเดินเข้ามาแนบชิดกายบอบบางอรชรของคาเทียร์ เขาเอื้อมมือไปแตะสัมผัสจุดบอบบางที่เธอพยายามหนีบเรียวขาเข้าหากันเพื่อซ่อนมันไว้ให้มิดชิดที่สุด หญิงสาวเบือนหน้าหนีเพราะความรู้สึกอับอายและร่ำไห้ออกมา
"ทีแรกฉันก็ว่าจะให้บอดี้การ์ดสนองความต้องการของเธอ แต่บังเอิญว่าฉันไม่ได้เอาผู้หญิงมานานแล้ว ฉันก็เลยจะใช้เพื่อสนองตัณหาของฉันเอง" โคลินพูดเท่านั้นก็ขยับวงแขนกำยำของตนเองลงไปจับต้นขาของเธอแยกออกจากกัน จากนั้นจึงช้อนขาเรียวทั้งสองข้างขึ้นมาพาดไว้บนลำแขนแกร่งของตนเอง
"พันขาของเธอไว้รอบเอวฉันถ้าไม่อยากเจ็บตัวมากกว่านี้!" เขาออกคำสั่ง แม้คาเทียร์จะพยายามปฏิเสธความโหยหาในร่างกายของตนเองทว่าเธอกลับยอมทำตามคำสั่งของเขาอย่างง่ายดาย
"ได้โปรด อย่าทำอะไรฉันเลยนะ!" แก่นกายแข็งชันเสียดสีอยู่ตรงบริเวณโพรงเนื้ออุ่นที่กำลังเปียกแฉะ
"บอกมาสิว่าเธอโหยหาเซ็กส์ขนาดไหน!"
"อึก เพราะยายรกของแกต่างหาก ฮือ...อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันขอร้อง" โคลินหรือจะฟังคำร่ำร้องน่ารำคาญนั้น เขาโน้มใบหน้าลงมาตะโบมดูดดุนเต้านมอวบอิ่มทั้งสองข้างในขณะที่หญิงสาวเริ่มรู้สึกเจ็บข้อมือมากขึ้นเพราะถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่ตรวน
"อื้อ...ได้โปรด" โคลินขยับมือหนาลงมาประคองแก่นกายของตนเองถูไถและพยายามเบียดแทรกความใหญ่โตเข้าไปในช่องรักคับแคบ ทว่าเขากลับรู้สึกได้ถึงความยากลำบากที่จะผ่านความคับแน่นนั้นเข้าไปจนหงุดหงิดใจ
"เข้ายากชิบหาย หึ!" เขาเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน
"ได้โปรด อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันขอร้อง จะให้ฉันทำอะไรก็ได้แต่อย่าทำอะไรแบบนี้กับฉันเลย ฮืออ..." หญิงสาวขอร้องอ้อนวอนและร่ำไห้ออกมา
"อย่าพูดคำที่มันน่ารำคาญต่อหน้าฉัน ไม่เช่นนั้นเธอจะเจ็บตัวมากกว่าได้ร้องครวญคราง!" เขากดเสียงต่ำว่าให้คนตรงหน้า