บทที่๑
เจ้าสาวจอมโจร
บทที่ ๑
ชายเสื้อกัลบียะสีดำพลิ้วไหวไปทุกครั้งที่ผู้สวมใส่ขยับร่างกายด้วยการเดินไปเดินมาหลายครั้งหลายครา มือทั้งสองข้างไพล่ไว้ด้านหลังจับกันแน่น ใบหน้าคมเข้มบอกให้รู้ว่ามีเรื่องให้ครุ่นคิดมิใช่น้อย คิ้วดกหนาจึงได้ขมวดจนแทบจะชิดเป็นเส้นตรงยามเมื่อคำสัญญาที่มอบไว้กับบิดาก่อนเสียชีวิต ถึงกำหนดที่ต้องทำตามโดยเคร่งครัด และไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
แต่งงานกับเด็กสาวคนนั้น ดูแลเป็นอย่างดี ให้สมกับที่ครั้งหนึ่งพ่อของนางเคยช่วยชีวิตพ่อเอาไว้
“ป่านนี้จะเป็นเช่นไรนะ แม่หนูน้อย” เสียงรำพึงแผ่วเบาลอดออกมาจากปากหยักยกขอบได้รูป แม้ไม่ชัดนักแต่เสียงนั้นก็ดังพอจะทำให้คนที่นอนระทวยร่างบนพรมหนาได้ยิน
“หัวหน้าว่าอะไรหรือ” เสียงถามงัวเงีย ก่อนเจ้าตัวลุกขึ้นจัดเสื้อผ้ารุ่ยร่ายให้เข้าที่เข้าทาง แล้วเดินมาสวมกอด ซบใบหน้าลงกลางแผ่นหลังกว้างอย่างประจบ
ชายซึ่งถูกเรียกว่าหัวหน้าใช้สองมือที่ไพล่หลังดันตัวหล่อนออกห่างแล้วหันกลับมาเผชิญหน้า มองหญิงสาวที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงหน้าตายังงัวเงียอย่างคนยังไม่หายง่วงแล้วยิ้มเอ็นดู ก่อนจะใช้มือใหญ่แต่เรียวได้รูปของตนปัดเส้นผมหล่อนออกจากใบหน้าแล้วลูบให้เข้ารูปเข้าทรง
“ไปตามอาหมัดมาพบข้า”
หญิงสาวรับคำเบาๆ แล้วมองสำรวจเสื้อผ้าตนเองอีกครั้งเพื่อความเรียบร้อยหากต้องออกไปเผชิญหน้ากับบุคคลภายนอก แล้วมุดออกไปเพื่อทำตามคำสั่งของชายเจ้าของกระโจมในทันที
ชายหนุ่มมองจนหล่อนออกไปนอกกระโจม อดคิดไม่ได้ว่าหากหล่อนรู้ว่าที่เขาเรียกหาคนสนิทนั้นด้วยเรื่องอันใด แล้วหล่อนจะรู้สึกและทำเช่นไร เขาไม่ใช่คนหลงตัวเอง แต่รู้ว่าหญิงในเผาที่มีสัมพันธ์ด้วยหวังจะได้รับการยกย่องเป็น
‘ผู้หญิงของไฟซาล’
ชายหนุ่มผิวคล้ำรูปร่างสันทัดยืนมองผู้ที่เรียกหาตนเองด้วยสายตาไม่เชื่อนัก ยอมรับว่าคาดไม่ถึงที่จู่ๆ หัวหน้าของตนจะรีบทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับบิดา ทั้งที่ทีแรกประวิงเวลามาจนบิดาเกิดล้มป่วยและเสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน
“ทำไมรวดเร็วนักหัวหน้า” อาหมัดถามด้วยน้ำเสียงสอดคล้องกับดวงตาที่ไม่ค่อยเชื่อนัก แต่เห็นอีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับอย่างมั่นใจ
“สองปีนี่หรือรวดเร็ว”
“ข้าหมายถึงไม่มีวี่แววว่าท่านจะรับหญิงคนไหนไว้ในฐานะเมียเป็นตัวเป็นตน ทั้งที่มีหญิงงามในเผ่าวนเวียนมาเสนอตัวรับใช้อยู่ทุกค่ำคืน แต่จู่ๆ ท่านก็บอกว่าจะไปรับเด็กสาวคนนั้นมาเข้าพิธีวิวาห์”
“ไม่ว่าช้าหรือเร็วเจ้าก็รู้ว่าข้าก็ต้องแต่งกับนางอยู่ดี แล้วเหตุใดจะรอให้ดอกไม้งามเหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลาเล่า”
ไฟซาลประกาศความต้องการของตนเองออกมา พร้อมหัวเราะเบาๆ ทำเอาคนฟังที่เข้าใจโดยถ่องแท้และเห็นด้วยทุกประการ พลอยหัวเราะไปด้วย
“ส่งคนไปแจ้งข่าว แล้วรับนางมาเข้าพิธีให้เร็วที่สุด ดอกไม้ยิ่งงามยิ่งเป็นที่หมายปอง ยิ่งมีกลิ่นหอมหมู่แมลงยิ่งอยากชอนไช ลองลิ้มชิมรสหวานของเกสร ซึ่งข้าย่อมไม่ยอม” ดวงตาคนพูดแพรวพราวขึ้นทันควัน
“ข้าไปเอง จะรับเจ้าสาวกลับมาให้หัวหน้าในเร็ววัน ให้ผู้เฒ่าหาฤกษ์ไว้คอยเถิด” อาหมัดรับอาสา และสัญญาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ก่อนออกจากกระโจมของหัวหน้าหนุ่ม เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปแจ้งข่าวแล้วรับหญิงสาวต่างเผ่ามาเข้าพิธีวิวาห์กับไฟซาล ชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเป็นจอมโจรชื่อดังแห่งทุ่งทะเลทรายอัลจาดีร์
“หัวหน้าให้เจ้าทำอะไร”
เสียงถามของคนใคร่รู้ดังขึ้นทันทีที่อาหมัดโผล่หน้าเข้ามาในกระโจมของตนเอง เพื่อจัดเตรียมข้าวของสำหรับการเดินทางไปต่างเผ่า ชายหนุ่มหันไปตามเสียงหญิงสาวผู้ที่มาตามเขาให้ไปพบไฟซาล ซึ่งยังนั่งบนพรมปูนอนกลางกระโจม ไม่ได้กลับไปอย่างที่เขาคิดทีแรก ก่อนที่หล่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้แล้วถามซ้ำอีกครั้ง
“หัวหน้าให้ไปรับหญิงต่างเผ่ามาใช่ไหม” น้ำเสียงและแววตาของหล่อนคาดคั้นอย่างคนต้องการค้นความจริงให้จงได้
อาหมัดส่ายหน้าเอือมระอา สาวใหญ่สาวน้อยในเผ่านั้นลุ่มหลงเสน่ห์ในตัวจอมโจรไฟซาล ต่างพากันเสนอตัวเข้ารับใช้ทุกยามค่ำคืน และต่างให้สัตย์สัญญาว่าจะไม่ถือเป็นเจ้าของคิดครอบครองหัวหน้าหนุ่มเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว ขอเพียงแค่ได้รับใช้ใกล้ชิดสักครั้งหนึ่งในชีวิตก็พอใจ
ทว่าในความเป็นจริงแล้วเขารู้ว่าไม่มีหญิงสาวคนไหนสามารถทำใจได้ เช่นเดียวกับจอมโจรไฟซาลที่เข้าใจในเรื่องนี้ดี จึงเลือกที่จะมีความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดกับหญิงสาวบางคนเท่านั้น และนะดาก็คือหนึ่งในตัวเลือกนั้น
ทว่าการคาดคั้นของนะดาในเวลานี้แสดงให้เห็นว่า หล่อนกำลังถือตนเป็นเจ้าของในตัวหัวหน้าหนุ่ม แต่คงไม่กล้าแสดงออกหรือเซ้าซี้เอากับจอมโจรไฟซาล จึงมาคาดคั้นเอากับเขาที่เป็นญาติสนิทของตนเอง
“ใช่ แล้วเจ้าจะทำไม” อาหมัดถามเสียงกวนพอกับใบหน้า เพราะหมั่นไส้ญาติสาวเต็มทน ทั้งที่รู้กฎกติกาการมีความสัมพันธ์กับหัวหน้าไฟซาลดี แต่ยังแสดงอาการหึงหวงจนออกนอกหน้าเช่นนี้อยู่เนืองๆ
นะดากระทืบเท้าเร่าๆ กำหมัดแน่นอย่างเคืองขุ่น แต่ไม่พูดอะไร ก่อนจะผลุนผลันออกไปจากกระโจม
“อย่าสะเออะไปทำหึงหวงเป็นเจ้าข้าวเจ้าของหัวหน้าเชียวนะมึง จะหาว่าข้าไม่เตือน” อาหมัดตะโกนไล่หลัง
“เออรู้แล้ว”
นะดาหันมากระชากเสียงใส่ ดวงตาขุ่นข้นอย่างขุ่นเคือง แล้ววิ่งกลับไปยังกระโจมของตนเองที่อยู่ท้ายชุมชน โดยมีสายตาของอาหมัดมองตาม ทั้งสมเพชเวทนาและนึกเห็นใจหญิงสาวอยู่ไม่น้อย และคงมีหญิงสาวในเผ่าอีกหลายคนที่คิดอย่างนะดา แต่ไม่มีใครกล้าแสดงออกมากเช่นญาติสาวของเขา ผู้ซึ่งวิ่งฝ่าเปลวแดดร้อนแรงอยู่ในเวลานี้
อาหมัดถอนหายใจยืดยาวแล้วกลับไปจัดการกับของใช้ที่จำเป็นในการเดินทางไกล เพื่อทำตามหน้าที่ซึ่งจอมโจรไฟซาลมอบหมายให้ด้วยความไว้วางใจ