"หิวหรือยังครับนายน้อย" คานโลถามในขณะที่กดลิฟต์ เพราะดูท่าแล้วนายน้อยของเขาน่าจะเริ่มหิวแล้ว เสียเวลาไปกับครอบครัวนั้นไปเป็นชั่วโมง
"หิวครับแต่ไม่มากเท่าไหร่ วันนี้พี่ๆจะกินอะไรเหรอครับ" ดิเชร์ยกข้อมือที่มีนาฬิกาหรูเพื่อดูเวลาว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้ว ก่อนจะตอบออกไปแล้วมองหน้าถามคานโลกับเจมส์
"นั่นแน่...ลอกการบ้านพวกผมอีกแล้วนะครับนายน้อย" คำพูดของคานโลเรียกเสียงหัวเราะให้กับดิเชร์ไม่เว้นแม้แต่เจมส์
"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปสั่งแม่ครัวให้นะครับ" เจมส์พูดก่อนจะก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินเลี้ยวไปที่ห้องครับ ปล่อยให้ดิเชร์กับคานโลกลับไปรอที่ห้องทำงานชั้นสี่
"สวัสดีครับคุณดิเชร์ ผมตะวันครับ"
"สวัสดีครับคุณตะวัน ผมฝากตัวด้วยนะครับเอาให้เต็มที่เลย ถ้าสอนแล้วผมยังจำไม่ได้ก็ดุผมได้นะครับไม่ต้องเกรงใจ"
ดิเชร์ยิ้มพลางยื่นมือออกไปเพื่อจับมือกับตะวันเป็นการทักทายในแบบที่ดิเชร์คุ้นเคย ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วชักมือกลับเปลี่ยนเป็นยกมือไหว้ทักทายในแบบคนไทยแทน เพราะตะวันมีอายุมากกว่าตนเองถึงสิบปี
ตะวันเป็นเลขาที่น้ำป่าเตรียมเอาไว้ตามที่ดิเชร์รีเควสว่า 'เลขาของผมขอเป็นผู้ชายนะครับพ่อ'
"ครับคุณดิเชร์" ตะวันไหว้ตอบและยิ้มให้ ก้มศีรษะให้เล็กน้อยเมื่อดิเชร์เดินผ่านตัวเองไปนั่งที่โต๊ะทำงานเพื่อเป็นการเคารพและให้เกียรติ
"ว่าแต่คุณตะวันทานอะไรมาหรือยังครับ พอดีผมให้พี่เจมส์สั่งข้าวให้อยู่"
"เรียกผมว่าพี่ตะวันได้นะครับ ถ้าหากว่าคุณดิเชร์ไม่ว่าอะไร..."
"ได้ครับพี่ตะวัน ถ้าอย่างนั้นเรามาพูดแบบเป็นกันเองดีกว่า พี่ตะวันเห็นด้วยไหมครับ"
"ได้เลยครับคุณดิเชร์"
"เรียกผมว่าเชร์ก็ได้นะครับ แล้วพี่ตะวันจะกินอะไรครับเดี๋ยวผมสั่งให้"
"ไม่ได้หรอกครับ ให้ผมเรียกว่าคุณดิเชร์น่ะดีแล้ว...ส่วนอาหารผมห่อข้าวกล่องมากินครับ" ดิเชร์มองไปตามมือของตะวันที่กำลังหยิบกล่องข้าวที่อยู่ในกระเป๋าผ้าเอาออกมาให้ดู แล้วนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดออกไปในสิ่งที่เขาสมควรต้องทำ
"...พรุ่งนี้พี่ตะวันโทรไปสั่งข้าวที่ห้องครัวแล้วให้พนักงานยกมาให้ได้เลยนะครับ เป็นสวัสดิการหวังว่าพี่ตะวันจะรับไว้นะครับ"
'กล่องนิดเดียวจะไปอิ่มอะไรหรือว่าเรากินจุ' ดิเชร์คิดในใจ
"เอ่อ...ครับ ขอบคุณคุณดิเชร์นะครับ" ดิเชร์ยิ้มตอบแล้วมองไปที่เจมส์ที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับบริกรของทางผับ แล้วเดินไปวางอาหารที่โต๊ะ พร้อมจัดเรียงอย่างสวยงามก่อนจะก้มศีรษะให้แล้วเดินออกไป
"อาหารเยอะแยะเลย พี่ตะวันมากินด้วยกันดีกว่าครับ ผมหิวแล้ว"
"ครับคุณดิเชร์"
ตะวันหยิบข้าวกล่องของตนเองไปร่วมวง โดยมีคานโลกับเจมส์ช่วยหยิบจาน และช้อนส้อมให้ พร้อมกับคอยตักอาหารใส่จานดูแลอย่างกันเป็นอย่างดี
ทั้งสี่คนนั่งกินอาหารที่สั่งมาอย่างเอร็ดอร่อย ในระหว่างกินอาหารก็มีบทสนทนาที่เป็นกันเอง มีหัวเราะบ้าง เล่นมุกบ้างเป็นบางจังหวะทำให้ตะวันรู้สึกไม่เกร็งเหมือนในตอนแรก ดิเชร์หันไปดูกล้องวงจรปิดที่หน้าจอแท็บเล็ตเป็นบางครั้งสลับกับการพูดคุย จนกระทั่งสายตาของดิเชร์หยุดนิ่งอยู่ที่ห้องวีไอพี ที่มีลูกค้าผู้ชายในวัยที่เรียกว่าเกษียณน่าจะเหมาะ
"มีอะไรเหรอครับนายน้อย หรือว่ามีอะไรที่ผิดสังเกตครับ" คานโลวางช้อนลงที่จานแล้วก้มดูที่แท็บเล็ต ในขณะที่เจมส์เดินมาดูที่หน้าจอแท็บเล็ตที่นายน้อยของพวกเขากดขยายใหญ่ขึ้น จนเห็นได้ชัดเจนว่าในห้องนั้นแต่ละคนมีหน้าตาเป็นยังไง สวมใส่ชุดอะไร
"อะไรจะบังเอิญขนาดนี้" ดิเชร์พูดขึ้นเบาๆ แต่ก็พอทำให้คนทั้งสามได้ยินกันทุกคน
"นายน้อยรู้จักใครในห้องวีไอพีเหรอครับ" เจมส์ถามขึ้นแล้วไล่มองไปทีละคนในจอแท็บเล็ต
"ไม่ได้รู้จักครับ แต่เคยเจอกัน" ดิเชร์พูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับซูมภาพบนหน้าจอให้ใหญ่ขึ้น เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่ตนเองบอกว่าไม่ได้รู้จักแต่เคยเจอกันสวมใส่ชุดอะไรอยู่ ภาพตรงหน้าที่ซูมชัด จนทำให้คานโลกับเจมส์ต่างมองหน้ากันเมื่อเห็นใบหน้าของผู้หญิงบนหน้าจอชัดแจ๋ว
'ในวันนี้วันเดียวผมเจอรุ่นพี่คนนี้ถึงสามครั้ง มิหนำซ้ำเธอยังทำงานที่ผับผมอีก'
ใบหน้าที่เรียบนิ่งแต่สายตากลับคมกริบ เมื่อมองที่มือเหี่ยวๆกำลังโอบเอวคอดนั้น มันทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจเสียเท่าไหร่ แต่ทว่าเพียงไม่นานร่างบางก็ลุกขึ้นยืนเปลี่ยนเป็นเดินไปจับไมค์ร้องเพลงแทน และมันทำให้ดิเชร์เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งจนหัวใจของเขาเต้นแรงในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันดูเซ็กซี่และน่ารัก สวยมากขึ้นกว่าตอนที่เคยได้เจอกันเป็นเท่าตัว 'สวยกว่าชุดเมื่อเช้าอีก' และมันทำให้ดิเชร์นึกย้อนไปในวันที่เจอกันครั้งแรก ในที่จัดงานเลี้ยงวันรับน้อง
สามปีก่อน / ผับแห่งหนึ่ง
"ล็อคประตูแบบนี้คงออกมาไม่ได้แล้วล่ะ" ดรีมพูดขึ้นเมื่อเธอล็อคประตูห้องน้ำชายได้สำเร็จ
มือที่สะเปะสะปะของคนเมาทำให้เกิดเสียงดังที่หน้าประตู เป็นจังหวะที่ดิเชร์ทำธุระของตัวเองเสร็จ เขาก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องน้ำ และมันทำให้เขารู้ว่ารุ่นพี่คนนี้กำลังแก้เผ็ดเขา ทุกคำพูดที่เธอพูดดิเชร์ได้ยินมันทั้งหมดต่อให้เสียงลากยาวยืดยาน เสียงพูดที่อ้อแอ้ ฟังไม่รู้เรื่องแค่ไหนแต่สำหรับเขา...ฟังมันออกทุกคำ
และตอนนี้เขาต้องหาคนมาช่วยเพราะไม่อยากให้คนที่ร่วมชะตาติดอยู่ด้วยกันในตอนนี้ต้องโวยวายเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ นิ้วเรียวยาวแข็งแรงกดหน้าจอโทรศัพท์มือถือต่อสายหาคานโลทันที
"ครับนายน้อย"
"ผมติดอยู่ในห้องน้ำครับ" ดิเชร์พูดแค่นั้นแล้วกดปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
เสียงของผู้ร่วมชะตาในห้องน้ำชายเริ่มส่งเสียงเอะอะแต่ไม่ทันได้โวยวาย ประตูที่ถูกล็อคก็เปิดออก
"ขอบคุณครับ" ผมบอกพี่คานโลกับพี่เจมส์ แล้วรีบเดินออกไปหาตัวการทันทีแต่มองหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอจนระทั่งผมขี้เกียจจะตามหา แล้วอีกอย่างผมอยากจะกลับบ้านเต็มที เป็นการรับน้องที่น่าเบื่อจะไม่มาก็ไม่ได้เพราะรุ่นพี่พูดว่า ขอความร่วมมือ
ผมเลือกที่จะเดินออกไปกับพี่คานโลและพี่เจมส์ที่ด้านหลังของผับเพื่อไม่ให้รุ่นพี่คนอื่นๆสังเกตเห็น แล้วเสียงที่ผมจำได้ดีไม่มีวันลืมก็แว่วผ่านเข้าหูของผมพอดี
"ไอ้ผู้ชายเฮงซวย เลว ไอ้ชิง..." เสียงที่ยืดยานของคนเมา และผมจำได้ว่าเป็นเสียงของรุ่นพี่คนนั้น ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เขาอยู่ปีอะไรแต่ดูจากใบหน้าคร่าวๆ คงต้องเป็นรุ่นพี่ปีสี่หรือไม่ก็ปีสาม
ปึก! เสียงกระแทกระหว่างศีรษะกับกระจกทึบที่อยู่ด้านหลังผับ ผมเดินไปดูใกล้ๆก็เห็นว่าตอนนี้รุ่นพี่เจ้าปัญหาได้หลับลงไปเสียดื้อๆ
"นี่คุณ! นี่คุณผู้หญิง...คุณนึกจะนอนก็นอน จะมาทำแบบนี้มันไม่ได้นะ เมาแล้วก็กลับบ้านสิ" น้ำเสียงที่จริงจัง มือใหญ่สะกิดปลุกที่ต้นแขนเบาๆทำให้รุ่นพี่ตรงหน้านั่งตัวตรงทันที
พึ่บ!! แล้วอยู่ๆ รุ่นพี่ตรงหน้าก็ลุกขึ้นยืนปุบปัป ร่างเล็กที่ยืนโงนเงนจะร่วงลงพื้นอยู่รอมร่อ เส้นผมดำยาวปิดใบหน้าที่กำลังแหงนใบหน้าขึ้นมองหน้าผมอยู่
"ไอ้หน้าหล่อขี้เก๊ก...ผู้ชายมันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ"
พึ่บ!! ปึก!! แล้วรุ่นพี่ตรงหน้าก็ล้มลงนั่งที่เดิม ศีรษะกระแทกเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือแรงขึ้น
"กระแทกแรงแบบนี้ กระจกร้านเขาไม่แตกก็ดีเท่าไหร่แล้ว" ผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วอะไรก็ไม่รู้ที่ดลใจให้ผมยังอยากจะหยอกเย้าแกล้งรุ่นพี่ตรงหน้านี้ต่ออีกหน่อย
"คุณผู้หญิง อกหักหรือไงถึงได้ดื่มจนเมามานั่งอยู่แบบนี้...ไม่ได้ดูกำลังตัวเองเล๊ย"
"..."
"หรือว่าแอบรักใคร แล้วเขาไม่รักตอบ" สิ้นสุดประโยคของผม จู่ๆรุ่นพี่ตรงหน้าก็กระดกศีรษะขึ้นมองผมอีกครั้ง
"แอบรัก...เหรอ...ในตอนนี้นี่นะ ตอนที่ฉันอยู่ในจุดที่ย่ำแย่นี่นะ...แฟนเฮงซวยนั่นก็แอบไปมีผู้หญิงอื่น ไหนจะพ่อเลี้ยง...แล้วก็แม่ฉัน..."
ถึงจะแทบฟังไม่รู้เรื่องแต่สำหรับดิเชร์เขาตั้งใจฟังคำที่หลุดออกมาจากปากของรุ่นพี่ตรงหน้า แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกหัวใจกระตุกหน่อยๆก็ตรงที่คำว่าแม่ ดวงตาของรุ่นพี่คนนี้เปลี่ยนเป็นเศร้าหมองอย่างชัดเจน น้ำตาที่คลอหน่วยพร้อมที่หยดทุกเมื่อถ้ารุ่นพี่คนนี้กะพริบตา ผมเลยเลือกที่ชวนคุยเป็นอย่างอื่นแทน แต่ก็ยังไม่พ้นเรื่องความรัก ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทำไมต้องถามออกไปแบบนั้น
"ถ้าอย่างงั้น แล้วถ้ามีคนมาสารภาพรักล่ะ" ผมยังอยากจะคุยเล่นกับรุ่นพี่คนนี้อยู่
"...ฉันก็จะ...ยื่นความรักนั้นกลับคืนไป" ไม่พูดเปล่ารุ่นพี่คนนี้ยังยื่นมือออกมาจนสุดแขน ดีที่ผมหลบทัน
"เพราะอะไร"
"...เพราะฉันมันไม่คู่ควรกับความรักยังไงล่ะ ไอ้ขี้เก๊กหน้าหล่อ!ถามอยู่ได้" สิ้นเสียงของประโยคที่ยืดยาน กลายเป็นผมที่ต้องรับผิดชอบกับสิ่งตรงหน้า ไม่มีลูกผู้ชายที่ไหนกล้าพอที่จะปล่อยให้ผู้หญิงเมาไม่ได้สตินั่งหลับอยู่ตรงนี้คนเดียวหรอกครับ
"พี่คานโลครับ จองห้องพักโรงแรมให้ผมหนึ่งห้องครับ ส่วนพี่เจมส์ มาช่วยผมพยุงเธอขึ้นรถทีครับ"
"ครับนายน้อย"
"ครับนายน้อย"
ผมเป็นคนเข้าไปในรถก่อนเพื่อรอรับร่างที่หลับไม่ได้รู้เรื่องอะไร เป็นแบบนี้ไงผมถึงได้ว่ารุ่นพี่ว่ากินไม่ได้ดูตัวเอง ถ้านี่เป็นคนอื่นไม่รู้ว่าจะเป็นพลเมืองดีแบบผมหรือเปล่า จากผับ...พี่เจมส์ขับรถมาได้ยี่สิบนาทีก็ถึงโรงแรมหรูระดับสี่ดาวในใจกลางเมือง
"นี่คุณผู้หญิง! ไม่ตื่นจริงดิ" ถึงผมจะปลุกเสียงดัง เขย่าตัวแค่ไหนก็ไม่มีทีท่าจะตื่นหรือฟื้นคืนชีพแม้แต่นิดเดียว
"เฮ้อ..." ผมปล่อยเธอให้นอนราบที่เบาะหลัง ก่อนจะลุกออกจากรถแล้วเดินไปอีกฝั่ง ผมเห็นว่าผมอุ้มไหวจึงไม่ได้ขอให้พี่ๆทั้งสองช่วย
"เบามาก หัดกินให้มันเยอะๆหน่อยคุณผู้หญิง"
พี่คานโลกับพี่เจมส์ช่วยกันเปิดประตูห้องแล้วลงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจัดการจ่ายค่าห้องพักหนึ่งวัน พร้อมกับอาหารเช้าเสิร์ฟให้ถึงห้องหนึ่งมื้อตามที่ผมได้บอกไว้ในรถก่อนหน้านี้
"นอนทั้งอย่างงั้นแหละ"
"ใคร! ใครพูดอะไร...เสียงดังคนจะนอน"
"เชร์ ชื่อเชร์ รุ่นน้องปีหนึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน คุณผู้หญิง"
"เช...นเหรอ..." สิ้นคำสุดท้ายไม่ถึงหนึ่งนาที เสียงลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอ ทำให้ผมเดินออกจากห้องไปโดยที่ไม่ลืมล็อคประตูให้เรียบร้อย พร้อมกับจ่ายทิปให้กับพนักงานของโรงแรมเพื่อให้ดูแลรุ่นพี่คนนั้นให้ดี หลังจากกลับขึ้นรถผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมลืมถามชื่อเธอแต่พอนึกอีกที ผมจะถามไปทำไมกัน