ตอนที่8

2182 Words
"ก็...ก็แค่มองดูว่านายกินง่ายเหมือนกัน เอ่อแล้วนี่นายฝึกงานจบแล้วจะไปทำงานที่ไหนล่ะ" ดรีมรีบถามคำถามออกไปเป็นการแก้เขินเมื่อเธอโดนจับได้ว่าเธอกำลังจ้องมองคนนั่งข้างๆนานเกินไป "ยังไม่รู้สิครับ ผมยังไม่ได้คิดว่าแต่ ผมขอเบอร์โทรศัพท์พี่ได้ไหมครับ" "สแกนแชทดีกว่า พี่สะดวกแชทมากกว่าน่ะ ไหนล่ะโทรศัพท์นาย" ดรีมเปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือแล้วรอให้คนที่นั่งข้างกันเพิ่มเพื่อนด้วยสแกนคิวอาร์โค้ด "อ่า...ได้ครับ" "พี่นึกออกแล้วว่าทำไมชื่อนายคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ดิเชร์ ชื่อเจ้านายคนใหม่ของพี่ ส่วนนาย...ก็ชื่อดิเชร์ นามสกุลอะไรเหรอ" อยู่ๆดรีมก็นึกออกว่า ลูกชายของเจ้าของผับชื่อเดียวกันกับคนที่นั่งข้างเธอ ดิเชร์นิ่งไปเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะตอบออกไปอย่างไม่มีพิรุธ "ผมใช้นามสกุล ดูบัวส์ครับ" คำตอบของดิเชร์แฝงบางอย่าง แต่ทว่าดรีมก็ไม่เฉลียวใจอะไรในประโยคที่ดิเชร์ตอบ "ขอถามได้ไหม นายลูกครึ่งประเทศอะไรเหรอ" "แม่ผมไทยครึ่งฝรั่งเศส ส่วนพ่อผมไทยครึ่งอิตาลีครับ" "ว้าววว...เท่จัง" ดวงตาของดรีมเป็นประกายวิบวับด้วยความตื่นเต้น และรู้สึกในสิ่งที่พูดจริงๆ "พี่ชอบคนเท่ๆเหรอครับ จริงๆแล้วผมเป็นคนที่เท่มากๆเลยนะครับ ถ้าหากว่าพี่ดรีม...สังเกตผม" ดิเชร์ยิ้มกรุ่มกริ่ม ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างเปิดเผย "บร๊ะ!! เจ้าเด็กนี้มันได้วุ้ย" "ผมพูดจริงนะ"่ ใบหน้าคมหันไปมองหน้าคนที่นั่งข้างๆ ดวงตาที่ซุกซนเป็นประกาย แปรเปลี่ยนเป็นความจริงจังและหนักแน่นในทุกคำที่พูดไป "อะไรกัน! อย่าบอกนะว่านายจะจีบพี่" ดรีมรู้ทันในประโยคที่ดิเชร์พูด ดวงตากลมเบิกกว้างเล็กน้อยด้วยความตกใจ แต่เธอก็ยังควบคุมสีหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ปนขบขันเล็กน้อยอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เธอได้ยิน "ถ้าผมบอกว่ามันเป็นอย่างที่พี่ดรีมเข้าใจ...ผมขอจีบพี่ดรีมได้ไหมครับ" ดรีมมองหน้าดิเชร์อย่างอึ้งๆกับสิ่งที่ดิเชร์พูด เธอไม่คิดว่าเด็กคนนี้ที่เพิ่งเจอกันไม่กี่วัน แถมยังเพิ่งรู้จักชื่อกันวันนี้...กล้าที่จะขอจีบเธออย่างตรงไปตรงมา "บ้าน่า นายยังเด็กยังต้องเจอผู้หญิงอีกเยอะอีกอย่างพี่อายุมากกว่านายนะแถมยังเคยมีแฟน...เอ่อนั่นแหละอย่าไปเที่ยวพูดเล่นแบบนี้กับใครล่ะ ไม่เอาแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่า" แล้วดรีมก็เปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศอึดอัดจนเกินไป ถึงแม้สิ่งที่ดรีมพูดจะติดตลก แต่ภายในใจของเธอตอนนี้มันกำลังเต้นแรงจนเธอต้องพูดเสียงดังขึ้นเพื่อกลบเสียงของหัวใจ "ผมพูดจริงนะครับพี่ดรีม" ดิเชร์ยังคงย้ำที่ประโยคเดิม "พี่รู้ว่านายพูดจริง แต่เคยมีคนบอกพี่ว่าคนหล่อมักจะเจ้าชู้" ดรีมพยักหน้าก่อนจะตอบออกไปพลางส่งยิ้มตอบเล็กน้อย "แต่ไม่ใช่กับผม" แววตาลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้าสวยน้ำเสียงที่ดูจริงจังจนน่ากลัว ทำให้ดรีมนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะกะพริบตาถี่ๆ "แล้วนายขับวินด้วยเหรอ" เป็นดรีมที่ชวนดิเชร์เปลี่ยนเรื่องพูด "..." ดิเชอร์กลับมาสนใจจานข้าวราดแกงของตนเองอีกครั้งเมื่อคนที่นั่งข้างกันเปลี่ยนเรื่องสนทนา 'ถึงแม้ตอนนี้พี่ดรีมจะไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด ไม่เป็นไรครับ...ผมจะทำให้พี่เชื่อว่าผมพูดจริง' ดิเชร์นึกขึ้นในใจ แล้วเสียงพูดคุยของทั้งสองคน ก็กลับมามีเสียงหัวเราะที่ดังเป็นบางช่วงบางตอนสลับกันไปมากับบทสนทนาจนหมดเวลาพัก ทั้งสองคนจึงได้แยกย้ายกันไปทำงานที่แผนกของตนเอง รอเวลาตอนเลิกงานที่ทั้งสองคนได้นัดกันเอาไว้ เสียงโทรศัพท์มือถือของดิเชร์แจ้งเตือนข้อความเข้า เขาเปิดอ่านทันทีเพราะเขารู้ดีกว่าต้องเป็นคานโลหรือไม่ก็เจมส์คนสนิท ใจความสั้นๆเป็นสิ่งที่เขาบอกให้คนทั้งสองช่วยจัดการให้ [คานโล : ห้องพักที่แฟลตตึกส้มเรียบร้อยครับ ส่วนเรื่องไฟถนนคาดว่าพรุ่งนี้ถึงจะเรียบร้อยครับนายน้อย] ดิเชร์อ่านเสร็จก็รีบกดปิดโทรศัพท์ทันทีเพราะเขาไม่อยากให้คนอื่นมองว่าเขาแอบเล่นโทรศัพท์มือถือในเวลางาน อีกด้านของดรีมที่แผนกธุรการฝ่ายขาย "เป็นไปได้เหรอ...นี่เรากำลังจะแพ้ทางคนที่อายุน้อยกว่า...บ้าไปแล้ว แต่จะว่าไปถึงน้องเขาจะอายุน้อยกว่าแต่กลับดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเราเสียอีก ไม่ว่าความคิด ทัศนคติ ความอ่อนโยน แถมยังดูสุขุม เป็นสุภาพบุรุษและที่สำคัญน้องเขาดูให้เกียรติ...นี่ไง! นายกำลังทำให้พี่รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยในขณะเดียวกัน เชร์..." เป็นเสียงในหัวที่ดังออกมาจากริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา แล้วหายไปพร้อมกับบรรยากาศในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยสนทนาที่อยู่รอบตัว "...ผู้ชายแบบนาย ไม่หรอก...จะเป็นแบบนี้ได้สักกี่น้ำเชียวก็แค่ช่วงโปรโมชั่น! ผู้ชายมันก็เหมือนกันทุกคนนั่นแหละ" ภาพในหัวของดรีมถูกตัดจากใบหน้าหล่อของดิเชร์ เปลี่ยนเป็นภาพใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยรักเขาจนหมดหัวใจที่มี แต่สิ่งที่เธอได้กลับมาคือการนอกใจและนอกกาย "หึ...ความรักน่ะ มันมักใจร้ายกับคนที่ซื่อสัตย์เสมอนั่นแหละ ก็เหมือนที่ฉันโดนมาเมื่อสามปีก่อนไง" น้ำเสียงที่ฟังคล้ายอึดอัดคับใจประสมประสานไปกับเสียงรัวแป้นพิมพ์ดังแข่งกับเสียงที่เธอพูดออกมาคนเดียวตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่ทว่าเพียงไม่กี่นาทีถัดมานิ้วเรียวถูกยกค้างขึ้นจากแป้นพิมพ์พร้อมกับเสียงใสพึมพำขึ้นมา "แล้วทำไมฉันต้องนึกถึงแต่หน้านายนะ...เชร์" แล้วเสียงรัวแป้นพิมพ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ติ้ง! เสียงแจ้งเตือนข้อความดัง มือเล็กปัดหน้าจอเพื่อเลื่อนอ่านเมื่อเห็นชื่อแชทที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ [เชร์ : ผมรอที่ลานจอดรถมอเตอร์ไซค์นะครับพี่ดรีม] ดรีมเลื่อนสายตามองดูเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์ก็เห็นว่าตอนนี้เลยเวลาเลิกงานมาสองนาที "ทำไมเวลามันเร็วจังวันนี้" เสียงใสพูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะมองทั่วบริเวณห้องทำงานที่ตอนเหลือเพียงแค่ไม่กี่คนในแผนก [ดรีม : เคครับ] ทั่วบริเวณรอบตัวเงียบลงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เพราะวันนี้มัวแต่คิดอะไรที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย ดรีมได้ก่นบ่นตัวเอง "ดรีมเอ้ย!พอๆเก็บของกลับบ้าน" รองเท้าส้นสูงถูกเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะสบายๆก่อนจะเดินตรงไปที่ลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ ภาพแรกที่ดรีมเห็นทำให้ริมฝีปากโค้งขึ้น ดวงตาเป็นประกายเมื่อเห็นว่าดิเชร์ยืนถือหมวกกันน็อกอีกใบในมือ "รอนานไหม" ดิเชร์ส่ายหน้าปฏิเสธก่อนตอบออกไป "ไม่ครับ เดี๋ยวผมสวมหมวกให้นะครับพี่ดรีม" "อืม..." ไม่รู้ว่าทำไมร่างกายของเธอถึงไม่ถอยหนี ทำไมถึงยอมให้ชายหนุ่มตรงหน้าได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้ ลมหายอุ่น กลิ่นน้ำหอมสดชื่นลอยมาตามลมแตะเข้าที่ปลายจมูก ความหอมทำให้ดรีมสูดกลิ่นเข้าเต็มปอดพร้อมกับหลับตาราวกับว่ากลิ่นน้ำหอมของคนตรงหน้ากำลังทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก "พี่ดรีมครับ พี่ดรีม" "ห๊ะ อ๋อ...ขอบใจนะ" "เป็นอะไรหรือเปล่าครับพี่" "อ๋อ พี่แค่รู้สึกหอมกลิ่นน้ำหอมที่นายฉีดน่ะ เพิ่งฉีดมาเหรอเมื่อกลางวันไม่เห็นได้กลิ่น" "พี่จ้าวที่นั่งโต๊ะใกล้กันฉีดให้ครับ พอดีผมช่วยพี่ในแผนกยกโต๊ะนิดหน่อยแล้วเหงื่อมันออกเยอะ พี่จ้าวเห็นตอนผมดมเสื้อตัวเองพี่จ้าวเลยฉีดน้ำหอมกลบกลิ่นเหงื่อให้ผมน่ะครับ...ขึ้นมาสิครับ" ดิเชร์พูดพลางขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์ก่อนจะเสียบกุญแจ วางเท้าบนคันสตาร์ทแล้วเหยียบลงอย่างแรง จังหวะที่ดรีมมองเบาะรถมอเตอร์ไซค์ทำให้ดรีมรู้สึกคุ้นอีกครั้งก่อนจะมองหมวกกันน็อกของดิเชร์อย่างตั้งใจ แล้วจึงยื่นมือออกไปปิด ชิลด์[1] สีทึบลง ใบหน้าที่ยิ้มแย้มในตอนแรก แปรเปลี่ยนเป็นนิ่งเรียบรู้สึกสับสนกับคนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยเรียกคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่คาดไม่ถึงเล็กน้อย "นาย!" หัวคิ้วทั้งสองขมวดปมเล็กน้อย ดวงตากลมจ้องมองหมวกกันน็อกอย่างไม่ละสายตา ดิเชร์รีบยกมือขึ้นจับมือเล็กที่กำลังจับหมวกันน็อกของตัวเองอยู่ออกช้าๆ ก่อนจะเอามืออีกข้างเปิดชิลด์ออกโดยที่มืออีกข้างไม่ได้ปล่อยมือตนเองออกจากมือเล็ก "ผมตั้งใจจะบอกพี่ เพียงแต่ว่าผมยัง...ไม่รู้ว่าผมต้องเริ่มยังไง ผมขอโทษพี่ดรีม..." ดิเชร์มองดรีมด้วยสายตาเว้าวอนราวกับว่าเขากำลังขอโทษเธอด้วยแววตา ดรีมไม่ได้พูดอะไร มีเพียงรอยยิ้มบางๆตอบกลับ ใบหน้าสวยพนักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าใจแล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย "พี่ไม่ได้โกรธนายเสียหน่อย จะขอโทษพี่ทำไมกัน ถ้าเป็นพี่ พี่ก็คงไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงเหมือนกัน" เมื่อคืนเธอก็ไม่ได้สังเกต อาจจะเป็นเพราะมันมืดมากไม่มีแสงสว่างในซอย เสาไฟฟ้าก็ดับถึงแม้ได้ยืนคุยกันเพียงชั่วขณะก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะสังเกตเห็นเบาะและหมวกกันน็อกที่ดิเชร์สวมอยู่ ดิเชร์ค่อยๆปล่อยมือดรีมให้เป็นอิสระ พลางชำเลืองใบหน้าสวยว่าตอนนี้มีสีหน้าเป็นยังไง ใบหน้าที่เรียบนิ่งในตอนแรกตอนนี้กำลังเผยรอยยิ้มที่เปล่งประกายให้กับเขา "พี่ดรีมส่งถุงแกงมาครับ แล้วก็ขึ้นมาเลยครับ" น้ำเสียงของดิเชร์ฟังดูกระตือรือร้น ใบหน้าที่มีความสุขทำให้ดรีมรับรู้ได้ว่าดิเชร์ดีใจแค่ไหนที่เธอไม่โกรธเขา "รบกวนด้วยน้า..." ดรีมพูดด้วยน้ำเสียงที่สดใส แฝงด้วยความออดอ้อนจนทำให้คนฟังถึงกลับยิ้มจนแก้มปริ 'ความรู้สึกตอนนี้มันดีมากจริงๆ การถูกรักมันดีแบบนี้นี่เอง' ดรีมนึกในใจแล้วระบายยิ้มออกมาพลางมองคนตรงหน้าผ่านกระจกข้าง ที่เธอเองก็รู้สึกเหมือนกับว่า คนที่สวมหมวกปิดชิลด์ทึบก็กำลังมองเธออยู่เช่นกัน "จะจับเสื้อผมหรือว่ากอดเอวก็ได้นะครับ เพื่อรถเบรกกะทันหัน" "อื้อ...จริงสิ! เงินที่นายให้พี่มาวันนั้นมันเยอะเกินไป พี่เลยโอนเงินบริจาคให้น้องๆบนดอยไปแล้วนะ" เสียงพูดคุยค่อยๆออกห่างจากตัวตึก พอๆกับเสียงของท่อไอเสียของรถมอเตอร์ไซค์คันเก่า ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทของแบรนด์ De cher ยืนมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่ได้แปลกใจมากนัก ใบหน้าที่เริ่มมีริ้วรอยแต่ยังคงหล่อเหลาคมคายถึงแม้อายุจะเข้าเลขห้าแล้วก็ตาม น้ำป่าระบายยิ้มออกมาก่อนจะหันไปบอกมือขวาของลูกชายตัวเอง "สืบประวัติให้ที แล้วอย่าให้เชร์รู้ล่ะ" "ครับ นายใหญ่" คานโลรับคำสั่งแล้วก้มศีรษะลงเล็กน้อย น้ำป่ากับอเลสซิโอจึงได้เดินไปที่รถของตัวเอง เสียงพูดคุยของคนทั้งสองคนยังคงดังต่อเนื่องตลอดระยะเส้นทางตามท้องถนน "ผมมีให้พี่โอนอีกนะครับ ถ้าพี่ต้องการ" ดิเชร์พูดเสียงดังแข่งกับเสียงรถ และเมื่อเขาได้เห็นรอยยิ้มหวานผ่านกระจก ก็ทำเอาหัวใจที่ไม่เคยมีใคร กำลังเปิดกว้างมากกว่าเดิมเพื่อคนนี้ คนที่วนกลับมาเจอกันอีกครั้ง 'ถ้าเราจะเปิดใจให้เชร์...ช่างมันเถอะ ไม่รู้หรอกว่าปลายทางจะเป็นยังไง ขอแค่ตอนนี้มีแผ่นหลังกว้างที่อบอุ่น...ก็เพียงพอ' ดรีมสลัดความคิดอันแรกออกก่อนจะยิ้มบางๆออกมา แล้ววางกระเป๋าสะพายที่ตรงกลาง มือทั้งสองข้างยกไปจับเบาๆที่ช่วงเอวของดิเชร์ด้วยความรู้สึกอะไรบางอย่างในหัวใจของเธอ ภายในห้องเช่าใต้บันไดแฟลตเก่า "อีนี่วอนอีกแล้ว" มือเล็กยื่นไปกำกางเกงคนตรงหน้าเขย่าไปมาอย่างอ้อนวอนและร้องขออย่างไม่เป็นภาษา ในขณะที่อีกคนสลัดขาออกเหวี่ยงจนร่างบางเสียหลัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD