2 (2/2)

3566 Words
                ค่ำคืนนี้เราอาจพูดคุยกันบ่อยก็จริง แต่ในความจริงเรารู้จักกันแค่ผิวเผินเท่านั้น รู้จักกันแค่ว่าคุณภาสกรเป็นเจ้านายและธนภัทรเป็นลูกน้อง                 “คุณภาสกรนอนก่อนเลยก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมจะอาบน้ำก่อน”                 “ครับ....ว่าแต่ผมชาร์ตแบตที่ห้องคุณได้ใช่ไหม?”                 “ได้ครับ สายชาร์ตอยู่หัวเตียง”                 “ขอบคุณครับ”                 เมื่อไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ภัทรจึงขอตัวเข้าห้องน้ำเพื่อไปจัดการธุระของตัวเองต่อ หลังพ้นสายตาของคุณภาสกรมาได้ เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เหมือนยกภูเขาออกจากอกยังไงไม่รู้                  ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา หลายครั้งที่ภัทรเกิดอาการเกร็งตัวอัตโนมัติ ยามที่คุยกับคุณภาสกร ยามที่ภัทรถูกคุณเขาจ้องตา บ่อยครั้งที่ภัทรมักจะลืมสิ่งที่ตัวเองจะพูด ภัทรไม่เคยเกิดอาการแบบนี้กับใคร กับคนอื่นที่เพิ่งรู้จักกันใช้เวลาเพียงไม่นาน เขาก็สามารถสนิทสนม สนทนาได้อย่างลื่นไหลแล้ว แต่กับคุณภาสกรกลับไม่ใช่เช่นนั้น                 แม้บทสนทนาระหว่างเราในร้านคาราโอเกะจะค่อนข้างลื่นไหล แต่พอมาคุยกันข้างนอก ภัทรก็ยังเกร็งเหมือนเดิม เหมือนตอนที่เราทำความรู้จักกันแรก ๆ                 ธนภัทรมองตัวเองในกระจกนานเกือบห้านาที ก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดเพี้ยน ๆ ออกจากหัว ต้องยอมรับว่าตอนเห็นคุณภาสกรนั่งอยู่บนเตียง ร่างกายของคุณเขาอยู่ในชุดนอนที่เป็นของภัทร จิตใจเขาไม่บริสุทธิ์เอาเสียเลย มันชวนให้คิดถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ควรคิด                 ภัทรใช้เวลาเกือบสิบห้านาทีในการอาบน้ำจัดการตัวเองให้เรียบร้อย เขาออกมาในชุดพร้อมนอน ภัทรโยนผ้าเช็ดตัวใส่ตะกร้าซัก แล้วคว้าผ้าผืนเล็กอีกผืนมาเช็ดผมตัวเองที่กำลังเปียกอยู่ ตั้งใจว่าพอผมหมาด ๆ แล้ว เขาจะเข้านอนเลย ถึงผมผู้ชายจะแห้งเร็วกว่าผู้หญิง แต่ภัทรขี้เกียจรอแล้ว ได้นอนสักสองชั่วโมงก็ยังดีกว่าไม่ได้นอน                 “ภัทร....นี่ของคุณเหรอ”                   ขณะที่ภัทรกำลังตั้งหน้าตั้งตาเช็ดผมเผ้าตัวเองอยู่นั้น คุณภาสกรก็ถามอะไรบางอย่าง ทำให้เขาหันไปตามเสียงเรียก หัวใจภัทรถึงกับกระตุกวูบ เมื่อเห็นว่าในมือของคุณเขากำลังถืออะไรบางอย่างอยู่ ภัทรเปิดตากว้างเล็กน้อย แสดงอาการลนลานออกมา หลังหลักฐานชิ้นโตที่คิดว่าเก็บใส่ตู้สะสมไว้หมดแล้ว กำลังอยู่ในมือคุณเขา!                 ถุงน่องลายลูกไม้ข้างหนึ่งกำลังอยู่ในมือคุณภาสกร!                 “อ—เอ่อ.....” อาการน้ำท่วมปากพูดไม่ออกมันเป็นเช่นไร ภัทรก็เพิ่งเข้าใจวันนี้                 ภัทรไม่รู้ว่ามันหลุดรอดสายตาเขาไปได้ยังไง แล้วทำไมคุณภาสกรถึงไปเจอมัน แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้คุณภาสกรกำลังมองถุงน่องลายลูกไม้ของเขาอย่างพินิจพิจารณา ในขณะที่ภัทรเองก็ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ยังทำตัวไม่ถูก สมองหยุดประมวลผลชั่วคราว                 ยิ่งเห็นนิ้วยาวของคุณเขากำลังสัมผัสกับเจ้าถุงน่องลายลูกไม้ที่มีรูปดอกกุหลาบปักอยู่อย่างแผ่วเบา มิหนำซ้ำยังเอานิ้วถูวน ๆ ตรงลายปักนั่นอีก ยิ่งทำให้ภัทรลนลาน ไม่รู้จะแก้ต่างให้ตัวเองอย่างไร                 “ดูท่าน่าจะขาดง่าย....สั่งมาจากเว็บจีนเหรอครับ” คุณเขาถามต่อหน้าซื่อ ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา นอกจากจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราวกับเรากำลังคุยเรื่องฝน ฟ้า อากาศกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้คนมีความลับอย่างภัทรรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด                 “ไม่ใช่ของผมนะครับ!” ภัทรโพล่งออกไป เขาไม่ว่าเปล่า แต่รีบลุกขึ้นไปแย่งหลักฐานชิ้นโตของตัวเองออกมาจากมือของคุณเขาโดยพลัน                 “เอ่อ...เดิมทีห้องนี้เป็นห้องพี่สาวของผม ตอนที่เธอย้ายไป เธอน่าจะลืมเก็บไปด้วย”                 หลังรู้ตัวว่าตัวเองกำลังแสดงพิรุธออกมา ธนภัทรก็รีบโกหกคำโตต่อ พยายามทำตัวให้นิ่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขาเป็นคนโกหกไม่เก่ง แม้แต่เด็กก็ยังดูออก เวลาโกหกเขามักจะไม่ค่อยกล้าสบตากับคู่สนทนา ดูลุกลี้ลุกลนไม่เป็นตัวเองครั้งนี้ก็เช่นกัน                 “อ๋อครับ....น่าเสียดายจัง ผมก็นึกว่าคุณชอบลูกไม้เสียอีก”                 “ทำไมเหรอครับ” ธนภัทรถาม                 “ผมเคยศึกษาเรื่องผ้าลูกไม้มาบ้าง น่าจะแลกเปลี่ยนความรู้พวกนี้กับคุณได้” คุณภาสกรพูดพลางอมยิ้มเล็กน้อยและยิ่งคุณเขายิ้มนี่แหละ ยิ่งทำให้ภัทรรู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัย                 “......”                 “แต่คุณไม่ได้ชอบลูกไม้ใช่ไหมครับ” คุณเขาถามให้แน่ใจอีกครั้ง                 “ผมไม่ได้ชอบครับ! อันนี้เป็นของพี่สาว” ภัทรว่าด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม้ในความจริงเขาจะตาลุกวาวตอนได้ยินว่าคุณภาสกรบอกว่าเคยศึกษาเรื่องผ้าลายลูกไม้มาบ้างก็ตาม                  หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ ภัทรคงจะหัวใจพองโตมาก เพราะนาน ๆ ทีถึงจะมีคนคุยเรื่องผ้าลายลูกไม้กับเขา อีกฝ่ายคงศึกษามาจริง ๆ ถึงรู้ว่าถุงน่องลูกไม้ชิ้นนี้ผลิตมาจากไหน ภัทรจำได้ว่าเขาสั่งมาจากเว็บจีน เพราะเห็นรูปในอินเทอร์เน็ตแล้วมันสวยดีเลยลองสั่งมา เขาเคยลองเอามาใส่เพื่อลงรูปในทวิตเตอร์อยู่สองสามครั้งแล้วก็ไม่ได้ใส่อีก       ผ้าลูกไม้แต่ละที่จะไม่เหมือนกัน หากคนที่อยู่ในแวดวงผ้าลูกไม้มานาน แค่ได้สัมผัสแล้วสังเกตลวดลายก็รู้แล้วว่าแต่ละชิ้นผลิตมาจากที่ไหน เพราะแต่ละที่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว                 “แล้วคุณภาสกรไปเจอมันที่ไหนเหรอครับ” ภัทรถามต่ออย่างสงสัย เขาเช็กหมดแล้วนี่ว่าไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้ในห้อง แต่ทำไมคุณเขาถึงยังเจอมันอีก                 “ตอนที่ผมจะโน้มตัวไปชาร์จแบตโทรศัพท์ เหลือบไปเห็นว่ามันตกอยู่หลังตู้ข้างหัวเตียงคุณพอดี”                 “อ—อ๋อ งั้นก็ขอบคุณครับ พี่สาวผมหาถุงน่องอีกข้างอยู่ตั้งนาน” ภัทรว่าต่อ พยายามทำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด แต่ก็ยังไม่กล้าสบตากับคุณเขาอยู่ดี                 “......”                 “ผมคิดว่าตัวเองผมง่วงแล้ว” ภัทรว่าเสียงแผ่ว หลังทำทีเดินเอาถุงน่องไปเก็บที่ชั้นล่างของตู้เสื้อผ้าแล้วก็เอาผ้าเช็ดผมไปตากไว้ให้เรียบร้อย                 เขาแสร้งทำตาปรือคล้ายคนง่วงนอนเต็มที ก่อนจะเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อขึ้นเตียง ภัทรให้คุณภาสกรนอนฝั่งข้างประตูห้องเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ชาร์จแบต                 ภัทรไม่อยากอยู่ให้คุณเขาซักถามนานกว่านี้อีกแล้ว เพราะยิ่งเขาพูดมากแก้ต่างให้ตัวเองมากเท่าไร เขาก็ยิ่งแสดงพิรุธออกมามากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วคุณภาสกรก็อาจจะจับได้ว่าเขากำลังโกหกอยู่ เมื่อภัทรนอนหันหลังให้กับคุณภาสกร คุณเขาก็ถามต่อ                 “งั้นผมปิดไฟหัวเตียงเลยนะ”                 “ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ” ภัทรตัดบท                 เขาข่มตาลงพร้อมกับอาการใจเต้นแรง จริง ๆ ในตอนแรกก็ง่วงจนตาจะปิดนั่นแหละ แต่พอคุณเขาเจอหลักฐานชิ้นใหญ่ของตัวเองเข้า อาการง่วงในตอนแรก็หายเป็นปลิดทิ้ง  แม้กระทั่งตอนนี้หัวถึงหมอนแล้ว แต่ภัทรกลับไม่สามารถหลับได้ ยังร้อนตัวกับเรื่องเมื่อกี้อยู่ ความกังวลกำลังเล่นงานภัทรเข้าอย่างจัง เขากังวลว่าคุณภาสกรจะจับได้ จะรู้ภัทรพูดปด                 ต่างฝ่ายต่างนอนหันหลังให้กัน แต่ไม่หลับกันทั้งคู่ ความเงียบและความมืดปกคลุมรอบตัวเรา ยังคงมีเสียงฝนเป็นฉากหลัง ไม่ให้ภายในห้องนอนเงียบจนเกินไป                 ภัทรรู้สึกว่าคุณเขาขยับตัว พลิกไปมาตอนอยู่ตลอดเวลาเหมือนคนนอนไม่หลับ แต่เขาก็ไม่ได้หันกลับไปมอง ในขณะเดียวกันภัทรก็ลืมตามองกำแพงห้องตัวเองอย่างเงียบ ๆ แล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก่อนที่เขาจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาหลังเห็นว่ามีการแจ้งเตือนจากโลกทวิตเตอร์ซึ่งน่าจะมาจากคนที่เขากำลังติดตามอยู่                 “หายไปจากหน้าฟีดเลยนะครับ”                 “คุณอยู่หรือเปล่า?”                 “ตอนนี้ผมนอนไม่หลับ”                 ภัทรถึงกับคลี่ยิ้มออกมาอัตโนมัติหลังเห็นว่าเป็นการแจ้งเตือนจากใคร โดยปกติแล้วเขาตั้งค่าปิดการแจ้งเตือนเอาไว้ มันจะเด้งขึ้นหน้าจอก็ต่อเมื่อเป็นการแจ้งเตือนจากคนที่เขากำลังติดตามอยู่เท่านั้น ถ้าคนที่ภัทรไม่ได้ติดตามกลับก็จะไม่แจ้งเตือน                 “บังเอิญจังเลยครับ”                              “ผมก็นอนไม่หลับอยู่พอดี”                                    ภัทรไม่รีรอที่จะตอบกลับคุณพีไป รอเพียงไม่นานนักอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาอีก                 “คุณกำลังทำอะไรอยู่?”                 “กำลังนอนอยู่บนเตียงครับ”                                 “คิดเรื่องเครียดอยู่พอดี”                                       “คุณล่ะ?”                                               “กำลังนอนดูรูปที่คุณเคยถ่าย ๆ ส่งมาให้ผมดู”                 “แค่นอนดูเหรอครับ”                              “เปล่าครับ...”                 “ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้นะว่าผมกำลังทำอะไรไปด้วย ขณะที่ดูรูปคุณ”                 ภัทรอ่านทวนประโยคล่าสุดจากคุณพีซ้ำอีกครั้ง ความกังวลในโลกของความจริงหายไปชั่วคราว เมื่อความรู้สึกร้อนวูบวาบจากคนในโลกออนไลน์กำลังเข้ามาแทนที่                 นานมากแล้วที่เราไม่ได้คุยเรื่องทำนองนี้กัน เพราะปกติเรามักจะคุยกันเรื่องผ้าลายลูกไม้กันมากกว่าจะคุยเรื่องใต้สะดือ นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ภัทรคุยกับคุณพีมากกว่าคนอื่น ๆ  เพราะอีกฝ่ายไม่เจาะจงที่จะคุยเรื่องลามกกับเขามากเกินไป นาน ๆ ทีมีหน                 “ลามกจังครับ”                                       “ขอโทษครับ”                 “ถ้าคุณรู้แบบนี้ คุณรู้สึกอึดอัดกับผมหรือเปล่า”                 “บอกผมได้นะ ผมจะไม่พูดอีก”                 คราวนี้ภัทรถึงกับฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟัน หลังเขาสัมผัสได้ถึงการแคร์ความรู้สึกของคู่สนทนาของคุณพี นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ภัทรคุยกับคุณพีมากกว่าใคร                                            “ไม่ครับ ผมไม่รู้สึกอึดอัดอะไร”             “นาน ๆ ทีเราถึงคุยเรื่องแบบนี้กัน อีกอย่างคุณก็ไม่ได้ส่งรูปแปลก ๆ เหมือนคนอื่นทำด้วย”                             “ยังคุยต่อได้อยู่ครับ แต่อย่าส่งรูปแบบที่คนอื่นส่งมาก็พอ”                                 ภัทรพิมพ์ตอบกลับไป สิ่งเดียวที่เขาจะขอจากคุณพีก็คือเรื่องนี้จริง ๆ เพราะขนาดภัทรล็อกแอคแล้ว ในแต่ละวันยังมีพวกแอคที่ชอบส่งรุปอวัยวะเพศมาทักทายอยู่เรื่อย บางวันก็ส่งมาสองสามคน บางวันเขาลงรูปก็มีส่งหลังไมค์มาเกือบสิบคน ส่งมาให้ทั้ง ๆ ที่ไม่ถามเขาสักคำว่าเขาอยากเห็นมันหรือเปล่า                 ภัทรทำอะไรไม่ได้นอกจากกดบล็อกเท่านั้น ช่วยไม่ได้....เขาตัดสินใจเปิดบัญชีผู้ใช้นี้เอง ไหนจะลงภาพสุ่มเสี่ยงอีก ก็ต้องทำใจว่าต้องเจอคนจากโลกออนไลน์ทำนองนี้อยู่แล้ว แต่บางครั้งวันไหนที่ภัทรอารมณ์ไม่ดี ก็มีการตอบกลับไปบ้าง ทำนองว่าของลับเล็กกว่าเจ้าของแอคลูกไม้ป่าอย่างเขา ทำให้พวกที่ชอบส่งของลับให้คนอื่นรู้สึกเสียความมั่นใจเล่น ๆ                 “โอเคครับ”                 “จะไม่มีการส่งอะไรแบบที่คุณกลัว”                 “เราลองคุยกันแบบ Dirty talk ดูไหมครับ”                 “ผมไม่เคยคุยทำนองนี้นะครับ”                            “แต่ก็อยากลองอยู่เหมือนกัน”                              ภัทรตอบกลับไป เขาตื่นเต้นเพราะกำลังจะได้ลองอะไรที่ไม่เคยทำ ยิ่งฝนกำลังตกแบบนี้ ยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศได้ดี                 ภัทรพอจะรู้ว่าการพูดคุยแบบDirty talk คืออะไร Dirty talk ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บ้างก็คุยเชิงหยอกล้อ แซว ๆ กัน พูดเรื่องลามกให้พอขำขันเท่านั้น หากจริงจังหน่อยก็อาจจะคุยแบบสร้างอารมณ์ผ่านตัวอักษรให้คู่สนทนาเกิดความต้องการในเรื่องอย่างว่า ซึ่งเขาและคุณพีจะคุยกันแบบไหน ก็แล้วแต่อีกฝ่ายจะเลือกมา                 “คุณพีเริ่มก่อนสิครับ”           “ผมอยากลองแล้ว”                                “ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในชุดแบบไหนเหรอ”                 “อยู่ในชุดผ้าลูกไม้ครับ ลายดอกเดซี่ที่คุณเคยซื้อให้เมื่อนานมาแล้ว”                                “ผมอยากจะบอกว่า มันบางจนแทบปกปิดอะไรไม่ได้เลยครับ”                         “แถมนอนคนเดียวด้วย”                        ภัทรพิมพ์ไปโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน ใช่....ภัทรโกหก เขาไม่ได้นอนคนเดียว คุณภาสกรกำลังนอนอยู่ข้างกาย เราต่างนอนหันหลังให้กันและกัน                 ภัทรไม่ได้รู้สึกผิดอะไรกับการที่ตัวเองพูดปด นี่มันโลกออนไลน์ เขาไม่จำเป็นต้องพูดความจริงทั้งหมดก็ได้และสิ่งที่คุณพีพูดมาก็ใช่ว่าจะเป็นความจริงทั้งหมดเสียหน่อย                 “ตัวนั้นผมซื้อมาจากอิตาลี ทันทีที่เห็นก็รู้เลยว่ามันเหมาะกับคุณ”                 “ว่าแต่ทำไมคุณถึงใส่ชุดแบบนั้นนอนครับ” “จริง ๆ ผมก็ไม่ได้คลั่งจนถึงขั้นต้องใส่นอนหรอกนะครับ”                 “แต่ผ้ามันบาง ใส่แล้วหลับสบายดี”                 “จะว่าก็ว่าเถอะ เห็นบาง ๆ แต่ผ้าแข็งแรงมากเลยนะครับ ยืดหยุ่นดีด้วย”                 “ขนาดผมนอนถ่าง มันยังไม่ขาดเลย”                 หลังจากพิมพ์ประโยคสุดท้ายไป ภัทรถึงกับยิ้มออกมา ดวงตาสุกใสจ้องหน้าจอโทรศัพท์ตาไม่กะพริบ ความสนุกกำลังจะเริ่มเกิดขึ้น เมื่อเขาอยากรู้ว่าคุณพีจะตอบอะไรกลับมา หลังจากที่เขาพิมพ์ไปเช่นนั้น                 “ทำไมถึงนอนถ่างกันนะ?” “ก็เวลาที่ได้คุยกับคุณพี...ผมมีอารมณ์”                 “ฮ่า ๆ เล่นแบบนี้เลยเหรอครับ”                 “งั้นผมจะเอาคุณ”                 “เอาคุณทั้ง ๆ ที่คุณอยู่ในชุดลูกไม้นั่นแหละ”                 “ผมก็จะแอ่นก้นให้คุณ ร้องขอให้คุณเข้ามาในตัวผมลึก ๆ” “แล้วทำผมแรง ๆ”                 การฟาดฟันกันด้วยข้อความดำเนินต่อไปอย่างไม่มีใครยอมใคร จากการพูดหยาบโลนกันแบบผิวเผินก็เริ่มถลำลึกมากขึ้น ๆ ไม่มีใครที่คิดจะหยุดยั้งมัน หลายครั้งที่ภัทรเผลอเปิดเผยรสนิยม ความชอบของตัวเองให้คุณพีรู้ ไม่ว่าจะเป็นการเล้าโลมหรือท่วงท่าที่คิดว่าตัวเองโปรดปรานมากที่สุด                 ข้างนอกสายฝนยังคงโปรยกระหน่ำ มอบความชุ่มชื้นให้กับผืนดินโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด บรรยากาศนอกบ้านกำลังเย็นเพราะฝนตกเป็นเวลานานหลายชั่วโมงติดผิดกับจิตใจของภัทรที่เริ่มร้อนรุ่มขึ้นเรื่อย ๆ หลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังอ่อนไหวกับแต่ละประโยคที่คุณพีส่งกลับมา เขาอยากจะหยุดแต่ก็ทำไม่ได้ ทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ คงต้องรอให้ใครสักคนยอมแพ้เสียก่อน เกมนี้ถึงจะสิ้นสุด                 “ผมจะใช้ปากจนกว่าคุณร้องขอให้ผมหยุด”                 “ผมจะไม่มีทางทำแบบนั้น แต่ปล่อยให้ตัวเองเสร็จในปากคุณ”                         ในที่สุดภัทรหลับตาลง เมื่อรู้สึกว่าทุกอย่างกำลังจะเลยเถิดมากขึ้นเรื่อย ๆ อกบางกระเพื่อมขึ้นตามแรงหายใจ  หลังพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองให้ได้มากที่สุด เขาข่มตาลงและในขณะเดียวกันก็กำโทรศัพท์ไว้แน่น                 เพราะตอนนี้ภัทรไม่ได้อยู่ในห้องเพียงลำพัง จึงไม่สามารถทำอะไรได้ตามที่ใจต้องการ ร่างกายของเขากำลังปั่นป่วนอย่างหนัก หลังจากถูกพิษของการคุยแต่เรื่องใต้สะดือเล่นงาน ภัทรขมวดคิ้วอยู่หลายครั้งหลายครา ความต้องการที่ยังไม่ปลดปล่อยกำลังทำให้เจ้าของร่างกายอย่างธนภัทร เริ่มกระสับกระส่าย                 เปรี้ยง!                 “อ๊ะ!” ภัทรหลุดเสียงร้องออกมา หลังจู่ ๆ เสียงฟ้าผ่าก็ดังจนทำให้บ้านสั่นสะเทือนไปทั้งหลังและด้วยความตกใจ ทำให้ภัทรขยับเข้าไปชิดคุณภาสกรที่นอนอยู่ข้าง ๆ กันโดยอัตโนมัติ จนทำให้ร่างกายของเราสัมผัสกันอย่างไม่ตั้งใจ ภัทรเริ่มตาขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก เกรงว่าอาการกลัวเสียงฟ้าผ่าของตนเองจะทำให้คุณภาสกรที่อาจหลับไปแล้วตื่น                 “ข—ขอโทษครับ” ธนภัทรรีบเอ่ยขอโทษผู้เป็นเจ้านายก่อนจะรีบผละออกในทันที หลังเห็นว่าคุณเขาตื่นแล้วและเรากำลังสบตากันในระยะใกล้                 “คุณกลัวฝนเหรอ” คุณภาสกรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มหู น้ำเสียงไม่ได้งัวเงียคล้ายกับคนตื่นนอนแต่อย่างใด                 “เปล่าครับ....ผมแค่กลัวเสียงฟ้าร้อง มันน่ากลัวเกินไป” ภัทรว่า                 สิ้นเสียงของภัทร ฟ้าก็ผ่าลงมาอีกครัง้! เสียงดังสนั่นจนบ้านหลังเล็กของเขาสั่นสะเทือนไปทั้งหลัง นั่นทำให้ภัทรถึงกับสะดุ้งโหยง ขยับเข้าใกล้คุณเขาอีกครั้ง                 “ขอโทษครับ....” ภัทรรีบเอ่ยขอโทษและผละออกอีกครั้ง                 “ไม่ต้องกลัวนะ คืนนี้คุณไม่ได้อยู่คนเดียว” คุณภาสกรไม่ได้มีท่าทีรำคาญแต่อย่างใด กลับยื่นมือมาลูบหัวเจ้าของบ้านตัวเล็กเพื่อปลอบโยน ในขณะเดียวกันภัทรเองก็ไม่ได้ปัดสัมผัสของคุณเขาออก แต่ปล่อยให้คุณเขาลูบหัวตัวเองอยู่อย่างนั้น เพราะใจยังสั่นกับเสียงฟ้าร้องเมื่อครู่อยู่                 ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่ มือของคุณภาสกรกำลังลูบกลุ่มผมของภัทรอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ในขณะที่ภัทรกำลังเคลิ้ม จวนจะหลับอยู่รอมร่อ ภัทรก็รู้สึกว่ามือของคุณภาสกรกำลังค่อย ๆ สอดเข้ามาตรงบริเวณหลังคอ คล้ายกับจะคว้าร่างภัทรให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอด                 “คุณภาสกรครับ...”                 “คุณกำลังตัวสั่นนะรู้ตัวหรือเปล่า กลัวเสียงฟ้าร้องมากสินะ” ธนภัทรอยากจะแย้งไปว่าตัวเขาไม่ได้สั่นตามที่คุณเขากล่าวอ้าง แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างทำให้ภัทรตัดสินใจไม่พูดมันออกไป                  ด้วยบรรยากาศนำพาหรืออะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้ใบหน้าเรากลับมาอยู่ห่างกันแค่คืบอีกครั้ง ภัทรรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนกรุ่นของคุณเขา มันทำให้ภัทรรู้สึกใจเต้นแรง อารมณ์วาบหวามตั้งแต่ตอนที่คุยกับคุณพีถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง                 ภัทรอยากเป็นคนเริ่มก่อนแต่เขาไม่มีความกล้าพอ กลัวคุณภาสกรจะปฏิเสธแล้วเราจะเข้าหน้ากันไม่ติด เขาเกรงว่าหลังจากนี้ไปตัวเองจะทำงานลำบากเอา                 ดวงตาของภัทรจับจ้องริมฝีปากของคุณภาสกรนานนับนาที ก่อนจะละสายตาแสร้งมองไปทางอื่นแทน ทั้ง ๆ ที่ในความจริง เขาอยากลองสัมผัสริมฝีปากนั้นดูสักครั้ง แต่คงไม่ใช่แค่ภัทรคนเดียวที่รู้สึก เพราะในเวลาต่อมาริมฝีปากของภัทรก็ถูกคุณภาสกรบดขยี้มันอย่างช้า ๆ ด้วยนิ้วหัวแม่มือใหญ่ ภัทรไม่ได้ปัดมือคุณเขาอย่างที่ควรจะทำ แต่กลับมองการกระทำของคุณเขาด้วยอาการใจระส่ำแทน                 “ผมขอสัมผัสคุณมากกว่านี้ได้ไหม”                 “......” เป็นอีกครั้งที่ภัทรเลือกที่จะไม่ตอบ แต่หลับตาลงปล่อยให้คุณภาสกรสัมผัสริมฝีปากของเขาด้วยริมฝีปากของเจ้าตัว นั่นยิ่งทำให้ภัทรใจเต้นแรงยิ่งกว่าตอนที่ริมฝีปากของเขาถูกคุณภาสกรบดขยี้ด้วยนิ้วหัวแม่มือเสียอีก                 “อ้าปากหน่อยได้ไหม.....คนดี” หลังจากที่คุณภาสกรสัมผัสริมฝีปากส่วนนอกจนพอใจแล้ว เขาก็ออกคำสั่งกับภัทรอีกครั้ง                 ราวกับคำพูดของคุณภาสกรเป็นคำสอนของพ่อแม่ที่ภัทรต้องเชื่อฟัง เพราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น ภัทรก็ค่อย ๆ อ้าปากออก ปล่อยให้คุณเขาสอดลิ้นเข้ามาตวัดสัมผัสกับท่อนลิ้นของภัทรในโพรงปากของเขา ภัทรรู้สึกได้เลยว่าตัวเองกำลังใจเต้นแรงจนเผลอกำชายเสื้อคุณเขาเอาไว้แน่น                 จากสัมผัสที่อ่อนโยนถูกแปรเปลี่ยนเป็นความรุ่มร้อนและเราก็มีความเห็นเดียวกันว่าต้องการมากกว่าแค่การจูบแล้วจบไป                 “คุณมีถุงยางหรือเปล่าครับ” ธนภัทรเอ่ยถามเสียงแผ่วด้วยความขลาดอาย อายก็อาย แต่ความอยากได้มันมีมากกว่าจึงทำให้ภัทรตัดสินใจถามคุณเขาออกไป                 “มี...แต่อยู่บนรถ”                 “......” คราวนี้ภัทรถึงกับเงียบ                 “ไม่ได้สินะ.....” คุณภาสกรว่าพร้อมกับระบายยิ้มจาง ๆ                 “คุณภาสกรครับ! ผมไม่ได้รังเกียจคุณนะครับ แต่ว่า....” ภัทรรีบโพล่งออกไป กลัวว่าคุณเขาจะเข้าใจผิด                 “ผมเข้าใจ....ยังไงความปลอดภัยต้องมาก่อนความต้องการอยู่แล้ว”                 “......”                 “ฝนหยุดแล้ว ผมว่าผมกลับดีกว่า”                 “ง—งั้นผมจะไปส่ง” ภัทรว่า                 “คุณไม่ต้องลงไปส่งหรอกเดี๋ยวผมเดินไปที่รถเอง คุณนอนพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า....ฝันดีอีกครั้งครับ” คุณภาสกรไม่ว่าเปล่า ก็จูบหน้าผากภัทรเบา ๆ เพื่อเป็นคำปลอบโยน ก่อนที่อีกฝ่ายจะลุกขึ้นแล้วออกจากห้องไป ทิ้งให้ภัทรอยู่ในห้องเพียงลำพังด้วยความรู้สึกสุดแสนจะเสียดาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD