"พี่ดรีมครับ พี่ลืมไปหรือเปล่าว่าวันนี้ผมมีนัดกับพี่ เพื่อ...พากันไปหาแม่พี่จะได้ทำความรู้จักกัน" ดิเชร์เน้นคำ เพื่อเตือนความจำของดรีม
"จริงด้วย" ดรีมมีสีหน้าที่กังวลเล็กน้อย ก่อนจะตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเพราะเธอยังไม่แน่ใจว่าแม่เธอจะคิดว่าเร็วไปหรือเปล่าถ้ารู้ว่าเธอกับดิเชร์ถึงขั้นไหนกันแล้ว มันเป็นความสัมพันธ์ที่ออกจะรวบรัดตัดตอน
ดิเชร์ขยับไปที่ปลายเตียงเมื่อเห็นว่าดรีมต้องก้มหยิบเสื้อผ้า เพื่อคอยส่งเสื้อผ้า และชั้นในให้ดรีมทีละชิ้นด้วยแววตาที่เป็นประกาย และไหนจะรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม ที่ทำเอาดรีมหน้าแดงไปถึงลำคอ และเมื่อดรีมแต่งตัวเรียบร้อยดิเชร์จึงพูดขึ้นอีกครั้ง
"เอาอย่างนี้ไหมครับ ไหนๆวันนี้เราก็ไม่ได้ไปทำงาน ผมขอพาคุณแม่ของพี่กับพี่ดรีมไปทานข้าวนอกบ้านกัน...นะครับ"
ดรีมมองใบหน้าของดิเชร์แล้วเอามือเอื้อมไปจูงมือดิเชร์ให้ลุกขึ้นเดินตามออกมานั่งที่โซฟากลางห้อง ดิเชร์นั่งใกล้กันกับดรีม สายตาคมมองเข้าไปนัยน์ตาใสเพื่อรอว่าคนที่เขารักจะพูดอะไร ดรีมเธอพูดอ้อมแอ้ม ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่ก็พอทำให้ดิเชร์ได้ยินอย่างชัดเจน
"คือ...อย่างนี้นะเชร์ก่อนอื่น พี่จะรับผิดชอบนายเองไม่ต้องกังวล พี่จะไปคุยกับพ่อแม่นายเพราะยังไงนายก็อายุน้อยกว่าพี่ พี่ต้องเป็นคนคอยดูแลและจะอยู่ข้างๆนายไม่ทิ้งนายไปไหนแน่นอนถ้านายจริงจังกับพี่ เราจะจดทะเบียนกันแล้วจัดงานแต่งง่ายๆ พ่อแม่ดิเชร์จะตกลงใช่ไหมถ้าพี่จะเป็นคนออกค่าจัดงานแต่งนี้เอง"
"อา...เอ่อ ครับพี่ แล้วเย็นนี้เราไปทานข้าวกันไหมครับ" ดิเชร์ตอบไปอย่างงงๆ ต้องเป็นเขาไม่ใช่เหรอที่ต้องพูดประโยคนี้
"อืม เดี๋ยวพี่ลองส่งข้อความหาแม่ก่อนนะ รอแป๊ปนึง"
"ครับ"
ดรีมหยิบกระเป๋าสะพายที่อยู่บนโซฟา แล้วล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อส่งข้อความหาแม่ แต่พอเปิดหน้าจอดรีมก็เห็นว่าใบบัวส่งข้อความมาว่าพรุ่งนี้ต้องไปสนามแข่ง เพราะทางสมาคมเลื่อนซ้อมเป็นวันพรุ่งนี้
"เชร์ ขอพี่ออกไปโทรศัพท์ที่ระเบียงเดี๋ยวนะ พอดีพี่ใบบัวที่เป็นออการ์ไนซ์ส่งข้อความมาเรื่องงานน่ะ"
"คุยตรงนี้ก็ได้นะครับ ถ้าไม่ใช่ความลับอะไร หรือว่าห้ามให้ผมรู้?"
"อืมได้สิ ไม่ใช่ความลับสำหรับเชร์หรอก" ดิเชร์เลิกคิ้วเล็กน้อยกับประโยคของดรีม มันเหมือนกับว่ามีความลับบางอย่างที่บางคนรู้ไม่ได้
ดรีมยิ้มกว้างให้กับดิเชร์ก่อนจะกดหมายเลยปลายสายไปหาใบบัว ในขณะที่นั่งข้างๆกันกับดิเชร์ที่โซฟาที่คอยเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ
"ตกลงเลื่อนเป็นพรุ่งนี้ใช่ไหมคะพี่ใบบัว แล้วบัตรเข้าสนามล่ะคะ" ดรีม
"เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพี่จะแวะเอาไปให้ที่หน้าสนาม พอดีพี่มีธุระแถวนั้นพอดี" ใบบัว
เสียงจากปลายสายดังพอที่จะเล็ดลอดออกมาจากโทรศัพท์มือถือ ทำให้ดิเชร์หันหน้าไปมองคนที่กำลังคุยโทรศัพท์
"ได้ค่ะ กี่โมงคะ" ดรีม
"เจ็ดโมงเช้า ต้องรีบเข้าไปนะจะได้มีเวลาเก็บภาพ" ใบบัว
"ได้ค่ะ เจอกันนะคะพี่ใบบัว" ดรีม
"จ๊ะ" ใบบัว
ดรีมกดวางสายแล้วหันหน้ามามองดิเชร์ ที่กำลังมองเธออยู่เช่นกัน ใบหน้าของดิเชร์เต็มไปด้วยคำถาม ดรีมมองออกแต่ทว่าตอนนี้คงยังเหมาะที่เล่าให้คนที่นั่งข้างๆฟัง
"เอาไว้เสร็จงานพี่จะเล่าให้ฟังนะเชร์ วันนี้พี่ต้องรีบกลับห้องก่อนเพราะต้องเตรียมของหลายอย่างไปทำงานพรุ่งนี้น่ะ ขอโทษด้วยนะ"
"พรุ่งนี้พี่ดรีมไปทำงานที่ไหนเหรอครับ"
"ที่สนามแข่งรถเสนีต์ที่พึ่งเปิดใหม่ ถ้าพี่ไม่ได้เข้าใจผิดน่าจะเป็นของเจ้านายพี่"
"พี่...รู้จักหรือว่า...เชียร์ใครอยู่อย่างงั้นเหรอครับ"
"เปล่าหรอก พี่แค่ไปทำงาน"
'ดิเชร์นึกในใจว่า พรุ่งนี้วันซ้อมใหญ่ไม่มีพิธีกรหรือแม้กระทั่งอัมเบลล่าเกิร์ล[1] แถมพี่ดรีมยังบอกว่าไม่ได้ไปเชียร์ใคร แล้วพี่ดรีมไปทำไมกัน ดิเชร์ค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา สิ่งที่เขาอยากจะเล่า อยากจะพูดออกไปคงไม่ใช่ตอนนี้ วันนี้มันดูเหมือนไม่เป็นใจไปเสียทุกอย่าง หรือว่าเป็นเพราะเขาต่างหาก...ที่ไม่กล้าพูดว่าความจริงที่พี่ดรีมรู้เป็นเพียงฉากที่เขาต้องการให้รู้เท่านั้น'
"ครับ และก็...กดเบอร์โทรของพี่ให้ผมด้วยครับ" ดิเชร์ตอบกลับแล้วยื่นโทรศัพท์มือถือของตนเองให้กับดรีม
"จริงสิ เราเป็นแฟนกันแล้วนี่นา"
"ไม่ใช่ครับ เราไม่ได้เป็นแค่แฟนกัน แต่เราเป็นสามีภรรยากันต่างหากล่ะครับ"
"อืม...ใช่แล้วเราเป็นสามีภรรยากัน ถ้าอย่างนั้น..." ดรีมหยุดพูดแล้วหันหน้าไปมองดิเชร์ เธออยากรู้ว่าจริงแล้วดิเชร์จริงจัง หรือว่าอยากแต่งงานกับเธอจริงๆหรือเปล่า
"พี่จริงจังกับนายนะ...พี่รักเชร์ถึงแม้ว่าเราจะใช้เวลาแค่ไม่กี่วันแต่พี่กลับรู้สึกถึงความผูกพันธ์ มันมีอะไรบางอย่าง ซึ่งพี่ก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน" ดรีมพูดพลางส่งมือถือคืนให้กับดิเชร์
"ผมก็รักพี่ดรีมนะครับ รักมากๆเลย รักจนกลัวว่าถ้าทำอะไรผิดพลาดไปแล้วถ้าพี่โกรธไม่ให้อภัยผม ผมจะทำยังไงต่อดี"
"ก็ลองทำให้พี่โกรธดูสิ โดนแน่!" น้ำเสียงดรีมบอกถึงความไม่จริงจัง ใบหน้าสวยระบายยิ้มกว้างออกจนทำให้ดิเชร์อดไม่ได้ที่จะยื่นใบหน้าไปใกล้ๆที่แก้มเนียนแล้วหอมแรงๆหนึ่งฟอด เลื่อนริมฝีปากไปจูบหนักๆ ที่ปากอิ่มก่อนจะผละออกอย่างอ้อยอิ่ง
"ไปครับเดี๋ยวผมไปส่ง"
หลังจากที่ดิเชร์ไปส่งดรีมที่หน้าแฟลต เขาก็โทรหากลุ่มเพื่อนๆ เพื่อนัดเจอกันที่สนามเพื่อคุยกันเรื่องแข่งรถและการทำปรับเปลี่ยนแผนการวางตัวคนขับของทีม
บ้านเดี่ยวสองชั้นสไตล์โมเดิร์น เสียงพูดคุยของคนสองคนดังต่อเนื่องมาเกือบชั่วโมง ตอนนี้บรรยากาศภายในห้องรับแขกเงียบลงทันทีเมื่อพิ้งค์พลอยตัดสินใจพูดขึ้นมาเองว่าเธอจะเป็นคนจัดการเรื่องแฟนของดรีมเอง ขอเพียงให้พ่อของเธอคอยช่วยเป็นบางครั้งบางคราว หรือเวลาที่ต้องการให้ช่วย
"ความหวังของพ่ออยู่ที่ลูกแล้ว "
"หนูจะทำให้เต็มที่ เพราะอย่างน้อยก็เพื่อครอบครัวและบริษัทของพ่อจะได้กลับมายืนได้อีกครั้ง"
ทั้งๆที่ในใจของพิ้งค์พลอยมีแต่ความรักที่มอบให้กับดิเชร์อย่างจริงใจ แต่สิ่งที่เธอไม่ยากจะยอมรับก็คือการที่คนที่เธอเฝ้าติดตาม ชื่นชมและคอยซัปพอร์ตตอนนี้ต้องกลายเป็นคนรักของคนที่เธอเกลียด สิ่งนี้ทำให้เธอไม่ลังเลที่จะร่วมมือกันกับพ่อของเธอ
"มีอะไรให้พ่อช่วยก็บอกได้เลยนะ"
"ค่ะพ่อ"
"จริงสิ เดี๋ยวพ่อจะไปหาแม่นะ ก่อนจะนอนก็ปิดบ้าน ปิดห้องให้ดีล่ะ พ่ออาจจะกลับเช้า"
"จริงๆแล้ว ถ้าพ่อกับแม่เลิกเล่นพนัน มันจะดีมากๆเลย" พิ้งค์พลอยพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวัง สีหน้าที่มีแต่ความเรียบเฉย เดินขึ้นชั้นบนแล้วตรงไปที่ห้องนอนของตัวเอง ทุกอย่างมันกลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่พ่อพาเมียน้อยเข้าบ้าน
ชนินทร์แค่หยุดฟัง ไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่ลูกสาวของตนเองพูดสักนิดเดียว เขาเดินออกจากตัวบ้านแล้วขับรถตรงไปที่กาสิโนที่ที่เขาไปเล่นอยู่เป็นประจำ
จากนี้ในวงเล็บเป็นบทสนทนาโดยใช้ภาษามือของแม่ดรีมกับดรีม
"(ทำไมวันนี้บริษัทให้เลิกดึกล่ะลูก แล้วต้องไปทำงานต่อไหม)" ดุจดาวถามดรีมทันทีที่ดรีมวางกระเป๋าแล้วย่อตัวลงนั่งข้างๆ
"(พอดีมีงานด่วนค่ะแม่ เลยกลับดึกไปหน่อย ส่วนพรุ่งนี้หนูมีงานพิเศษแต่เช้าค่ะแม่)" ดรีมรู้สึกไม่ดีที่จะต้องโกหกแม่ของเธอ แต่ด้วยความที่กลัวว่าถ้าพูดไปแล้วจะทำให้แม่ของเธอผิดหวังในตัวของเธอ ดรีมเลยเลือกที่จะโกหกออกไปในเวลานี้
"(แล้วลางานหรือยังลูก)"
"(เรียบร้อยแล้วค่ะ แม่คะ)"
"(มีอะไรเหรอ)" ดุจดาวถามออกไปอีกครั้งเมื่อสังเกตใบหน้าของดรีมที่เหมือนจะมีอะไรจะบอกเธอ
"(คือ หนูอยากจะแนะนำแฟนของหนูให้รู้จักกับแม่ค่ะ แล้วเขาก็อยากจะเจอแม่เหมือนกัน)"
"(มั่นใจแล้วใช่ไหมลูก เขารับเรื่องของแม่ได้ใช่ไหม)" เพราะดุจดาวกลัวว่าดรีมจะผิดหวังอีกครั้งหากว่าแฟนของดรีมรับไม่ได้ที่ตัวของเธอเคยเป็นเมียน้อยมาก่อน แถมยังหูหนวกฐานะก็ไม่ได้ดีเสียเท่าไหร่
"(ได้ค่ะ ถึงเขาจะอายุน้อยกว่าหนูแต่เขากลับดูเป็นผู้ใหญ่กว่าหนูเสียอีก)"
"(พรุ่งนี้เป็นไง แม่จะลางานแล้วทำกับข้าวเลี้ยงแบบง่ายๆ)"
"(ได้ค่ะ หนูจะโทรบอกเขาเอง)" ดรีมระบายยิ้มออกมา แล้วกอดคนเป็นแม่ด้วยความสุข ดรีมคิดว่าเธอโชคดีที่มีแม่เข้าใจ ทั้งคอยรับฟังและให้คำปรึกษาคนเป็นลูกได้เป็นอย่างดีเสมอมา
"(ไปอาบน้ำเถอะลูกจะได้มากินข้าวกัน วันนี้ที่ร้านเขาให้เกาเหลาแม่มาหนึ่งถุง)"
"(ค่ะแม่)"
หลังจากอาบน้ำกินข้าวเรียบร้อย ดรีมก็มานั่งเลือกเสื้อผ้าอยู่ที่ตู้เสื้อผ้า จู่ๆคำพูดของดิเชร์ก็ลอยมา 'พี่...รู้จักหรือว่าเชียร์ใครอยู่อย่างงั้นเหรอครับ'
"ทำไมเชร์พูดเหมือนรู้จักใครเลย แต่คงไม่หรอกมั้งถ้ารู้จักคนในสนาม พรุ่งนี้ก็ต้องไปที่สนามด้วยสิ เฮ้อ...คิดมากไปแล้ว"
สนามแข่งรถเสนีต์ บริเวณโรงรถ [Garege] หลังจากที่คลาวด์ ก้อนเมฆ รอยส์และมาร์โกถูกเรียกให้มาเจอกันทีสนามกะทันหัน เมื่อมาถึงก็วางแผนการวางตัวนักแข่งอีกครั้ง
"ความจริงคืนนี้เรานอนกันที่นี่เลยดีไหม" ดิเชร์เสนอ จะได้ไม่ต้องเดินทางไปมา เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว
"ก็ดีนะ ที่ห้องพักมีครบทุกอย่างไม่ต้องขับรถกลับแล้วตื่นแต่เช้าเพื่อมาสนามอีกรอบ อย่างง่วง พูดเลย!" มาร์โกพูดเสริม
"เห็นด้วย ตามนั้นเลย...ว่าแต่มึงมีอะไรดีๆหรือไงยิ้มหน้าบานอยู่นั่นแหละ" เป็นรอยส์ที่พูดขึ้น สายตาจับจ้องไปที่ดิเชร์อย่างจับผิด
"เปล่า แล้วไม่ต้องมาทำหน้าขี้สงสัยเลย พวกมึงจะกินไรกัน สั่งข้าวกันเถอะอย่างหิว"
"เออๆ ดูท่าทางหิวโซเลยนะมึง ใช้พลังมาเยอะหรือไง"
ดิเชร์แค่ยิ้มกรุ่มกริ่มตอบแล้วเปิดหน้าจอเพื่อเลือกเมนูอาหาร อย่างไม่สนใจว่าตอนนี้เพื่อนๆของเขากำลังแอบซุบซิบนินทาด้วยทางสายตาอยู่
เช้าวันต่อมาที่สนามแข่งเสนีต์ ร่างบางที่สวมใส่เสื้อยืดแขนสั้นสวมกับกางเกงยีนส์สีซีด แล้วทับด้วยเสื้อแจ็กเก็ตยืนส์ตัวใหญ่อีกหนึ่งชั้น รองเท้าสวมเป็นผ้าใบเพิ่มเติมด้วยหมวกแก็ปและแว่นตาดำ และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือตั๋วเข้าสนามแข่งรถแห่งนี้ ในรอบซ้อมแข่ง